โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“เกียวโตฝั่งตะวันตก”
เป็นฉายาของเมือง“ยามากุจิ”(Yamaguchi) ซึ่งวันนี้รอยอดีตอันรุ่งโรจน์แห่งเกียวโตฝั่งตะวันตก ได้ช่วยขับเน้นเมืองยามากุจิดูทรงเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังช่วยหนุนส่งให้ยามากุจิมีความโดดเด่นกลายเป็นอีกหนึ่งเมืองในดวงใจของใครหลายๆคน สมดังสโลแกน “ยามากุจิ เมืองในดวงใจ”
เกียวโตฝั่งตะวันตก
เมืองยามากุจิ หรืออำเภอยามากุจิ เป็นเมืองเอกหรือเมืองหลวง(อำเภอเมือง)ของจังหวัดยามากุจิ ประเทศญี่ปุ่น
เมืองยามากุจิถือกำเนิดขึ้นในอดีตช่วงราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 ตระกูลโออุจิ ที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเกียวโตเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ตระกูลโออุจิผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น จึงให้จำลองรูปแบบของเกียวโต แล้วสร้างเป็นเมืองใหม่ขึ้นมาในพื้นที่ที่เป็นเมืองยามากุจิในปัจจุบัน โดยมีแม่น้ำอิจิโนซากะไหลผ่านกลางตัวเมืองเฉกเช่นเดียวกับแม่น้ำคาโมกาวะของเกียวโต
ทำให้เมืองยามากุจิได้รับฉายาว่าเป็น “เกียวโตฝั่งตะวันตก” หรือ “เมืองหลวงฝั่งตะวันตก” อันเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ชวนค้นหา
เมืองยามากุจิถือเป็นหนึ่งในเมืองหลักของทริป“ปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิ” ซึ่งทางบริษัท “Octo Cycling” ได้จับมือกับ“Inter Bike” และ“การท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ”(Yamaguchi Tourism) เชิญชวนผู้รักการปั่นจักรยานจากเมืองไทยไปปั่นเที่ยวยามากุจิแบบสโลว์ไลฟ์ สัมผัสธรรมชาติ ขุนเขา ท้องทะเล วิถีชีวิตวัฒนธรรม กินอร่อย-นอนสบาย เปิดมุมมองใหม่ในแดนอาทิตย์อุทัย โดยเน้นในเรื่องของความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
โดยหลังจากที่ผมกับคณะปั่นจักรยานข้ามที่ราบสูงอาคิโยชิได(Akiyoshidai) เทือกเขาประหลาด แหล่งภูมิประเทศแบบคาสต์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นแห่งเมืองมิเนะ มาถึงยังตัวเมืองยามากุจิ(อำเภอยามากุจิ) ในช่วงเย็นวันที่ 3 ของทริปนี้
วัดรุริโคจิ
สิ่งแรกที่เราพุ่งเป้าไปเมื่อมาถึงเมืองยามากุจิก็คือ “วัดรุริโคจิ”(Rurukoji)หรือ“วัดเจดีย์ 5 ชั้น” วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองยามากุจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศญี่ปุ่น ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ในอดีตของเมืองยามากุจิ ดินแดนแห่งเกียวโตตะวันตกออกมาได้อย่างเด่นชัด
วัดรุริโคจิ สร้างขึ้นในช่วงปีคาคิสึ 2 (ค.ศ.1442) ซึ่งถือเป็นยุคที่เมืองยามากุจิมีความเจริญสูงสุด ภายในวัดรุริโคจินั้นมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างเป็นระเบียบสวยงาม บางโซนมีการจัดสวนแบบเซ็นแฝงปริศนาธรรม
ขณะที่ต้นไม้น้อยใหญ่ในวัดแห่งนี้ที่นำโดยต้นซากุระจะเปลี่ยนสีสันความงดงามไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าฝนที่ดูเขียวขจี ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ดูงดงามหลากสีสันคัลเลอร์ฟูล ช่วงฤดูหนาวที่ดูขาวโพลนจากหิมะที่ปกคลุม และช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มวลหมู่ซากุระที่นี่จะพากันออกดอกขาวนวลดูสวยงามสบายตายิ่งนัก
วัดรุริโคจิ มีไฮไลท์สำคัญคือ“เจดีย์ 5 ชั้น” เป็นเจดีย์ไม้สูง 31 เมตร ที่สร้างได้อย่างยิ่งใหญ่สวยงาม และมีความคลาสสิก ประณีต เนี้ยบ ในทุกกระเบียดนิ้ว จนถูกยกให้เป็น 1 ใน 3 เจดีย์ที่มีความสวยงามที่สุดของญี่ปุ่น เป็น 1 ใน เจดีย์ต้องห้ามพลาดของญี่ปุ่น
ใครที่มาเยือนเมืองยามากุจิแล้วไม่ได้มายลความสวยงามคลาสสิกของเจดีย์วัดรุริโคจินั้นก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองนี้โดยสมบูรณ์
ซากุระริมแม่น้ำอิจิโนซากะ
สำหรับที่พักในเมืองยามากุจิของคณะเรา(คืนที่ 3 ของทริป) คือ “โรงแรมนิวทานากะ”(New Tanaka) ที่พักในตัวเมืองที่นอกจากจะมีบรรยากาศดีสามารถเดินเที่ยวในละแวกนั้นได้แล้ว บุฟเฟ่ต์มือเช้าของที่นี่เขาก็ยอดเยี่ยมไม่เบา มีการจัดเต็มอาหารญี่ปุ่นสารพัดสารพันมาให้เลือกอิ่มอร่อยกัน โดยเฉพาะกับเมนู“ปลาปักเป้า” ที่เป็นอาหารเด็ดขึ้นชื่อประจำจังหวัดยามากุจิ ซึ่งผมได้ยินกิตติศัพท์ของปลาปักเป้ามานานแล้วว่านี่เป็น“เมนูอร่อยเสี่ยงตาย”งานนี้ผมจึงไม่พลาดการจัดหนักเสียให้หายอยาก
หลังอิ่มหนำจากอาหารอันหลากหลายและยังอยู่สบายจากการเปิบปักเป้าไปเยอะพอดู เช้าวันนี้(วันที่ 4 )คณะเราเปิดประเดิมรับวันใหม่กันอย่างสดใสสดสวย ด้วยการเดินทางไปชมความงามของดอกซากุระริมแม่น้ำอิจิโนซากะ ที่เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระอันสวยงามเลื่องชื่อของจังหวัดยามากุจิ
แม่น้ำอิจิโนซากะ(Ichinosaka) ช่วงที่ไหลผ่านกลางเมืองยามากุจิ แม้จะดูเล็กๆแคบๆ(ดูเล็กกว่าคลองหลายๆแห่งในบ้านเราเสียอีก)แต่ว่านี่ถือเป็นหนึ่งในเส้นเลือดหลักของเมืองยามากุจิ ซึ่งนอกจากจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงความเป็นเกียวโตตะวันตกอย่างเด่นชัด(ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว) อิจิโนซากะยังเป็นแม่น้ำสายสวยใสสะอาด
แต่ละปีในช่วงต้นฤดูร้อน ที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วยหิ่งห้อย“เกนจิโบทารุ”(Genji Botaru) จำนวนมากบินมาอวดโฉมส่องแสงระยิบระยับ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมหิ่งห้อยที่น่าสนใจแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย(และไม่มีการประดับไฟหลอกว่าเป็นหิ่งห้อยเหมือนบางที่ในบ้านเรา)
ขณะที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิบริเวณริม 2 ฟากฝั่งของแม่น้ำอิจิโนซากะจะดูงดงามไปด้วยต้นซากุระที่กำลังออกดอกสะพรั่งย้อมบริเวณนี้ให้เป็นสีขาวนวล ช่วยขับเน้นบรรยากาศของบ้านเรือนแบบดั้งเดิมริม 2 ฝั่งน้ำให้ดูทรงเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผมไปปั่นจักรยานเที่ยวเมืองยามากุจินั้น ซากุระกำลังออกดอกบานฟูลบูมพอดี
ถือเป็นความโชคดีที่ธรรมชาติได้ประทานมาให้พวกเราได้ชื่นชมกันอย่างเพลิดเพลิน และน่าประทับใจกระไรปานนั้น
ชิน-ยามากุจิ
นอกจากพลังปักเป้าแล้ว เช้านี้ผมยังมีพลัง(ความงาม)ซากุระเป็นอีกสิ่งเร้าช่วยให้รู้สึกคึกคักเป็นอักโข ก่อนที่จะออกแรงปั่นจักรยานสู่จุดหมายในเส้นทาง“ยามากุจิ-อุเบะ-ซันโย โอโนดะ” รวมระยะทางปั่นประมาณ 30 กม. แล้วต่อด้วยการนั่งรถสู่เมือง“ชิโมโนเซคิ” จุดพักในค่ำคืนของวันที่ 4 นี้ (โดยมีคุณคุณ“โนบุ” หรือ“โนบุซัง” ปั่นนำหน้า และคุณ“ซาดะ”หรือ “ซาดะซัง” ปั่นปิดท้ายเหมือนเดิม ทั้งสองคนเป็นทีมงานเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ ที่มาทำหน้าที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ พาคณะนักปั่นจากเมืองไทยออกตะลุยปั่นเที่ยวยามากุจิกันตลอดทั้งทริป)
สำหรับความพิเศษของการปั่นจักรยานในช่วงแรกของโปรแกรมช่วงครึ่งวันเช้านี้ คุณโนบุพาเราปั่นไปบนเส้นทางจักรยาน“ชิน-ยามากุจิ”(Shin-Yamaguchi)ถนนสายพิเศษที่สร้างแยกออกมาจากถนนสายหลัก เพื่อใช้สำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ
เส้นทางจักรยานชิน(ชินกันเซ็น)-ยามากุจิ เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟชินกันเซ็นกับเมืองยามากุจิ และเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีทั้งถนนจักรยานสายใหม่ และถนนจักรยานสายเก่าที่สร้างขึ้นมาร่วม 20-30 ปีแล้ว
โดยมีเส้นทาง Yamaguchi Historical District ในระยะทาง 38.8 กม. เป็นเส้นทางไฮไลท์ให้เราได้ปั่นเลาะเลียบทางรถไฟไอน้ำ SL Train ที่วิ่งผ่านกลางทุ่งหญ้าสีทอง พร้อมทั้งมีจุดให้เราได้ไปสัมผัสกับความสวยงามคลาสสิกของเจดีย์ 5 ชั้น แห่งวัดรุริโคจิกันด้วย
นอกจากในเรื่องของกิจกรรมการปั่นจักรยานท่องเที่ยวแล้ว ทางการของญี่ปุ่นยังจัดกิจกรรมจัดอีเว้นต์ต่างๆเกี่ยวกับกิจกรรมขึ้นอย่างหลากหลายในจังหวัดยามากุจิ อย่างเช่น โครงการ “Cycle Prefecture Yamaguchi Project” และการแข่งขันดาวน์ฮิลล์ “All Yamaguchi Ride Festa” ที่มีแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งวิสัยทัศน์ด้านจักรยานของเมืองยามากุจิ และจังหวัดยามากุจิ ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้มุ่งส่งเสริมให้จังหวัดยามากุจิเป็นอีกหนึ่งเมืองจักรยานสำคัญของญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ศักยภาพสูง มีวิวทิวทัศน์สวยงาม มีเส้นทางที่เหมาะสม และคนที่นี่ก็ใช้จักรยานกันเป็นกิจวัตรในชีวิตประจำวัน
ส่วนที่ต้องยกสามจอกคว่ำคารวะก็คือ บนถนนทางจักรยานเฉพาะแบบนี้ที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่น(และคนหลายๆชาติในโลกนี้)จะไม่นำรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ไปจอดขวาง ไม่นำรถเข็น สามล้อ ไปจอดยึดพื้นที่เพื่อขายของเหมือนบ้านเรา
นี่ถือเป็นสามัญสำนึกพื้นฐานปกติของคนญี่ปุ่น(และคนอีกหลายๆชาติในโลกใบนี้) ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เมืองไทยจะเดินทางไปถึงจุดนั้นบ้าง
ยามากุจิ-อุเบะ
สำหรับเส้นทางปั่นจักรยานจากเมืองยามากุจิมุ่งสู่เมืองอุเบะนั้น เป็นเส้นทางปั่นเลาะเลียบแม่น้ำฟุชิโนกาวะ(Fushinogawa) ที่เป็นเส้นทางราบปั่นสบาย แต่ว่าวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทางที่สวยงามน่าประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นทางปั่นผ่านสวนสาธารณะ เส้นทางปั่นผ่านทุ่งดอกหญ้าและวิวของซากุระริมน้ำ
อีกทั้งยังมีเส้นทางหลายๆช่วงที่ปั่นผ่านซุ้มซากุระและดอกไม้หลากสีสันที่กำลังออกดอกสวยงามดูน่าตื่นตาตื่นใจ จนทำให้พวกเราต้องหยุดแวะถ่ายรูปบันทึกภาพความทรงจำกันเป็นระยะๆ
พวกเราปั่นบนทางจักรยานสายสวยสายนี้ยาวไปกว่า 10 กม. ก่อนจะไปต่อบนเส้นทางปั่นจักรยานข้ามเนินข้ามเขามุ่งหน้าสู่เมืองอุเบะ
เมื่อปั่นข้ามเขาพ้นไปแล้วก็กลับเข้าไปปั่นบนถนนปกติเข้าสู่เขตเมืองอุเบะ ซึ่งระหว่างทางเรามีแวะพักทีเบรกยามสายกันที่ ศาลเจ้าประจำตระกูลชิกะที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆในเมืองอุเบะ
ศาลเจ้าชิกะมีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี เป็น ปัจจุบันสืบทอดกันมาเป็นรุ่นที่ 23 แล้ว
ศาลเจ้าชิกะนอกจากจะมีความขรึมขลังแล้ว ยังมีความงดงามของซากุระที่กำลังออกดอกสะพรั่ง ประดับให้ศาลเข้าหางนี้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
ที่นี่เมื่อเราไปถึงนักบวชอาวุโสผู้ดูแลศาลได้เข้ามาต้อนรับ พร้อมพาไปทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ในรูปแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ต่อจากนั้นท่านก็พาคณะนักปั่นไปนั่งพักเหนื่อย ให้จิบชาแกล้มขนมพื้นบ้านท่ามกลางบรรยากาศเรียบง่าย แต่ว่ามันช่างให้อารมณ์ความรู้สึกสุดคลาสสิกยิ่งนัก
ฮานะโนะอุมิ
จากศาลเจ้าชิกะ เมืองอุเบะ คณะเราปั่นต่อในช่วงสุดท้ายของการปั่นจักรยานในทริปนี้ออกมุ่งหน้าสู่เมือง“ซันโย โอโนดะ”(Sanyo Onoda) อีกหนึ่งเมืองงามในเส้นทางจากยามากุจิสู่ชิโมโนเซคิ
ที่เมืองซันโย โอโนดะ พวกเราเลือก“ฟาร์มฮานะโนะอุมิ” เป็นจุดหลัก สำหรับพักกิน พักเที่ยว และทำกิจกรรม D.I.Y. กันที่นี่
ฮานะโนะอุมิ(Hananoumi) เป็นฟาร์มชื่อดังของเมืองซันโย โอโนดะ จังหวัดยามากุจิ ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งผลิตพืชผักผลไม้ขนาดใหญ่แบบครบวงจร ซึ่งมีทั้งส่งขายและวางขายที่ฟาร์ม(หน้าร้าน)แล้ว ฟาร์มแห่งนี้ยังเปิดให้คนมาเที่ยวสิ่งที่น่าสนใจต่างๆของฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็น แปลงพืชผัก แปลงดอกไม้ ชม ช้อป ชิม เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อันหลากหลายที่ร้านค้าของฟาร์ม กินอาหาร ชากาแฟ เครื่องดื่ม และไอศกรีมอร่อยของที่นี่
รวมถึงเปิดให้นักท่องเที่ยวผู้สนใจได้ร่วมทำกิจกรรม D.I.Y. ต่างๆ ซึ่งหลังจากที่คณะนักปั่นจากชาวไทยเดินทางมาถึงที่นี่ พวกเราก็ได้ลงมือทำกิจกรรม D.I.Y พิซซ่าแฮนด์เมด เริ่มตั้งแต่กระบวนการไปเดินเก็บผักในฟาร์ม นวดแป้ง ตีแป้ง ทำหน้าพิซซ่าด้วยตนเอง และอบพิซซ่า(มีเจ้าหน้าที่คอยอบให้)
เมื่ออบเสร็จแล้ว หน้าตาพิซซ่าที่ออกมาก็จะขึ้นอยู่กับการเลือกวัตถุดิบต่างๆตามความชอบของแต่ละคน เป็นพิซซ่าหน้าเฉพาะถาดเดียวในโลก ที่ให้ผมทำอีกครั้ง(อีกถาด) หน้าตาที่ออกมาก็ไม่เหมือนเดิม ส่วนเรื่องรสชาตินั้น อร่อยไปคนละแบบตามความชอบของแต่ละคน
เอาเป็นว่าทำออกมาแล้วสุกกินได้ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
หลังอิ่มหนำสำราญจากพิซซ่าฝีมือเราเอง(ที่เกิดมาผมก็เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรกที่นี่) กิจกรรมต่อไปเป็นการเก็บสตรอร์เบอร์รี่สดๆจากโรงเรือน กินกันสดๆในนั้นกับสตรอร์เบอร์รี่รสชาติหวานฉ่ำ ซึ่งทางฟาร์มได้แนะนำวิธีดูสตรอร์เบอร์รี่ง่ายๆว่า ถ้าลูกไหนขั้วสุกแดงสดเก็บกินจะอร่อยหวานฉ่ำ ส่วนลูกไหนขั้วยังขาวหรือมีสีเหลือง สีส้ม จะมีรสอมเปรี้ยว ความอร่อยสู้ลูกขั้วที่สุกแดงไม่ได้
หลังจบจากกิจกรรมเก็บสตรอร์เบอร์รี่ พวกเราก็จบกิจกรรมการปั่นจักรยานเที่ยวเมืองยามากุจิกันที่ฟาร์มแห่งนี้(เก็บจักรยานขึ้นรถ) แต่ว่ากิจกรรมการเที่ยวจังหวัดยามากุจิยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะจุดหมายต่อไป พวกเราจะนั่งรถออกเดินทางต่อไปยังเมืองชิโมโนเซคิอีกครั้ง
เมืองชิโมโนเซคิ(Shimonoseki) นอกจากจะเป็นสัมผัสแรกในจังหวัดยามากุจิแล้ว ยังเป็นเมืองส่งท้ายก่อนอำลายามากุจิ ปิดทริปปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิ เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่นด้วยความประทับใจยิ่ง
อย่างไรก็ดีงานนี้คุณโนบุ คุณซาดะ และทีมนักปั่นจักรยานจากการท่องเที่ยวยามากุจิไม่ได้ไปกับเราด้วย เพราะสิ้นสุดภารกิจปั่นจักรยานพาเรามาถึงเป้าหมาย(ด้วยความประทับใจ)
นั่นจึงทำให้ฉากสุดท้ายของการลาจากระหว่างคณะนักปั่นจากเมืองไทยกับทีมนักปั่นชาวญี่ปุ่น เป็นไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ อันเกิดจากน้ำมิตรไมตรีที่เกิดขึ้นจากการปั่นจักรยานใน 4 วันที่ผ่านมา
เป็นมิตรภาพข้ามชาติที่เจ้า 2 ล้อ ได้ช่วยบ่มเพาะให้เกิดความผูกพันขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็วได้อย่างน่าประหลาด
...และนี่ไยมิใช่อีกหนึ่งเสน่ห์ของการปั่นจักรยาน ที่ต้องลองปั่นถึงจะได้สัมผัส...
....................................................................................................
จังหวัดยามากุจิ(Yamaguchi) ตั้งอยู่ในภูมิภาคจูโกขุุุ หรือ ชูโกกุ(Chugoku) บริเวณช่วงปลายสุดทางฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู(ฮนชู : Honshu) มีทะเลโอบล้อมทั้ง 3 ด้าน มีทัศนียภาพงดงามของท้องทะเล ขุนเขา และบ้านเมือง มีอากาศเย็นสบายกำลังดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารอร่อยชวนให้ลิ้มลอง
สำหรับทริปนี้เป็นการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิของคณะนักปั่นจากเมืองไทยกลุ่มแรกที่ไปปั่นเที่ยวเมืองนี้(อย่างเป็นทางการ) ในระหว่างวันที่ 25-31 มี.ค. ที่ผ่านมา (6 วัน 5 คืน เดินทางคืน 25 เริ่มปั่นวันที่ 26) ซึ่งในตลอดเส้นทางมีดอกซากุระที่ปีนี้บานเร็วกว่าทุกๆปีให้ชมกันเป็นระยะๆ
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
อ่านซีรีส์ชุด "ปั่นจักรยานเที่ยวยามากุจิ เมือจักรยานในดวงใจ เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น"
ตอน 1 ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น...กินโซบะย่างกระเบื้องหลังคา ตื่นตาสะพานวิวสวยต้องชมก่อนตาย
ตอน 2 วิวอย่างว้าว! ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เมืองงาม...หลงรักศาลเจ้าริมทะเล หลงเสน่ห์ซากุระริมแม่น้ำ
ตอน 3 อันซีนญี่ปุ่น พิชิตหุบเขาประหลาด-บ่อน้ำผุดสุดใส สู่“ยามากุจิ”เมืองในดวงใจ
ตอน 4 “ยามากุจิ” เกียวโตฝั่งตะวันตกสวยคลาสสิก จุดดักฝันของนักปั่นจักรยาน
ตอนจบ เปิบ“ปลาปักเป้า”อร่อยเสี่ยงตาย...บ๊ายบาย“ยามากุจิ”เมืองจักรยานในดวงใจ
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
Facebook Travel Unlimited / เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“เกียวโตฝั่งตะวันตก”
เป็นฉายาของเมือง“ยามากุจิ”(Yamaguchi) ซึ่งวันนี้รอยอดีตอันรุ่งโรจน์แห่งเกียวโตฝั่งตะวันตก ได้ช่วยขับเน้นเมืองยามากุจิดูทรงเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังช่วยหนุนส่งให้ยามากุจิมีความโดดเด่นกลายเป็นอีกหนึ่งเมืองในดวงใจของใครหลายๆคน สมดังสโลแกน “ยามากุจิ เมืองในดวงใจ”
เกียวโตฝั่งตะวันตก
เมืองยามากุจิ หรืออำเภอยามากุจิ เป็นเมืองเอกหรือเมืองหลวง(อำเภอเมือง)ของจังหวัดยามากุจิ ประเทศญี่ปุ่น
เมืองยามากุจิถือกำเนิดขึ้นในอดีตช่วงราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 ตระกูลโออุจิ ที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเกียวโตเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ตระกูลโออุจิผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น จึงให้จำลองรูปแบบของเกียวโต แล้วสร้างเป็นเมืองใหม่ขึ้นมาในพื้นที่ที่เป็นเมืองยามากุจิในปัจจุบัน โดยมีแม่น้ำอิจิโนซากะไหลผ่านกลางตัวเมืองเฉกเช่นเดียวกับแม่น้ำคาโมกาวะของเกียวโต
ทำให้เมืองยามากุจิได้รับฉายาว่าเป็น “เกียวโตฝั่งตะวันตก” หรือ “เมืองหลวงฝั่งตะวันตก” อันเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ชวนค้นหา
เมืองยามากุจิถือเป็นหนึ่งในเมืองหลักของทริป“ปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิ” ซึ่งทางบริษัท “Octo Cycling” ได้จับมือกับ“Inter Bike” และ“การท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ”(Yamaguchi Tourism) เชิญชวนผู้รักการปั่นจักรยานจากเมืองไทยไปปั่นเที่ยวยามากุจิแบบสโลว์ไลฟ์ สัมผัสธรรมชาติ ขุนเขา ท้องทะเล วิถีชีวิตวัฒนธรรม กินอร่อย-นอนสบาย เปิดมุมมองใหม่ในแดนอาทิตย์อุทัย โดยเน้นในเรื่องของความปลอดภัยเป็นยิ่งยวด
โดยหลังจากที่ผมกับคณะปั่นจักรยานข้ามที่ราบสูงอาคิโยชิได(Akiyoshidai) เทือกเขาประหลาด แหล่งภูมิประเทศแบบคาสต์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นแห่งเมืองมิเนะ มาถึงยังตัวเมืองยามากุจิ(อำเภอยามากุจิ) ในช่วงเย็นวันที่ 3 ของทริปนี้
วัดรุริโคจิ
สิ่งแรกที่เราพุ่งเป้าไปเมื่อมาถึงเมืองยามากุจิก็คือ “วัดรุริโคจิ”(Rurukoji)หรือ“วัดเจดีย์ 5 ชั้น” วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองยามากุจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศญี่ปุ่น ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ในอดีตของเมืองยามากุจิ ดินแดนแห่งเกียวโตตะวันตกออกมาได้อย่างเด่นชัด
วัดรุริโคจิ สร้างขึ้นในช่วงปีคาคิสึ 2 (ค.ศ.1442) ซึ่งถือเป็นยุคที่เมืองยามากุจิมีความเจริญสูงสุด ภายในวัดรุริโคจินั้นมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์อย่างเป็นระเบียบสวยงาม บางโซนมีการจัดสวนแบบเซ็นแฝงปริศนาธรรม
ขณะที่ต้นไม้น้อยใหญ่ในวัดแห่งนี้ที่นำโดยต้นซากุระจะเปลี่ยนสีสันความงดงามไปตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าฝนที่ดูเขียวขจี ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ดูงดงามหลากสีสันคัลเลอร์ฟูล ช่วงฤดูหนาวที่ดูขาวโพลนจากหิมะที่ปกคลุม และช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มวลหมู่ซากุระที่นี่จะพากันออกดอกขาวนวลดูสวยงามสบายตายิ่งนัก
วัดรุริโคจิ มีไฮไลท์สำคัญคือ“เจดีย์ 5 ชั้น” เป็นเจดีย์ไม้สูง 31 เมตร ที่สร้างได้อย่างยิ่งใหญ่สวยงาม และมีความคลาสสิก ประณีต เนี้ยบ ในทุกกระเบียดนิ้ว จนถูกยกให้เป็น 1 ใน 3 เจดีย์ที่มีความสวยงามที่สุดของญี่ปุ่น เป็น 1 ใน เจดีย์ต้องห้ามพลาดของญี่ปุ่น
ใครที่มาเยือนเมืองยามากุจิแล้วไม่ได้มายลความสวยงามคลาสสิกของเจดีย์วัดรุริโคจินั้นก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองนี้โดยสมบูรณ์
ซากุระริมแม่น้ำอิจิโนซากะ
สำหรับที่พักในเมืองยามากุจิของคณะเรา(คืนที่ 3 ของทริป) คือ “โรงแรมนิวทานากะ”(New Tanaka) ที่พักในตัวเมืองที่นอกจากจะมีบรรยากาศดีสามารถเดินเที่ยวในละแวกนั้นได้แล้ว บุฟเฟ่ต์มือเช้าของที่นี่เขาก็ยอดเยี่ยมไม่เบา มีการจัดเต็มอาหารญี่ปุ่นสารพัดสารพันมาให้เลือกอิ่มอร่อยกัน โดยเฉพาะกับเมนู“ปลาปักเป้า” ที่เป็นอาหารเด็ดขึ้นชื่อประจำจังหวัดยามากุจิ ซึ่งผมได้ยินกิตติศัพท์ของปลาปักเป้ามานานแล้วว่านี่เป็น“เมนูอร่อยเสี่ยงตาย”งานนี้ผมจึงไม่พลาดการจัดหนักเสียให้หายอยาก
หลังอิ่มหนำจากอาหารอันหลากหลายและยังอยู่สบายจากการเปิบปักเป้าไปเยอะพอดู เช้าวันนี้(วันที่ 4 )คณะเราเปิดประเดิมรับวันใหม่กันอย่างสดใสสดสวย ด้วยการเดินทางไปชมความงามของดอกซากุระริมแม่น้ำอิจิโนซากะ ที่เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระอันสวยงามเลื่องชื่อของจังหวัดยามากุจิ
แม่น้ำอิจิโนซากะ(Ichinosaka) ช่วงที่ไหลผ่านกลางเมืองยามากุจิ แม้จะดูเล็กๆแคบๆ(ดูเล็กกว่าคลองหลายๆแห่งในบ้านเราเสียอีก)แต่ว่านี่ถือเป็นหนึ่งในเส้นเลือดหลักของเมืองยามากุจิ ซึ่งนอกจากจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงความเป็นเกียวโตตะวันตกอย่างเด่นชัด(ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว) อิจิโนซากะยังเป็นแม่น้ำสายสวยใสสะอาด
แต่ละปีในช่วงต้นฤดูร้อน ที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วยหิ่งห้อย“เกนจิโบทารุ”(Genji Botaru) จำนวนมากบินมาอวดโฉมส่องแสงระยิบระยับ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมหิ่งห้อยที่น่าสนใจแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย(และไม่มีการประดับไฟหลอกว่าเป็นหิ่งห้อยเหมือนบางที่ในบ้านเรา)
ขณะที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิบริเวณริม 2 ฟากฝั่งของแม่น้ำอิจิโนซากะจะดูงดงามไปด้วยต้นซากุระที่กำลังออกดอกสะพรั่งย้อมบริเวณนี้ให้เป็นสีขาวนวล ช่วยขับเน้นบรรยากาศของบ้านเรือนแบบดั้งเดิมริม 2 ฝั่งน้ำให้ดูทรงเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผมไปปั่นจักรยานเที่ยวเมืองยามากุจินั้น ซากุระกำลังออกดอกบานฟูลบูมพอดี
ถือเป็นความโชคดีที่ธรรมชาติได้ประทานมาให้พวกเราได้ชื่นชมกันอย่างเพลิดเพลิน และน่าประทับใจกระไรปานนั้น
ชิน-ยามากุจิ
นอกจากพลังปักเป้าแล้ว เช้านี้ผมยังมีพลัง(ความงาม)ซากุระเป็นอีกสิ่งเร้าช่วยให้รู้สึกคึกคักเป็นอักโข ก่อนที่จะออกแรงปั่นจักรยานสู่จุดหมายในเส้นทาง“ยามากุจิ-อุเบะ-ซันโย โอโนดะ” รวมระยะทางปั่นประมาณ 30 กม. แล้วต่อด้วยการนั่งรถสู่เมือง“ชิโมโนเซคิ” จุดพักในค่ำคืนของวันที่ 4 นี้ (โดยมีคุณคุณ“โนบุ” หรือ“โนบุซัง” ปั่นนำหน้า และคุณ“ซาดะ”หรือ “ซาดะซัง” ปั่นปิดท้ายเหมือนเดิม ทั้งสองคนเป็นทีมงานเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวจังหวัดยามากุจิ ที่มาทำหน้าที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ พาคณะนักปั่นจากเมืองไทยออกตะลุยปั่นเที่ยวยามากุจิกันตลอดทั้งทริป)
สำหรับความพิเศษของการปั่นจักรยานในช่วงแรกของโปรแกรมช่วงครึ่งวันเช้านี้ คุณโนบุพาเราปั่นไปบนเส้นทางจักรยาน“ชิน-ยามากุจิ”(Shin-Yamaguchi)ถนนสายพิเศษที่สร้างแยกออกมาจากถนนสายหลัก เพื่อใช้สำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ
เส้นทางจักรยานชิน(ชินกันเซ็น)-ยามากุจิ เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟชินกันเซ็นกับเมืองยามากุจิ และเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีทั้งถนนจักรยานสายใหม่ และถนนจักรยานสายเก่าที่สร้างขึ้นมาร่วม 20-30 ปีแล้ว
โดยมีเส้นทาง Yamaguchi Historical District ในระยะทาง 38.8 กม. เป็นเส้นทางไฮไลท์ให้เราได้ปั่นเลาะเลียบทางรถไฟไอน้ำ SL Train ที่วิ่งผ่านกลางทุ่งหญ้าสีทอง พร้อมทั้งมีจุดให้เราได้ไปสัมผัสกับความสวยงามคลาสสิกของเจดีย์ 5 ชั้น แห่งวัดรุริโคจิกันด้วย
นอกจากในเรื่องของกิจกรรมการปั่นจักรยานท่องเที่ยวแล้ว ทางการของญี่ปุ่นยังจัดกิจกรรมจัดอีเว้นต์ต่างๆเกี่ยวกับกิจกรรมขึ้นอย่างหลากหลายในจังหวัดยามากุจิ อย่างเช่น โครงการ “Cycle Prefecture Yamaguchi Project” และการแข่งขันดาวน์ฮิลล์ “All Yamaguchi Ride Festa” ที่มีแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งวิสัยทัศน์ด้านจักรยานของเมืองยามากุจิ และจังหวัดยามากุจิ ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้มุ่งส่งเสริมให้จังหวัดยามากุจิเป็นอีกหนึ่งเมืองจักรยานสำคัญของญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ศักยภาพสูง มีวิวทิวทัศน์สวยงาม มีเส้นทางที่เหมาะสม และคนที่นี่ก็ใช้จักรยานกันเป็นกิจวัตรในชีวิตประจำวัน
ส่วนที่ต้องยกสามจอกคว่ำคารวะก็คือ บนถนนทางจักรยานเฉพาะแบบนี้ที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่น(และคนหลายๆชาติในโลกนี้)จะไม่นำรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ไปจอดขวาง ไม่นำรถเข็น สามล้อ ไปจอดยึดพื้นที่เพื่อขายของเหมือนบ้านเรา
นี่ถือเป็นสามัญสำนึกพื้นฐานปกติของคนญี่ปุ่น(และคนอีกหลายๆชาติในโลกใบนี้) ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เมืองไทยจะเดินทางไปถึงจุดนั้นบ้าง
ยามากุจิ-อุเบะ
สำหรับเส้นทางปั่นจักรยานจากเมืองยามากุจิมุ่งสู่เมืองอุเบะนั้น เป็นเส้นทางปั่นเลาะเลียบแม่น้ำฟุชิโนกาวะ(Fushinogawa) ที่เป็นเส้นทางราบปั่นสบาย แต่ว่าวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทางที่สวยงามน่าประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นทางปั่นผ่านสวนสาธารณะ เส้นทางปั่นผ่านทุ่งดอกหญ้าและวิวของซากุระริมน้ำ
อีกทั้งยังมีเส้นทางหลายๆช่วงที่ปั่นผ่านซุ้มซากุระและดอกไม้หลากสีสันที่กำลังออกดอกสวยงามดูน่าตื่นตาตื่นใจ จนทำให้พวกเราต้องหยุดแวะถ่ายรูปบันทึกภาพความทรงจำกันเป็นระยะๆ
พวกเราปั่นบนทางจักรยานสายสวยสายนี้ยาวไปกว่า 10 กม. ก่อนจะไปต่อบนเส้นทางปั่นจักรยานข้ามเนินข้ามเขามุ่งหน้าสู่เมืองอุเบะ
เมื่อปั่นข้ามเขาพ้นไปแล้วก็กลับเข้าไปปั่นบนถนนปกติเข้าสู่เขตเมืองอุเบะ ซึ่งระหว่างทางเรามีแวะพักทีเบรกยามสายกันที่ ศาลเจ้าประจำตระกูลชิกะที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆในเมืองอุเบะ
ศาลเจ้าชิกะมีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี เป็น ปัจจุบันสืบทอดกันมาเป็นรุ่นที่ 23 แล้ว
ศาลเจ้าชิกะนอกจากจะมีความขรึมขลังแล้ว ยังมีความงดงามของซากุระที่กำลังออกดอกสะพรั่ง ประดับให้ศาลเข้าหางนี้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
ที่นี่เมื่อเราไปถึงนักบวชอาวุโสผู้ดูแลศาลได้เข้ามาต้อนรับ พร้อมพาไปทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ในรูปแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ต่อจากนั้นท่านก็พาคณะนักปั่นไปนั่งพักเหนื่อย ให้จิบชาแกล้มขนมพื้นบ้านท่ามกลางบรรยากาศเรียบง่าย แต่ว่ามันช่างให้อารมณ์ความรู้สึกสุดคลาสสิกยิ่งนัก
ฮานะโนะอุมิ
จากศาลเจ้าชิกะ เมืองอุเบะ คณะเราปั่นต่อในช่วงสุดท้ายของการปั่นจักรยานในทริปนี้ออกมุ่งหน้าสู่เมือง“ซันโย โอโนดะ”(Sanyo Onoda) อีกหนึ่งเมืองงามในเส้นทางจากยามากุจิสู่ชิโมโนเซคิ
ที่เมืองซันโย โอโนดะ พวกเราเลือก“ฟาร์มฮานะโนะอุมิ” เป็นจุดหลัก สำหรับพักกิน พักเที่ยว และทำกิจกรรม D.I.Y. กันที่นี่
ฮานะโนะอุมิ(Hananoumi) เป็นฟาร์มชื่อดังของเมืองซันโย โอโนดะ จังหวัดยามากุจิ ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งผลิตพืชผักผลไม้ขนาดใหญ่แบบครบวงจร ซึ่งมีทั้งส่งขายและวางขายที่ฟาร์ม(หน้าร้าน)แล้ว ฟาร์มแห่งนี้ยังเปิดให้คนมาเที่ยวสิ่งที่น่าสนใจต่างๆของฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็น แปลงพืชผัก แปลงดอกไม้ ชม ช้อป ชิม เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อันหลากหลายที่ร้านค้าของฟาร์ม กินอาหาร ชากาแฟ เครื่องดื่ม และไอศกรีมอร่อยของที่นี่
รวมถึงเปิดให้นักท่องเที่ยวผู้สนใจได้ร่วมทำกิจกรรม D.I.Y. ต่างๆ ซึ่งหลังจากที่คณะนักปั่นจากชาวไทยเดินทางมาถึงที่นี่ พวกเราก็ได้ลงมือทำกิจกรรม D.I.Y พิซซ่าแฮนด์เมด เริ่มตั้งแต่กระบวนการไปเดินเก็บผักในฟาร์ม นวดแป้ง ตีแป้ง ทำหน้าพิซซ่าด้วยตนเอง และอบพิซซ่า(มีเจ้าหน้าที่คอยอบให้)
เมื่ออบเสร็จแล้ว หน้าตาพิซซ่าที่ออกมาก็จะขึ้นอยู่กับการเลือกวัตถุดิบต่างๆตามความชอบของแต่ละคน เป็นพิซซ่าหน้าเฉพาะถาดเดียวในโลก ที่ให้ผมทำอีกครั้ง(อีกถาด) หน้าตาที่ออกมาก็ไม่เหมือนเดิม ส่วนเรื่องรสชาตินั้น อร่อยไปคนละแบบตามความชอบของแต่ละคน
เอาเป็นว่าทำออกมาแล้วสุกกินได้ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว
หลังอิ่มหนำสำราญจากพิซซ่าฝีมือเราเอง(ที่เกิดมาผมก็เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรกที่นี่) กิจกรรมต่อไปเป็นการเก็บสตรอร์เบอร์รี่สดๆจากโรงเรือน กินกันสดๆในนั้นกับสตรอร์เบอร์รี่รสชาติหวานฉ่ำ ซึ่งทางฟาร์มได้แนะนำวิธีดูสตรอร์เบอร์รี่ง่ายๆว่า ถ้าลูกไหนขั้วสุกแดงสดเก็บกินจะอร่อยหวานฉ่ำ ส่วนลูกไหนขั้วยังขาวหรือมีสีเหลือง สีส้ม จะมีรสอมเปรี้ยว ความอร่อยสู้ลูกขั้วที่สุกแดงไม่ได้
หลังจบจากกิจกรรมเก็บสตรอร์เบอร์รี่ พวกเราก็จบกิจกรรมการปั่นจักรยานเที่ยวเมืองยามากุจิกันที่ฟาร์มแห่งนี้(เก็บจักรยานขึ้นรถ) แต่ว่ากิจกรรมการเที่ยวจังหวัดยามากุจิยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะจุดหมายต่อไป พวกเราจะนั่งรถออกเดินทางต่อไปยังเมืองชิโมโนเซคิอีกครั้ง
เมืองชิโมโนเซคิ(Shimonoseki) นอกจากจะเป็นสัมผัสแรกในจังหวัดยามากุจิแล้ว ยังเป็นเมืองส่งท้ายก่อนอำลายามากุจิ ปิดทริปปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิ เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่นด้วยความประทับใจยิ่ง
อย่างไรก็ดีงานนี้คุณโนบุ คุณซาดะ และทีมนักปั่นจักรยานจากการท่องเที่ยวยามากุจิไม่ได้ไปกับเราด้วย เพราะสิ้นสุดภารกิจปั่นจักรยานพาเรามาถึงเป้าหมาย(ด้วยความประทับใจ)
นั่นจึงทำให้ฉากสุดท้ายของการลาจากระหว่างคณะนักปั่นจากเมืองไทยกับทีมนักปั่นชาวญี่ปุ่น เป็นไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ อันเกิดจากน้ำมิตรไมตรีที่เกิดขึ้นจากการปั่นจักรยานใน 4 วันที่ผ่านมา
เป็นมิตรภาพข้ามชาติที่เจ้า 2 ล้อ ได้ช่วยบ่มเพาะให้เกิดความผูกพันขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็วได้อย่างน่าประหลาด
...และนี่ไยมิใช่อีกหนึ่งเสน่ห์ของการปั่นจักรยาน ที่ต้องลองปั่นถึงจะได้สัมผัส...
....................................................................................................
จังหวัดยามากุจิ(Yamaguchi) ตั้งอยู่ในภูมิภาคจูโกขุุุ หรือ ชูโกกุ(Chugoku) บริเวณช่วงปลายสุดทางฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู(ฮนชู : Honshu) มีทะเลโอบล้อมทั้ง 3 ด้าน มีทัศนียภาพงดงามของท้องทะเล ขุนเขา และบ้านเมือง มีอากาศเย็นสบายกำลังดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารอร่อยชวนให้ลิ้มลอง
สำหรับทริปนี้เป็นการปั่นจักรยานเที่ยวจังหวัดยามากุจิของคณะนักปั่นจากเมืองไทยกลุ่มแรกที่ไปปั่นเที่ยวเมืองนี้(อย่างเป็นทางการ) ในระหว่างวันที่ 25-31 มี.ค. ที่ผ่านมา (6 วัน 5 คืน เดินทางคืน 25 เริ่มปั่นวันที่ 26) ซึ่งในตลอดเส้นทางมีดอกซากุระที่ปีนี้บานเร็วกว่าทุกๆปีให้ชมกันเป็นระยะๆ
Octo Cycling เป็นบริษัทที่มุ่งเชิญชวนผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยานออกไปผจญโลกกว้างด้วยการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสัมผัสกับสถานที่ต่างๆ ทั้งใน กทม. ในเมืองไทย อาเซียน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เอเชีย และยุโรป เป็นต้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2181-2088 หรือที่ www. Octocycling.com หรือ www.facebook.com/octocycling
อ่านซีรีส์ชุด "ปั่นจักรยานเที่ยวยามากุจิ เมือจักรยานในดวงใจ เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น"
ตอน 1 ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เปิดมุมมองใหม่ในญี่ปุ่น...กินโซบะย่างกระเบื้องหลังคา ตื่นตาสะพานวิวสวยต้องชมก่อนตาย
ตอน 2 วิวอย่างว้าว! ปั่นเที่ยว“ยามากุจิ”เมืองงาม...หลงรักศาลเจ้าริมทะเล หลงเสน่ห์ซากุระริมแม่น้ำ
ตอน 3 อันซีนญี่ปุ่น พิชิตหุบเขาประหลาด-บ่อน้ำผุดสุดใส สู่“ยามากุจิ”เมืองในดวงใจ
ตอน 4 “ยามากุจิ” เกียวโตฝั่งตะวันตกสวยคลาสสิก จุดดักฝันของนักปั่นจักรยาน
ตอนจบ เปิบ“ปลาปักเป้า”อร่อยเสี่ยงตาย...บ๊ายบาย“ยามากุจิ”เมืองจักรยานในดวงใจ
....................................................................................................
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager
