xs
xsm
sm
md
lg

ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น...กินโซบะย่างกระเบื้องหลังคา ตื่นตาสะพานวิวสวยต้องชมก่อนตาย/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
สะพานทสึโนชิมะ จังหวัดยามากุจิ เป็นสะพานที่มีวิวทิวทัศน์สวยติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่น
“ผิดหวัง สมหวัง”

ถือเป็นเรื่องปกติของการเดินทางท่องเที่ยว เพราะด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของธรรมชาติ สภาพดินฟ้าอากาศ มันอาจทำให้ทริปนั้นๆ สมหวัง ผิดหวัง หรือไม่เป็นไปดังวาดหวังก็เป็นได้

...แต่นี่ไยมิใช่เสน่ห์ของการท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์แปลกใหม่เปิดรอให้ไปพบพานอยู่ข้างหน้าเสมอ...
โซบะย่างกระเบื้องหลังคา หนึ่งในอาหารถิ่นเลื่องชื่อของจังหวัดยามากุจิ
นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายต่อหลายทริปซึ่งผมพบว่ามัน“เกินความคาดหวัง” จนต้องเก็บบันทึกไว้เป็นหนึ่งใน“ทริปแห่งความทรงจำ

ดังเช่นทริปไปปั่นจักรยานตะลุยจังหวัด“ยามากุจิ” ประเทศญี่ปุ่น ที่แม้จะไปแบบคนไม่ค่อยรู้อะไร แต่ด้วยสิ่งสวยๆงามๆ สิ่งน่าสนใจ และมุมมองใหม่ๆ(ในแดนอาทิตย์อุทัย)ที่พานพบ พร้อมทั้งมีโปรโมชั่นพิเศษเป็นดอกซากุระที่บานไวกว่าทุกๆปี ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งทริปที่ลงตัวอย่างร้ายกาจชนิดที่ต้องบันทึกไว้ในความทรงจำ

รู้จักยามากุจิ
บรรยากาศตัวเมืองยามากุจิ(อำเภอยามากุจิ)ยามเช้า
จังหวัดยามากุจิ(Yamaguchi) ตั้งอยู่บริเวณช่วงปลายสุดทางฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู(ฮนชู : Honshu) โดยมีทะเลโอบล้อมทั้ง 3 ด้าน

ชื่อของจังหวัดยามากุจิ แม้ไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางสำหรับคนไทย(อาจจะไม่รู้กันดีเท่าชื่อของ“อากาเนะ ยามากุจิ” สาวน้อยยอดนักแบดมินตันชาวญี่ปุ่นด้วยซ้ำ) แต่นี่ถือเป็นเมืองที่มีภูมิประเทศงดงามไปด้วยทัศนียภาพของธรรมชาติ ขุนเขา ท้องทะเล ในทั้ง 4 ฤดู มีอากาศเย็นสบายกำลังดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารอร่อยชวนให้ลิ้มลอง
เจดีย์ห้าชั้น วัดรุริโคจิ  สถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญของยามากุจิ
นอกจากนี้ยามากุจิยังเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม เนื่องจากในอดีตผู้ปกครองยามากุจิมีความหลงใหลในเสน่ห์ของเมืองเกียวโต จึงจำลองความเป็นเกียวโตทั้งสถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรมมาไว้ที่เมืองนี้ จนเมืองยามากุจิได้รับฉายาว่าเป็น “เกียวโตฝั่งตะวันตก” หรือ “เมืองหลวงฝั่งตะวันตก” ที่ยังคงมนต์เสน่ห์แห่งกลิ่นอายอดีตมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีบรรยากาศน่าเที่ยวมากๆ

สำหรับการมาเยือนยามากุจิของผมในครั้งนี้ ถือเป็นทริปพิเศษที่ทางบริษัท “Octo Cycling” ร่วมกับ“Inter Bike” และ “การท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ”(Yamaguchi Tourism) ได้เชิญชวนผู้รักการปั่นจักรยานจากเมืองไทย ให้ไปปั่นจักรยานตะลุยเที่ยวเมืองยามากุจิในแบบสโลว์ไลฟ์ สัมผัสธรรมชาติ ขุนเขา ท้องทะเล วิถีชีวิตวัฒนธรรม เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่นในบรรยากาศที่แตกต่าง กินอร่อย-นอนสบาย ที่สำคัญคือเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด

โซบะย่างกระเบื้องหลังคา
ชิโมโนเซคิ เมืองท่าและประตูสู่เกาะฮอนชู
จากเมืองไทยผมกับคณะเหินฟ้ามุ่งหน้าสู่เมือง“ฟูกูโอกะ”(Fukuoka) เมืองใหญ่อันดับหนึ่งของเกาะคิวชู(Kyushu) ก่อนเดินทางต่อขึ้นเหนือข้ามเกาะคิวชูสู่เกาะฮอนชู มุ่งหน้าสู่เมือง“ชิโมโนเซคิ”หรือ“ชิโมโนเซกิ”(Shimonoseki) แห่งจังหวัดยามากุจิ ซึ่งระหว่างทางมีดอกซากุระที่ปีนี้เร็วกว่าปกติ(เล็กน้อย) ทยอยออกดอกเบ่งบานสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจกันไปเป็นระยะๆ

ชิโมโนเซคิ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกช่วงปลายสุดของจังหวัดยามากุจิ ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่เกาะฮอนชู(ทางตอนใต้) และเมืองท่าสำคัญที่มีความเจริญเป็นอันดับต้นๆของจังหวัดยามากุจิ และเป็นเมืองหลักที่พักค้างของคณะเราในสองคืนด้วยกัน คือคืนแรกและคืนที่ 4
บรรยากาศภายในร้านทากาเสะ
เมื่อถึงเมืองชิโมโนเซคิ(จากฟูกูโอกะมาประมาณชั่วโมงกว่าๆ) ก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี พวกเราจึงมุ่งหน้าไปยังร้าน“ทากาเสะ”(Takase)ที่ทางการท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิภูมิใจนำเสนอ ด้วยที่นี่มีอาหารเด็ดประจำถิ่นชื่อดังอย่าง“คาวาระโซบะ” (Kawara Soba)ให้ลิ้มลองในความอร่อยแปลกแตกต่าง ควบคู่ไปกับตัวร้านที่มีบรรยากาศดี ตั้งอยู่บนเนิน สามารถมองผ่านผนังกระจกใสเห็นวิวทิวทัศน์รอบข้างได้อย่างสวยงาม
คาวาระโซบะ หรือ โซบะย่างกระเบื้องหลังคา ร้านทากาเสะ
คาวาระโซบะ หรือ “โซบะย่างกระเบื้องหลังคา”เป็นโซบะ(บะหมี่ชนิดหนึ่ง)ที่ส่วนผสมของชาเขียวเป็นหลัก(ต่างไปจากโซบะทั่วๆไปในญี่ปุ่น)ที่มีเส้นสีเขียวเหนียวนุ่ม จากนั้นจึงนำไปเส้นโซบะชาเขียว(ฉะโซบะ) ไปย่างหรือผัดบนกระเบื้องหลังคาที่ตั้งไฟจนร้อนฉ่า ก่อนโรยหน้าด้วยเนื้อ(หมูหรือวัว)ปรุงรส ไข่เส้น(ไข่เจียวหั่นฝอย) สาหร่าย ต้นหอมซอย วางเลมอนลงไปแล้วเติมทอปปิ้งบนสุดด้วยหัวไชเท้าบดผสมพริก หรือ“โมมิจิโอโรชิ
โซบะย่างบนกระเบื้องหลังคา ความอร่อยที่แปลกและแตกต่างจากโซบะทั่วๆไป
คาวาระโซบะ เกิดจากในช่วงสงครามกลางเมือง(ราวๆหลังปี ค.ศ. 1960) ทหารญี่ปุ่นไม่มีภาชนะในการทำอาหาร จึงนำกระเบื้องหลังคามาเป็นภาชนะในการย่างเนื้อ ผัก โซบะ เพื่อกินประทังความหิว ต่อจากนั้นจึงมีผู้คิดค้นต่อยอดมาเป็นโซบะย่างบนกระเบื้องหลังคา ซึ่งร้านทากาเสะที่พวกเราไปกินนั้นถือเป็นร้านต้นตำรับ ที่แต่ละวันจะมีคนมาต่อคิวรอกินโซบะย่างกระเบื้องหลังคากันเพียบเลย
การกินคาวาระโซบะ ก่อนกินให้นำเส้นและเครื่องเคียงมาคลุกเคล้าในน้ำซุป จึงจะได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม
สำหรับวิธีการกินคาวาระโซบะ ให้นำเส้นโซบะชาเขียว(รสค่อนข้างจืด)ที่ย่างบนกระเบื้องหลังคา และเครื่องเคียงต่างๆ ลงไปคลุกเคล้าในถ้วยน้ำซุปที่ทางร้านเสิร์ฟคู่มา แล้วจัดการคีบส่งเข้าปาก ก็จะได้รสชาติความหอมนุ่มเหนียวของเส้นโซบะ ผสมกับรสของน้ำซุปที่ออกหวานเค็มนำ พร้อมด้วยรสของเครื่องเคียงต่างๆ ที่อร่อยกลมกล่อมชวนกิน

ส่วนความพิเศษที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของคาวาระโซบะก็คือ เมื่อเส้นโซบะชาเขียวย่างบนกระเบื้องจนสุกเกรียม มันจะมีความกรุบกรึบ กรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวเพลินปาก ช่วยทำให้คาวาระโซบะมีรสชาติความอร่อยที่แปลกแตกต่างออกไปจากโซบะทั่วๆไปอยู่ไม่น้อย

ปั่นเที่ยวรอบเกาะทสึโนชิมะ
ล็อบบี้ โรงแรม นิชินากาโตะ รีสอร์ท มองเห็นวิวทะเล และสะพานทสึโนชิมะ ได้อย่างสวยงามชัดเจน
หลังอิ่มอร่อยแบบจัดเต็มกับคาวาระโซบะแล้ว ในช่วงบ่ายคณะเราเดินทางเข้าสู่ “โรงแรม นิชินากาโตะ รีสอร์ท”(Hotel Nishinagato Resort) ที่พักของเราในค่ำคืนแรกนี้ แต่เบื้องต้นนี้พวกเราเพียงแค่เก็บของ ล้างหน้าล้างตา รีเฟรซร่างกายกันเล็กน้อย พร้อมทั้งจัดเตรียมจักรยานคู่ใจของแต่ละคน ก่อนจะเริ่มต้นออกสตาร์ทประเดิมปั่นในวันแรกกันแบบพอหอมปากหอมคอ

โรงแรม นิชินากาโตะ รีสอร์ท เป็นที่พักที่มีทำเลดีมากๆ ตั้งอยู่ติดริมฝั่งทะเล มีชายหาดส่วนตัว และสามารถมองเห็นสะพาน“ทสึโนชิมะ” (หรือสะพานสึโนชิมะ,สะพานซึโนชิมะ : Tsunoshima Bridge) ที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของเราในทริปนี้
โรงแรม นิชินากาโตะ รีสอร์ท มีชายหาดส่วนตัวทอดยาว สามารถมองวิวทะเลและวิวสะพานทสึโนชิมะได้อย่างสวยงาม
ในยามเย็นเมื่อมองจากห้องพัก(ริมทะเล) หรือมองจากล็อบบี้ของโรงแรมออกไป สามารถมองเห็นตะวันลับฟ้าควบคู่ไปกับภาพของสะพานทสึโนชิมะทอดตัวจากฝั่งไปยังเกาะในเบื้องหน้าได้อย่างสวยงาม ขณะที่อีกหนึ่งจุดเด่นของโรงแรมแห่งนี้ก็คือ ที่นี่มี"ออนเซ็น"บรรยากาศเยี่ยม เราสามารถแช่น้ำร้อนไปพร้อมๆกับชมวิวทะเล ชมตะวันลับฟ้า ได้อย่างสุดฟิน

สำหรับสะพานทสึโนชิมะนั้น สร้างทอดตัวผ่านท้องทะเลน้ำตื้นจากฝั่งเมืองชิโมโนเซคิ เชื่อมกับ“เกาะทสึโนชิมะ”(Tsunoshima Island) เกาะเล็กๆอันสงบงามที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งในวันแรกนี้เรามีโปรแกรมปั่นเบาๆเที่ยวรอบเกาะแห่งนี้กันในระยะทางรวมประมาณ 15 กม.
ซาดะซังปั่นปิดท้าย ในเส้นทางปั่นช่วงแรกจากโรงแรม นิชินากาโตะฯ มุ่งหน้าสู่สะพานทสึโนชิมะ
ที่โรงแรม นิชินากาโตะ รีสอร์ท เราได้พบกับคุณ“โนบุ”(โนบุซัง)และ คุณ“ซาดะ”(ซาดะซัง) ทีมงานเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ ซึ่งจะมาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ พาคณะนักปั่นจากเมืองไทย ออกตะลุยปั่นเที่ยวยามากุจิกันตลอดทั้งทริป(คุณโนบุปั่นนำ คุณซาดะปั่นปิดท้าย)

หลังทำความรู้จักกับคณะนักปั่นชาวไทยแล้ว สองหนุ่มนักปั่นชาวญี่ปุ่นก็พาเราออกสตาร์ทจากโรงแรม นิชินากาโตะ รีสอร์ท ปั่นแถวตอนเรียงหนึ่งข้ามสะพานทสึโนชิมะ ซึ่งมันนอกจากจะเป็นบรรยากาศที่สุดแสนฟินด้วยอากาศดี ลมพัดโกรกเย็นสบายแล้ว วิวทิวทัศน์รอบข้างก็สวยงามดูน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
ช่วงขาไปปั่นจากฝั่งเมืองชิโมโนเซคิ ข้ามสะพานสายสวยสู่เกาะทสึโนชิมะ
เมื่อปั่นจากฝั่งเมืองชิโมโนเซคิข้ามผ่านสะพานมาถึงยังเกาะทสึโนชิมะ ต่อจากนี้เราเลือกปั่นไปในเส้นทางถนนเลาะเลียบริมหาดที่มี“ประภาคารทสึโนชิมะ”(Tsunoshima Lighthouse) ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นแลนด์มาร์คมองเห็นแต่ไกลในหลายๆทิศทาง

ประภาคารทสึโนชิมะ ถือเป็นหนึ่งในประภาคารประวัติศาสตร์ เพราะสร้างมาตั้งแต่สมัยเมจิด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมตะวันตกที่ดูต่างไปจากประภาคารทั่วๆไป(ในญี่ปุ่น) ซึ่งวันนี้ก็ยังคงตั้งเด่นคงความเป็นเอกลักษณ์เคียงคู่กับเกาะแห่งนี้มากว่า 130 ปีแล้ว
รถจักรยานเล็ก(เบอร์ดี้)ก็สามารถนำมาปั่นในเส้นทางนี้ได้
นอกจากประภาคารทสึโนชิมะแล้ว ในเส้นทางปั่นของเย็นวันแรกนี้ เรายังปั่นไปแวะชมสิ่งน่าสนใจต่างๆบนเกาะทสึโนชิมะ ไม่ว่าจะเป็น ปั่นไปกินไอศกรีม(ไอติม)ที่ร้านอินดี้ ห้ามถ่ายรูปในร้านแถมยังห้ามรีวิวร้านอีกด้วย ปั่นแวะชมศาลเจ้าริมทะเลที่สงบขรึมขลัง และมีเบื้องหลังเป็นวิวของประภาคารทสึโนชิมะ, ปั่นแวะริมทะเลมองไปยังทิศทางที่มีประเทศเกาหลีตั้งอยู่ไกลลิบๆ ปั่นเยือนหมู่บ้านชาวประมงโอยามา(Oyama)ริมทะเลที่สงบ สะอาด เป็นระเบียบ ตามสไตล์ญี่ปุ่น
ปั่นเที่ยวหมู่บ้านชาวประมงโอยามา
ต่อจากนั้นพวกเราปั่นกลับคืนสู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ในเมืองชิโมโนเซคิอีกครั้ง ข้ามสะพานทสึโนชิมะสายเดิม แต่ว่าความงามของวิวทิวทัศน์และบรรยากาศในช่วงปั่นกลับเมืองนั้น กับให้ความรู้สึกและอรรถรสที่แปลกแตกต่างออกไป

...ถือเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของการปั่นสองล้อที่ต้องลองปั่นจึงจะได้สัมผัสถึงในอรรถรส...
ช่วงขากลับปั่นจากเกาะทสึโนชิมะ ข้ามสะพานสายสวยสู่ฝั่งเมืองชิโมโนเซคิ
สะพานทสึโนชิมะ จุดวิวสวยต้องชมก่อนตาย

ช่วงปั่นขากลับ ก่อนจะเข้าโรงแรมปิดทริปวันแรก พวกเราแวะไปชมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็นของสะพานทสึโนชิมะกันอีกครั้ง

สำหรับสะพานทสึโนชิมะ เริ่มการก่อสร้างในปี 1993 แล้วเสร็จและเปิดใช้ในปี 2000 หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับรางวัลวิศวกรรมการออกแบบเพื่อสังคมยอดเยี่ยมประจำปี 2003 สะพานแห่งนี้ มีความยาว 1,780 เมตร ยาวเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ช่วงกลางสะพานจะเฉียดผ่านเกาะฮาโตะ(Hato) เกาะเล็กๆที่ดูคล้ายก้อนหินกลางทะเล ทำให้สะพานแห่งนี้ดูทรงเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
ช่วงกลางสะพานทสึโนชิมะ จะเฉียดผ่านเกาะฮาโตะ
หลังสะพานทสึโนชิมะเปิดใช้ได้ไม่นาน ก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสะพานที่มีวิวทิวทัศน์แสนงาม โดยเฉพาะในยามที่ท้องฟ้าเป็นใจ แสงแดดดี ในช่วงเช้าจะมองเห็นตัวสะพานทอดยาวผ่านท้องทะเลสีเขียวมรกตดูงดงามยิ่งนัก ขณะที่ในยามเย็นที่นี่ก็ถือเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์และจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงาม

อย่างไรก็ดีหากใครมาในวันที่ดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ ก็จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของสะพานและท้องทะเลเศร้าหม่น ดูสวยงามแตกต่างไปอีกแบบ
บรรยากาศตะวันลับฟ้าเหนือสะพานทสึโนชิมะ
ขณะที่หากใครเสิร์ซหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตๆ ก็จะพบว่าสะพานทสึโนชิมะนั้นติดอันดับสะพานสุดสวยอันดับต้นๆของญี่ปุ่น ซึ่งนั่นก็ทำให้มีชาวญี่ปุ่นบางคนได้ถ่ายภาพ ถ่ายคลิป นำเสนอภาพความงดงามของสะพานแห่งนี้ออกไปสู่สาธารณะ พร้อมทั้งยกให้ สะพานทสึโนชิมะเป็นหนึ่งใน“สถานที่วิวสวยที่ต้องมาให้ได้ก่อนตาย!” ซึ่งก็ถือเป็นแคมเปญที่ประสบความสำเร็จไม่น้อย เพราะช่วยทำให้สะพานสะพานทสึโนชิมะเป็นที่รู้จักต่อสายตาชาวโลกมากยิ่งขึ้น
คณะนักปั่นเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปสะพานทสึโนชิมะยามเย็น
อย่างไรก็ดีผมขอย้ำว่า “สถานที่วิวสวยที่ต้องมาให้ได้ก่อนตาย!”นั้นเป็นกิมมิกเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยว ใครเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ก็อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง

ขณะที่ในเส้นทางการปั่นจักรยานวันแรกของคณะเรานั้น เพียงแค่การทักทายด้วยการปั่นเบาๆรอบเกาะทสึโนชิมะนั้นมันก็สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย
ส่วนหนึ่งของคณะนักปั่นชาวไทย-ญี่ปุ่น บันทึกภาพความทรงจำร่วมกันที่หน้าประภาคารทสึโนชิมะ
แต่นี่ถือเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเมืองยามากุจิยังมีสิ่งสิ่งสวยๆงามๆ สิ่งน่าสนใจ และมีมุมมองใหม่ๆของญี่ปุ่น รอคอยให้เราไปปั่นพิชิตกันในวันอื่นๆอีกต่อไป ชนิดที่ยิ่งปั่นยิ่งสวย ยิ่งปั่นยิ่งสนุก

จนทำให้ผมเกิดความรู้สึกหลงรักเมืองยามากุจิเข้าอย่างเต็มเปา

แม้จะเป็นรักแรกพบ แต่ก็เป็นรักที่ยากจะลืมเลือน...(อ่านต่อตอนต่อไป)

.................................................................................................
เส้นทางปั่นผ่านถนนสายซากุระในวันที่ 2
หมายเหตุ : ทริปนี้เป็นการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิ ประเทศญี่ปุ่น ของคณะนักปั่นจากเมืองไทยกลุ่มแรกที่ไปปั่นเที่ยวเมืองนี้(อย่างเป็นทางการ) ในระหว่างวันที่ 25-31 มี.ค. ที่ผ่านมา (6 วัน 5 คืน เดินทางคืน 25 เริ่มปั่นวันที่ 26) ซึ่งในตลอดเส้นทางมีดอกซากุระที่ปีนี้บานเร็วกว่าทุกๆปีให้ชมกันเป็นระยะๆ

Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
อ่านซีรีส์ชุด "ปั่นจักรยานเที่ยวยามากุจิ เมือจักรยานในดวงใจ เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น"
 


ตอน 1 ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น...กินโซบะย่างกระเบื้องหลังคา ตื่นตาสะพานวิวสวยต้องชมก่อนตาย

ตอน 2 วิวอย่างว้าว! ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เมืองงาม...หลงรักศาลเจ้าริมทะเล หลงเสน่ห์ซากุระริมแม่น้ำ

ตอน 3 อันซีนญี่ปุ่น พิชิตหุบเขาประหลาด-บ่อน้ำผุดสุดใส สู่“ยามากุจิ”เมืองในดวงใจ

ตอน 4 “ยามากุจิ” เกียวโตฝั่งตะวันตกสวยคลาสสิก จุดดักฝันของนักปั่นจักรยาน

ตอนจบ เปิบ“ปลาปักเป้า”อร่อยเสี่ยงตาย...บ๊ายบาย“ยามากุจิ”เมืองจักรยานในดวงใจ
....................................................................................................

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager


กำลังโหลดความคิดเห็น