โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ถนนคดโค้งทอดยาวสูงชันไต่ระดับขึ้นสู่ยอดเขาสูงกว่า 1,500 เมตร
สองข้างทางขนาบข้างด้วยกำแพงหิมะสูงท่วมหัวขาวโพลน
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ม่านหมอกลงหนาทึบ อากาศหนาวเย็น แถมด้วยสายลมแรงที่พัดพาความหนาวเหน็บปานคมมีกรีดเฉือนมาเป็นระยะๆ
ณ ห้วงเวลานี้ บรรยากาศเช่นนี้ สภาพการณ์เช่นนี้ ผมกำลังค่อยๆปั่นจักรยานไต่ขึ้นเขาผ่านกำแพงหิมะไปอย่างทุลักทุเล ด้วยอาการเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ปวดขาปวดน่องหนึบๆ พร้อมกับตั้งคำถามในใจว่า
“นี่เรามาทำอะไรบนนี้”
และเมื่อยิ่งปั่นต่อไป สูงขึ้นไป ความโหดหินเหน็ดเหนื่อยมันก็ยิ่งถาโถมเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดคำถามในใจอันหนักอึ้งยิ่งขึ้นว่า
“นี่กูมาทำอะไรบนนี้วะ”!!!
ฮะจิมันไต
นี่เป็นวันที่ 3 ของการมาเที่ยวในจังหวัด“อิวาเตะ”(Iwate) ประเทศญี่ปุ่น
แต่เป็นวันที่ 2 ของทริปการปั่นจักรยานที่ทางบริษัท“Octo Cycling”ร่วมกับ“การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ” ได้คัดสรรเส้นทางปั่นจักรยานสายงาม มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักปั่นชาวไทยที่ต้องการเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ไปกับการปั่นจักรยานในต่างแดน
โดยการปั่นวันแรก เราเปิดทริปกันด้วยการปั่นจากตัวเมือง“โมริโอกะ”(Morioka) เมืองเอกของจังหวัดอิวาเตะ มุ่งหน้าสู่เมือง“ฮะจิมันไต” มีระยะทางปั่นรวมประมาณ 50 กว่า กม.
เมือง“ฮะจิมันไต”หรือ“ฮาชิมันไต”(Hachimantai) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงภูเขาไฟทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดอิวาเตะ มีความโดดเด่นในเรื่องของวิวทิวทัศน์อันงดงามของท้องทุ่งขุนเขา มีดอกไม้งามหลากหลายพันธุ์อันสวยงามอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะกับดอกซากุระอันงดงามโดยมีไฮไลท์คือ “อิปปงซากุระ”หรือซากุระเดียวดายอันเลื่องชื่อ มีสตรอว์เบอร์รีสดรสหวานฉ่ำอร่อยมากให้ลิ้มลองที่“ซาราดะฟาร์ม”หรือ“สลัดฟาร์ม”(Salad Farm) มีแหล่งน้ำพุร้อน “ออนเซ็น”เลื่องชื่อ(โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์ ที่ผมพักก็เป็นหนึ่งในนั้น)ซึ่งจุดเด่นต่างๆเหล่านี้ ผมได้ไปสัมผัสมาในเส้นทางปั่นของวันแรก
นอกจากนี้เมืองฮะจิมันไตยังมี“เทือกเขาฮะจิมันไต”อันโดดเด่นทอดตัวตระหง่านเป็นสัญลักษณ์สำคัญคู่เมือง
เทือกเขาฮะจิมันไต มี“อุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮะจิมันไต”(Towada- Hachimantai Nation Park)ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่คาบเกี่ยวของจังหวัดอิวาเตะและจังหวัดอาคิตะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มี“ยอดเขาฮะจิมันไต” บนความสูง 1,613 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นยอดสูงสุด
