xs
xsm
sm
md
lg

ปั่น“อิวาเตะ” บนเส้นทางสายสวย...สุดฟินกินสตรอว์เบอร์รีหวานฉ่ำ อร่อยมาก!/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ปั่นจักรยานใต้โค้งรุ้งทาบทอในเส้นทางโมริโอะ-ฮะจิมันไต
“อิวาเตะ” ยามเช้าตรู่

อยู่ใต้ฟ้าจะกลัวอะไรกับฝน คนเดียวดายจะกลัวอะไรกับเหงา

นี่เป็นเช้าวันที่สองของการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น

...แต่เป็นเช้าวันแรกที่ผมกับคณะจะออกปั่นจักรยานทางไกลท่องเที่ยวกัน
เส้นทางปั่นจักรยานสู่การพิชิตยอดเขาฮะจิมันไต
พยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นบอกว่า วันนี้ที่จังหวัดอิวาเตะจะมีเมฆมาก และจะมีฝนตก 50%

งานนี้ไม่มีใครปักตะไคร้หรือแขวนตุ๊กตาไล่ฝน แต่ทุกคนต่างจัดเตรียมเสื้อกันฝนไว้พร้อม ใกล้มือชนิดที่สามารถหยิบมาสวมใส่ได้ทันท่วงที

มร.คนโหนะ

เส้นทางปั่นจักรยานของเราในวันแรกนี้ มาจากการสำรวจและคัดสรรเส้นทางของบริษัท“Octo Cycling”ร่วมกับ“การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ” กำหนดไว้มีระยะทางประมาณ 50 กว่ากม. เป็นเส้นทางปั่นจากเมือง“โมริโอกะ”(Morioka) เมืองเอกของจังหวัดอิวาเตะ มุ่งหน้าสู่เมือง“ฮะจิมันไต”หรือ“ฮาชิมันไต”(Hachimantai) เมืองชนบทแสนงามที่มี “ขุนเขาฮะจิมันไต”ตั้งเด่นตระหง่านคู่เมือง ซึ่งเราจะปั่นขึ้นไปผ่านแนว“กำแพงหิมะ”เผื่อพิชิตยอดเขาฮะจิมันไตในวันถัดไป
มร.คนโหนะ นำทีมคณะนักปั่นชาวไทยกลุ่มหนึี่งมุ่งหน้าสู่การปั่นพิชิตยอดเขาฮะจิมันไต
เช้าวันนี้คณะเรามีสมาชิกพิเศษมาสมทบ คือ “มร.คนโหนะ” (Isao Konno) ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งจะมาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์และผู้ปั่นนำคณะเราไปตลอดทั้งทริป ส่วนคุณ“วากะ”(Wakako Sakuraba) ที่มาพาเรานำเที่ยวเมื่อวาน วันนี้ก็ยังอยู่กับเรา(และจะอยู่ไปตลอดทั้งทริป) โดยตลอดทริปการปั่นครั้งนี้ เธอจะขับรถไปดักๆตามจุดพักเป็นจุดๆเพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับคณะนักปั่นจากเมืองไทย

ครั้นเมื่อถึงเวลาฤกษ์งามยามดีก็ได้เวลาชีพจรลง 2 ล้อ คณะเราทั้งหมด 14 ชีวิต(รวม มร.คนโหนะและผมด้วย) ก็ได้เวลาออกสตาร์ทจากโรงแรมที่พักย่านใจกลางเมืองโมริโอกะ ท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆหม่น ฟ้ามัว แถมด้วยอากาศเย็นประมาณ 10 กว่าองศา(แต่ผมกลับชอบบรรยากาศแบบนี้ เพราะปั่นแล้วไม่ร้อนตับแล่บเหมือนบ้านเรา)
บรรยากาศวิวท้องทุ่งเมืองฮะจิมันไตวันสายฝนพรำ
นอกจากนี้ผมยัง(แอบ)ภาวนาว่า ขอให้ฝน 50% ที่จะตกในอิวาเตะวันนี้อย่าได้กล้ำกรายมาในเส้นที่เราปั่นผ่านเลย หรือถ้าตกก็ขออย่าให้ตกหนัก หรือไม่ก็ขอให้พยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นไม่แม่นเหมือนพยากรณ์อากาศบ้านเรา

