โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
“ชีวิตขาลง”
คงไม่มีใครชอบคำๆนี้ ผมเองก็ไม่ชอบเช่นกัน
แต่หากเป็นชีวิตขาลงของการปั่นจักรยานลงเขา ลงเนิน หรือลงจากที่สูง อันนี้ผมชอบมาก เพราะมันนอกจากจะไม่เหนื่อยแล้ว ยังช่วยทุ่นแรงได้มากโข
ลาก่อนฮะจิมันไต
เชิงเขาฮะจิมันไต(ฮาชิมันไต) จังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น
เช้าวันสุดท้ายของการปั่นจักรยาน(วันที่ 3 ของการปั่น วันที่ 4 ของทริปเที่ยวอิวาเตะ)
วันนี้พยากรณ์อากาศญี่ปุ่นบอก อากาศดี ฟ้าปลอดโปร่งปราศจากฝน แต่อาจมีเมฆบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง
หลังอาหารเช้า หลังการเก็บสัมภาระและจัดเตรียมจักรยานเรียบร้อย คณะเราทั้งหมดมารวมตัวกันที่หน้าล็อบบี้“โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์”(Hachimantai High Hotel)ที่พักของเราในสองคืนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมออกปั่นจักรยานกลับสู่เมือง“โมริโอกะ”(Morioka) เมืองเอกของจังหวัดอิวาเตะ
ระหว่างรอคณะพร้อมเพรียง ผมถือโอกาสเดินชมภูเขา“ฮะจิมันไต”ที่ทอดตัวตั้งตระหง่านเด่นอยู่เบื้องหน้าโรงแรมอีกครั้ง
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งขุนเขาแห่งความทรงจำ เพราะผมเพิ่งปั่นจักรยานฝ่าแนว “กำแพงหิมะ” (Snow Wall) หรือ “ฮะจิมันไต แอสไปต์ ไลน์”(Hachimantai Aspite Line) ขึ้นไปพิชิตยอดเขาฮะจิมันไตที่มีความสูง 1,613 เมตรจากระดับน้ำทะเล มาเมื่อวาน(วันที่ 2 ของการปั่น) ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการปั่นขึ้นเขาที่แสนโหดหินที่สุดในชีวิตการปั่นจักรยานของผม แต่มันคือความทรงจำแสนงาม เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่นอกจากจะได้พิชิตยอดเขาแล้ว เรายังได้“พิชิตใจ”ตัวเองอีกด้วย
มาวันนี้เมื่อถึงเวลาต้องล่ำลา ทำให้เรารู้สึกอดสะทกสะท้อนใจอยู่พอดู
สำหรับการปั่นจักรยานวันนี้ ทางบริษัท“Octo Cycling” ผู้จัดทริปปั่นจักรยานเที่ยวในอิวาเตะครั้งนี้ ได้ร่วมกับ“การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ”คัดสรรเส้นทางปั่นในช่วงขากลับ(เมืองโมริโอกะ) มีระยะทางประมาณ 60 กม. ส่วนหนึ่งเป็นเส้นทางเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเส้นทางใหม่
และโดยรวมเป็นเส้นทางปั่นลงเขาแบบเบิร์ดๆสบายๆ(มุขเก่ามาก) แต่ประทานโทษ!!! กับเส้นทางในช่วงแรกเมื่อออกจากโรงแรม มันเป็นเส้นทางเก่าที่เราต้องปั่นขึ้นเขาชันย้อนทวนขึ้นไปชนิดที่ต้องใช้แรงและเสียเหงื่อกันพอสมควร
อย่างไรก็ดีแม้นี่จะเป็นเส้นทางเก่า แต่ด้วยสภาพอากาศของวันนี้ที่เป็นใจ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบข้างได้อย่างชัดเจน ซึ่งต้องขอบอกว่า มันสวยงาม และดีงามมาก (แหม มันน่าจะเจอกับสภาพอากาศแบบนี้ตั้งแต่วันแรกและเจอตลอดทั้งทริป)
