โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
เสน่ห์อย่างหนึ่งของการปั่นจักรยานเที่ยวก็คือ มันทำให้เราได้เสพบรรยากาศในระหว่างทางได้อย่างถึงอรรถรส ช่วยขับเน้นเรื่องราวระหว่างทางให้น่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น จนหลายต่อหลายครั้ง ผมพบว่าเรื่องราวระหว่างนั้นมีเสน่ห์ไม่ต่างไปจากจุดหมายปลายทาง
สำหรับการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัด“ยามากุจิ”(Yamaguchi)ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้งในระหว่างทางและจุดหมายปลายทางต่างก็มีสีสันมนต์เสน่ห์ ชวนให้หลงรักอยู่มากโขไม่ต่างกัน แถมทริปนี้ยังมีดอกซากุระที่บานเร็วกว่าทุกๆปีเป็นโปรโมชั่นเสริม นั่นจึงทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งทริปน่าประทับใจชนิดที่ต้องบันทึกไว้ในความทรงจำ...
ลาก่อนทสึโนชิมะ
การมาเยือนยามากุจิของผมในครั้งนี้ ถือเป็นทริปพิเศษที่ทางบริษัท “Octo Cycling” ร่วมกับ“Inter Bike” และ “การท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ”(Yamaguchi Tourism) ได้นำผู้รักการปั่นจักรยานจากเมืองไทยไปปั่นเที่ยวเมืองยามากุจิในแบบสโลว์ไลฟ์ สัมผัสธรรมชาติ ขุนเขา ท้องทะเล วิถีชีวิตวัฒนธรรม กินอร่อย-นอนสบาย เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น โดยเน้นในเรื่องของความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
หลังเดินทางมาถึงยังจังหวัดยามากุจิ คณะเรามุ่งหน้าไปยังเมือง“ชิโมโนเซคิ”หรือ“ชิโมโนเซกิ”(Shimonoseki)เมืองท่าสำคัญของจังหวัดยามากุจิ ซึ่งในวันแรกผมเริ่มทำความรู้จักกับยามากุจิ ด้วยการกิน"โซบะย่าง(บน)กระเบื้องหลังคา" ที่ให้รสชาติอร่อยแปลกใหม่ และได้ปั่นจักรยาน(ประมาณ 15 กม.)เที่ยวรอบ "เกาะทสึโนชิมะ”(Tsunoshima Island) ชมวิวทิวทัศน์ยามเย็นที่“สะพานทสึโนชิมะ”(Tsunoshima Bridge) สะพานที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น
นี่ถือเป็นการทักทายเบื้องต้นของยามากุจิ ที่เพียงแค่ในวันแรกผมก็พบว่าเมืองนี้ยังมีอะไรดีๆอีกหลากหลายรอให้เราปั่นไปสัมผัสในวันต่อๆไปในตลอดทั้งทริป
สำหรับในวันที่ 2 นี้ พวกเรามีโปรแกรมปั่น(และนั่งรถบางช่วง) รวมระยะทางประมาณ 60 กม. จากเมืองชิโมโนเซคิ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสู่เมือง“นากาโตะ”(Nagato)เมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดยามากุจิ ซึ่งเป็นจุดหมายและที่พักค้างในค่ำคืนที่สองของทริปนี้
แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้ก้มหน้าก้มตาปั่นรัวๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายอย่างเดียว หากแต่ในระหว่างทางยังมีจุดพัก จุดแวะเที่ยวตามโปรแกรม และจุดแวะเที่ยวถ่ายรูปนอกโปรแกรม(แบบไม่ให้โปรแกรมรวน) ด้วยเห็นว่าวิวทิวทัศน์และบรรยากาศบริเวณนั้น มันยอดเยี่ยมสวยงามชนิดที่ไม่ควรปั่นเลยผ่านด้วยประการทั้งปวง
หลังกินอาหารเช้า(ควบคู่ไปกับการชมวิวสวยๆ)ที่ห้องอาหารของ“โรงแรม นิชินากาโตะ รีสอร์ท”(Hotel Nishinagato Resort) ที่พักในค่ำคืนแรกของเรา จนอิ่มหนำดีแล้ว เมื่อคนพร้อม-จักรยานพร้อม คุณ“โนบุ” หรือ“โนบุซัง” ก็ปั่นนำพวกเราออกจากโรงแรม โดยมีคุณ“ซาดะ”หรือ “ซาดะซัง” คอยปั่นปิดท้ายเหมือนเดิม(ทั้งสองคนเป็นทีมงานเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ ที่มาทำหน้าที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ พาคณะนักปั่นจากเมืองไทยออกตะลุยปั่นเที่ยวยามากุจิกันตลอดทั้งทริป) พร้อมทั้งยังมีรถเซอร์วิช วิ่งตามและวิ่งนำในบางช่วงอยู่ห่างๆ เพื่อคอยเสิร์ฟน้ำท่า ขนม ผ้าเย็น ตามจุดพักหลักๆที่กำหนดไว้ในโปรแกรม