ปั่นโมริโอกะ

หลังขบวนจักรยานค่อยๆทยอยออกจากโรงแรม ช่วงแรกเป็นเส้นทางปั่นในตัวเมืองโมริโอกะแบบสโลว์ไลฟ์ค่อยๆไปตามถนนในเมืองที่มีไฟแดงค่อนข้างถี่ โดยพวกเราจะปั่นเรียงแถวกันไปตามถนน ทั้งบนเส้นทางริมทางรถยนต์ บนทางจักรยาน และบนทางเท้า
ปั่นผ่านย่านอาคารเก่าในเมืองโมริโอกะ
ระหว่างนี้ มร.คนโหนะจะคอยหยุดให้เราแวะชมสิ่งน่าสนใจต่างๆของเมืองโมริโอกะ ไม่ว่าจะเป็น อาคารบ้านเรือนเก่าแก่สวยๆงามๆ ปราสาท(เก่า)โมริโอกะ ที่ยังคงมีแนวกำแพงหินตั้งตระหง่าน และอีกในบางจุดบางมุมที่น่าสนใจของเมือง โดยเฉพาะกับ 2 จุดสำคัญ

เริ่มจาก“อิชิวาริซากุระ” ต้นซากุระประจำเมืองโมริโอกะ(Ishiwarizakura) เป็นต้นซากุระเก่าแก่สายพันธุ์อิชิวาริซากุระ ที่ตั้งตระหง่านเด่นอยู่หน้าอาคารสำนักงานศาลประจำเมืองโมริโอกะ
อิชิวาริซากุระในวันกำลังแตกใบเขียว
ซากุระต้นนี้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำเมืองโมริโอกะ มีอายุมากถึงประมาณ 350-400 ปี มีลำต้นขนาดใหญ่(แต่มีความสูงไม่มาก) แผ่สยายกิ่งก้านด้วยรูปฟอร์มที่สวยงาม ที่สำคัญคือมันดูน่าอัศจรรย์ เพราะตัวลำต้นอันอวบใหญ่ของมัน งอกเจริญเติบโตขึ้นมาระหว่างก้อนหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่ดูปานประหนึ่งเป็นฐานอันแข็งแกร่งของซากุระต้นนี้

ส่วนที่น่าเสียดายก็คือในช่วงที่เราไปซากุระต้นนี้ดอกอันสวยงามของมันร่วงโรยหมดแล้ว ผมจึงเห็นเพียงใบสีเขียวที่กำลังทยอยผลิบานรับต้นฤดูใบไม้ผลิที่มาถึง แต่ถึงกระนั้นอิชิวาริซากุระก็ยังคงไว้ลายด้วยรูปทรงที่ดูงามสง่าน่าเกรงขาม ชนิดที่เห็นแล้วอดนึกถึงต้นไม้ใหญ่ๆในบ้านเราเป็นไม่ได้ ที่นับจากอดีตถึงปัจจุบันก็ยังคงประสบกับปัญหาถูกตัดโค่นทำลาย ทั้งต้นไม้ใหญ่ในป่าและต้นไม้ใหญ่ในเมือง R.I.P.
ธนาคารอิวาเตะ(ภาพ : บี bkkwheels)
จากนั้นไปต่อกันที่“ธนาคารอิวาเตะ”(Bank of Iwate) เป็นอาคารเก่า สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรป โชว์สัจจะวัสดุด้วยลวดลายอิฐสีแดง พร้อมประดับตกแต่งอาคารด้วยโค้ง ลวดลายปูนปั้น และบัวประดับตามประตูหน้าต่างและช่องแสงอย่างสวยงาม