หลังปั่นขึ้นเนินชันในช่วงแรก ช่วงถัดมาเป็นเส้นทางลงเขา และทางราบที่มีแบ็คกราวน์เป็นเทือกเขาฮะจิมันไตทอดตัวตระหง่าน จากนั้น มร.คนโหนะ พาปั่นเลาะไปตามถนนชนบทที่มีวิวงามขั้นเทพ ไม่ว่าจะเป็นวิวของท้องทุ่งกว้างที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาฮะจิมันไต วิวของหมู่บ้านชนบทที่ดูสงบงาม และสะอาด หลายช่วงมีแปลงดอกไม้และต้นไม้ออกดอกสวยๆให้ชมกันอย่างสบายตา โดยเฉพาะต้นซากุระที่ยังคงออกดอกชมพูสะพรั่ง ซึ่งยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างพอสมควรในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้
เป็นความงามอมตะของดอกซากุระแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับอาคันตุกะต่างแดนจากสยามประเทศได้เป็นอย่างดี
ทุ่งหินลาวา
การปั่นจักรยานวันนี้ยังเป็นเหมือนเช่นเคยคือ “มร.คนโหนะ”(Isao Konno) ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ ที่มาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ ยังคงปั่นนำ ส่วนคุณ“วากะ”(Wakako Sakuraba)ที่พาคณะเราเที่ยวตั้งแต่วันแรก ก็ยังคงขับรถไปดักๆตามจุดพักเพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับคณะนักปั่นจากเมืองไทย
หลังปั่นลงเนินและบนถนนพื้นราบมาเรื่อยๆ พวกเรามาแวะรวมตัว เช็คอิน ถ่ายรูปหมู่รวมกันที่ “อิปปงซากุระ” หรือ ต้น“ซากุระเดียวดาย” หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของเมืองฮะจิมันไต ซึ่งเราได้เคยมาแวะที่นี่ในการปั่นวันแรกที่มีสายฝนพรำ มาวันนี้ฟ้าเปิดจึงมองเห็นความงามของต้นซากุระเดียวดายที่มีเทือกเขาฮะจิมันไตตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ได้อย่างหมดจดชัดเจนขึ้น
ต่อจากนั้นพวกเรามุ่งหน้าปั่นกันต่อไป ระหว่างนี้มีเนินยาวๆให้ปั่นขึ้นเขาซึมๆอยู่ 2 เนินด้วยกัน ซึ่งถือว่าเหนื่อยเอาเรื่องกว่าจะผ่านไปได้
นี่ขนาดเป็นชีวิตขาลงของการปั่นจักรยานที่ผมชื่นชอบ แต่เมื่อเจอกับ 2 เนินปราบเซียนนี่ก็เล่นเอาลิ้นห้อยเหมือนกัน แถมลักษณะของเนินทั้งสองบางช่วงมันยังดูหลอกตาเหมือนเนินพิศวงบ้านเรา คือดูเหมือนเป็นเส้นทางลงเขาให้เราใจชื้น แต่เมื่อปั่นไปถึงมันกลับกลายเป็นเนินขึ้นเขาเสียฉิบ
หลังผมปั่นไปเรื่อยๆแบบเหนื่อยก็ไม่พัก ในช่วงบ่ายแก่ๆเราก็มาถึงยังอีกจุดไฮไลท์คือ “ยาเคะฮาชิริโยกังริว”(Yakehashiri) ที่เป็นท้องทุ่งหินลาวาภูเขาไฟอายุกว่า 250 ปี อันกว้างใหญ่มีพื้นที่นับร้อยไร่
บริเวณทุ่งแห่งนี้มีการทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไว้ในนักท่องเที่ยวเดินทัศนาในความงามที่มีฉากหลังเป็นภูเขาอิวาเตะตั้งตระหง่าน นอกจากนี้ที่ในท้องทุ่งหินลาวาที่มีลักษะพิเศษเป็นหินสีดำก้อนใหญ่-เล็กมีรูพรุนนั้น ในบางจุดยังมีดอกไม้ต้นไม้เจริญเติบโตขึ้นมา ท่ามกลางท้องทุ่งหินสีดำ ทำให้เห็นว่าต้นไม้นั้นมีความพยายามอย่างสูงในการดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเอง
และมนุษย์ก็มีความพยายามอย่างสูงในการโค่นตัดทำลายเผ่าพันธุ์ต้นไม้ ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการย้อนมาทำลายตัวเอง
...เพราะไม่มีมนุษย์ต้นไม้อยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีต้นไม้ มนุษย์อยู่ไม่ได้!?!