ในขณะที่บนความสูงประมาณ 1,500 เมตร ขึ้นไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ บริเวณนี้มีหิมะตกหนา จนเกิดเป็นถนน“กำแพงหิมะ”(Snow Wall) หรือ “ฮะจิมันไต แอสไปต์ ไลน์”(Hachimantai Aspite Line) ในเส้นทางสีขาวมีระยะทางเกือบ 30 กม. ทอดยาวผ่านยอดเขาเชื่อมระหว่างจังหวัดอิวาเตะ กับจังหวัดอากิตะเข้าด้วยกัน นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของญี่ปุ่น รอคอยให้นักเดินทางได้ขึ้นไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกัน
รวมถึงยังเป็นเส้นทางปั่นจักรยานฝ่ากำแพงหิมะพิชิตยอดเขาฮะจิมันไตอันน่าตื่นตาตื่นใจ(ในเส้นทางปั่นจักรยานวันที่ 2 อันโหดหิน) ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการปั่นจักรยานของพวกเราในทริปนี้
ปั่นขึ้นเขาฮะจิมันไต
เช้าวันที่ 2 ของการปั่นจักรยาน(แต่เป็นวันที่ 3 ของทริป)
พยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นวันนี้ยังเหมือนเช่นเมื่อวานคือ ที่จังหวัดอิวาเตะมีเมฆมาก และจะมีฝนตกราว 50%
และเช่นเคยผมภาวนาว่าขอให้วันนี้ฝนอย่าได้มาตกในเส้นทางที่เราปั่นขึ้นเขากันเลย
สำหรับโปรแกรมปั่นวันนี้ เราต้องปั่นขึ้น-ลง เขาฮะจิมันไต ในระยะทางประมาณ 48 กม. ซึ่งจากบริเวณลานจอดรถหน้า“โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์”(Hachimantai High Hotel)ที่พักของเรา ผมมองเห็นแนวเทือกเขาฮะจิมันไตทอดตัวตระหง่าน บนแนวยอดเขามีหิมะปกคลุมเห็นชัดเจน ขณะที่บนท้องฟ้าเมฆหมอกครึ้มฟ้าครึ้มฝนได้เริ่มก่อตัว เป็นดังสัญญาณเตือนว่า
...วันนี้เราน่าจะโดนฝนเล่นงานอีกวันหนึ่ง
จากนั้นเมื่อทุกคนตรวจตราและจัดเตรียมจักรยานคู่กายของแต่ละคนพร้อมสรรพ พวกทั้งหมด 14 ชีวิต ก็ได้ฤกษ์ปั่นจักรยานมุ่งหน้าสู่เส้นทางฝ่ากำแพงหิมะ พิชิตยอดเขาฮะจิมันไต โดยมี “มร.คนโหนะ” (Isao Konno) ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ มาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ คอยปั่นนำทีมคณะเราเหมือนเดิม ส่วนคุณ“วากะ”(Wakako Sakuraba) ที่พาคณะเราเที่ยวตั้งแต่วันแรก ก็ยังอยู่กับเราไปตลอดทั้งทริป โดยวันนี้เธอจะขับรถไปดักๆตามจุดพักเพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับคณะนักปั่นจากเมืองไทย
วันนี้แม้สภาพโดยรวมจะเป็นการปั่นจักรยานขึ้นเขาสูงชัน แต่เส้นทางในช่วงแรก “มร.คนโหนะ” ปั่นนำพวกเราไปในเส้นทางลงเขา จักรยานวิ่งฉลุยไปได้ราวๆ 3 กม. ก็มาถึงยังจุดพักรถเชิงเขา ให้เราได้แวะพักดื่มน้ำล้างหน้าล้างตา พร้อมทั้งถ่ายรูปต้นซากุระริมทางที่ยังคงออกดอกบานสวยงามไว้เป็นที่ระลึก
เป็นความสวยงามก่อนเดินทางขึ้นเขา ซึ่งนับจากนี้ไปเป็นเส้นทางโหดหินของจริง สภาพถนนค่อยๆไต่ระดับไปบนความสูงชันของเทือกเขาฮะจิมันไต ทำให้คนมือใหม่หัดปั่นจักรยานขึ้นเขาเป็นครั้งแรกอย่างผม ที่ยังใช้เกียร์ไม่คล่องต้องปั่นไปพักไป ไม่ว่าจะเป็น แวะพักที่จุดชมวิวบนเนินเขาฮะจิมันไต ที่เมืองมองออกไปจะเห็น“ภูเขาอิวาเตะ” ตั้งเด่นตระหง่าน หรือแวะพักบ่อยๆในเส้นทางปั่นลอดอุโมงค์ที่มีอยู่หลายช่วงด้วยกัน
ต่อจากนั้นในเส้นทางที่สูงชันยิ่งขึ้น สภาพป่าเริ่มเปลี่ยนจากป่าโปร่งเป็นผืนป่าที่มีหิมะปกคลุมประปราย แล้วค่อยๆทวีความหนาแน่นของหิมะขึ้นเรื่อยๆไปตามระดับความสูงของขุนเขา