ด้านข้างของธนาคาร เป็นแปลงดอกไม้เล็กๆที่สาวๆในคณะเราชื่นชอบกันเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นแปลงดอกไม้สีชมพูสด ประหนึ่งใครนำพรมชมพูมาปูไว้ ชวนให้น่าจูงจักรยานไปถ่ายรูปด้วยยิ่งนัก
แปลงดอกไม้งามข้างธนาคารอิวาเตะ
ขณะที่ที่ด้านหน้าอาคารมีตู้ไปรษณีย์เล็กๆให้ผู้รักการส่งโปสการ์ดเขียนโปสการ์ดถึงคนรัก คนรู้ใจ หรือเขียนถึงตัวเอง ส่งไปยังจุดหมายหรือส่งกลับมาเมืองไทย พร้อมกับจารึกแห่งความทรงจำว่าครั้งหนึ่ง เราเคยมายังที่แห่งนี้คือเมืองอิวาเตะ

โมริโอกะ-ฮะจิมันไต

มร.คนโหนะนำคณะปั่นออกนอกเมืองโมริโอกะไปเรื่อยๆ เส้นทางมีขึ้น-ลงเนินในบางช่วง พอให้ออกแรงกันพอเหงื่อซึม ครั้นเมื่อมาถึงจุดแวะพักถ่ายรูป ณ บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำที่มีวิวทิวทัศน์อันสวยงาม
แวะพักชมวิวบนสะพาน
ระหว่างที่พวกเรากำลังเพลิดเพลินอยู่กับการถ่ายรูป พยากรณ์อากาศญี่ปุ่นก็สำแดงความแม่นยำมาให้เห็น ฝนเริ่มทยอยตกเปาะแปะลงมา จนผมต้องเก็บกล้องแล้วหยิบเสื้อกันฝนมาสวมใส่ แต่ว่าก็เป็นเพียงแค่เม็ดฝนปรอยๆที่ชวนให้เราคลายร้อนจากการปั่นไปได้มากโข

สำหรับทางปั่นฝ่าฝนบางๆบนเส้นทางฝนจางนางไม่หายนับจากนี้ มร.คนโหนะพาพวกเราออกไปปั่นบนถนนสายชนบทที่นอกจากจะมีรถน้อยแล้ว วิวทิวทัศน์ก็สวยงามยิ่งนัก บางช่วงเป็นเส้นทางปั่นเลาะเรียบท้องทุ่งอันกว้างไกล บางช่วงมีดอกไม้สวยๆงามๆให้ชม
ถ่ายภาพร่วมกับคุณป้าเจ้าของบ้านชาวญี่ปุ่นเป็นที่ระลึก
โดยเฉพาะจุดหนึ่งที่ผมชอบมากก็คือที่บริเวณหน้าบ้านของคุณป้าท่านหนึ่ง ซึ่งมีการปลูกต้นไม้ แปลงดอกไม้อย่างสวยงาม ชนิดที่พวกเราเห็นแล้วต่างอดใจไม่ไหวเป็นต้องลงไปถ่ายรูปคู่กับต้นไม้ดอกสีชมพู และแปลงดอกลิลลี่ ดอกทิวลิปสีสดใส ที่ปลูกไว้ริมทางตรงหน้าบ้าน โดยมีคุณป้าเดินออกมาต้อนรับ ให้พวกเราได้ถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึก และชวนให้ประทับใจไม่น้อย
เก็บความงามที่แปลงทิวลิปหน้าบ้านคุณป้าชาวญี่ปุ่น
ต่อจากนั้นพวกเราปั่นไปยังจุดแวะพักกินมื้อเที่ยงที่ร้าน “Yumeichi” ร้านราเมงที่ทางการท่องเที่ยวอิวาเตะภูมิใจนำเสนอ ร้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากจุดตั้งต้นปั่นในตัวเมืองโมริโอกะเกือบๆ 30 กม. เป็นร้านราเมงเล็กๆ ที่ในช่วงเที่ยงๆบ่ายๆมีคนมารอกันแน่นร้าน

ร้าน Yumeichi มีเมนูเด่นแนะนำคือ “มิโซะ ชาชู” ที่เนื้อหมูนั้นนุ่มมากแทบจะละลายในปาก ส่วนน้ำซุปก็กลมกล่อมอร่อย ชนิดที่กินแล้วสามารถเติมพลังความคึกคัก เป็นแรงให้ผมพร้อมที่จะปั่นทะยานลุยไปในช่วงครึ่งบ่ายของวันนี้ได้เป็นอย่างดี
มิโซะ ชาชู เติมพลังในมื้อเที่ยง
ฮะจิมันไต