อิวาเตะซัง
หลังเพลิดเพลินเดินเที่ยวที่ทุ่งหินลาวากันพอหอมปากหอมคอ จากเมืองฮะจิมันไต มร.คนโหนะ พาเรามุ่งหน้าปั่นกันอีกเฮือกใหญ่สู่เมืองโมริโอกะ
โดยจากจุดพักรถในเส้นทางโมริโอกะ-ฮะจิมันไต ที่พวกเราปั่นมาแวะกินไอศกรีมในช่วงขามาของการปั่นวันแรก จากจุดพักรถตรงนี้ มร.คนโหนะ พาปั่นไปอีกทาง ทำให้ได้พบเห็นวิวทิวทัศน์ใหม่ๆ โดยเฉพาะวิวของภูเขา“อิวาเตะ” (Mt.Iwate) ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นดังสัญลักษณ์ของจังหวัดอิวาเตะ
ภูเขาอิวาเตะ คนญี่ปุ่นเรียกขานกันว่า“อิวาเตะซัง” เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดอิวาเตะ มียอดสูงสุด 2,038 เมตร
อิวาเตะซัง หากมองในบางมุมจะมีรูปร่างคล้าย “ภูเขาไฟฟูจิ”ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก้องโลกของญี่ปุ่น ทำให้ภูเขาอิวาเตะได้รับฉายาว่าเป็น “ภูเขาไฟฟูจิแห่งภาคใต้” หรือ “อิวาเตะ-ฟูจิ”
ในเส้นทางปั่นจักรยาน(ขากลับ)จากฮะจิมันไตสู่โมริโอกะ เราได้แวะถ่ายรูปภูเขาอิวาเตะที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นกันในหลายจุดด้วยกัน
โดยเฉพาะจุดไฮไลท์คือบริเวณ“ฟาร์มโคะอิวาอิ” ที่เป็นจุดชมวิว เมื่อมองออกไปจะเห็นเนินท้องทุ่งหญ้า มีต้นซากุระต้นเดียว หรือ “ซากุระเดียวดาย” ยืนต้นเด่นโดดๆเป็นพระเอกท่ามกลางท้องทุ่งหญ้าเขียวขจี ที่มีฉากหลังเป็นภาพของภูเขาอิวาเตะที่มีหิมะปกคลุมทอดตัวตั้งตระหง่าน
ในยามที่ต้นซากุระออกดอกเบ่งบานเต็มต้น ในท่ามกลางสภาพอากาศที่เป็นใจ นี่นับเป็นอีกหนึ่งความงามคู่เมืองอิวาเตะที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
โมริโอกะ
จากจุดชมวิวซากุระเดียวดายบริเวณฟาร์มโคะอิวาอิ การปั่นจักรยานในช่วงสุดท้ายเป็นชีวิตขาลงจริงๆที่ผมชอบมาก เพราะเป็นการปั่นจักรยานลงเขา ลงเนิน กันยาวเลย
ช่วงนี้ไม่มีทางขึ้นเขา ขึ้นเนินชัน มาให้เราต้องใช้ทั้งกำลังภายนอก กำลังภายใน ปั่นกันให้เหนื่อยแรงอีกแล้ว แถมวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทางก็สวยฟิน เด็ดจริงๆ จุดไหนที่วิวสวยๆ ก็แวะพักถ่ายรูปกัน เป็นความทรงจำช่วงท้ายๆก่อนล่ำลาจังหวัดอิวาเตะในวันถัดไป
บนถนนสายสวยก่อนจะถึงเมืองโมริโอกะ ราวๆ 3 กม. มร.คนโหนะ พาแวะร้าน “Matsubokkuri” เพื่อให้พวกเราได้ลองลิ้มไอศกรีมรสเลิศของร้านนี้ ที่เป็นหนึ่งในร้านไอศกรีมเลื่องชื่อของจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งมันสุดยอดมาก รสอร่อยละมุนลิ้นกินเพลินปาก
เป็นของอร่อยตบท้ายก่อนจะปั่นกันรวดเดียวมายังโรงแรม “โฮเตลชิอง”(Hotel Shi-on) ที่พักในค่ำคืนสุดท้ายของทริปนี้
โรงแรมโฮเตลชิอง เป็นหนึ่งในโรงแรมหรูชื่อดังของจังหวัดอิวาเตะ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ“โกโซโกะ”(Lake Goshoko) ที่นอกจากจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบที่อยู่ด้านหน้าโรงแรมได้ชัดเจนแล้ว ยังสามารถมองเห็นภูเขาอิวาเตะในมุมมองผ่านทะเลสาบได้อย่างสวยงามอีกด้วย