จากโรงแรมเราปั่นขึ้นเนินไปยังจุดชมวิวสะพานทสึโนชิมะอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานได้ปั่นมาชมบรรยากาศยามเย็นและตะวันลับฟ้าที่นี่
เช้านี้เราได้เห็นวิวทิวทัศน์ของแนวสะพานทสึโนชิมะ ที่สร้างทอดยาวโค้งผ่านท้องทะเลน้ำตื้นค่อยๆไล่ระดับจากโทนสีเขียวมรกตไปสู่สีฟ้าเข้ม เชื่อมระหว่างฝั่งเมืองชิโมโนเซคิกับเกาะทสึโนชิมะ ซึ่งถือเป็นภาพมุมมองไฮไลท์ของสะพานแห่งนี้ที่ปรากฏเผยแพร่สร้างชื่อไปทั่วโลก จนได้รับการยกย่องให้เป็นสะพานที่มีวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
ชิโมโนเซคิ-นากาโตะ
แม้จะเป็นสถานที่เดิมที่เพิ่งมาเยือนไปเมื่อเย็นวาน แต่ภาพความงามของสะพานทสึโนชิมะที่พบเจอในเช้าวันนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด หลังคณะเราบันทึกภาพถ่ายและภาพความทรงจำของสะพานแห่งนี้กันเป็นที่เพลิดเพลินแล้ว ต่อจากนี้พวกเราก็ออกปั่นลงเนินขึ้นเนินมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป
สำหรับถนนสายนี้เป็นอีกเส้นทางสายสวยที่ในระหว่างทางมีวิวแจ่มๆ ให้ชม ให้แวะถ่ายรูปกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วิวของต้นดอกไม้ที่ออกดอกสีชมพูสวยงาม วิวซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง และวิวของถนนเลาะเลียบทะเลเวิ้งอ่าว“ยุยะ”(Yuya) กับน้ำทะเลสีฟ้าสวยใสที่สร้างความประทับใจให้กับนักปั่นในคณะเราได้ไม่น้อย
พ้นจากถนนสายสวย วิวทะเลงาม ถัดไปก็เป็นทางแยกสำคัญ กับเส้นทางปั่นขึ้นเขาและปั่นข้ามเขาที่ทอดตัวเชื่อมระหว่างเมืองชิโมโนเซคิกับเมืองนากาโตะ
เขาลูกนี้แม้สูงชันไม่มาก (ผู้นำทางของเราลูกนี้คนญี่ปุ่นเรียกกันว่าภูเขา“อามาโกะ”(Amago) โดยมีสูงสุดจากระดับน้ำทะเล 345 เมตร)แต่ว่าก็มีเนินซึมๆให้ปั่นขึ้นกันเหนื่อยพอดู
อย่างไรก็ดี ระหว่างทางช่วงนี้ก็ทดแทนด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงามอลังการของแนวเนินเขาและท้องทะเล ซึ่งนอกจากจะให้เราได้เพลิดเพลินแล้ว มันยังทำให้เราปั่นเพลินข้ามเขาข้ามเขตเมือง(ชิโมโนเซคิ)ขึ้นมาจนถึงยังจุดชมวิว “ฮิกาชิ ยูชิโรฮาตะ ทานาดะ”(Higashi Ushirohata Tanada)แห่งเมืองนากาโตะกันแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ที่จุดชมวิว ฮิกาชิ ยูชิโรฮาตะ ทานาดะ นอกจากจะมีวิวสวยๆงามของแนวชายฝั่ง เวิ้งอ่าว และขุนเขาที่ใช้ปลูกข้าวในช่วงฤดูเพาะปลูกแล้ว ในบริเวณนี้ยังมีที่พักของชาวบ้าน ซึ่งได้มีการทำอาหารกลางวันพื้นบ้าน ในบรรยากาศแบบบ้านๆของชาวญี่ปุ่น เตรียมไว้ต้อนรับคณะเรา นำโดยข้าวปั้นก้อนโต(ที่กินเปล่าๆก็อร่อยแล้ว) แกงพื้นบ้าน(หน้าตารสชาติคล้ายแกงส้มบ้านเรา)ผักดอง(กิมจิ) ยำผัก และปิดท้ายล้างปากกันด้วยพุดดิ้งส้มรสชาติอร่อยกลมกล่อม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมื้อที่ทางการท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิภูมิใจนำเสนอ
ศาลเจ้าโมโตโนะซึมิ อินาริ
เมื่ออิ่มหนำ เราพักผ่อนกันสักพักพอให้ข้าวได้เรียงเม็ด ต่อจากนั้นในช่วงบ่ายก็เป็นการปั่นลงเขาประมาณ 4 กม. เพื่อไปสัมผัสกับความสวยงามคลาสสิกของ “ศาลเจ้าโมโตโนะซึมิ อินาริ”(Motonosumi Inari Shrine)แห่งเมืองนากาโตะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดยามากุจิ
ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สถิตของดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกแยกออกมาจากศาลเจ้าไทโคดะนิอินาริ ที่จังหวัดชิมาเนะ เมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ตามตำนานว่ากันว่ามีเทพเจ้าแปลงกายเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวไปเข้าฝันชาวประมงคนหนึ่งเพื่อบอกให้สร้างศาลเจ้าขึ้นที่บริเวณนี้
ศาลเจ้าโมโตโนะซึมิ อินาริ เป็นศาลเจ้าที่มีความสวยงามโดดเด่นต่างไปจากศาลเจ้าทั่วไป เนื่องจากศาลแห่งนี้มีเสาประตูโทริอิสีแดง 123 เสาประตู สร้างเรียงรายทอดตัวจากแนวเนินเขาริมทะเลลงไปสู่ริมชายฝั่ง ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ท้องทะเลญี่ปุ่นที่สวยงามน่าประทับใจ
เสาประตูโทริอิที่นี่นอกจากจะสวยงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว ชาวญี่ปุ่นยังมีความเชื่อกันว่า หากใครได้มาเดินลอดเสาประตูโทริอิที่นี่ แล้วอธิษฐานขอพรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขอทางด้านธุรกิจ การเดินทาง หน้าที่การงาน ความรัก ขอเจอเนื้อคู่ หรือขอลูก เทพเข้าที่นี่จะช่วยดลบันดาลให้ผู้ขอพรประสบสมหวัง
นอกจากนี้ที่เสาประตูโทริอิประตูใหญ่ที่อยู่ด้านบนสุดของศาลเจ้าแห่งนี้ ยังมีความพิเศษแตกต่างไปจากที่อื่นๆ คือมีกล่องบริจาคสุนัขจิ้งจอกอยู่ด้านบนคานประตู พร้อมทั้งมีความเชื่อว่าใครสามารถโยนเหรียญให้เข้าไปตกในกล่องด้านบนได้จะประสพโชคดี แต่หากใครทดลองโยนหลายครั้งแล้วไม่เข้า ก็สามารถทำบุญที่กล่องบริจาคเล็กๆที่ด้านข้างเสาได้
หลังผมเดินลอดเสาประตู และพยายามโยนเหรียญให้เข้ากล่องบริจาค(แต่ไม่เข้า) พร้อมทั้งเดินเสพบรรยากาศบริเวณศาลเจ้าแห่งนี้จนจุใจ ก็ได้เวลาไปต่อกับการเดินทางขึ้นเขาสูงชันระยะทางประมาณ 5 กม. สู่จุดชมวิว“เซนโจจิกิ”(Senjojiki) ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นตัวเลขแสนสวยอยู่ที่ 333 เมตร พอดิบพอดี
บริเวณจุดชมวิวเซนโจจิกิ เมื่อมองออกไปจะเห็นเป็นแนวลานสามเหลี่ยมของยอดเขาเตียนโล่งนำสายตาไปสู่กังหันลมขนาดใหญ่ที่หมุนเอื่อยๆไปตามแรงลม เบื้องล่างมองเห็นแนวหาด“นิโนฮามะ”(Ninohama) แนวหาดหินที่ช่วงปลายเป็นมีแหลมหินยื่นกินเข้าไปในท้องทะเล เมื่อมองถัดไกลออกไปจะเห็น “เกาะโอมิจิมะ”(Omijima) ตั้งเด่นรับเป็นฉากหลัง
จุดชมวิวเซนโจจิกิ นอกจากจะมีวิวทิวทัศน์ของขุนเขาและท้องทะเลอันงดงาม เคียงคู่ไปกับสายลมเย็นๆที่พัดโชยปะทะร่างแล้ว ที่นี่ยังมีการตกแต่งภูมิทัศน์ของพื้นที่อย่างเป็นระเบียบสวยงาม(ตามสไตล์ญี่ปุ่น) มีร้านกาแฟที่ดานบน(หลังคา)เป็นลานชมวิว ส่วนด้านล่างขาย ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม ของกินเล่นต่างๆ และไอศกรีมที่รสชาติอร่อยสุดฟิน สายหวานไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ต่อจากจุดชมวิวเซนโจจิกิ เป้าหมายต่อไปของพวกเราคือการปั่นลงเขายาวประมาณ 20 กม. เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่โรงแรม “Yamamura Bekkan” ที่พักบรรยากาศดีแห่งเมืองนากาโตะ ที่มีออนเซ็นให้บริการ
แต่ก่อนที่ผมจะไปลงแช่ออนเซ็นให้สบายตัวนั้น ระหว่างทางก่อนถึงที่พัก พวกเราเจอของดีนอกโปรแกรมเป็นแนวต้นซากุระที่กำลังออกดอกขาวอมชมพูระเรื่อบานสะพรั่งเต็มสองฟากฝั่งริม “แม่น้ำมิโดริกาวะ”(Midorigawa) ที่ไหลผ่านในตัวเมืองนากาโตะ
ซากุระที่นี่ มีทั้งต้นซากุระที่ขึ้นยืนต้นทอดตัวโค้งงามดุจดังซุ้มซากุระให้เราปั่นลอดผ่าน หรือบางช่วงก็มีซากุระขึ้นขนาบสองข้างทางดุจดังอุโมงค์ซากุระให้เราปั่นลอดผ่าน