ขณะที่สภาพอากาศจากที่ท้องฟ้าขาวไร้แดด ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าเทาครึ้มมีฝนตกเปาะแปะ ก่อนจะค่อยๆทวีความเข้มข้นขึ้นเป็นฝนตกโปรยสาย ช่วยตอกย้ำความโหดของเส้นทางในช่วงแรกให้มัน(แสน)สาหัสยิ่งขึ้นไปอีก จนเหล่านักปั่นหลายๆคนในทริปต่างซูฮกในความโหดหินของเส้นทาง แต่ว่าทุกคนก็ปั่นผ่านมาถึงยังจุดพักรถกลางทาง ที่บริเวณรอบข้างแวดล้อมไปด้วยหิมะปกคลุมขาวโพลน พร้อมกับเริ่มมีแนวกำแพงหิมะทอดตัวปรากฏให้เห็น
นับเป็นบรรยากาศความงามของธรรมชาติที่ดูน่าแปลกตาสำหรับคนไทยธรรมดาๆอย่างผมไม่น้อย
ปั่นพิชิตยอดเขาฮะจิมันไต
จากจุดพักกลางทางขึ้นเขาฮะจิมันไต เส้นทางปั่นต่อไปมีระยะทางประมาณ 7 กม. เป็นถนนสายกำแพงหิมะที่ทอดตัวยาวพาเราเข้าสู่ “อุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮะจิมันไต” และนำขึ้นสู่ยอดเขาฮะจิในไต ไฮไลท์สำคัญของทริป
สำหรับเส้นทางปั่นผ่านกำแพงหิมะ(Snow Wall)บนระดับความสูงประมาณ 1,500 เมตร ปกติมันก็เป็นเส้นทางโหดหินที่ต้องปั่นสองล้อ ตะลุยห้อขึ้นไปบนถนนอันสูงชันลดเลี้ยวเคี้ยวโค้งอยู่แล้ว แต่ในวันนั้น ณ ห้วงเวลานั้น มันเหมือนกับดวงแตก เล่นไพ่โดนเจ้ามือกินรวบหลายเด้ง
เพราะในเส้นทางที่สูงชันคดโค้ง มันบวกเพิ่มด้วยความโหดจาก สายฝนพรำโปรยปราย สายหมอกที่ลงหนาทึบชนิดทัศนวิสัยไม่สามารถมองเห็นไหลเกิน 10 เมตร อากาศอันหนาวเย็นเยียบต่ำกว่า 5 องศา แถมยังมีสายลมแรงพัดกระโชกมาเป็นระยะๆช่วยเพิ่มความหนาวเหน็บราวคมมีดกรีดเฉือน ให้ยะเยือกสะเทือนไปถึงเครื่องใน
เรียกว่าทั้งเปียก ทั้งหนาว ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งปวดแข้งปวดขา ทั้งเจ็บก้นระบม จนผมอดคิดไม่ได้ว่า
โอว...นี่เราขึ้นมาทำอะไรที่นี่
อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วคณะนักปั่นที่ไม่ย่นย่อท้อก็สามารถปั่นฝ่ากำแพงหิมะ ขึ้นมายังถึงจุดพักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณยอดเขาฮะจิมันจนได้
แม้การปั่นมาถึงของบางคนจะมาแบบทุลักทุเล บางคนต้องเดินเข็นรถขึ้นเขาในบางช่วง บางคนต้องนั่งรถเซอร์วิส(บ้าง)ในบางช่วง แถมการมาถึงบนยอดเขาในวันนั้น พวกเรายังไม่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของยอดเขาฮะจิมันไตได้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย มีหมอกลงหนาทึบ ฝนตกพรำ
แต่ความทรงจำจากจากการได้ปั่นขึ้นมาเป็นผู้พิชิตยอดเขาฮะจิมันไตนั้น มันจะยังคงอยู่กับเราไปตราบนานแสนนาน
แช่ออนเซ็นแสนเพลิน
แม้อากาศ(ภายนอก)บริเวณยอดเขาฮะจิมันไตมันช่างหนาวเหน็บ แต่อากาศภายในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ยอดเขาแห่งนี้จัดว่าเย็นสบายกำลังดี แถมมันยังอุ่นขึ้นทันทีเมื่อผมได้ซดน้ำราเมงร้อนๆกลิ่นหอมควันโชยฉุยเข้าไป ซึ่งนี่คือสิ่งช่วยเติมพลังหลังจากเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากการปั่นจักรยานขึ้นมาพิชิตยอดเขาฮะจิมันไตได้เป็นอย่างดี
สำหรับเส้นทางปั่นจากนี้เป็นเส้นทางลงเขาผ่านกำแพงหิมะ มุ่งหน้าสู่แหล่งออนเซ็นเลื่องชื่อของฮะจิมันไต เพื่อให้พวกเราได้ลงไปแช่น้ำแร่ร้อนอุ่นให้ผ่อนคลายจากอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
โดยเส้นทางปั่นผ่านกำแพงหิมะ ผ่านสายฝน สายหมอก สายลม จากยอดเขาฮะจิมันไตไปในเส้นทางเก่าสู่จุดพักรถกลางทาง แม้มันจะไม่ต้องออกแรง เพราะเป็นการไหลลงเขา แต่ว่าเราก็ต้องคอยบังคับเบรก คุมจักรยานให้ดี อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพราะไหนจะเป็นทางลงเขาชันถนนลดเลี้ยวเคี้ยวโค้ง ไหนจะเต็มไปด้วยทัศนวิสัยที่แย่มากมองเห็นได้ไม่ไกลเกิน 10 เมตร ไหนจะฝนตกพรำถนนลื่น ไหนจะหนาวเหน็บจากสภาพอากาศและลมพัดแรง ทำให้การปั่นลงเขาของคณะเราต้องทำแบบค่อยไปค่อยไป ก่อนที่จะค่อยๆไต่ลงเขามายังจุดพักรถกลางทางได้อย่างปลอดภัยกันถ้วนทั่วหน้า
จากจุดพักรถกลางทาง เส้นทางลงเขาช่วงต่อไป มร.คนโหนะ ปั่นพาเราไปในเส้นทางใหม่ ซึ่งตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว สายหมอกจางหาย แต่สายลมแรงยังคงอยู่ ส่วนที่ดีต่อกายและใจมากๆก็คือ ทัศนวิสัยเปิด และนั่นมันทำให้เราสามารถมองเห็นเส้นทางชัดเจน พร้อมๆกับยลโฉมกับความงามของวิวทิวทัศนียภาพรอบข้างของเส้นทางกำแพงหิมะยามฟ้าหลังฝนได้อย่างเด่นชัด ซึ่งคณะนักปั่นทุกคนในทริปต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
”มันสวยมาก”
อย่างไรก็ดีในเส้นทางช่วงนี้มันไม่ได้เป็นการปั่นลงเขาทั้งหมด แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งเราต้องปั่นขึ้นเขาสูงชันในเส้นทางคดโค้งอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ดีหน่อยที่ไม่มีฝน ไม่มีหมอก และสายลมไม่แรง ซึ่งถือเป็นเส้นทางสุดโหดช่วงสุดท้ายของวันนี้ ก่อนที่ มร.คนโหนะ จะปั่นนำพาพวกเรามาถึงยัง “มัตสึคาวะ ออนเซ็น” โดยดุษฎี
มัตสึคาวะ ออนเซ็น(Matsukawa Onsen) เป็นหนึ่งในออนเซ็นชื่อดังของจังหวัดอิวาเตะ มีบ่อน้ำร้อนให้แช่ทั้งในแบบบ่อส่วนตัว และบ่อรวมท่ามกลางสภาพธรรมชาติอันน่ายล แช่แล้วสบายตัวดีแท้ ช่วยลดอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าจากการทุ่มออกแรงปั่นขึ้นเขาลงไปได้มากโข
หลังแช่ออนเซ็นสบายกายได้ที่แล้ว การปั่นในช่วงสุดท้ายเป็นชีวิตขาลงที่ผมชอบมากๆ เพราะเป็นเส้นทางลงเขา จักรยานวิ่งไหลลงฉลุย แถมวิวทิวทัศน์ก็สวยงามน่ายล
แล้วในที่สุดเราก็ปั่นลงเขาในอีกเส้นทางมาถึงยังที่พัก โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์ ที่อยู่บริเวณเชิงเขาฮะจิมันไตกันแบบสบายๆ และประทับใจ
ครั้งหนึ่งในชีวิต
ค่ำวันนั้นหลังอาหารค่ำ ผมไปนั่งแช่ออนเซ็นของโรงแรมที่พักอีกครั้ง
เมื่อความเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าผ่อนคลาย รู้สึกสบายกายสบายตัว สมองรื่นไหล ใจได้คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ของวันที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในห้วงเวลาหฤโหดของการปั่นจักรยานไต่ขึ้นสู่ยอดเขาฮะจิมันไต
บนถนนคดโค้งทอดยาวสูงชันไต่ระดับขึ้นสู่ยอดเขาสูงกว่า 1,500 เมตร
สองข้างทางขนาบข้างด้วยกำแพงหิมะสูงท่วมหัวขาวโพลน
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ม่านหมอกลงหนาทึบ อากาศหนาวเย็น แถมด้วยสายลมแรงที่พัดพาความหนาวเหน็บปานคมมีกรีดเฉือนมาเป็นระยะๆ
ณ ห้วงเวลานี้ บรรยากาศเช่นนี้ สภาพการณ์เช่นนี้ ผมกำลังค่อยๆปั่นจักรยานไต่ขึ้นเขาผ่านกำแพงหิมะไปอย่างทุลักทุเล ด้วยอาการเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ปวดขาปวดน่องหนึบๆ จนทำให้เกิดคำถามในใจอันหนักอึ้งยิ่งขึ้นว่า
“นี่กูมาทำอะไรบนนี้วะ”!!!