ช่วงบ่าย สภาพอากาศก็โหดขึ้น ฝนตกหนาเม็ดขึ้น อากาศเย็นเยียบขึ้น แถมด้วยสายลมพัดแรงชนิดที่คนขี้ร้อนอย่างผมถึงกับออกอาการหนาวกายพอตัว

ขณะที่เส้นทางปั่นจักรยานก็ลำบากขึ้นอีกหลายช่วงตัว เพราะเป็นเส้นทางปั่นขึ้นที่สูง เราต้องปั่นขึ้นเนินหลายเนิน เนินบางลูกสูงชัน เนินบางลูกเป็นทางขึ้นเขายาวๆ ต้องออกแรงปั่นขึ้นเขาไปแบบซึมๆ แน่นอนว่าคนธรรมดาอย่างผมที่นอกจากจะไม่ใช่นักปั่นจักรยานแล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตของการออกปั่นจักรยานทางไกลแบบ Touring แบบ Full Load เป็นพวกมือใหม่เอี่ยมที่ถูกพวกนักปั่นจักรยานตัวจริงเขาปั่นนำไปไกลโข
ดอกไม้ริมทาง
อย่างไรก็ดี งานนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทิ้งหาย เพราะทาง Octo Cycling เขามีสตาฟ์ปั่นปิดท้ายคอยเก็บตก ส่วน มร.คนโหนะก็จะคอยไปหยุดรอเป็นช่วงๆ เรียกว่าไม่ทิ้งกัน

สำหรับการปั่นในช่วงครึ่งหลังของวันนี้ เป็นเส้นทางข้ามจากเมืองโมริโอกะสู่เมืองฮะจิมันไต ซึ่งจากร้านราเมงปั่นผ่านสายฝนพรำขึ้นเนินขึ้นเขาแบบไม่เบาแรงไปอีกประมาณ 10 กม. ก็มาถึงยังจุดพักรถในเส้นทางระหว่างเมืองโมริโอกะสู่เมืองฮะจิมันไต
เติมความหวานด้วยไอศกรีม
ที่นี่เราหยุดแวะพักล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำห้องท่า พร้อมทั้งไม่พลาดลองลิ้มไอศกรีมหรือไอติมรสชาติเยี่ยมของที่นี่ ที่มีส่วนผสมจากนมชั้นดี ซึ่งขอบอกมันฟินมาก

แม้ว่าเราจะโดนฝนตัวเปียกปอน แถมด้วยอากาศที่หนาวเย็น แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งการกินไอติมเขาเราได้

สลัดฟาร์ม-กินสตรอว์เบอร์รี หวานฉ่ำ
สลัดฟาร์มด้านหน้าอาคารโรงเรือนหลัก
จากจุดพักรถปั่นไปอีกประมาณ 4 กม. เราก็มาถึงยัง “ซาราดะฟาร์ม” หรือ “สลัดฟาร์ม”(Salad Farm) หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองฮะจิมันไต

สลัดฟาร์มเป็นฟาร์มขนาดใหญ่มีพื้นที่กว้างขวางราว 50,000 ตารางเมตร ภายในฟาร์มมีระบบการบริหารจัดการที่ดี มีการแบ่งพื้นที่เป็นโซนต่างๆ พร้อมด้วยการจัดแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงาม มากไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์กว่า 1,200 ชนิด ซึ่งนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมดอกไม้ตามฤดูกาลได้อย่างเพลิดเพลิน
ดอกไม้หลากหลายในโรงเรือนหลัก
นอกจากนี้ที่สลัดฟาร์มยังมีของกินเด่นๆ อาทิ ไอศกรีมรสเด็ด ไข่ลวกและไข่ต้มปรุงสุก ที่เป็นเมนูยอดฮิตกับไข่แดงสุกนุ่มละมุม ไข่ขาวสุกพอเป็นวุ้น เหยาะด้วยเกลือหน่อย อร่อยเหาะนัก