นอกจากนี้ภายในโรงแรมยังมีออนเซ็นให้แช่กันอย่างสบายตัว ขณะที่ส่วนของห้องพักก็มีทั้งห้องพักแบบสากลทั่วไป และห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น ไม่มีเตียง แต่มีที่นอนนุ่มให้นอนในระดับเดียวกับพื้นเลย
งานนี้ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศมานอนพื้นแบบคนญี่ปุ่นกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะนอนพื้นนอนเตียง ด้วยความอ่อนเพลียจากการปั่นสะสมมา 3 วัน และบรรยากาศอันน่านอนก็ทำให้ในคืนวันสุดท้ายนี้(ที่ตอนแรกว่าจะลองออกไปเดินท่องราตรีชมแสงสีกลางคืนสักหน่อย) ผมนอนหลับอุตุยาวยาวไปเลย
ลาก่อนอิวาเตะ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ฉันใดก็ฉันเพล ที่การเที่ยวในอิวาเตะย่อมมีวันสิ้นสุด
เช้าวันนี้เป็นสุดท้ายของทริป(วันที่ 5) วันนี้ไม่มีการปั่นใดๆ หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราก็ล่ำลาเมืองโมริโอกะ ล่ำลาจังหวัดอิวาเตะ เพื่อไปขึ้นรถไฟชินคันเซ็นมุ่งหน้าสู่โตเกียวเมืองหลวง เพื่อขึ้นเครื่องกลับคืนสู่เมืองไทย ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า
ส่วนสิ่งที่เก็บมานั้น นอกจากภาพถ่ายแล้วก็ยังมีความทรงจำ ความประทับใจ จากเรื่องราวต่างๆที่ได้สัมผัสมา ซึ่งมันทำให้ผมหลงรักจังหวัดอิวาเตะเข้าอย่างเต็มเปา
...เป็นรักแรกพบที่จะยังคงเป็นรักยืนยงอยู่ตลอดไป...
******************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
“ชีวิตขาลง”
คงไม่มีใครชอบคำๆนี้ ผมเองก็ไม่ชอบเช่นกัน
แต่หากเป็นชีวิตขาลงของการปั่นจักรยานลงเขา ลงเนิน หรือลงจากที่สูง อันนี้ผมชอบมาก เพราะมันนอกจากจะไม่เหนื่อยแล้ว ยังช่วยทุ่นแรงได้มากโข
ลาก่อนฮะจิมันไต
เชิงเขาฮะจิมันไต(ฮาชิมันไต) จังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น
เช้าวันสุดท้ายของการปั่นจักรยาน(วันที่ 3 ของการปั่น วันที่ 4 ของทริปเที่ยวอิวาเตะ)
วันนี้พยากรณ์อากาศญี่ปุ่นบอก อากาศดี ฟ้าปลอดโปร่งปราศจากฝน แต่อาจมีเมฆบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง
หลังอาหารเช้า หลังการเก็บสัมภาระและจัดเตรียมจักรยานเรียบร้อย คณะเราทั้งหมดมารวมตัวกันที่หน้าล็อบบี้“โรงแรมฮะจิมันไต ไฮท์”(Hachimantai High Hotel)ที่พักของเราในสองคืนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมออกปั่นจักรยานกลับสู่เมือง“โมริโอกะ”(Morioka) เมืองเอกของจังหวัดอิวาเตะ
ระหว่างรอคณะพร้อมเพรียง ผมถือโอกาสเดินชมภูเขา“ฮะจิมันไต”ที่ทอดตัวตั้งตระหง่านเด่นอยู่เบื้องหน้าโรงแรมอีกครั้ง
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งขุนเขาแห่งความทรงจำ เพราะผมเพิ่งปั่นจักรยานฝ่าแนว “กำแพงหิมะ” (Snow Wall) หรือ “ฮะจิมันไต แอสไปต์ ไลน์”(Hachimantai Aspite Line) ขึ้นไปพิชิตยอดเขาฮะจิมันไตที่มีความสูง 1,613 เมตรจากระดับน้ำทะเล มาเมื่อวาน(วันที่ 2 ของการปั่น) ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการปั่นขึ้นเขาที่แสนโหดหินที่สุดในชีวิตการปั่นจักรยานของผม แต่มันคือความทรงจำแสนงาม เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่นอกจากจะได้พิชิตยอดเขาแล้ว เรายังได้“พิชิตใจ”ตัวเองอีกด้วย
มาวันนี้เมื่อถึงเวลาต้องล่ำลา ทำให้เรารู้สึกอดสะทกสะท้อนใจอยู่พอดู
สำหรับการปั่นจักรยานวันนี้ ทางบริษัท“Octo Cycling” ผู้จัดทริปปั่นจักรยานเที่ยวในอิวาเตะครั้งนี้ ได้ร่วมกับ“การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ”คัดสรรเส้นทางปั่นในช่วงขากลับ(เมืองโมริโอกะ) มีระยะทางประมาณ 60 กม. ส่วนหนึ่งเป็นเส้นทางเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเส้นทางใหม่
และโดยรวมเป็นเส้นทางปั่นลงเขาแบบเบิร์ดๆสบายๆ(มุขเก่ามาก) แต่ประทานโทษ!!! กับเส้นทางในช่วงแรกเมื่อออกจากโรงแรม มันเป็นเส้นทางเก่าที่เราต้องปั่นขึ้นเขาชันย้อนทวนขึ้นไปชนิดที่ต้องใช้แรงและเสียเหงื่อกันพอสมควร
อย่างไรก็ดีแม้นี่จะเป็นเส้นทางเก่า แต่ด้วยสภาพอากาศของวันนี้ที่เป็นใจ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบข้างได้อย่างชัดเจน ซึ่งต้องขอบอกว่า มันสวยงาม และดีงามมาก (แหม มันน่าจะเจอกับสภาพอากาศแบบนี้ตั้งแต่วันแรกและเจอตลอดทั้งทริป)
หลังปั่นขึ้นเนินชันในช่วงแรก ช่วงถัดมาเป็นเส้นทางลงเขา และทางราบที่มีแบ็คกราวน์เป็นเทือกเขาฮะจิมันไตทอดตัวตระหง่าน จากนั้น มร.คนโหนะ พาปั่นเลาะไปตามถนนชนบทที่มีวิวงามขั้นเทพ ไม่ว่าจะเป็นวิวของท้องทุ่งกว้างที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาฮะจิมันไต วิวของหมู่บ้านชนบทที่ดูสงบงาม และสะอาด หลายช่วงมีแปลงดอกไม้และต้นไม้ออกดอกสวยๆให้ชมกันอย่างสบายตา โดยเฉพาะต้นซากุระที่ยังคงออกดอกชมพูสะพรั่ง ซึ่งยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างพอสมควรในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้
เป็นความงามอมตะของดอกซากุระแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับอาคันตุกะต่างแดนจากสยามประเทศได้เป็นอย่างดี
ทุ่งหินลาวา
การปั่นจักรยานวันนี้ยังเป็นเหมือนเช่นเคยคือ “มร.คนโหนะ”(Isao Konno) ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวจังหวัดอิวาเตะ ที่มาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ ยังคงปั่นนำ ส่วนคุณ“วากะ”(Wakako Sakuraba)ที่พาคณะเราเที่ยวตั้งแต่วันแรก ก็ยังคงขับรถไปดักๆตามจุดพักเพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆให้กับคณะนักปั่นจากเมืองไทย
หลังปั่นลงเนินและบนถนนพื้นราบมาเรื่อยๆ พวกเรามาแวะรวมตัว เช็คอิน ถ่ายรูปหมู่รวมกันที่ “อิปปงซากุระ” หรือ ต้น“ซากุระเดียวดาย” หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของเมืองฮะจิมันไต ซึ่งเราได้เคยมาแวะที่นี่ในการปั่นวันแรกที่มีสายฝนพรำ มาวันนี้ฟ้าเปิดจึงมองเห็นความงามของต้นซากุระเดียวดายที่มีเทือกเขาฮะจิมันไตตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ได้อย่างหมดจดชัดเจนขึ้น
ต่อจากนั้นพวกเรามุ่งหน้าปั่นกันต่อไป ระหว่างนี้มีเนินยาวๆให้ปั่นขึ้นเขาซึมๆอยู่ 2 เนินด้วยกัน ซึ่งถือว่าเหนื่อยเอาเรื่องกว่าจะผ่านไปได้
นี่ขนาดเป็นชีวิตขาลงของการปั่นจักรยานที่ผมชื่นชอบ แต่เมื่อเจอกับ 2 เนินปราบเซียนนี่ก็เล่นเอาลิ้นห้อยเหมือนกัน แถมลักษณะของเนินทั้งสองบางช่วงมันยังดูหลอกตาเหมือนเนินพิศวงบ้านเรา คือดูเหมือนเป็นเส้นทางลงเขาให้เราใจชื้น แต่เมื่อปั่นไปถึงมันกลับกลายเป็นเนินขึ้นเขาเสียฉิบ
หลังผมปั่นไปเรื่อยๆแบบเหนื่อยก็ไม่พัก ในช่วงบ่ายแก่ๆเราก็มาถึงยังอีกจุดไฮไลท์คือ “ยาเคะฮาชิริโยกังริว”(Yakehashiri) ที่เป็นท้องทุ่งหินลาวาภูเขาไฟอายุกว่า 250 ปี อันกว้างใหญ่มีพื้นที่นับร้อยไร่
บริเวณทุ่งแห่งนี้มีการทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไว้ในนักท่องเที่ยวเดินทัศนาในความงามที่มีฉากหลังเป็นภูเขาอิวาเตะตั้งตระหง่าน นอกจากนี้ที่ในท้องทุ่งหินลาวาที่มีลักษะพิเศษเป็นหินสีดำก้อนใหญ่-เล็กมีรูพรุนนั้น ในบางจุดยังมีดอกไม้ต้นไม้เจริญเติบโตขึ้นมา ท่ามกลางท้องทุ่งหินสีดำ ทำให้เห็นว่าต้นไม้นั้นมีความพยายามอย่างสูงในการดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเอง
และมนุษย์ก็มีความพยายามอย่างสูงในการโค่นตัดทำลายเผ่าพันธุ์ต้นไม้ ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการย้อนมาทำลายตัวเอง
...เพราะไม่มีมนุษย์ต้นไม้อยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีต้นไม้ มนุษย์อยู่ไม่ได้!?!
อิวาเตะซัง
หลังเพลิดเพลินเดินเที่ยวที่ทุ่งหินลาวากันพอหอมปากหอมคอ จากเมืองฮะจิมันไต มร.คนโหนะ พาเรามุ่งหน้าปั่นกันอีกเฮือกใหญ่สู่เมืองโมริโอกะ
โดยจากจุดพักรถในเส้นทางโมริโอกะ-ฮะจิมันไต ที่พวกเราปั่นมาแวะกินไอศกรีมในช่วงขามาของการปั่นวันแรก จากจุดพักรถตรงนี้ มร.คนโหนะ พาปั่นไปอีกทาง ทำให้ได้พบเห็นวิวทิวทัศน์ใหม่ๆ โดยเฉพาะวิวของภูเขา“อิวาเตะ” (Mt.Iwate) ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นดังสัญลักษณ์ของจังหวัดอิวาเตะ
ภูเขาอิวาเตะ คนญี่ปุ่นเรียกขานกันว่า“อิวาเตะซัง” เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดอิวาเตะ มียอดสูงสุด 2,038 เมตร
อิวาเตะซัง หากมองในบางมุมจะมีรูปร่างคล้าย “ภูเขาไฟฟูจิ”ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก้องโลกของญี่ปุ่น ทำให้ภูเขาอิวาเตะได้รับฉายาว่าเป็น “ภูเขาไฟฟูจิแห่งภาคใต้” หรือ “อิวาเตะ-ฟูจิ”
ในเส้นทางปั่นจักรยาน(ขากลับ)จากฮะจิมันไตสู่โมริโอกะ เราได้แวะถ่ายรูปภูเขาอิวาเตะที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นกันในหลายจุดด้วยกัน
โดยเฉพาะจุดไฮไลท์คือบริเวณ“ฟาร์มโคะอิวาอิ” ที่เป็นจุดชมวิว เมื่อมองออกไปจะเห็นเนินท้องทุ่งหญ้า มีต้นซากุระต้นเดียว หรือ “ซากุระเดียวดาย” ยืนต้นเด่นโดดๆเป็นพระเอกท่ามกลางท้องทุ่งหญ้าเขียวขจี ที่มีฉากหลังเป็นภาพของภูเขาอิวาเตะที่มีหิมะปกคลุมทอดตัวตั้งตระหง่าน
ในยามที่ต้นซากุระออกดอกเบ่งบานเต็มต้น ในท่ามกลางสภาพอากาศที่เป็นใจ นี่นับเป็นอีกหนึ่งความงามคู่เมืองอิวาเตะที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
โมริโอกะ
จากจุดชมวิวซากุระเดียวดายบริเวณฟาร์มโคะอิวาอิ การปั่นจักรยานในช่วงสุดท้ายเป็นชีวิตขาลงจริงๆที่ผมชอบมาก เพราะเป็นการปั่นจักรยานลงเขา ลงเนิน กันยาวเลย
ช่วงนี้ไม่มีทางขึ้นเขา ขึ้นเนินชัน มาให้เราต้องใช้ทั้งกำลังภายนอก กำลังภายใน ปั่นกันให้เหนื่อยแรงอีกแล้ว แถมวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทางก็สวยฟิน เด็ดจริงๆ จุดไหนที่วิวสวยๆ ก็แวะพักถ่ายรูปกัน เป็นความทรงจำช่วงท้ายๆก่อนล่ำลาจังหวัดอิวาเตะในวันถัดไป
บนถนนสายสวยก่อนจะถึงเมืองโมริโอกะ ราวๆ 3 กม. มร.คนโหนะ พาแวะร้าน “Matsubokkuri” เพื่อให้พวกเราได้ลองลิ้มไอศกรีมรสเลิศของร้านนี้ ที่เป็นหนึ่งในร้านไอศกรีมเลื่องชื่อของจังหวัดอิวาเตะ ซึ่งมันสุดยอดมาก รสอร่อยละมุนลิ้นกินเพลินปาก
เป็นของอร่อยตบท้ายก่อนจะปั่นกันรวดเดียวมายังโรงแรม “โฮเตลชิอง”(Hotel Shi-on) ที่พักในค่ำคืนสุดท้ายของทริปนี้
โรงแรมโฮเตลชิอง เป็นหนึ่งในโรงแรมหรูชื่อดังของจังหวัดอิวาเตะ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ“โกโซโกะ”(Lake Goshoko) ที่นอกจากจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบที่อยู่ด้านหน้าโรงแรมได้ชัดเจนแล้ว ยังสามารถมองเห็นภูเขาอิวาเตะในมุมมองผ่านทะเลสาบได้อย่างสวยงามอีกด้วย
นอกจากนี้ภายในโรงแรมยังมีออนเซ็นให้แช่กันอย่างสบายตัว ขณะที่ส่วนของห้องพักก็มีทั้งห้องพักแบบสากลทั่วไป และห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น ไม่มีเตียง แต่มีที่นอนนุ่มให้นอนในระดับเดียวกับพื้นเลย
งานนี้ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศมานอนพื้นแบบคนญี่ปุ่นกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะนอนพื้นนอนเตียง ด้วยความอ่อนเพลียจากการปั่นสะสมมา 3 วัน และบรรยากาศอันน่านอนก็ทำให้ในคืนวันสุดท้ายนี้(ที่ตอนแรกว่าจะลองออกไปเดินท่องราตรีชมแสงสีกลางคืนสักหน่อย) ผมนอนหลับอุตุยาวยาวไปเลย
ลาก่อนอิวาเตะ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ฉันใดก็ฉันเพล ที่การเที่ยวในอิวาเตะย่อมมีวันสิ้นสุด
เช้าวันนี้เป็นสุดท้ายของทริป(วันที่ 5) วันนี้ไม่มีการปั่นใดๆ หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราก็ล่ำลาเมืองโมริโอกะ ล่ำลาจังหวัดอิวาเตะ เพื่อไปขึ้นรถไฟชินคันเซ็นมุ่งหน้าสู่โตเกียวเมืองหลวง เพื่อขึ้นเครื่องกลับคืนสู่เมืองไทย ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า
ส่วนสิ่งที่เก็บมานั้น นอกจากภาพถ่ายแล้วก็ยังมีความทรงจำ ความประทับใจ จากเรื่องราวต่างๆที่ได้สัมผัสมา ซึ่งมันทำให้ผมหลงรักจังหวัดอิวาเตะเข้าอย่างเต็มเปา
...เป็นรักแรกพบที่จะยังคงเป็นรักยืนยงอยู่ตลอดไป...
******************************************
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com