โดย... ไชยยงค์ มณีพิลึก

เวลานี้เรื่องเกี่ยวกับ “หอย” ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอื้อฉาวในวงการ “สีกากี” โดยเฉพาะสีที่สื่อแสดงถึงวงการ “ตำรวจ” มีอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน และทั้ง 2 เรื่องเกิดขึ้นทั้งในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนและภาคใต้ตอนล่าง
หนึ่งนั้นคือ “ส่วยหอยแครง” ในพื้นที่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี ที่เริ่มจากตำรวจ 4-5 นายได้จับกุม “พ่อค้าลูกหอยแครง” โดยเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท แต่การเจรจาตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายจบลงด้วยการแจ้งความดำเนินคดีเพื่อให้มีการเอาผิดฝ่ายตำรวจ
วันนี้แม้เรื่องส่วยหอยแครงลุกลามบานปลายแบบยังหาจุดจบมิได้ แต่ก็ได้ทำให้เห็นถึง “อิทธิพล” และ “ผลประโยชน์” อย่างมากมายมหาศาลในท้องทะเล ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติที่กลุ่มนายทุนและกลุ่มชาวบ้านเข้าไปแบ่งปันผลประโยชน์แบบไม่ลงตัว โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้ง “สีเขียว” และ “สีกากี” เป็นทั้งผู้หนุนหลังและผู้ใช้อิทธิพล ร่วมมือกับนายทุนตักตวงแบ่งปันผลประโยชน์ โดยการใช้กฎหมายที่ถืออยู่ในมือ
สุดท้ายสังคมจึงได้รับรู้ถึง “ความเน่าเฟะ” ในวงราชการ ตั้งแต่ในพื้นที่ระดับอำเภอ จังหวัด ไปจนถึงกรมและกระทรวง รู้ว่ามีการ “จ่ายส่วย” ให้เจ้าหน้าที่รัฐเป็นแบบ “คอกๆ” ตั้งแต่คอกละ 40,000-800,000 บาท แล้วแต่ขนาดของคอกว่าเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน
เรื่องส่วยหอยแครงผ่านไปแล้วเกือบเดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถที่ยุติปัญหาที่เกิดขึ้น ยังมีการใช้อำนาจ ใช้อิทธิพลเพื่อรักษาผลประโยชน์เถื่อนเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยมีตำรวจที่ถูกร้องเรียนได้ถูกย้ายออกจากพื้นที่ และเชื่อว่าไม่นานทุกอย่างก็จางหาย เหมือนกับหลากหลายเรื่องที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยที่ “ความเน่าเฟะ” ยังคงอยู่เหมือนเดิม
เรื่องส่วยหอยแครงที่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี ยังไม่ยุติ ก็เกิดเรื่องใหม่อีก “ส่วยหอยนางรม” ที่ จ.พัทลุง ให้งามไส้ขึ้นมาอีก เมื่อตำรวจชุดหนึ่งใช้อำนาจหน้าที่จับกุม “แม่ค้าอาหารทะเล” ที่ทำผิดกฎหมายฝ่าเคอร์ฟิว ด้วยการเรียกรับ “ส่วย” แลกกับการตกเป็นผู้ต้องหาในวงเงิน 80,000 บาท ก่อนที่จะต่อรองเหลือ 40,000 บาท เมื่อลดแล้วก็ยังไม่มีให้จึงลดให้อีกเหลือแค่ 10,000 บาทแบบขาดตัว