...บัดนี้หลังฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆจนสามารถขึ้นไปพิชิตยอดเขาฮะจิมันไต เป็นประสบการณ์“ครั้งหนึ่งในชีวิต”
คำตอบสำคัญที่ได้ไม่ใช่การพิชิตยอดเขา หากแต่มันคือการ“พิชิตใจ”ของตัวเองต่างหาก...(อ่านต่อตอนหน้า)
******************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
ถนนคดโค้งทอดยาวสูงชันไต่ระดับขึ้นสู่ยอดเขาสูงกว่า 1,500 เมตร
สองข้างทางขนาบข้างด้วยกำแพงหิมะสูงท่วมหัวขาวโพลน
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ม่านหมอกลงหนาทึบ อากาศหนาวเย็น แถมด้วยสายลมแรงที่พัดพาความหนาวเหน็บปานคมมีกรีดเฉือนมาเป็นระยะๆ
ณ ห้วงเวลานี้ บรรยากาศเช่นนี้ สภาพการณ์เช่นนี้ ผมกำลังค่อยๆปั่นจักรยานไต่ขึ้นเขาผ่านกำแพงหิมะไปอย่างทุลักทุเล ด้วยอาการเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ปวดขาปวดน่องหนึบๆ พร้อมกับตั้งคำถามในใจว่า
“นี่เรามาทำอะไรบนนี้”
และเมื่อยิ่งปั่นต่อไป สูงขึ้นไป ความโหดหินเหน็ดเหนื่อยมันก็ยิ่งถาโถมเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดคำถามในใจอันหนักอึ้งยิ่งขึ้นว่า
“นี่กูมาทำอะไรบนนี้วะ”!!!
ฮะจิมันไต
นี่เป็นวันที่ 3 ของการมาเที่ยวในจังหวัด“อิวาเตะ”(Iwate) ประเทศญี่ปุ่น
แต่เป็นวันที่ 2 ของทริปการปั่นจักรยานที่ทางบริษัท“Octo Cycling”ร่วมกับ“การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ” ได้คัดสรรเส้นทางปั่นจักรยานสายงาม มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักปั่นชาวไทยที่ต้องการเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ไปกับการปั่นจักรยานในต่างแดน
โดยการปั่นวันแรก เราเปิดทริปกันด้วยการปั่นจากตัวเมือง“โมริโอกะ”(Morioka) เมืองเอกของจังหวัดอิวาเตะ มุ่งหน้าสู่เมือง“ฮะจิมันไต” มีระยะทางปั่นรวมประมาณ 50 กว่า กม.
เมือง“ฮะจิมันไต”หรือ“ฮาชิมันไต”(Hachimantai) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงภูเขาไฟทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดอิวาเตะ มีความโดดเด่นในเรื่องของวิวทิวทัศน์อันงดงามของท้องทุ่งขุนเขา มีดอกไม้งามหลากหลายพันธุ์อันสวยงามอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะกับดอกซากุระอันงดงามโดยมีไฮไลท์คือ “อิปปงซากุระ”หรือซากุระเดียวดายอันเลื่องชื่อ มีสตรอว์เบอร์รีสดรสหวานฉ่ำอร่อยมากให้ลิ้มลองที่“ซาราดะฟาร์ม”หรือ“สลัดฟาร์ม”(Salad Farm) มีแหล่งน้ำพุร้อน “ออนเซ็น”เลื่องชื่อ(โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์ ที่ผมพักก็เป็นหนึ่งในนั้น)ซึ่งจุดเด่นต่างๆเหล่านี้ ผมได้ไปสัมผัสมาในเส้นทางปั่นของวันแรก
นอกจากนี้เมืองฮะจิมันไตยังมี“เทือกเขาฮะจิมันไต”อันโดดเด่นทอดตัวตระหง่านเป็นสัญลักษณ์สำคัญคู่เมือง
เทือกเขาฮะจิมันไต มี“อุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮะจิมันไต”(Towada- Hachimantai Nation Park)ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่คาบเกี่ยวของจังหวัดอิวาเตะและจังหวัดอาคิตะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มี“ยอดเขาฮะจิมันไต” บนความสูง 1,613 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นยอดสูงสุด
