พัทลุง - ผู้การพัทลุงสั่งย้ายสารวัตรหัวหน้า “ตำรวจชุดกินหอย” เข้ากรุแล้ว กันไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการสอบสวน ด้าน “แม่ค้าหอย” มาให้การต่อคณะกรรมการสอบ ปัดไม่มีการรับเรียกเงิน แต่ที่เป็นเรื่องเพราะบอกสามีว่า ตำรวจเอาเงินไปตอนโดนจับฝ่าเคอร์ฟิว อ้างสลิปเป็นการคืนเงินที่ยืมจาก ด.ต.ไชยา แฟนเก่า เอาไปจ่ายเป็นค่าปรับศาล
จากกรณีแม่ค้าหอยร้องเรียนว่า ถูกตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง ที่มีนายตำรวจระดับสารวัตร ยศ พ.ต.ท. สภ.เมืองพัทลุง พร้อมลูกน้อง เรียกเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัวจากคดีฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ซ้ำยังถูกบังคับให้แกะหอยนางรมแกล้มเหล้าด้วย จนทำให้มีการตั้งกรรมการสอบ และย้ายนายดาบตำรวจ 3 นายที่เกี่ยวข้องนั้น
วันนี้ (8 มิ.ย.) มีความคืบหน้าในการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่มี พ.ต.อ.สุชาติ สอิด รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง และ พ.ต.อ.วราชาติ รสจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นหัวหน้าทีมคณะสอบสวน หลังจากทำงานกันมา 3 วันแล้ว โดยเมื่อเวลา 17.00 น. น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง อายุ 32 ปี แม่ค้าอาหารทะเลสด ผู้ร้องเรียนได้มาให้ปากคำอย่างเป็นทางการ โดยมี พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นผู้ซักถามด้วยตนเอง
น.ส.สุนิศา ยอมรับว่า ตำรวจตั้งด่านจริง และนำตนมาที่ สภ.เมืองพัทลุง เมื่อมาถึงที่ สภ.เมืองพัทลุง ตำรวจขอเพียงหลักฐานการขนส่งสินค้า ไม่ได้เรียกเงินแต่อย่างใด ส่วนสลิปที่โอนเงินให้แก่ ด.ต.ไชยยา ชูศรีเพชร ตำรวจในชุดสารวัตรยศ พ.ต.ท. เป็นเงินที่ตนยืมมา เมื่อวันที่ 2 มี.ค. เพื่อไปจ่ายค่าปรับที่ศาลในคดีอาญา ส่วนสาเหตุที่ยืมเงินจาก ด.ต.ไชยยา เพราะก่อนหน้าที่ตนจะได้สามี เคยคบหากับ ด.ต.ไชยยา มาก่อน
“ส่วนสาเหตุที่ไปบอกสื่อจนเป็นข่าวใหญ่โตเพราะว่าแฟนไม่ทราบว่า หนูเคยคบกับ ด.ต.ไชยา มาก่อนและแฟนต้องการขอเงิน จำนวน 10,000 บาท เพื่อไปผ่อนรถ แต่หนูบอกแฟนไปว่า ตำรวจเอาเงินไปเสียแล้วในตอนที่หนูโดนจับฝ่าเคอร์ฟิวในคืนนั้น พอหนูบอกแฟนไปเช่นนี้ แฟนเลยโกรธ และแฟนเป็นคนโทร.ไปร้องเรียนสื่อมวลชน” น.ส.สุนิศา กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง เปิดเผยว่า ได้สั่งย้ายสารวัตรยศ พ.ต.ท. หัวหน้าชุดดังกล่าวไปอยู่ฝ่ายอำนวยการ ภ.จว.พัทลุง เพื่อไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพยานบุคคล พยานเอกสาร ในการช่วยเหลือตัวเองและพรรคพวก ขอให้ประชาชนได้มั่นใจ
“หากมีพยานหลักฐานที่เข้าไปเกี่ยวข้อง มีส่วนได้เสีย ก็ไม่ต้องห่วง ผมจะดำเนินขั้นเด็ดขาดอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เนื่องจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และท่านผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 กำชับและติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง กรณีนี้ ผมและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการชุดสืบสวนข้อเท็จจริงทำงานอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว” พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าว
พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวว่า ขอเวลาให้คณะกรรมการชุดสืบสวนข้อเท็จจริงได้ทำงานสอบสวนสืบสวนในทุกด้านก่อน ซึ่งตอนนี้ได้ตามผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายมาได้แล้ว และได้นำตัวมาสอบถามต่อหน้าผู้สื่อข่าวเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องฟังหลักฐานอย่างอื่นประกอบด้วย เช่น พยานหลักฐานและเอกสาร โดยหลังจากนี้จะสอบผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทุกปาก