xs
xsm
sm
md
lg

“ตำรวจเมืองลุง” ยังไว้ลาย! จาก ‘แม่ค้าหอยพลิกลิ้น’ ถึง ‘รถสินค้าเถื่อนหาย’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดย... ทีมข่าวเฉพาะกิจ





เหมือนจะกลายเป็นหนังเรื่องยาวระดับมหากาพย์เลยทีเดียวเมื่อ “แม่ค้าหอย” ไปร้องเรียนต่อกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า “ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทลุง” ที่มีสารวัตรหัวหน้าชุดยศ “พ.ต.ท.” เป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่น เรียกเงินสดร่วมแสนบาทเพื่อแลกกับการปล่อยตัวจากคดีฝ่าฝืนเคอร์ฟิว หาเงินโอนให้ได้ส่วนหนึ่งที่เหลือจ่ายด้วยสินค้า หนำซ้ำยังแฉเพิ่มว่าถูกบังคับให้แกะหอยนางรมแกล้มวงเหล้าตำรวจชุดจับกุมกลางดึกด้วย จนทำให้มีการตั้งกรรมการสอบและย้ายดาบตำรวจ 3 นายที่เกี่ยวข้องไปแล้ว

ผ่านไปไม่กี่วันกลายเป็น “แม่ค้าหอยพลิกลิ้น” กลับคำให้การ พร้อมอ้างว่าสลิปโอนเงินให้ดาบตำรวจนายหนึ่งในชุดจับกุมจำนวน 5,700 บาท เป็นการใช้หนี้ให้ “คนที่เคยคบกันมา”

ข่าวนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 มิ.ย.2563 น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง แม่ค้าขายอาหารทะเลสดในตลาดเมืองพัทลุง ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อเครือข่ายผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง ว่า เมื่อค่ำคืนวันที่ 2 มิ.ย.2563 ระหว่างที่ตนเองและ “สามี” ขับรถกระบะบรรทุกอาหารทะเลสดที่ไปรับมาจาก อ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อนำมาขายในพื้นที่ จ.พัทลุง ซึ่งช่วงนั้นอยู่ในช่วงเคอร์ฟิว เวลาประมาณ 23.23 น. เหตุที่มาช้าเพราะต้องใช้เวลารอปูม้าที่สั่งไว้นานมาก แม้จะเร่งเดินทางกลับแต่ก็ไม่ทัน จึงถูกตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองพัทลุง จับกุมและตรวจค้นขณะจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านพักที่เหลือระยะทางอีกเพียงประมาณ 500 เมตรเท่านั้น

น.ส.สุนิศา กล่าวว่า ตำรวจแจ้งข้อหาฝ่าเคอร์ฟิว และนำตัวพร้อมรถยนต์บรรทุกอาหารทะเลสดไปยัง สภ.เมืองพัทลุง เมื่อไปถึงได้ถูกยึดโทรศัพท์มือถือและเครื่องมือสื่อสารไปทั้งหมด แล้วมีตำรวจนายหนึ่งได้เข้ามาคุยด้วยและข่มขู่ว่าน่าจะต้องเจอหลายกระทง แต่ให้ไปเจรจากับสารวัตรเอาเอง เมื่อพูดคุยได้สักพักฝ่ายตำรวจเสนอว่า หากไม่ต้องการเป็นคดีความให้จ่าย เงินสด 80,000 บาท ตนได้แจ้งว่าจ่ายค่าสินค้าไปแทบไม่เหลือเงินสดติดตัวแล้ว มีการต่อรองลดให้เหลือ 40,000 บาท ตนก็ยืนยันว่าไม่มีเงิน สุดท้ายฝ่ายตำรวจลดให้เหลือ 10,000 บาท แบบขาดตัวและให้ไปหาทางนำเงินสดมาให้ได้

“เราไม่มีเงินกันจริงๆ ทั้งเงินสดและเงินในบัญชี สุดท้าย สามีได้โทร.ไปขอยืมจากญาติและให้โอนเข้าบัญชีได้มาก้อนหนึ่ง เมื่อรวมกับเงินในบัญชีที่พอมีเหลืออยู่บ้างรวมได้ 5,700 บาท แต่ก็ยังไม่ครบตามตกลง ตำรวจบอกให้ไปถอนเงินจากเอทีเอ็มมาให้ แล้วส่วนที่ยังขาดให้เอาอาหารทะเลมาสมทบให้ครบ 10,000 บาท เราก็บอกไปว่าถ้าไปที่ตู้จะไม่มีสัญญาณ จึงจบลงด้วยให้ใช้โทรศัพท์เราโอนเงิน 5,700 บาทไปเข้าบัญชีตำรวจในทีม แล้วที่เหลือ 4,300 บาทให้จ่ายด้วยอาหารทะเล”

น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง แม่ค้าหอย เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับเครือข่ายผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง


ด.ต.ไชยา ชูศรีเพชร คือชื่อของตำรวจในทีมที่ปรากฏใน สลิปรับโอนเงินจำนวน 5,700 บาท ดังกล่าว โดยระบุในบันทึกช่วยจำว่า “ค่าโดนจับ” ทำรายงานเมื่อเวลา 01.39 น. ของคืนวันที่ 3 มิ.ย.2563

เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น ปรากฏว่าตำรวจชุดนี้ได้ให้ น.ส.สุนิศา ทำอาหารทะเลเป็นกับแกล้ม “วงเหล้าตำรวจ” ที่รวมตัวกันอยู่ประมาณ 5-7 คนในคืนนั้น ซึ่งต้องแกะหอยนางรมตัวใหญ่ๆ อย่างยากเย็นแสนเข็ญจนกว่าจะครบมูลค่าตามที่ตกลงกันไว้

หลังจากเรื่องราวของ “ตำรวจชุดกินหอย” ได้กลายเป็นข่าวใหญ่โต ผู้คนต่างพากันให้ความสนใจ ปรากฏว่า พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และยังได้สั่งให้สารวัตรหัวหน้าชุด พร้อมดาบตำรวจอีก 3 นาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ออกจาก สภ.เมืองพัทลุง ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ภ.จว.พัทลุงแทนเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2563

นอกจากนี้ ยังได้มีเจ้าทุกข์รายอื่นๆ ทยอยออกมาเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับ “ตำรวจชุดกินหอย” เช่น ส่งสลิปการโอนเงินให้แก่ ด.ต.ไชยา ชูศรีเพชร จำนวน 1,000 บาท เมื่อเดือน พ.ค.2563 เวลา 18.18 น. โดยระบุว่าเป็นการโอนเงินให้เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี

หรืออีกกรณีชายหนุ่ม 2 คนถูก “ตำรวจชุดกินหอย” จับในคดีเสพยาเสพติดเมื่อเดือนที่ผ่านมา แล้วสารวัตรหัวหน้าชุดพร้อมลูกน้องก็พยายามเจรจาว่าจะไม่เอาเรื่อง แต่ต้องนำเงินจำนวน 40,000 บาทมาแลก เมื่อ 2 หนุ่มได้ยินก็บอกไปตามจริงว่าไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ตำรวจรายหนึ่งบอกว่าจะลดให้เหลือ 30,000 บาท ก็คือจ่ายกันคนละ 15,000 บาท พ่อแม่ของ 2 หนุ่มจึงไปยืมเงินจากญาติเพื่อนำมาให้