แม่ค้าอาหารทะเลจึงจำยอมยืมเงินญาติสามี แล้วรวบรวมโอนให้ “ตำรวจ” กลางดึกได้เพียงบาท ส่วนที่เหลือ 4,300 บาทต้องจ่ายด้วยสินค้าอาหารทะเล แถมด้วยการต้องยืนแกะ “หอยนางรม” ให้เป็น “กับแกล้ม” วงสุราตำรวจชุดนั้นกลางดึกแบบฝ่าเคอร์ฟิวอีกด้วย
เรื่องนี้กลายเป็นข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เพราะ “แม่ค้าค้าอาหารทะเล” ผู้จ่ายส่วยภายหลังได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากกลุ่มผู้สื่อข่าวใน จ.พัทลุง
หลังเกิดเหตุสิ่งที่เหมือนกันคือ “คำสั่งย้าย” และ “ตั้งกรรมการสอบสวน” เพื่อหาผู้ทำผิด ซึ่งถ้าเป็นการทำด้วยความสุจริตก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะฝ่ายตำรวจมีการอุ้มครอบครัวผู้ร้องเรียนไปเก็บไว้ในเซฟเฮาส์ต่างจังหวัดแล้วนำตัวมา “กลับคำให้การ” ต่อหน้าคณะกรรมการสอบสวนเพื่อช่วยเหลือ “ทีมตำรวจรับส่วย” แถมยังเตรียมที่จะ “เอาเรื่องกับสื่อ” ที่นำเสนอข่าวนี้ในข้อหาลงข่าวเท็จ
แต่ถือว่าเป็นโชคดีของ “สื่อ” ที่มี “หลักฐาน” ชัดเจนทุกอย่าง ทั้งคลิปวิดีโอการร้องเรียน เอกสารการโอนเงิน และที่สำคัญ “คลิปหลุด” การสนทนาระหว่างตำรวจกับแม่ค้าอาหารทะเลที่เป็นประเด็นสำคัญในรูปคดี ซึ่งสุดท้ายตัวแทนสื่อมวลชน จ.พัทลุง ก็เข้าแจ้งความเอาผิดต่อแม่ค้าที่กลับคำพูด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์
เมื่อไม่กี่ปีก่อน วงการสีกากีใน จ.พัทลุงเคยใช้ “วิชามาร” ฟ้องร้องสื่อมวลชนมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งจำได้ว่าครั้งนั้นเรื่องราวเกิดจากสื่อได้ถ่ายภาพในขณะที่ตำรวจเก็บส่วยจากรถบรรทุก หลังจากที่เป็นข่าวและถูกตั้งกรรมการสอบสวนก็มีการวิ่งหาผู้ใหญ่บางคนที่ “สื่อเคารพ” ให้ช่วยให้การที่เป็นประโยชน์ต่อตำรวจเก็บส่วยต่อคณะกรรมการสอบสวน
แต่แล้วเมื่อตำรวจนายนั้นได้พ้นผิดจากคดีเรียกเก็ยส่วย ฝ่ายตำรวจกลับแปลงกายเป็น “งูเห่า” นำเรื่องขึ้นฟ้องศาลต่อ “ชาวนา” ในข้อกล่าวหาว่า “สื่อลงข่าวเท็จ” กลายเป็นเรื่องโอละพ่อกันอยู่พักใหญ่
จากการติดตามพฤติกรรมของบรรดา “สีกากี” ที่มักมีเรื่องฉาวโฉ่พบว่า นอกจาก “ส่วยหอย” แล้วก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่มีการใช้อำนาจหน้าที่เข้าจับกุมแล้ว “รีดทรัพย์” และไม่ก็ “จับแพะ” เพื่อ “รีดเงิน” ซึ่งสังคมต้องติดตามต่อไป เพราะมีผู้ที่ตกเป็น “เหยื่อ” เวลานี้หลายรายพร้อมที่จะกลับมาเป็นฝ่ายแฉถึงพฤติกรรมอันอยุติธรรมให้สังคมได้รับรู้
สังคมไทยเราพูดถึงเรื่อง “ปฏิรูปตำรวจ” กันมาร่วม 10 ปี ผ่านรัฐบาลมาแล้วหลายรัฐบาล แต่ตำรวจก็ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลง “เชื้อชั่ว” ในวงการตำรวจไม่เคยตาย เรื่องของ “ส่วยหอยแครง” และ “ส่วยหอยนางรม” เป็นเพียง 2 เรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันเพื่อให้สังคมเห็นถึง “ความเละเทะ” ของผู้ที่ได้ชื่อว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” เท่านั้น
เพราะโดยข้อเท็จจริง ณ วันนี้กับในอดีตกาล พื้นที่บนโรงพักก็ไม่ได้ต่างกันยังเป็นเหมือน “ตลาดหลักทรัพย์” ให้แก่เจ้าหน้าที่ “นอกรีต” ทั้งการหาประโยชน์จากการซื้อ-ขายสำนวน และที่สำคัญแต่ละโรงพักต่างมี “ชุดปราบปรามยาเสพติด” ซึ่งล้วนแต่จะเรียกชื่อกันว่า “ตะวัน” “ดวงจันทร์” หรือ “พระอาทิตย์” ก็แล้วแต่
แต่พฤติกรรมกลับเหมือนกันคือ ต้องมี “เซฟเฮาส์” ในการพาเหยื่อไปเพื่อ “รีดทรัพย์” ถ้ารีดได้ก็ปล่อยตัว ถ้ารีดไม่สำเร็จก็ยัดเข้าห้องขัง จนกลายเป็น “สูตรสำเร็จ” หรือถึงขั้นมีคำกล่าวขานเป็นที่ติดปากผู้คนว่า “กระท่อม 5,000 ยาบ้า 50,000” เป็นต้น
ความจริงแล้วเรื่องส่วยนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วยหอยแครงที่สุราษฎร์ธานี หรือหอยนางรมที่พัทลุง ถือเป็นเรื่อง “ปกติเก่าๆ” ของสังคม “สีกากี” เพราะโดยข้อเท็จจริงส่วยหอยถือเป็นเป็น “ส่วยดั้งเดิม” ที่เป็นอาหารหลักของตำรวจทุกท้องที่
ดังเช่น “บัญชีส่วย” ที่เป็นเคยเป็นที่ประจักษ์กับสังคมมาแล้ว อย่างโพยการจ่าย “ส่วยค้าหอยสด” ในพื้นที่ด่านนอก จ.สงขลา ที่มี “หน่วยงานรัฐ” แบบ “สารพัดสี” รับส่วยการค้าหอยสดถึง 19 หน่วยงาน ซึ่งอาจจะเหลือแค่ “ทสปช.” และ “ลูกเสือชาวบ้าน” เท่านั้นที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรับส่วย
วิธีการที่ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ใช้ในการแก้ปัญหาคือ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ผิดก็เอาโทษตั้งแต่ทางวินัย ทางอาญา ไล่ออกหรือติดคุก แต่ไม่เคยมี “การปฏิรูป” เพื่ออย่าให้มี “ตำรวจเลว” ได้แต่งเครื่องแบบ แล้วถือกฎหมายเพื่อใช้ทำหน้าที่แทน “เตารีด” แต่อย่างใด
สรุปคือ ประเทศไทย “ล้มเหลวสิ้นเชิง” ในการปราบคอร์รัปชัน ในการปฏิรูปตำรวจ รวมถึงในการปฏิรูปทุกเรื่องราว แม้แต่ “ท้องทะเล” ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติก็ปล่อยให้ “นายทุน” เข้าไปครอบครองแบ่งปันผลประโยชน์ เช่น ทะเลที่อ่าวบ้านดอน หรือทะเลสาบสงขลาที่ปล่อยให้มีการแบ่งพื้นที่และนำไปหาประโยชน์ มีการขายพื้นที่ท้องทะเลกันเป็นไร่ๆ เพื่อใช้ทำมาหากินกันคึกคัก
ก็ต้องดูกันต่อไปว่า เรื่องของ “ส่วยหอยแครง” ที่สุราษฎร์ธานี กับ “ส่วยหอยนางรม” ที่พัทลุงจะจบลงกันอย่างไร โดยเฉพาะ “นายตำรวจใหญ่” ที่พยายาม “อุ้มคนผิด” จะถูกลากลงสู่ “ปลักน้ำครำ” หรือไม่
เนื่องเพราะถูกต้องอย่างที่คำพระว่าไว้ “กรรมคือเครื่องชี้เจตนา” ส่วน” “สื่อ” ที่ทำหน้าที่สุนัขเฝ้าบ้านโปรดได้รับความชื่นชมจากสังคมและผู้ร่วมวิชาชีพ และผู้ที่ไม่ยอมก้มหัวให้แก่ความอยุติธรรมทั้งหลาย
จงเชื่อเถอะ! ดั่งโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ว่าไว้ “สุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง”

อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง
4 มิ.ย.2563
- พิษเคอร์ฟิว! “ตร.เมืองลุง” รีดแม่ค้าอาหารทะเลกลับบ้านไม่ทัน จากเฉียดแสนเหลือแค่หมื่น จบด้วยโอน 5.7 พันที่เหลือทำกับแกล้มให้วงเหล้า (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000058101
5 มิ.ย.2563
- “ผกก.สภ.เมืองพัทลุง” ลาพักร้อน-ตร.ทั้งโรงพักรูดซิปปาก กรณีเรียกเงินแลกคดีแม่ค้าอาหารทะเล ด้านผู้เสียหายรายอื่นทยอยส่งหลักฐานเพิ่ม (5 มิ.ย.) https://mgronline.com/south/detail/9630000058372
- “แม่ค้าอาหารทะเล” หอบครอบครัวหนีแล้ว ด้าน ผบก.ภ.จว.พัทลุงเด้ง “ด.ต.ไชยา” มีชื่อในสลิปรับโอนเงินเข้ากรุ ยันตั้ง กก.สอบ 7 วันรู้ผล https://mgronline.com/south/detail/9630000058458
6 มิ.ย.2563
- ฉาวอีก! เหยื่อแฉตำรวจชุดสารวัตรคนดังพัทลุง ตรวจฉี่เรียกเงิน 4 หมื่นแลกปล่อยตัว (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000058739
- โอละพ่อ! แม่ค้าอาหารทะเลพลิกคำเข้าข้างตำรวจ ก่อนหนีออกต่างจังหวัดรอกลับตอนเรื่องเงียบ https://mgronline.com/south/detail/9630000058802
8 มิ.ย.2563
- ฉาวอีก! เด็กเมืองลุงอ้าง “ตำรวจชุดกินหอย” จับรถจักรยานยนต์ทั้งที่ไม่มีความผิด เรียกค่าไถ่เป็นเหล้า 1 ลัง (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000059085
- ครบกำหนด 3 วัน! ยังไม่รู้ผลสอบ “ตำรวจชุดกินหอย” เปิดเผยไม่ได้ อ้างเป็น “ข้อมูลลับของทางราชการ” https://mgronline.com/south/detail/9630000059344
9 มิ.ย.2563
- “แม่ค้าหอย” โผล่ให้การแจงสลิปโอนเงินให้ ด.ต.ไชยาหลังฝ่าเคอร์ฟิว เป็นเงินยืมเมื่อครั้งเคยคบกัน (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000059497
- เหยื่อโผล่แฉอีก! สารวัตรลูกนักการเมืองอุ้มรีดเงิน 4 หมื่น ช้ำใจสุดถกเสื้อจับหน้าอกแม่เหยื่อ https://mgronline.com/south/detail/9630000059602
- นักข่าวพัทลุงหอบหลักฐานแชตแจ้งเอาผิด “แม่ค้าหอย” พลิกลิ้นปม ตร.ไถเงินฝ่าเคอร์ฟิว https://mgronline.com/south/detail/9630000059785
10 มิ.ย.2563
- ผลสอบ “แม่ค้าหอย” ยังไร้ความคืบหน้า ส่วนเหยื่อรายอื่นที่ออกมาแฉพฤติกรรมยังเงียบ https://mgronline.com/south/detail/9630000060037
- “ตำรวจเมืองลุง” ยังไว้ลาย! จาก ‘แม่ค้าหอยพลิกลิ้น’ ถึง ‘รถสินค้าเถื่อนหาย’ https://mgronline.com/south/detail/9630000059901
- NEWS1 รับลูกนักข่าวถูก “แม่ค้าหอยพลิกลิ้น” นักวิชาการจี้ “บิ๊กตู่” ส่งทีมสอบตำรวจพัทลุง (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000060229
11 มิ.ย.2563
- สื่อมวลชนพัทลุงทำหนังสือร้องกรรมาธิการตำรวจฯ จี้ดูแลการสอบสวน ตร.ชุดจับแม่ค้าหอย https://mgronline.com/south/detail/9630000060442
เวลานี้เรื่องเกี่ยวกับ “หอย” ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอื้อฉาวในวงการ “สีกากี” โดยเฉพาะสีที่สื่อแสดงถึงวงการ “ตำรวจ” มีอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน และทั้ง 2 เรื่องเกิดขึ้นทั้งในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนและภาคใต้ตอนล่าง
หนึ่งนั้นคือ “ส่วยหอยแครง” ในพื้นที่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี ที่เริ่มจากตำรวจ 4-5 นายได้จับกุม “พ่อค้าลูกหอยแครง” โดยเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท แต่การเจรจาตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายจบลงด้วยการแจ้งความดำเนินคดีเพื่อให้มีการเอาผิดฝ่ายตำรวจ
วันนี้แม้เรื่องส่วยหอยแครงลุกลามบานปลายแบบยังหาจุดจบมิได้ แต่ก็ได้ทำให้เห็นถึง “อิทธิพล” และ “ผลประโยชน์” อย่างมากมายมหาศาลในท้องทะเล ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติที่กลุ่มนายทุนและกลุ่มชาวบ้านเข้าไปแบ่งปันผลประโยชน์แบบไม่ลงตัว โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้ง “สีเขียว” และ “สีกากี” เป็นทั้งผู้หนุนหลังและผู้ใช้อิทธิพล ร่วมมือกับนายทุนตักตวงแบ่งปันผลประโยชน์ โดยการใช้กฎหมายที่ถืออยู่ในมือ
สุดท้ายสังคมจึงได้รับรู้ถึง “ความเน่าเฟะ” ในวงราชการ ตั้งแต่ในพื้นที่ระดับอำเภอ จังหวัด ไปจนถึงกรมและกระทรวง รู้ว่ามีการ “จ่ายส่วย” ให้เจ้าหน้าที่รัฐเป็นแบบ “คอกๆ” ตั้งแต่คอกละ 40,000-800,000 บาท แล้วแต่ขนาดของคอกว่าเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน
เรื่องส่วยหอยแครงผ่านไปแล้วเกือบเดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถที่ยุติปัญหาที่เกิดขึ้น ยังมีการใช้อำนาจ ใช้อิทธิพลเพื่อรักษาผลประโยชน์เถื่อนเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยมีตำรวจที่ถูกร้องเรียนได้ถูกย้ายออกจากพื้นที่ และเชื่อว่าไม่นานทุกอย่างก็จางหาย เหมือนกับหลากหลายเรื่องที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยที่ “ความเน่าเฟะ” ยังคงอยู่เหมือนเดิม
เรื่องส่วยหอยแครงที่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี ยังไม่ยุติ ก็เกิดเรื่องใหม่อีก “ส่วยหอยนางรม” ที่ จ.พัทลุง ให้งามไส้ขึ้นมาอีก เมื่อตำรวจชุดหนึ่งใช้อำนาจหน้าที่จับกุม “แม่ค้าอาหารทะเล” ที่ทำผิดกฎหมายฝ่าเคอร์ฟิว ด้วยการเรียกรับ “ส่วย” แลกกับการตกเป็นผู้ต้องหาในวงเงิน 80,000 บาท ก่อนที่จะต่อรองเหลือ 40,000 บาท เมื่อลดแล้วก็ยังไม่มีให้จึงลดให้อีกเหลือแค่ 10,000 บาทแบบขาดตัว
แม่ค้าอาหารทะเลจึงจำยอมยืมเงินญาติสามี แล้วรวบรวมโอนให้ “ตำรวจ” กลางดึกได้เพียงบาท ส่วนที่เหลือ 4,300 บาทต้องจ่ายด้วยสินค้าอาหารทะเล แถมด้วยการต้องยืนแกะ “หอยนางรม” ให้เป็น “กับแกล้ม” วงสุราตำรวจชุดนั้นกลางดึกแบบฝ่าเคอร์ฟิวอีกด้วย
เรื่องนี้กลายเป็นข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เพราะ “แม่ค้าค้าอาหารทะเล” ผู้จ่ายส่วยภายหลังได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากกลุ่มผู้สื่อข่าวใน จ.พัทลุง
หลังเกิดเหตุสิ่งที่เหมือนกันคือ “คำสั่งย้าย” และ “ตั้งกรรมการสอบสวน” เพื่อหาผู้ทำผิด ซึ่งถ้าเป็นการทำด้วยความสุจริตก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะฝ่ายตำรวจมีการอุ้มครอบครัวผู้ร้องเรียนไปเก็บไว้ในเซฟเฮาส์ต่างจังหวัดแล้วนำตัวมา “กลับคำให้การ” ต่อหน้าคณะกรรมการสอบสวนเพื่อช่วยเหลือ “ทีมตำรวจรับส่วย” แถมยังเตรียมที่จะ “เอาเรื่องกับสื่อ” ที่นำเสนอข่าวนี้ในข้อหาลงข่าวเท็จ
แต่ถือว่าเป็นโชคดีของ “สื่อ” ที่มี “หลักฐาน” ชัดเจนทุกอย่าง ทั้งคลิปวิดีโอการร้องเรียน เอกสารการโอนเงิน และที่สำคัญ “คลิปหลุด” การสนทนาระหว่างตำรวจกับแม่ค้าอาหารทะเลที่เป็นประเด็นสำคัญในรูปคดี ซึ่งสุดท้ายตัวแทนสื่อมวลชน จ.พัทลุง ก็เข้าแจ้งความเอาผิดต่อแม่ค้าที่กลับคำพูด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์
เมื่อไม่กี่ปีก่อน วงการสีกากีใน จ.พัทลุงเคยใช้ “วิชามาร” ฟ้องร้องสื่อมวลชนมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งจำได้ว่าครั้งนั้นเรื่องราวเกิดจากสื่อได้ถ่ายภาพในขณะที่ตำรวจเก็บส่วยจากรถบรรทุก หลังจากที่เป็นข่าวและถูกตั้งกรรมการสอบสวนก็มีการวิ่งหาผู้ใหญ่บางคนที่ “สื่อเคารพ” ให้ช่วยให้การที่เป็นประโยชน์ต่อตำรวจเก็บส่วยต่อคณะกรรมการสอบสวน
แต่แล้วเมื่อตำรวจนายนั้นได้พ้นผิดจากคดีเรียกเก็ยส่วย ฝ่ายตำรวจกลับแปลงกายเป็น “งูเห่า” นำเรื่องขึ้นฟ้องศาลต่อ “ชาวนา” ในข้อกล่าวหาว่า “สื่อลงข่าวเท็จ” กลายเป็นเรื่องโอละพ่อกันอยู่พักใหญ่
จากการติดตามพฤติกรรมของบรรดา “สีกากี” ที่มักมีเรื่องฉาวโฉ่พบว่า นอกจาก “ส่วยหอย” แล้วก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่มีการใช้อำนาจหน้าที่เข้าจับกุมแล้ว “รีดทรัพย์” และไม่ก็ “จับแพะ” เพื่อ “รีดเงิน” ซึ่งสังคมต้องติดตามต่อไป เพราะมีผู้ที่ตกเป็น “เหยื่อ” เวลานี้หลายรายพร้อมที่จะกลับมาเป็นฝ่ายแฉถึงพฤติกรรมอันอยุติธรรมให้สังคมได้รับรู้
สังคมไทยเราพูดถึงเรื่อง “ปฏิรูปตำรวจ” กันมาร่วม 10 ปี ผ่านรัฐบาลมาแล้วหลายรัฐบาล แต่ตำรวจก็ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลง “เชื้อชั่ว” ในวงการตำรวจไม่เคยตาย เรื่องของ “ส่วยหอยแครง” และ “ส่วยหอยนางรม” เป็นเพียง 2 เรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันเพื่อให้สังคมเห็นถึง “ความเละเทะ” ของผู้ที่ได้ชื่อว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” เท่านั้น
เพราะโดยข้อเท็จจริง ณ วันนี้กับในอดีตกาล พื้นที่บนโรงพักก็ไม่ได้ต่างกันยังเป็นเหมือน “ตลาดหลักทรัพย์” ให้แก่เจ้าหน้าที่ “นอกรีต” ทั้งการหาประโยชน์จากการซื้อ-ขายสำนวน และที่สำคัญแต่ละโรงพักต่างมี “ชุดปราบปรามยาเสพติด” ซึ่งล้วนแต่จะเรียกชื่อกันว่า “ตะวัน” “ดวงจันทร์” หรือ “พระอาทิตย์” ก็แล้วแต่
แต่พฤติกรรมกลับเหมือนกันคือ ต้องมี “เซฟเฮาส์” ในการพาเหยื่อไปเพื่อ “รีดทรัพย์” ถ้ารีดได้ก็ปล่อยตัว ถ้ารีดไม่สำเร็จก็ยัดเข้าห้องขัง จนกลายเป็น “สูตรสำเร็จ” หรือถึงขั้นมีคำกล่าวขานเป็นที่ติดปากผู้คนว่า “กระท่อม 5,000 ยาบ้า 50,000” เป็นต้น
ความจริงแล้วเรื่องส่วยนี้ไม่ว่าจะเป็นส่วยหอยแครงที่สุราษฎร์ธานี หรือหอยนางรมที่พัทลุง ถือเป็นเรื่อง “ปกติเก่าๆ” ของสังคม “สีกากี” เพราะโดยข้อเท็จจริงส่วยหอยถือเป็นเป็น “ส่วยดั้งเดิม” ที่เป็นอาหารหลักของตำรวจทุกท้องที่
ดังเช่น “บัญชีส่วย” ที่เป็นเคยเป็นที่ประจักษ์กับสังคมมาแล้ว อย่างโพยการจ่าย “ส่วยค้าหอยสด” ในพื้นที่ด่านนอก จ.สงขลา ที่มี “หน่วยงานรัฐ” แบบ “สารพัดสี” รับส่วยการค้าหอยสดถึง 19 หน่วยงาน ซึ่งอาจจะเหลือแค่ “ทสปช.” และ “ลูกเสือชาวบ้าน” เท่านั้นที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรับส่วย
วิธีการที่ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ใช้ในการแก้ปัญหาคือ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ผิดก็เอาโทษตั้งแต่ทางวินัย ทางอาญา ไล่ออกหรือติดคุก แต่ไม่เคยมี “การปฏิรูป” เพื่ออย่าให้มี “ตำรวจเลว” ได้แต่งเครื่องแบบ แล้วถือกฎหมายเพื่อใช้ทำหน้าที่แทน “เตารีด” แต่อย่างใด
สรุปคือ ประเทศไทย “ล้มเหลวสิ้นเชิง” ในการปราบคอร์รัปชัน ในการปฏิรูปตำรวจ รวมถึงในการปฏิรูปทุกเรื่องราว แม้แต่ “ท้องทะเล” ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติก็ปล่อยให้ “นายทุน” เข้าไปครอบครองแบ่งปันผลประโยชน์ เช่น ทะเลที่อ่าวบ้านดอน หรือทะเลสาบสงขลาที่ปล่อยให้มีการแบ่งพื้นที่และนำไปหาประโยชน์ มีการขายพื้นที่ท้องทะเลกันเป็นไร่ๆ เพื่อใช้ทำมาหากินกันคึกคัก
ก็ต้องดูกันต่อไปว่า เรื่องของ “ส่วยหอยแครง” ที่สุราษฎร์ธานี กับ “ส่วยหอยนางรม” ที่พัทลุงจะจบลงกันอย่างไร โดยเฉพาะ “นายตำรวจใหญ่” ที่พยายาม “อุ้มคนผิด” จะถูกลากลงสู่ “ปลักน้ำครำ” หรือไม่
เนื่องเพราะถูกต้องอย่างที่คำพระว่าไว้ “กรรมคือเครื่องชี้เจตนา” ส่วน” “สื่อ” ที่ทำหน้าที่สุนัขเฝ้าบ้านโปรดได้รับความชื่นชมจากสังคมและผู้ร่วมวิชาชีพ และผู้ที่ไม่ยอมก้มหัวให้แก่ความอยุติธรรมทั้งหลาย
จงเชื่อเถอะ! ดั่งโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ว่าไว้ “สุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง”
อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่อง
4 มิ.ย.2563
- พิษเคอร์ฟิว! “ตร.เมืองลุง” รีดแม่ค้าอาหารทะเลกลับบ้านไม่ทัน จากเฉียดแสนเหลือแค่หมื่น จบด้วยโอน 5.7 พันที่เหลือทำกับแกล้มให้วงเหล้า (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000058101
5 มิ.ย.2563
- “ผกก.สภ.เมืองพัทลุง” ลาพักร้อน-ตร.ทั้งโรงพักรูดซิปปาก กรณีเรียกเงินแลกคดีแม่ค้าอาหารทะเล ด้านผู้เสียหายรายอื่นทยอยส่งหลักฐานเพิ่ม (5 มิ.ย.) https://mgronline.com/south/detail/9630000058372
- “แม่ค้าอาหารทะเล” หอบครอบครัวหนีแล้ว ด้าน ผบก.ภ.จว.พัทลุงเด้ง “ด.ต.ไชยา” มีชื่อในสลิปรับโอนเงินเข้ากรุ ยันตั้ง กก.สอบ 7 วันรู้ผล https://mgronline.com/south/detail/9630000058458
6 มิ.ย.2563
- ฉาวอีก! เหยื่อแฉตำรวจชุดสารวัตรคนดังพัทลุง ตรวจฉี่เรียกเงิน 4 หมื่นแลกปล่อยตัว (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000058739
- โอละพ่อ! แม่ค้าอาหารทะเลพลิกคำเข้าข้างตำรวจ ก่อนหนีออกต่างจังหวัดรอกลับตอนเรื่องเงียบ https://mgronline.com/south/detail/9630000058802
8 มิ.ย.2563
- ฉาวอีก! เด็กเมืองลุงอ้าง “ตำรวจชุดกินหอย” จับรถจักรยานยนต์ทั้งที่ไม่มีความผิด เรียกค่าไถ่เป็นเหล้า 1 ลัง (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000059085
- ครบกำหนด 3 วัน! ยังไม่รู้ผลสอบ “ตำรวจชุดกินหอย” เปิดเผยไม่ได้ อ้างเป็น “ข้อมูลลับของทางราชการ” https://mgronline.com/south/detail/9630000059344
9 มิ.ย.2563
- “แม่ค้าหอย” โผล่ให้การแจงสลิปโอนเงินให้ ด.ต.ไชยาหลังฝ่าเคอร์ฟิว เป็นเงินยืมเมื่อครั้งเคยคบกัน (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000059497
- เหยื่อโผล่แฉอีก! สารวัตรลูกนักการเมืองอุ้มรีดเงิน 4 หมื่น ช้ำใจสุดถกเสื้อจับหน้าอกแม่เหยื่อ https://mgronline.com/south/detail/9630000059602
- นักข่าวพัทลุงหอบหลักฐานแชตแจ้งเอาผิด “แม่ค้าหอย” พลิกลิ้นปม ตร.ไถเงินฝ่าเคอร์ฟิว https://mgronline.com/south/detail/9630000059785
10 มิ.ย.2563
- ผลสอบ “แม่ค้าหอย” ยังไร้ความคืบหน้า ส่วนเหยื่อรายอื่นที่ออกมาแฉพฤติกรรมยังเงียบ https://mgronline.com/south/detail/9630000060037
- “ตำรวจเมืองลุง” ยังไว้ลาย! จาก ‘แม่ค้าหอยพลิกลิ้น’ ถึง ‘รถสินค้าเถื่อนหาย’ https://mgronline.com/south/detail/9630000059901
- NEWS1 รับลูกนักข่าวถูก “แม่ค้าหอยพลิกลิ้น” นักวิชาการจี้ “บิ๊กตู่” ส่งทีมสอบตำรวจพัทลุง (ชมคลิป) https://mgronline.com/south/detail/9630000060229
11 มิ.ย.2563
- สื่อมวลชนพัทลุงทำหนังสือร้องกรรมาธิการตำรวจฯ จี้ดูแลการสอบสวน ตร.ชุดจับแม่ค้าหอย https://mgronline.com/south/detail/9630000060442