พัทลุง – พิษต่ออายุเคอร์ฟิวโรคโควิด-19 ระบาดสำแดงแล้ว แม่ค้าเมืองลุงไปรับอาหารทะเลสดข้ามจังหวัดกลับถึงบ้านไม่ทัน แค่ 5 ทุ่มกว่าถูกตำรวจจับนำตัวไปโรงพักขู่เจอหลายกระทง เรียกเงินแลกไม่ดำเนินคดีเฉียดแสน สุดท้ายจบที่ 1 หมื่น มีหลักฐานโอน 5.7 พัน ที่เหลือต้องเอาอาหารทะเลให้แกล้มวงเหล้าจนครบ
วันนี้ (4 มิ.ย.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาว “ส.” อายุ 32 ปี แม่ค้าขายอาหารทะเลสดในตลาดเมืองพัทลุง ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับเครือข่ายผู้สื่อข่าว จ.พัทลุงว่า เมื่อค่ำคืนวันที่ 2 มิ.ย.2563 ระหว่างตนและสามีขับรถกระบะบรรทุกอาหารทะเลสดที่ไปรับจาก อ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อนำมาขายในพื้นที่ตามปกติ แต่เนื่องจากต้องใช้เวลารอปูม้าที่สั่งไว้นานมาก ทำให้แม้จะพยายามเร่งเดินทางกลับเข้าบ้านพักแต่ก็ไม่ทันเวลาเคอร์ฟิว โดยเวลาประมาณ 23.23 น. ได้ถูกตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองพัทลุงจับกุมและตรวจค้นขณะจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านพักที่เหลือระยะทางอีกเพียงประมาณ 500 เมตรเท่านั้น
นางสาว ส. บอกเล่าต่อไปว่า หลังตรวจค้นจับกุมตำรวจได้แจ้งข้อหาฝ่าเคอร์ฟิว และนำตัวพร้อมรถยนต์กระบะบรรทุกอาหารทะเลไปยัง สภ.เมืองพัทลุง เมื่อไปถึงตำรวจได้ขอยึดโทรศัพท์มือถือและเครื่องมือสื่อสารไปทั้งหมด แล้วมีตำรวจนายหนึ่งในชุดจับกุมได้เข้ามาคุยด้วยและข่มขู่ว่า น่าจะต้องเจอหลายกระทง แต่ให้ไปเจรจากับสารวัตรเอาเอง เมื่อพูดคุยได้สักพักทางฝ่ายตำรวจเสนอว่า หากไม่ต้องการเป็นคดีความให้จ่ายเงินสด 80,000 บาท ตนได้แจ้งว่าจ่ายค้าสินค้าไปแทบไม่เหลือเงินสดติดตัวแล้ว มีการต่อรองลดให้เหลือ 40,000 บาท ตนก็ยืนยันว่าไม่มีเงิน สุดท้ายฝ่ายตำรวจลดให้เหลือ 10,000 บาทแบบขาดตัว และให้ปหาทางนำเงินสดมาให้ได้
“เราไม่มีเงินกันจริงๆ ทั้งเงินสดและเงินในบัญชี สุดท้ายสามีได้โทรไปขอยืมจากญาติและให้โอนเข้าบัญชีได้มาก้อนหนึ่ง เมื่อรวมกับเงินในบัญชีที่พอมีเหลืออยู่บ้างรวมได้ 5,700 บาท แต่ก็ยังไม่ครบตามตกลง ทางตำรวจบอกให้ไปถอนเงินจากเอทีเอ็มมาให้ แล้วส่วนที่ยังขาดให้เอาอาหารทะเลมาสมทบให้ครบ 10,000 บาท เราก็บอกไปว่าไม่มีบัตรเอทีเอ็ม จึงจบลงด้วยให้ใช้โทรศัพท์เราโอนเงิน 5,700 บาทไปเข้าบัญชีตำรวจในทีม แล้วที่เหลือ 4,300 บาทให้จ่ายด้วยอาหารทะเล” นางสาว ส. กล่าวและเสริมด้วยว่า
เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น ปรากฏว่าตำรวจนอกเครื่องแบบในทีมที่จับกุมนำโดยระดับ “พ.ต.ท.” ได้ให้นางสาว จ. ทำอาหารทะเลเป็นกับแกล้มวงเหล้าที่รวมตัวกันอยู่ประมาณ 5-7 คน ซึ่งต้องนั่งแกะหอยนางรมให้กับวงเหล้าจนกว่าจะครบมูลค่าตามที่ตกลงกันไว้ สุดท้ายนางสาว ส. และสามีได้กลับถึงบ้านพักของตนเองก็เลยเวลาตีหนึ่งครึ่ง หรือเวลา 01.30 น. ของวันที่ 3 มิ.ย.2563 ไปแล้ว โดยทางฝ่ายตำรวจยังสำทับก่อนกลับด้วยว่า ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกเล่าให้คนอื่นๆ ทราบเรื่องเด็ดขาด อย่างไรก็ตามภายหลังการร้องเรียนได้มีข้อมูลหลุดไปสู่สื่อสังคมออนไลน์ ปรากฏว่ามีตำรวจโทรศัพท์กลับไปข่มขู่นางสาว ส. จนเกิดความกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้กลุ่มผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอพบและสัมภาษณ์ พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง (ผบก.ภ.จว.พัทลุง) เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (4 มิ.ย.) โดย พล.ต.ต.กฤษดาเปิดเผยว่า ตนเองก็ได้ทราบเรื่องราวเบื้องต้นจากสื่อเหมือนกับ และได้สั่งการให้ทาง ผกก.สภ.เมืองพัทลุง ทำรายงานชี้แจงเข้ามาแล้ว
“ผมได้มอบหมายให้ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง ลงติดตามเรื่องนี้แล้ว หากเป็นไปตามพยานหลักฐานจริงตามที่เป็นข่าว ผมยืนยันว่าจะให้มีการดำเนินการตามระเบียบและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง โดยจะไม่ไว้หน้าใครเลยอย่างแน่นอน” พล.ต.ต.กฤษดากล่าว