xs
xsm
sm
md
lg

“แม่ค้าอาหารทะเล” หอบครอบครัวหนีแล้ว ด้าน ผบก.ภ.จว.พัทลุงเด้ง “ด.ต.ไชยา” มีชื่อในสลิปรับโอนเงินเข้ากรุ ยันตั้ง กก.สอบ 7 วันรู้ผล

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




พัทลุง – หวันอิทธิพลมืดคุกคามหนัก แม่ค้าอาหารทะเลและสามีหอบครอบครัวหนีแล้ว ปิดตายบ้านพักกลางเมืองลุง แม้กลุ่มผู้สื่อข่าวที่เข้าร้องเรียนโทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ด้าน ผบก.ภ.จว.พัทลุงเด้ง “ด.ต.ไชยา” ที่มีชื่อในสลิปรับโอนเงินเข้ากรุแล้ว พร้อมตั้ง กก.สอบ 7 วันรู้ผล


บ่ายวันนี้ (5 มิ.ย.) มีรายงานข่าวยืนยันว่า “นางสาว ส.” แม่ค้าอาหารทะเลสดวัย 32 ปี พร้อมสามีได้ตัดสินใจปิดบ้านพักในพื้นที่ ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง แล้วอพยพครอบครัวหนีไปอาศัยอยู่พื้นที่อื่นๆ โดยไม่เปิดเผยว่าเป็นสถานที่ใด ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปทางโทรศัพท์มือถือส่วนตัวที่เคยให้ไว้ก็ไม่มีการรับสาย ทั้งนี้เชื่อว่าหวั่นแกรงจะถูกคุกคามและโดนภัยมืดเล่นงาน อันเนื่องจากได้ตัดสินใจเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากเครือข่ายผู้สื่อข่าวใน จ.พัทลุง โดยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตำรวจทีมสืบสวน สภ.เมืองพัทลุง รีดเงินแลกกับการไม่ดำเนินคดีข้อหาฝ่าเคอร์ฟิวที่เป็นข่าวครึกโครมจต่อเนื่องมาแล้ว 2 วัน


กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.2563 โดยนางสาว ส. พร้อมสามีขับรถยนต์กระบะกลับจากไปรับอาหารทะเลสดที่ อ.กันตัง จ.ตรัง เกิดความล้าช้าที่ต้องรอปูม้าเกินเวลาไปหลายชั่วโมง ทำให้กลับบ้านพักที่ตัวเมืองพัทลุงล่วงเข้าเวลาเคอร์ฟิวไปแม้ไม่กี่นาที แต่ก็ถูกตำรวจทีมสืบสวน สภ.เมืองพัทลุงตรวจค้นจับกุมช่วงก่อนเลี้ยวเข้าบ้านพักราว 500 เมตร ถูกนำตัวไปต่อรองกับสารวัตรยศ “พ.ต.ท.” ที่โรงพัก ถูกตำรวจในทีมข่มขู่ว่าต้องเจอหลายข้อหา แล้วถูกเรียกรับเงินสดแลกไม่ดำเนินคดี 80,000 บาท ยอมลดครั้งแรกเหลือ 40,00 บาท แต่ก็ยังไม่มีเงินให้สุดท้ายจบที่ 10,000 บาท โดยยืมเงินญาติมาโอบเข้าบัญชี “ด.ต.ไชยา” ในทีมไป 5,700 บาท ที่เหลือ 4,300 บาทจ่ายด้วยอาหารทะเลและต้องแกะหอยนางรมเป็นกับแกล้มให้วงเหล้าตำรวจจนครบตามมูลค่า

“นางสาว ส.” แม่ค้าอาหารทะเลสดวัย 32 ปี ขณะเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง

ด้าน พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้เปิดเผยล่าสุดว่า ผลจากการสอบสวนข้อเท็จจริงขั้นต้นจะแล้วเสร็จภายในวันนี้ (5 มิ.ย.) ตนยอมรับว่ากรณีการร้องเรียนดังกล่าวมีมูลจริง เบื้องต้นได้สั่งย้ายตำรวจชั้นประทวนในชุดสืบสวนที่มีการพาดพิงให้ไปปฏิบัติหน้าที่เวรยามที่ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง โดยไม่ให้ลงทำงานที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่แล้ว

พร้อมในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.) จะได้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาอีก 1 ชุด เพื่อสอบสวนและรวบรวมหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะหลักฐานที่เป็นเอกสารต่างๆ ทั้งสลิปการโอนเงินให้ตำรวจ การสอบสวนผู้เสียหาย รวมถึงสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวนทั้งหมด


“ในการสอบสวนจะหาข้อเท็จจริงเรื่องล้อมวงกินเหล้าในที่ทำงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่และฝ่าเคอร์ฟิวด้วย หากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจระดับไหน ก็จะเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญา โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 7 วัน” พล.ต.ต.กฤษดากล่าวและว่า สำหรับฝ่ายผู้เสียหายหากโดนคุมคามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดสืบสวนนี้ ก็ขอให้เข้ามาร้องเรียนเพิ่มเติมได้ โดยขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย


ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้รับรายงานถึงกรณีดังกล่าวแล้วและได้กำชับให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยความรอบคอบ รวดเร็วและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หากผลการตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิด ใช้อำนาจหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ หากินบนความเดือดร้อนของผู้อื่น และเป็นการซ้ำเติมประชาชน ให้ต้นสังกัดดำเนินคดีทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับตำรวจที่ทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประชาชนในภาพรวมของประเทศได้รับผลกระทบทุกพื้นที่


พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวด้วยว่า ผกก.สภ.เมืองพัทลุงได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และได้มีคำสั่งให้ดาบตำรวจที่ปรากฏชื่อบนสลิปรับโอนเงินพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวน ให้ไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง โดยไม่ให้พบปะกับประชาชน พร้อมรายงานข้อเท็จจริงให้ทราบภายใน 3 วัน พร้อมกันนี้ได้กำชับและมีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537


กำลังโหลดความคิดเห็น