ยังมีเยาวชนชายวัย 18 ปี ที่มาร้องเรียนว่า “ตำรวจชุดกินหอย” ยึดรถจักรยานยนต์ของตนเองไปทั้งๆ ที่ไม่มีความผิด โดยอ้างว่าขณะที่ตนไปหาเพื่อนในพื้นที่ ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง ได้จอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่หน้าบ้านของเพื่อน ในช่วงจังหวะนั้นมีการจับกุมยาเสพติดที่บ้านอีกหลัง เมื่อตนจะกลับบ้านพบว่าจักรยานยนต์ได้หายไป สอบถามจนทราบว่า ตำรวจได้ยกรถของตนขึ้นรถไปที่โรงพักเมืองพัทลุง จึงเดินทางไป สภ.เมืองพัทลุง เพื่อเอารถกลับคืน แต่ปรากฏว่า ตำรวจในชุดนี้บอกว่าให้เอาเหล้ารีเจนซี่ 1 ลัง มาแลกกับการรับรถจักรยานยนต์กลับคืน โดยตนต้องยืมเงินจากเพื่อนกว่า 3,000 บาทไปซื้อเหล้าขนาดขวดแบน 1 ลัง ไปมอบให้แก่สารวัตรจึงได้รถจักรยานยนต์กลับคืนมา

ยังมีอีก! ผู้เสียหายอีกรายเป็นหนุ่มวัย 32 ปี พร้อมเพื่อนที่อยู่ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง ได้ออกมาร้องเรียนว่า ช่วงเดือนก่อนขณะที่ “ตำรวจชุดกินหอย” ได้เข้ามาจับกุมกลุ่มวัยรุ่นนั่งเสพยาเสพติด 3 คน ตอนนั้นเพื่อนของเขา 1 คน ได้เดินมาดูเหตุการณ์ จึงถูกตำรวจจับตัวไปด้วย จากนั้นตำรวจยังได้บุกไปอุ้มตนขณะที่นอนหลับอยู่ภายในบ้านที่อยู่ใกล้กันด้วย โดยบอกว่าร่วมกันกระทำการมั่วสุม ก่อนนำตัวมาถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนที่ถูกจับไปก่อน แล้วนำตัวทั้งหมดไปยังอาคารไม้เก่าบริเวณ สภ.เมืองพัทลุง


ตนได้ติดต่อแม่เพื่อให้มาช่วยเจรจา ฝ่ายตำรวจขอเงินสด จำนวน 50,000 บาท แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี โดยสารวัตรบอกว่าถ้าไม่เคลียร์จะทำบันทึกประจำวันดำเนินคดีในข้อหามั่วสุม ทั้งที่ตนนอนหลับอยู่ แต่พวกตนไม่มีเงิน แม่จึงได้ไปหยิบยืมเพื่อนบ้านมาได้ 40,000 บาทเพื่อแลกอิสรภาพลูกและเพื่อนออกมาได้ ส่วนอีกคนไม่มีเงินจ่ายให้สารวัตร จึงถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด และขณะนี้ถูกตัดสินจำคุกอยู่ในเรือนจำ

“ที่เจ็บใจสุดๆ ขณะที่เกิดเหตุแม่ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นและถอดเสื้อแม่ พร้อมกับจับหน้าอกแม่ผม ผมแค้นใจสุดๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้”

อย่างไรก็ตาม เพียงแค่วันเดียวหลังจากเข้ามาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ปรากฏว่า น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง พร้อม สามี ได้ตัดสินใจปิดบ้านพักในพื้นที่ ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง แล้วอพยพครอบครัวหนีไปอาศัยอยู่พื้นที่อื่น โดยไม่เปิดเผยว่าเป็นสถานที่ใด

จากนั้นวันที่ 6 มิ.ย.2563 หลังเป็นข่าวครึกโครมได้ 2 วัน ก็มีข่าวว่า “ตำรวจชุดกินหอย” ได้โทรศัพท์ไปเจรจาตกลง โดยมีคลิปเสียงที่บันทึกไว้สรุปได้ว่า มีตำรวจได้เอาตัวเธอกับครอบครัวให้ไปอยู่ต่างจังหวัด และรับจะดูแลอย่างดีจนกว่าเรื่องจะเงียบ

แล้วอีก 2 วันถัดมา น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อมาให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มี พ.ต.อ.สุชาติ สอิด รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง และ พ.ต.อ.วราชาติ รสจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นหัวหน้าทีมคณะสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นผู้ซักถามด้วยตนเอง

แม่ค้าหอยให้การชนิดหนังคนละม้วนกับที่ไปร้องเรียนกับนักข่าว แม้จะยอมรับว่าตำรวจตั้งด่านจริง และนำตนเองและสามีไปที่ สภ.เมืองพัทลุง แต่เมื่อมาถึงที่ สภ.เมืองพัทลุง ตำรวจขอเพียงหลักฐานการขนส่งสินค้า ไม่ได้เรียกเงินแต่อย่างใด

ส่วน “สลิปโอนเงิน” ที่ระบุชื่อผู้รับโอนว่า ด.ต.ไชยา ชูศรีเพชร ตำรวจในชุดสารวัตรยศ “พ.ต.ท.” ดังกล่าวนั้น เธอบอกว่าเป็นเงินยืมเมื่อวันที่ 2 มี.ค. เพื่อไปจ่ายค่าปรับที่ศาลในคดีอาญา และที่ยืมเงินจาก ด.ต.ไชยา เพราะก่อนหน้าที่จะได้สามีคนปัจจุบันเคยคบหากันมาก่อน

“ส่วนสาเหตุที่ไปบอกสื่อจนเป็นข่าวใหญ่โต เพราะว่าแฟนไม่ทราบว่าหนูเคยคบกับ ด.ต.ไชยามาก่อน และแฟนต้องการขอเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อไปผ่อนรถ แต่หนูบอกแฟนไปว่าตำรวจเอาเงินไปเสียแล้วในตอนที่หนูโดนจับฝ่าเคอร์ฟิวในคืนนั้น พอหนูบอกแฟนไปเช่นนี้ แฟนเลยโกรธและแฟนเป็นคนโทร.ไปร้องเรียนสื่อมวลชน” น.ส.สุนิศา ให้การ

จากคำให้การของแม่ค้าหอยดังกล่าวก็ขัดแย้งกับข่าวและภาพที่ตนเองเป็นคนไปให้ข่าวแก่สื่อมวลชน เมื่อคำให้การของแม่ค้าหอยออกไปสู่สาธารณะทำให้มีผู้คนมากมายไม่เชื่อ พร้อมตั้งข้อสังเกตมากมาย เช่น หากเป็นเงินที่คืนให้แฟนเก่า ทำไมเมื่อมีเรื่อง ด.ต.ไชยา จึงไม่ออกมาบอกความจริง ทำไมปล่อยให้มีการตั้งกรรมการสอบ สร้างความเสื่อมเสียให้ตำรวจพัทลุง และทำไมยืมเงินไปตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. แต่มาคิดจะคืนเอาตอนโดนจับ บ้างก็ว่าหากคำให้การของแม่ค้าหอยเป็นจริง เช่นนั้นแล้วก็ต้องถูกดำเนินคดีข้อหาแจ้งความเท็จหรือไม่

นายไสว รุยันต์ ผู้สื่อข่าวในนามของตัวแทนสื่อมวลชนใน จ.พัทลุง จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง ในข้อหาแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียหรือเสียหาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ไปร้องเรียนสื่อมวลชนกลับคำให้การเช่นนี้ นายไสว รุยันต์ ผู้สื่อข่าวในนามของตัวแทนสื่อมวลชนใน จ.พัทลุง จึงได้เข้าแจ้งความต่อร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง ในข้อหาแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียหรือเสียหาย โดยได้นำหลักฐานเป็นเอกสารข้อความการพูดคุยจากกล่องข้อความในเฟซบุ๊กจำนวน 12 แผ่น วิดีโอและเสียงขณะสัมภาษณ์ประกอบ

ขณะที่ นายไสว รุยันต์ เดินทางถึง สภ.เมืองพัทลุง ได้มีประชาชนชาวพัทลุงเดินทางไปมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้ว ยังมีรายงานข่าวยืนยันด้วยว่า หากกรณีที่เกิดขึ้นมีการแจ้งความต่อผู้สื่อข่าวจริง “องค์กรสื่อมวลชน” ทั้งในภาคใต้และระดับประเทศพร้อมเข้าให้การช่วยเหลือในเรื่องนี้

ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง ยืนยันว่า กรณีนี้ตนและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการชุดสืบสวนข้อเท็จจริงทำงานอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว เนื่องจาก “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” และ “ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9” ได้กำชับและติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ขอเวลาให้คณะกรรมการชุดสืบสวนข้อเท็จจริงได้ทำงานสอบสวนสืบสวนในทุกด้านก่อน

ทั้งนี้ทั้งนั้น จากคำยืนยันของ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ขอให้เรื่องนี้ได้มีคำตอบให้เป็นที่กระจ่างแก่ประชาชน อย่าให้เรื่องเงียบหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง หรืออย่างเรื่องราวใหญ่โตอีกเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการ “ตำรวจพัทลุง” เมื่อปลายปีที่แล้ว จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ

หากยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2562 เกิดเหตุรถยนต์บรรทุกของกลางที่มีสินค้าเถื่อนอยู่เต็มคัน ทั้งบุหรี่และสุราต่างประเทศหนีภาษีรวมมูลค่านับล้านบาท ปรากฏว่าหายไปจากหน้าบ้านพัก “ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง” ทั้งๆ ที่มีตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรพัทลุงเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่า ทั้งรถยนต์และของกลางอยู่ที่ไหน

พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุรถขนของเถื่อนประสบอุบัติเหตุ ก่อนสั่งให้ไปจอดไว้หน้าบ้านพักของตนเอง
แม้ชาวพัทลุงจะพากันถามถึงคดีดังกล่าว แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ แม้แต่ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ที่เป็นคนสั่งให้ตำรวจนำรถพร้อมของกลางดังกล่าวไปไว้ที่หน้าบ้านพักของตัวเอง หลังจากเดินทางตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ โดยให้เหตุผลว่าหากเก็บไว้ภายในสถานีตำรวจ เกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขโมยบุหรี่ของกลางไป

ซึ่งจะว่าไปแล้วตำรวจพัทลุงไม่ได้ตั้งใจจะจับรถคันนี้ หากแต่รถบรรทุกสินค้าเถื่อนคันดังกล่าวดันเกิดอุบัติเหตุเสียหลักชนต้นไม้ตรงร่องกลางถนนเพชรเกษม เส้นทางหาดใหญ่-พัทลุงฝั่งขาขึ้น ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง ในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 9 พ.ย.2562 ทำให้คนขับได้รับบาดเจ็บ

ตอนตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง ไปตรวจสอบที่เกิดแหตุพบว่าคนขับและเพื่อนรวม 4 คน “ตัดผมเกรียน” อายุประมาณ 35-40 ปี ช่วยกันดันรถขึ้นจากร่องกลางถนน พอเห็นตำรวจชายหัวเกรียนทั้ง 4 คนก็วิ่งหนีไปขึ้นรถยนต์กระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เทา 4 ประตู ที่จอดอยู่ใกล้กันหลบหนีไป

จากการตรวจสอบของตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พบว่า รถยนต์บรรทุกสินค้าเถื่อนคันนั้นใช้ทะเบียนปลอม ภายในรถพบลังกระดาษ จำนวน 30 กว่าลัง บรรจุบุหรี่หนีภาษีและสุราต่างประเทศมูลค่านับล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะนำมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และใกล้สิ้นปีน่าจะมีการขนย้ายไปเก็บสะสมไว้จำหน่ายในพื้นที่ภาคกลาง แต่ดันมาประสบอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม มีคนเห็นว่า มีรถบรรทุกสินค้าเถื่อนคันนั้นมีรถลากไปลากจากหน้าบ้านพักผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง โดยมีรถติดตามทั้งคอยควบคุมนำหน้าและปิดท้ายขณะเคลื่อนย้าย ก่อนนำไปซ่อมและเอาสินค้าออกในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือผู้มีอำนาจและเกี่ยวข้องคนไหนพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย มีเพียงเสียงทวงถามจากประชาชน แล้วก็ค่อยจางหายไปจากการใช้ความนิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว ทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็น “คลื่นกระทบฝั่ง” ก่อนจะจางหายไป

ดังนี้แล้วก็ขอให้กรณีของ “ตำรวจชุดกินหอย” ครั้งนี้ไม่ถูกทำให้เป็น “คลื่นกระทบฝั่งอีกลูก” ที่ซัดเข้ามาแล้วจางหายไปอีกครั้งครา!





อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
พิษเคอร์ฟิว! “ตร.เมืองลุง” รีดแม่ค้าอาหารทะเลกลับบ้านไม่ทัน จากเฉียดแสนเหลือแค่หมื่น จบด้วยโอน 5.7 พันที่เหลือทำกับแกล้มให้วงเหล้า (ชมคลิป) (4 มิ.ย.)

“ผกก.สภ.เมืองพัทลุง” ลาพักร้อน-ตร.ทั้งโรงพักรูดซิปปาก กรณีเรียกเงินแลกคดีแม่ค้าอาหารทะเล ด้านผู้เสียหายรายอื่นทยอยส่งหลักฐานเพิ่ม (5 มิ.ย.)

“แม่ค้าอาหารทะเล” หอบครอบครัวหนีแล้ว ด้าน ผบก.ภ.จว.พัทลุงเด้ง “ด.ต.ไชยา” มีชื่อในสลิปรับโอนเงินเข้ากรุ ยันตั้ง กก.สอบ 7 วันรู้ผล (5 มิ.ย.)

ฉาวอีก! เหยื่อแฉตำรวจชุดสารวัตรคนดังพัทลุง ตรวจฉี่เรียกเงิน 4 หมื่นแลกปล่อยตัว (ชมคลิป) (6 มิ.ย.)

โอละพ่อ! แม่ค้าอาหารทะเลพลิกคำเข้าข้างตำรวจ ก่อนหนีออกต่างจังหวัดรอกลับตอนเรื่องเงียบ (6 มิ.ย.)

ฉาวอีก! เด็กเมืองลุงอ้าง “ตำรวจชุดกินหอย” จับรถจักรยานยนต์ทั้งที่ไม่มีความผิด เรียกค่าไถ่เป็นเหล้า 1 ลัง (ชมคลิป) (8 มิ.ย.)

ครบกำหนด 3 วัน! ยังไม่รู้ผลสอบ “ตำรวจชุดกินหอย” เปิดเผยไม่ได้ อ้างเป็น “ข้อมูลลับของทางราชการ” (8 มิ.ย.)

“แม่ค้าหอย” โผล่ให้การแจงสลิปโอนเงินให้ ด.ต.ไชยาหลังฝ่าเคอร์ฟิว เป็นเงินยืมเมื่อครั้งเคยคบกัน (ชมคลิป) (9 มิ.ย.)

เหยื่อโผล่แฉอีก! สารวัตรลูกนักการเมืองอุ้มรีดเงิน 4 หมื่น ช้ำใจสุดถกเสื้อจับหน้าอกแม่เหยื่อ (9 มิ.ย.)

นักข่าวพัทลุงหอบหลักฐานแชตแจ้งเอาผิด “แม่ค้าหอย” พลิกลิ้นปม ตร.ไถเงินฝ่าเคอร์ฟิว (9 มิ.ย.)

ผลสอบ “แม่ค้าหอย” ยังไร้ความคืบหน้า ส่วนเหยื่อรายอื่นที่ออกมาแฉพฤติกรรมยังเงียบ (10 มิ.ย.)




กำลังโหลดความคิดเห็น