ในขณะที่บนความสูงประมาณ 1,500 เมตร ขึ้นไปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ บริเวณนี้มีหิมะตกหนา จนเกิดเป็นถนน“กำแพงหิมะ”(Snow Wall) หรือ “ฮะจิมันไต แอสไปต์ ไลน์”(Hachimantai Aspite Line) ในเส้นทางสีขาวมีระยะทางเกือบ 30 กม. ทอดยาวผ่านยอดเขาเชื่อมระหว่างจังหวัดอิวาเตะ กับจังหวัดอากิตะเข้าด้วยกัน นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของญี่ปุ่น รอคอยให้นักเดินทางได้ขึ้นไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกัน
รวมถึงยังเป็นเส้นทางปั่นจักรยานฝ่ากำแพงหิมะพิชิตยอดเขาฮะจิมันไตอันน่าตื่นตาตื่นใจ(ในเส้นทางปั่นจักรยานวันที่ 2 อันโหดหิน) ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของการปั่นจักรยานของพวกเราในทริปนี้
ปั่นขึ้นเขาฮะจิมันไต
เช้าวันที่ 2 ของการปั่นจักรยาน(แต่เป็นวันที่ 3 ของทริป)
พยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นวันนี้ยังเหมือนเช่นเมื่อวานคือ ที่จังหวัดอิวาเตะมีเมฆมาก และจะมีฝนตกราว 50%
และเช่นเคยผมภาวนาว่าขอให้วันนี้ฝนอย่าได้มาตกในเส้นทางที่เราปั่นขึ้นเขากันเลย
สำหรับโปรแกรมปั่นวันนี้ เราต้องปั่นขึ้น-ลง เขาฮะจิมันไต ในระยะทางประมาณ 48 กม. ซึ่งจากบริเวณลานจอดรถหน้า“โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์”(Hachimantai High Hotel)ที่พักของเรา ผมมองเห็นแนวเทือกเขาฮะจิมันไตทอดตัวตระหง่าน บนแนวยอดเขามีหิมะปกคลุมเห็นชัดเจน ขณะที่บนท้องฟ้าเมฆหมอกครึ้มฟ้าครึ้มฝนได้เริ่มก่อตัว เป็นดังสัญญาณเตือนว่า
...วันนี้เราน่าจะโดนฝนเล่นงานอีกวันหนึ่ง
จากนั้นเมื่อทุกคนตรวจตราและจัดเตรียมจักรยานคู่กายของแต่ละคนพร้อมสรรพ พวกทั้งหมด 14 ชีวิต ก็ได้ฤกษ์ปั่นจักรยานมุ่งหน้าสู่เส้นทางฝ่ากำแพงหิมะ พิชิตยอดเขาฮะจิมันไต โดยมี “มร.คนโหนะ” (Isao Konno) ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ มาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ คอยปั่นนำทีมคณะเราเหมือนเดิม ส่วนคุณ“วากะ”(Wakako Sakuraba) ที่พาคณะเราเที่ยวตั้งแต่วันแรก ก็ยังอยู่กับเราไปตลอดทั้งทริป โดยวันนี้เธอจะขับรถไปดักๆตามจุดพักเพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับคณะนักปั่นจากเมืองไทย
วันนี้แม้สภาพโดยรวมจะเป็นการปั่นจักรยานขึ้นเขาสูงชัน แต่เส้นทางในช่วงแรก “มร.คนโหนะ” ปั่นนำพวกเราไปในเส้นทางลงเขา จักรยานวิ่งฉลุยไปได้ราวๆ 3 กม. ก็มาถึงยังจุดพักรถเชิงเขา ให้เราได้แวะพักดื่มน้ำล้างหน้าล้างตา พร้อมทั้งถ่ายรูปต้นซากุระริมทางที่ยังคงออกดอกบานสวยงามไว้เป็นที่ระลึก
เป็นความสวยงามก่อนเดินทางขึ้นเขา ซึ่งนับจากนี้ไปเป็นเส้นทางโหดหินของจริง สภาพถนนค่อยๆไต่ระดับไปบนความสูงชันของเทือกเขาฮะจิมันไต ทำให้คนมือใหม่หัดปั่นจักรยานขึ้นเขาเป็นครั้งแรกอย่างผม ที่ยังใช้เกียร์ไม่คล่องต้องปั่นไปพักไป ไม่ว่าจะเป็น แวะพักที่จุดชมวิวบนเนินเขาฮะจิมันไต ที่เมืองมองออกไปจะเห็น“ภูเขาอิวาเตะ” ตั้งเด่นตระหง่าน หรือแวะพักบ่อยๆในเส้นทางปั่นลอดอุโมงค์ที่มีอยู่หลายช่วงด้วยกัน
ต่อจากนั้นในเส้นทางที่สูงชันยิ่งขึ้น สภาพป่าเริ่มเปลี่ยนจากป่าโปร่งเป็นผืนป่าที่มีหิมะปกคลุมประปราย แล้วค่อยๆทวีความหนาแน่นของหิมะขึ้นเรื่อยๆไปตามระดับความสูงของขุนเขา
ขณะที่สภาพอากาศจากที่ท้องฟ้าขาวไร้แดด ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าเทาครึ้มมีฝนตกเปาะแปะ ก่อนจะค่อยๆทวีความเข้มข้นขึ้นเป็นฝนตกโปรยสาย ช่วยตอกย้ำความโหดของเส้นทางในช่วงแรกให้มัน(แสน)สาหัสยิ่งขึ้นไปอีก จนเหล่านักปั่นหลายๆคนในทริปต่างซูฮกในความโหดหินของเส้นทาง แต่ว่าทุกคนก็ปั่นผ่านมาถึงยังจุดพักรถกลางทาง ที่บริเวณรอบข้างแวดล้อมไปด้วยหิมะปกคลุมขาวโพลน พร้อมกับเริ่มมีแนวกำแพงหิมะทอดตัวปรากฏให้เห็น
นับเป็นบรรยากาศความงามของธรรมชาติที่ดูน่าแปลกตาสำหรับคนไทยธรรมดาๆอย่างผมไม่น้อย
ปั่นพิชิตยอดเขาฮะจิมันไต
จากจุดพักกลางทางขึ้นเขาฮะจิมันไต เส้นทางปั่นต่อไปมีระยะทางประมาณ 7 กม. เป็นถนนสายกำแพงหิมะที่ทอดตัวยาวพาเราเข้าสู่ “อุทยานแห่งชาติโทวาดะ-ฮะจิมันไต” และนำขึ้นสู่ยอดเขาฮะจิในไต ไฮไลท์สำคัญของทริป
สำหรับเส้นทางปั่นผ่านกำแพงหิมะ(Snow Wall)บนระดับความสูงประมาณ 1,500 เมตร ปกติมันก็เป็นเส้นทางโหดหินที่ต้องปั่นสองล้อ ตะลุยห้อขึ้นไปบนถนนอันสูงชันลดเลี้ยวเคี้ยวโค้งอยู่แล้ว แต่ในวันนั้น ณ ห้วงเวลานั้น มันเหมือนกับดวงแตก เล่นไพ่โดนเจ้ามือกินรวบหลายเด้ง
เพราะในเส้นทางที่สูงชันคดโค้ง มันบวกเพิ่มด้วยความโหดจาก สายฝนพรำโปรยปราย สายหมอกที่ลงหนาทึบชนิดทัศนวิสัยไม่สามารถมองเห็นไหลเกิน 10 เมตร อากาศอันหนาวเย็นเยียบต่ำกว่า 5 องศา แถมยังมีสายลมแรงพัดกระโชกมาเป็นระยะๆช่วยเพิ่มความหนาวเหน็บราวคมมีดกรีดเฉือน ให้ยะเยือกสะเทือนไปถึงเครื่องใน
เรียกว่าทั้งเปียก ทั้งหนาว ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งปวดแข้งปวดขา ทั้งเจ็บก้นระบม จนผมอดคิดไม่ได้ว่า
โอว...นี่เราขึ้นมาทำอะไรที่นี่
อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วคณะนักปั่นที่ไม่ย่นย่อท้อก็สามารถปั่นฝ่ากำแพงหิมะ ขึ้นมายังถึงจุดพักที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณยอดเขาฮะจิมันจนได้
แม้การปั่นมาถึงของบางคนจะมาแบบทุลักทุเล บางคนต้องเดินเข็นรถขึ้นเขาในบางช่วง บางคนต้องนั่งรถเซอร์วิส(บ้าง)ในบางช่วง แถมการมาถึงบนยอดเขาในวันนั้น พวกเรายังไม่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของยอดเขาฮะจิมันไตได้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย มีหมอกลงหนาทึบ ฝนตกพรำ
แต่ความทรงจำจากจากการได้ปั่นขึ้นมาเป็นผู้พิชิตยอดเขาฮะจิมันไตนั้น มันจะยังคงอยู่กับเราไปตราบนานแสนนาน
แช่ออนเซ็นแสนเพลิน
แม้อากาศ(ภายนอก)บริเวณยอดเขาฮะจิมันไตมันช่างหนาวเหน็บ แต่อากาศภายในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ยอดเขาแห่งนี้จัดว่าเย็นสบายกำลังดี แถมมันยังอุ่นขึ้นทันทีเมื่อผมได้ซดน้ำราเมงร้อนๆกลิ่นหอมควันโชยฉุยเข้าไป ซึ่งนี่คือสิ่งช่วยเติมพลังหลังจากเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากการปั่นจักรยานขึ้นมาพิชิตยอดเขาฮะจิมันไตได้เป็นอย่างดี
สำหรับเส้นทางปั่นจากนี้เป็นเส้นทางลงเขาผ่านกำแพงหิมะ มุ่งหน้าสู่แหล่งออนเซ็นเลื่องชื่อของฮะจิมันไต เพื่อให้พวกเราได้ลงไปแช่น้ำแร่ร้อนอุ่นให้ผ่อนคลายจากอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
โดยเส้นทางปั่นผ่านกำแพงหิมะ ผ่านสายฝน สายหมอก สายลม จากยอดเขาฮะจิมันไตไปในเส้นทางเก่าสู่จุดพักรถกลางทาง แม้มันจะไม่ต้องออกแรง เพราะเป็นการไหลลงเขา แต่ว่าเราก็ต้องคอยบังคับเบรก คุมจักรยานให้ดี อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพราะไหนจะเป็นทางลงเขาชันถนนลดเลี้ยวเคี้ยวโค้ง ไหนจะเต็มไปด้วยทัศนวิสัยที่แย่มากมองเห็นได้ไม่ไกลเกิน 10 เมตร ไหนจะฝนตกพรำถนนลื่น ไหนจะหนาวเหน็บจากสภาพอากาศและลมพัดแรง ทำให้การปั่นลงเขาของคณะเราต้องทำแบบค่อยไปค่อยไป ก่อนที่จะค่อยๆไต่ลงเขามายังจุดพักรถกลางทางได้อย่างปลอดภัยกันถ้วนทั่วหน้า
จากจุดพักรถกลางทาง เส้นทางลงเขาช่วงต่อไป มร.คนโหนะ ปั่นพาเราไปในเส้นทางใหม่ ซึ่งตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว สายหมอกจางหาย แต่สายลมแรงยังคงอยู่ ส่วนที่ดีต่อกายและใจมากๆก็คือ ทัศนวิสัยเปิด และนั่นมันทำให้เราสามารถมองเห็นเส้นทางชัดเจน พร้อมๆกับยลโฉมกับความงามของวิวทิวทัศนียภาพรอบข้างของเส้นทางกำแพงหิมะยามฟ้าหลังฝนได้อย่างเด่นชัด ซึ่งคณะนักปั่นทุกคนในทริปต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
”มันสวยมาก”
อย่างไรก็ดีในเส้นทางช่วงนี้มันไม่ได้เป็นการปั่นลงเขาทั้งหมด แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งเราต้องปั่นขึ้นเขาสูงชันในเส้นทางคดโค้งอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ดีหน่อยที่ไม่มีฝน ไม่มีหมอก และสายลมไม่แรง ซึ่งถือเป็นเส้นทางสุดโหดช่วงสุดท้ายของวันนี้ ก่อนที่ มร.คนโหนะ จะปั่นนำพาพวกเรามาถึงยัง “มัตสึคาวะ ออนเซ็น” โดยดุษฎี
มัตสึคาวะ ออนเซ็น(Matsukawa Onsen) เป็นหนึ่งในออนเซ็นชื่อดังของจังหวัดอิวาเตะ มีบ่อน้ำร้อนให้แช่ทั้งในแบบบ่อส่วนตัว และบ่อรวมท่ามกลางสภาพธรรมชาติอันน่ายล แช่แล้วสบายตัวดีแท้ ช่วยลดอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าจากการทุ่มออกแรงปั่นขึ้นเขาลงไปได้มากโข
หลังแช่ออนเซ็นสบายกายได้ที่แล้ว การปั่นในช่วงสุดท้ายเป็นชีวิตขาลงที่ผมชอบมากๆ เพราะเป็นเส้นทางลงเขา จักรยานวิ่งไหลลงฉลุย แถมวิวทิวทัศน์ก็สวยงามน่ายล
แล้วในที่สุดเราก็ปั่นลงเขาในอีกเส้นทางมาถึงยังที่พัก โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์ ที่อยู่บริเวณเชิงเขาฮะจิมันไตกันแบบสบายๆ และประทับใจ
ครั้งหนึ่งในชีวิต
ค่ำวันนั้นหลังอาหารค่ำ ผมไปนั่งแช่ออนเซ็นของโรงแรมที่พักอีกครั้ง
เมื่อความเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าผ่อนคลาย รู้สึกสบายกายสบายตัว สมองรื่นไหล ใจได้คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ของวันที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในห้วงเวลาหฤโหดของการปั่นจักรยานไต่ขึ้นสู่ยอดเขาฮะจิมันไต
บนถนนคดโค้งทอดยาวสูงชันไต่ระดับขึ้นสู่ยอดเขาสูงกว่า 1,500 เมตร
สองข้างทางขนาบข้างด้วยกำแพงหิมะสูงท่วมหัวขาวโพลน
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ม่านหมอกลงหนาทึบ อากาศหนาวเย็น แถมด้วยสายลมแรงที่พัดพาความหนาวเหน็บปานคมมีกรีดเฉือนมาเป็นระยะๆ
ณ ห้วงเวลานี้ บรรยากาศเช่นนี้ สภาพการณ์เช่นนี้ ผมกำลังค่อยๆปั่นจักรยานไต่ขึ้นเขาผ่านกำแพงหิมะไปอย่างทุลักทุเล ด้วยอาการเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ปวดขาปวดน่องหนึบๆ จนทำให้เกิดคำถามในใจอันหนักอึ้งยิ่งขึ้นว่า
“นี่กูมาทำอะไรบนนี้วะ”!!!
...บัดนี้หลังฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆจนสามารถขึ้นไปพิชิตยอดเขาฮะจิมันไต เป็นประสบการณ์“ครั้งหนึ่งในชีวิต”
คำตอบสำคัญที่ได้ไม่ใช่การพิชิตยอดเขา หากแต่มันคือการ“พิชิตใจ”ของตัวเองต่างหาก...(อ่านต่อตอนหน้า)
******************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com