ส่วนอีกหนึ่งของกินขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ “สตรอว์เบอร์รี”ที่ปลูกแบบปลอดสารพิษ ซึ่งนอกจากจะมีสตรอว์เบอร์รีสดใหม่มาวางขายแล้ว นำโดย 2 พันธุ์เด่นๆ คือ พันธุ์อะคิฮิเมะและพันธุ์เบนิฮปเปะ อีกทั้งยังมี“ครีมพัฟรสสตรอว์เบอร์รี”เป็นหนึ่งในเมนูเด็ด ที่ได้รับรางวัลจากงาน Iwate S-1 Sweets Fair ในปี ค.ศ. 2014
สตรอว์เบอร์รีสดๆมีให้เลือกเก็บกินจากต้นที่สลัดฟาร์ม
มนต์เสน่ห์ของสตรอว์เบอร์รีที่สลัดฟาร์มยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะที่นี่มีการเปิดโรงเรือนปลูกสตรอว์เบอร์รี(เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ : ราคา 1,800 เยน กินได้ไม่อั้นภายในเวลา 40 นาที) ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเก็บสตรอว์เบอร์รีสดๆกินจากต้นบนรางปลูก
สตรอว์เบอร์รีสดๆจากต้น ลูกโต หวานฉ่ำ อร่อยมาก
โดยทางสลัดฟาร์มจะมีกรรไกรไว้ให้เราเดินตัด(ก้าน)สตรอว์เบอร์รีจากต้นกินตามใจชอบ ซึ่งสตรอว์เบอร์รีที่นี่นอกจากจะสด ใหม่ ลูกโต แล้ว รสชาติมันยังเยี่ยมมาก หวานฉ่ำนุ่มละมุนลิ้นฟินสุดๆชนิดที่ผมยังไม่อยากไปจะต่อ เพื่อที่จะได้กินอร่อย และพักเหนื่อยจากการปั่นจักรยานให้นานที่สุด

ซากุระเดียวดาย
จากสลัดฟาร์มออกเดินทางต่อไป
เส้นทางปั่นวันนี้ยังไม่จบ แต่เวลาแห่งความฟินจากการกินสตรอว์เบอร์รีจบลงแล้ว เพราะจากนี้เราต้องออกปั่นกันต่ออีกประมาณ 3 กม. เพื่อชมอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ

สำหรับเส้นทางปั่นต่อจากนี้เป็นถนนมุ่งสู่เทือกเขาฮะจิมันไต เส้นทางจึงมีแต่ขึ้นเนินเป็นหลัก แต่ว่าวิว 2 ข้างทางที่นี่มันสวยเป็นบ้า แม้ฝนจะยังคงโปรยสายพรำๆ แต่มันก็ได้บรรยากาศของเสน่ห์ความงามที่น่าหลงใหลไปอีกแบบ
แวะพักถ่ายรูปที่ฟาร์มปศุสัตว์ระหว่างทาง
ไม่ว่าจะเป็น ถนนบางช่วงที่ยังมีคงหลงเหลือซากุระออกดอกสีขาวให้เพลิดเพลินกัน หรือถนนช่วงที่ปั่นผ่านทุ่งหญ้าและฟาร์มปศุสัตว์อันกว้างใหญ่ มีฝูงวัวเดินออกและเล็มกินหญ้าอย่างสุดฟิน แถมวัวหลายยังมันเหมือนรู้งาน พากันเดินมายืนประกอบฉากให้พวกเราถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน
ช่วงปั่นขึ้นเนินแบบซึมๆกับวิวซากุระริมทาง
นอกจากนี้บริเวณทุ่งปศุสัตว์ยังมีภาพของถนนในช่วงฟ้าหลังฝน ที่เบื้องบนเป็นแผ่นฟ้ากว้างมีโค้งรุ้งสอดตัวโค้งพาดผ่าน เป็นดังสะพานสายรุ้งชวนให้ใจจินตนาการไปไกลแสนไกล

ผ่านจากฟาร์มปศุสัตว์มาไม่ไกลเป็นช่วงถนนลงเนิน มองเห็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เบื้องหลังเป็นภูเขาฮะจิมันไต ในท้องทุ่งหญ้ามีต้นซากุระต้นเดียวยืนต้นตระหง่าน กำลังยานออกดอกสีขาวนวลไปหมดทั้งต้น ซึ่งนี่คือ“อิปปงซากุระ” อีกหนึ่งในจุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของเมืองอิวาเตะ
อิปปงซากุระ ซากุระเดียวดาย หนึ่งในไฮไลท์แห่งเมืองฮะจิมันไต
อิปปงซากุระ เป็นซากุระต้นเดียวโดดๆ มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ผมเรียกซากุระต้นนี้ว่า “ซากุระเดียวดาย” ยืนต้นอย่างโดดเด่นโดดเดี่ยวทระนง ท่ามกลางท้องทุ่งหญ้าเขียวขจี โดยมีเทือกเขาฮะจิมันไตตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ช่วยเสริมส่งองค์ประกอบให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก

ฮะจิมันไต ไฮท์
เนินขึ้นเขาช่วงสุดท้ายก่อนถึงที่พักเชิงเขาฮะจิมันไต
จากจุดชมวิวซากุระเดียวดาย ผมปั่นจักรยานต่อไปแบบไม่เดียวดาย ค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นไปสู่ที่พักของวันนี้ที่ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฮะจิมันไต

เส้นทางในช่วงสุดท้ายนี้มีระยะทางประมาณ 6 กม. เป็นเส้นทางขึ้น(ตีน)เขาที่โหดเอาเรื่อง แต่ก็เป็นเส้นทางที่วิวสวยเหมือนเดิม ช่วงท้ายๆมีซุ้มต้นไม้ใหญ่ที่ต่างพากันออกดอกหลากสีสัน เป็นพลังให้ผมฮึดปั่นเฮือกสุดท้าย มาถึงยัง“โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์”(Hachimantai High Hotel) จุดพักค้างหลักของคณะเราในทริปนี้(พัก 2 คืนด้วยกัน)
โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์ กับห้องพักแบบมีออนเซ็นส่วนตัวในห้อง
โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์ เป็นโรงแรมหรูบริเวณตีนเขาฮะจิมันไต จากตัวโรงแรมสามารถมองเห็นแนวเทือกเขาฮะจิมันไตในเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน ขณะที่ห้องพักต่างๆในโรงแรมแห่งนี้ก็ตกแต่งอย่างหรูหรา สะดวกสบาย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ออนเซ็นส่วนตัวในห้องพักแบบพิเศษของโรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์
นอกจากนี้โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์ยังเป็นอีกหนึ่งแห่งที่มี“ออนเซ็น”เลื่องชื่อของจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งหากใครจองห้องพักแบบพิเศษไว้ เขาจะมีบริการออนเซ็นในห้องให้เรานั่งแช่น้ำแร่ๆอุ่นๆพร้อมชมวิวเบื้องนอกไปอย่างสุดฟิน
อาหารเย็นสไตล์ญี่ปุ่นที่โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์
สำหรับคำคืนนี้หลังอาหารค่ำที่เป็นบริการชุดใหญ่ไฟกระพริบแบบ“วีไอพี”ในสไตล์ญี่ปุ่นของโรงแรม ก่อนเข้านอนผมขอไปนั่งแช่ออนเซ็นให้ร่างกาย กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
เนินสุดท้ายก่อนถึงโรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์
เพราะในวันพรุ่งนี้เรามีภารกิจที่เป็นไฮไลท์สำคัญสูงสุดของทริป นั่นก็คือ การปั่นจักรยานไปตามเส้นทาง“กำแพงหิมะ”(Snow Wall) เพื่อขึ้นไปพิชิตยอดเขา“ฮะจิมันไต”(ฮาชิมันไต) บนระดับความสูงกว่า 1,600 เมตร ซึ่งหนทางจะเป็นเช่นใดนั้น??? ผมมิอาจรู้ได้

รู้แต่ว่าเส้นทางปั่นอันสวยงามในวันนี้มันช่างสวยงามคุ้มค่านัก

นับเป็นประสบการณ์การปั่นจักรยานท่องเที่ยวทางไกลครั้งแรกของผม ที่จะตราตรึงไปอีกนานเท่านาน...(อ่านต่อตอนหน้า)
เส้นทางปั่นผ่านกำแพงหิมะพิชิตยอดเขาฮะจิมันไต(ในวันถัดไป)
******************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น