บริเวณนี้(ริมแม่น้ำมิโดริกาวะ)แม้จะไม่ใช่จุดหมายหลักของเส้นทาง แต่เมื่อเราได้เจอของดีที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้ มีหรือที่จะปั่นผ่านมันไปเฉยๆ เพราะความนิยมซากุระในดีเอ็นเอของคนไทย(รวมทั้งตัวผมด้วย)นั้นไม่เป็นสองรองชาติใดจริงๆ นั่นจึงทำให้พวกเราชาวคณะนักปั่นจากเมืองไทย ต่างพากันดี๊ด๊าแวะถ่ายรูปเซลฟี่กับซากุระที่นี่กันเป็นที่เพลิดเพลิน ก่อนจะปั่นเข้าสู่ที่พักที่อยู่ห่างจากจุดนี้ไปอีกไม่ไกล
สำหรับกิจกรรมการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิ จากเมืองชิโมโนเซคิสู่เมืองนากาโตะ ในวันที่สองนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า
เสน่ห์อย่างหนึ่งของการปั่นจักรยานเที่ยวก็คือ มันทำให้เราได้เสพบรรยากาศในระหว่างทางได้อย่างถึงอรรถรส ช่วยขับเน้นเรื่องราวระหว่างทางให้น่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น จนหลายต่อหลายครั้ง ผมพบว่าเรื่องราวระหว่างนั้นมีเสน่ห์ไม่ต่างไปจากจุดหมายปลายทาง
แถมในบางครั้งมันยังมีเสน่ห์ชวนให้ประทับใจและชวนให้จดจำยิ่งกว่าจุดหมายปลายทางเสียด้วยซ้ำ... (ติดตามอ่านต่อตอนต่อไป)
.............................................................................................
จังหวัดยามากุจิ(Yamaguchi) ตั้งอยู่ในภูมิภาคจูโกขุุุ หรือ ชูโกกุ(Chugoku) บริเวณช่วงปลายสุดทางฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู(ฮนชู : Honshu) มีทะเลโอบล้อมทั้ง 3 ด้าน มีทัศนียภาพงดงามของท้องทะเล ขุนเขา และบ้านเมือง มีอากาศเย็นสบายกำลังดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารอร่อยชวนให้ลิ้มลอง
สำหรับทริปนี้เป็นการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิของคณะนักปั่นจากเมืองไทยกลุ่มแรกที่ไปปั่นเที่ยวเมืองนี้(อย่างเป็นทางการ) ในระหว่างวันที่ 25-31 มี.ค. ที่ผ่านมา (6 วัน 5 คืน เดินทางคืน 25 เริ่มปั่นวันที่ 26) ซึ่งในตลอดเส้นทางมีดอกซากุระที่ปีนี้บานเร็วกว่าทุกๆปีให้ชมกันเป็นระยะๆ
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
อ่านซีรีส์ชุด "ปั่นจักรยานเที่ยวยามากุจิ เมือจักรยานในดวงใจ เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น"
ตอน 1 ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น...กินโซบะย่างกระเบื้องหลังคา ตื่นตาสะพานวิวสวยต้องชมก่อนตาย
ตอน 2 วิวอย่างว้าว! ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เมืองงาม...หลงรักศาลเจ้าริมทะเล หลงเสน่ห์ซากุระริมแม่น้ำ
ตอน 3 อันซีนญี่ปุ่น พิชิตหุบเขาประหลาด-บ่อน้ำผุดสุดใส สู่“ยามากุจิ”เมืองในดวงใจ
ตอน 4 “ยามากุจิ” เกียวโตฝั่งตะวันตกสวยคลาสสิก จุดดักฝันของนักปั่นจักรยาน
ตอนจบ เปิบ“ปลาปักเป้า”อร่อยเสี่ยงตาย...บ๊ายบาย“ยามากุจิ”เมืองจักรยานในดวงใจ
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
เสน่ห์อย่างหนึ่งของการปั่นจักรยานเที่ยวก็คือ มันทำให้เราได้เสพบรรยากาศในระหว่างทางได้อย่างถึงอรรถรส ช่วยขับเน้นเรื่องราวระหว่างทางให้น่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น จนหลายต่อหลายครั้ง ผมพบว่าเรื่องราวระหว่างนั้นมีเสน่ห์ไม่ต่างไปจากจุดหมายปลายทาง
สำหรับการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัด“ยามากุจิ”(Yamaguchi)ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้งในระหว่างทางและจุดหมายปลายทางต่างก็มีสีสันมนต์เสน่ห์ ชวนให้หลงรักอยู่มากโขไม่ต่างกัน แถมทริปนี้ยังมีดอกซากุระที่บานเร็วกว่าทุกๆปีเป็นโปรโมชั่นเสริม นั่นจึงทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งทริปน่าประทับใจชนิดที่ต้องบันทึกไว้ในความทรงจำ...
ลาก่อนทสึโนชิมะ
การมาเยือนยามากุจิของผมในครั้งนี้ ถือเป็นทริปพิเศษที่ทางบริษัท “Octo Cycling” ร่วมกับ“Inter Bike” และ “การท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ”(Yamaguchi Tourism) ได้นำผู้รักการปั่นจักรยานจากเมืองไทยไปปั่นเที่ยวเมืองยามากุจิในแบบสโลว์ไลฟ์ สัมผัสธรรมชาติ ขุนเขา ท้องทะเล วิถีชีวิตวัฒนธรรม กินอร่อย-นอนสบาย เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น โดยเน้นในเรื่องของความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
หลังเดินทางมาถึงยังจังหวัดยามากุจิ คณะเรามุ่งหน้าไปยังเมือง“ชิโมโนเซคิ”หรือ“ชิโมโนเซกิ”(Shimonoseki)เมืองท่าสำคัญของจังหวัดยามากุจิ ซึ่งในวันแรกผมเริ่มทำความรู้จักกับยามากุจิ ด้วยการกิน"โซบะย่าง(บน)กระเบื้องหลังคา" ที่ให้รสชาติอร่อยแปลกใหม่ และได้ปั่นจักรยาน(ประมาณ 15 กม.)เที่ยวรอบ "เกาะทสึโนชิมะ”(Tsunoshima Island) ชมวิวทิวทัศน์ยามเย็นที่“สะพานทสึโนชิมะ”(Tsunoshima Bridge) สะพานที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น
นี่ถือเป็นการทักทายเบื้องต้นของยามากุจิ ที่เพียงแค่ในวันแรกผมก็พบว่าเมืองนี้ยังมีอะไรดีๆอีกหลากหลายรอให้เราปั่นไปสัมผัสในวันต่อๆไปในตลอดทั้งทริป
สำหรับในวันที่ 2 นี้ พวกเรามีโปรแกรมปั่น(และนั่งรถบางช่วง) รวมระยะทางประมาณ 60 กม. จากเมืองชิโมโนเซคิ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสู่เมือง“นากาโตะ”(Nagato)เมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดยามากุจิ ซึ่งเป็นจุดหมายและที่พักค้างในค่ำคืนที่สองของทริปนี้
แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้ก้มหน้าก้มตาปั่นรัวๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายอย่างเดียว หากแต่ในระหว่างทางยังมีจุดพัก จุดแวะเที่ยวตามโปรแกรม และจุดแวะเที่ยวถ่ายรูปนอกโปรแกรม(แบบไม่ให้โปรแกรมรวน) ด้วยเห็นว่าวิวทิวทัศน์และบรรยากาศบริเวณนั้น มันยอดเยี่ยมสวยงามชนิดที่ไม่ควรปั่นเลยผ่านด้วยประการทั้งปวง
หลังกินอาหารเช้า(ควบคู่ไปกับการชมวิวสวยๆ)ที่ห้องอาหารของ“โรงแรม นิชินากาโตะ รีสอร์ท”(Hotel Nishinagato Resort) ที่พักในค่ำคืนแรกของเรา จนอิ่มหนำดีแล้ว เมื่อคนพร้อม-จักรยานพร้อม คุณ“โนบุ” หรือ“โนบุซัง” ก็ปั่นนำพวกเราออกจากโรงแรม โดยมีคุณ“ซาดะ”หรือ “ซาดะซัง” คอยปั่นปิดท้ายเหมือนเดิม(ทั้งสองคนเป็นทีมงานเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ ที่มาทำหน้าที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ พาคณะนักปั่นจากเมืองไทยออกตะลุยปั่นเที่ยวยามากุจิกันตลอดทั้งทริป) พร้อมทั้งยังมีรถเซอร์วิช วิ่งตามและวิ่งนำในบางช่วงอยู่ห่างๆ เพื่อคอยเสิร์ฟน้ำท่า ขนม ผ้าเย็น ตามจุดพักหลักๆที่กำหนดไว้ในโปรแกรม
จากโรงแรมเราปั่นขึ้นเนินไปยังจุดชมวิวสะพานทสึโนชิมะอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานได้ปั่นมาชมบรรยากาศยามเย็นและตะวันลับฟ้าที่นี่
เช้านี้เราได้เห็นวิวทิวทัศน์ของแนวสะพานทสึโนชิมะ ที่สร้างทอดยาวโค้งผ่านท้องทะเลน้ำตื้นค่อยๆไล่ระดับจากโทนสีเขียวมรกตไปสู่สีฟ้าเข้ม เชื่อมระหว่างฝั่งเมืองชิโมโนเซคิกับเกาะทสึโนชิมะ ซึ่งถือเป็นภาพมุมมองไฮไลท์ของสะพานแห่งนี้ที่ปรากฏเผยแพร่สร้างชื่อไปทั่วโลก จนได้รับการยกย่องให้เป็นสะพานที่มีวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
ชิโมโนเซคิ-นากาโตะ
แม้จะเป็นสถานที่เดิมที่เพิ่งมาเยือนไปเมื่อเย็นวาน แต่ภาพความงามของสะพานทสึโนชิมะที่พบเจอในเช้าวันนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด หลังคณะเราบันทึกภาพถ่ายและภาพความทรงจำของสะพานแห่งนี้กันเป็นที่เพลิดเพลินแล้ว ต่อจากนี้พวกเราก็ออกปั่นลงเนินขึ้นเนินมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป
สำหรับถนนสายนี้เป็นอีกเส้นทางสายสวยที่ในระหว่างทางมีวิวแจ่มๆ ให้ชม ให้แวะถ่ายรูปกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วิวของต้นดอกไม้ที่ออกดอกสีชมพูสวยงาม วิวซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง และวิวของถนนเลาะเลียบทะเลเวิ้งอ่าว“ยุยะ”(Yuya) กับน้ำทะเลสีฟ้าสวยใสที่สร้างความประทับใจให้กับนักปั่นในคณะเราได้ไม่น้อย
พ้นจากถนนสายสวย วิวทะเลงาม ถัดไปก็เป็นทางแยกสำคัญ กับเส้นทางปั่นขึ้นเขาและปั่นข้ามเขาที่ทอดตัวเชื่อมระหว่างเมืองชิโมโนเซคิกับเมืองนากาโตะ
เขาลูกนี้แม้สูงชันไม่มาก (ผู้นำทางของเราลูกนี้คนญี่ปุ่นเรียกกันว่าภูเขา“อามาโกะ”(Amago) โดยมีสูงสุดจากระดับน้ำทะเล 345 เมตร)แต่ว่าก็มีเนินซึมๆให้ปั่นขึ้นกันเหนื่อยพอดู
อย่างไรก็ดี ระหว่างทางช่วงนี้ก็ทดแทนด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงามอลังการของแนวเนินเขาและท้องทะเล ซึ่งนอกจากจะให้เราได้เพลิดเพลินแล้ว มันยังทำให้เราปั่นเพลินข้ามเขาข้ามเขตเมือง(ชิโมโนเซคิ)ขึ้นมาจนถึงยังจุดชมวิว “ฮิกาชิ ยูชิโรฮาตะ ทานาดะ”(Higashi Ushirohata Tanada)แห่งเมืองนากาโตะกันแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ที่จุดชมวิว ฮิกาชิ ยูชิโรฮาตะ ทานาดะ นอกจากจะมีวิวสวยๆงามของแนวชายฝั่ง เวิ้งอ่าว และขุนเขาที่ใช้ปลูกข้าวในช่วงฤดูเพาะปลูกแล้ว ในบริเวณนี้ยังมีที่พักของชาวบ้าน ซึ่งได้มีการทำอาหารกลางวันพื้นบ้าน ในบรรยากาศแบบบ้านๆของชาวญี่ปุ่น เตรียมไว้ต้อนรับคณะเรา นำโดยข้าวปั้นก้อนโต(ที่กินเปล่าๆก็อร่อยแล้ว) แกงพื้นบ้าน(หน้าตารสชาติคล้ายแกงส้มบ้านเรา)ผักดอง(กิมจิ) ยำผัก และปิดท้ายล้างปากกันด้วยพุดดิ้งส้มรสชาติอร่อยกลมกล่อม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมื้อที่ทางการท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิภูมิใจนำเสนอ
ศาลเจ้าโมโตโนะซึมิ อินาริ
เมื่ออิ่มหนำ เราพักผ่อนกันสักพักพอให้ข้าวได้เรียงเม็ด ต่อจากนั้นในช่วงบ่ายก็เป็นการปั่นลงเขาประมาณ 4 กม. เพื่อไปสัมผัสกับความสวยงามคลาสสิกของ “ศาลเจ้าโมโตโนะซึมิ อินาริ”(Motonosumi Inari Shrine)แห่งเมืองนากาโตะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดยามากุจิ
ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สถิตของดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกแยกออกมาจากศาลเจ้าไทโคดะนิอินาริ ที่จังหวัดชิมาเนะ เมื่อประมาณ 60 ปีก่อน ตามตำนานว่ากันว่ามีเทพเจ้าแปลงกายเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวไปเข้าฝันชาวประมงคนหนึ่งเพื่อบอกให้สร้างศาลเจ้าขึ้นที่บริเวณนี้
ศาลเจ้าโมโตโนะซึมิ อินาริ เป็นศาลเจ้าที่มีความสวยงามโดดเด่นต่างไปจากศาลเจ้าทั่วไป เนื่องจากศาลแห่งนี้มีเสาประตูโทริอิสีแดง 123 เสาประตู สร้างเรียงรายทอดตัวจากแนวเนินเขาริมทะเลลงไปสู่ริมชายฝั่ง ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ท้องทะเลญี่ปุ่นที่สวยงามน่าประทับใจ
เสาประตูโทริอิที่นี่นอกจากจะสวยงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว ชาวญี่ปุ่นยังมีความเชื่อกันว่า หากใครได้มาเดินลอดเสาประตูโทริอิที่นี่ แล้วอธิษฐานขอพรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขอทางด้านธุรกิจ การเดินทาง หน้าที่การงาน ความรัก ขอเจอเนื้อคู่ หรือขอลูก เทพเข้าที่นี่จะช่วยดลบันดาลให้ผู้ขอพรประสบสมหวัง
นอกจากนี้ที่เสาประตูโทริอิประตูใหญ่ที่อยู่ด้านบนสุดของศาลเจ้าแห่งนี้ ยังมีความพิเศษแตกต่างไปจากที่อื่นๆ คือมีกล่องบริจาคสุนัขจิ้งจอกอยู่ด้านบนคานประตู พร้อมทั้งมีความเชื่อว่าใครสามารถโยนเหรียญให้เข้าไปตกในกล่องด้านบนได้จะประสพโชคดี แต่หากใครทดลองโยนหลายครั้งแล้วไม่เข้า ก็สามารถทำบุญที่กล่องบริจาคเล็กๆที่ด้านข้างเสาได้
หลังผมเดินลอดเสาประตู และพยายามโยนเหรียญให้เข้ากล่องบริจาค(แต่ไม่เข้า) พร้อมทั้งเดินเสพบรรยากาศบริเวณศาลเจ้าแห่งนี้จนจุใจ ก็ได้เวลาไปต่อกับการเดินทางขึ้นเขาสูงชันระยะทางประมาณ 5 กม. สู่จุดชมวิว“เซนโจจิกิ”(Senjojiki) ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นตัวเลขแสนสวยอยู่ที่ 333 เมตร พอดิบพอดี
บริเวณจุดชมวิวเซนโจจิกิ เมื่อมองออกไปจะเห็นเป็นแนวลานสามเหลี่ยมของยอดเขาเตียนโล่งนำสายตาไปสู่กังหันลมขนาดใหญ่ที่หมุนเอื่อยๆไปตามแรงลม เบื้องล่างมองเห็นแนวหาด“นิโนฮามะ”(Ninohama) แนวหาดหินที่ช่วงปลายเป็นมีแหลมหินยื่นกินเข้าไปในท้องทะเล เมื่อมองถัดไกลออกไปจะเห็น “เกาะโอมิจิมะ”(Omijima) ตั้งเด่นรับเป็นฉากหลัง
จุดชมวิวเซนโจจิกิ นอกจากจะมีวิวทิวทัศน์ของขุนเขาและท้องทะเลอันงดงาม เคียงคู่ไปกับสายลมเย็นๆที่พัดโชยปะทะร่างแล้ว ที่นี่ยังมีการตกแต่งภูมิทัศน์ของพื้นที่อย่างเป็นระเบียบสวยงาม(ตามสไตล์ญี่ปุ่น) มีร้านกาแฟที่ดานบน(หลังคา)เป็นลานชมวิว ส่วนด้านล่างขาย ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม ของกินเล่นต่างๆ และไอศกรีมที่รสชาติอร่อยสุดฟิน สายหวานไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ต่อจากจุดชมวิวเซนโจจิกิ เป้าหมายต่อไปของพวกเราคือการปั่นลงเขายาวประมาณ 20 กม. เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่โรงแรม “Yamamura Bekkan” ที่พักบรรยากาศดีแห่งเมืองนากาโตะ ที่มีออนเซ็นให้บริการ
แต่ก่อนที่ผมจะไปลงแช่ออนเซ็นให้สบายตัวนั้น ระหว่างทางก่อนถึงที่พัก พวกเราเจอของดีนอกโปรแกรมเป็นแนวต้นซากุระที่กำลังออกดอกขาวอมชมพูระเรื่อบานสะพรั่งเต็มสองฟากฝั่งริม “แม่น้ำมิโดริกาวะ”(Midorigawa) ที่ไหลผ่านในตัวเมืองนากาโตะ
ซากุระที่นี่ มีทั้งต้นซากุระที่ขึ้นยืนต้นทอดตัวโค้งงามดุจดังซุ้มซากุระให้เราปั่นลอดผ่าน หรือบางช่วงก็มีซากุระขึ้นขนาบสองข้างทางดุจดังอุโมงค์ซากุระให้เราปั่นลอดผ่าน
บริเวณนี้(ริมแม่น้ำมิโดริกาวะ)แม้จะไม่ใช่จุดหมายหลักของเส้นทาง แต่เมื่อเราได้เจอของดีที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้ มีหรือที่จะปั่นผ่านมันไปเฉยๆ เพราะความนิยมซากุระในดีเอ็นเอของคนไทย(รวมทั้งตัวผมด้วย)นั้นไม่เป็นสองรองชาติใดจริงๆ นั่นจึงทำให้พวกเราชาวคณะนักปั่นจากเมืองไทย ต่างพากันดี๊ด๊าแวะถ่ายรูปเซลฟี่กับซากุระที่นี่กันเป็นที่เพลิดเพลิน ก่อนจะปั่นเข้าสู่ที่พักที่อยู่ห่างจากจุดนี้ไปอีกไม่ไกล
สำหรับกิจกรรมการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิ จากเมืองชิโมโนเซคิสู่เมืองนากาโตะ ในวันที่สองนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า
เสน่ห์อย่างหนึ่งของการปั่นจักรยานเที่ยวก็คือ มันทำให้เราได้เสพบรรยากาศในระหว่างทางได้อย่างถึงอรรถรส ช่วยขับเน้นเรื่องราวระหว่างทางให้น่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น จนหลายต่อหลายครั้ง ผมพบว่าเรื่องราวระหว่างนั้นมีเสน่ห์ไม่ต่างไปจากจุดหมายปลายทาง
แถมในบางครั้งมันยังมีเสน่ห์ชวนให้ประทับใจและชวนให้จดจำยิ่งกว่าจุดหมายปลายทางเสียด้วยซ้ำ... (ติดตามอ่านต่อตอนต่อไป)
.............................................................................................
จังหวัดยามากุจิ(Yamaguchi) ตั้งอยู่ในภูมิภาคจูโกขุุุ หรือ ชูโกกุ(Chugoku) บริเวณช่วงปลายสุดทางฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู(ฮนชู : Honshu) มีทะเลโอบล้อมทั้ง 3 ด้าน มีทัศนียภาพงดงามของท้องทะเล ขุนเขา และบ้านเมือง มีอากาศเย็นสบายกำลังดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารอร่อยชวนให้ลิ้มลอง
สำหรับทริปนี้เป็นการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิของคณะนักปั่นจากเมืองไทยกลุ่มแรกที่ไปปั่นเที่ยวเมืองนี้(อย่างเป็นทางการ) ในระหว่างวันที่ 25-31 มี.ค. ที่ผ่านมา (6 วัน 5 คืน เดินทางคืน 25 เริ่มปั่นวันที่ 26) ซึ่งในตลอดเส้นทางมีดอกซากุระที่ปีนี้บานเร็วกว่าทุกๆปีให้ชมกันเป็นระยะๆ
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
อ่านซีรีส์ชุด "ปั่นจักรยานเที่ยวยามากุจิ เมือจักรยานในดวงใจ เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น"
ตอน 1 ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น...กินโซบะย่างกระเบื้องหลังคา ตื่นตาสะพานวิวสวยต้องชมก่อนตาย
ตอน 2 วิวอย่างว้าว! ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เมืองงาม...หลงรักศาลเจ้าริมทะเล หลงเสน่ห์ซากุระริมแม่น้ำ
ตอน 3 อันซีนญี่ปุ่น พิชิตหุบเขาประหลาด-บ่อน้ำผุดสุดใส สู่“ยามากุจิ”เมืองในดวงใจ
ตอน 4 “ยามากุจิ” เกียวโตฝั่งตะวันตกสวยคลาสสิก จุดดักฝันของนักปั่นจักรยาน
ตอนจบ เปิบ“ปลาปักเป้า”อร่อยเสี่ยงตาย...บ๊ายบาย“ยามากุจิ”เมืองจักรยานในดวงใจ
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager