ชาวยิว

หลานสาว 5 ขวบของอินาส อะบู มัวมาร์ อีกทั้งญาติอีก 9 รายถูกสังหารในปฏิบัติการถล่มฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลแก้แค้นที่ฮามาสบุกเข้าสังหารชาวยิว 1,200 รายเมื่อ 7 ตุลาคม 2023 หนึ่งปีผ่านไป คนกาซาล้มตายไปแล้วกว่าสี่หมื่นโดยไร้วี่แววจะยุติ

วันนี้ 7 ตุลาคม ครบรอบหนึ่งปีของกองทัพที่เจริญแล้วมีเทคโนโลยีสูงแต่จิตใจต่ำทราม ทั้งผู้นำการเมืองและผู้นำกองทัพที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์มากกว่า 41,000 รายและมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตเกือบ 100,000 ราย

ชายคนหนึ่งพยายามจุดไฟเผาตัวเองระหว่างการชุมนุมที่กรุงวอชิงตันเรียกร้องอเมริกายุติการช่วยเหลืออิสราเอลเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) นอกจากนั้นยังมีผู้คนหลายหมื่นชุมนุมตามเมืองใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลก เรียกร้องให้ยุติสงครามนองเลือดในกาซาที่กำ

ถึงแม้จะถูกเรียกขานว่า “มุสลิมสายกลาง” แต่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน “นายMasoud Pezeshkian” ท่านได้เปรียบเทียบ เปรียบเปรย เอาไว้แบบ “สุดติ่งกระดิ่งแมว” พอสมควร คือบอกว่าปฏิบัติการ

สงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอลก็เกิดขึ้นจนได้หลังจากหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าไม่ช้าก็เร็วเพราะอิสราเอลมีความลำพองหลังจากทำลายกาซา สังหารชาวปาเลสไตน์ไปมากกว่า 41,000 ราย

การสังหารกลุ่มผู้นำเฮซบอลเลาะห์กว่า 20 คนในเลบานอนโดยกองทัพอากาศอิสราเอลซึ่งใช้ระเบิดถล่มบังเกอร์จัดสรรให้โดยสหรัฐฯ ได้สร้างความไม่แน่นอนในวิกฤตตะวันออกกลาง

ไม่ใช่แค่การแอบเอาระเบิดใส่ไว้ใน “เพจเจอร์” หรือ “วอล์กกี้-ทอล์กกี้” เท่านั้น...ที่ทำให้ชาวเลบานอนมีอันต้องล้มตายไปกว่า 30-40 ราย บาดเจ็บอีก 3,000-4,000 คน แต่หลังจากทำลาย “เครือข่ายการสื่อสาร” ของพวกนักร

ผู้นำรัฐบาลและกองทัพอิสราเอล อาจจะภาคภูมิใจที่ได้ใช้เครื่องติดตามตัวและวิทยุ Walkie-Talkie เป็นอาวุธฝังระเบิดสังหารกลุ่มติดอาวุธและประชาชนในเลบานอนและซีเรียรวมทั้งประเทศอื่นๆ ที่เป็นศัตรู มีผู้เสียชีวิตเกือบ 40 รายและบาดเจ็บกว่า 3

ในแง่ของ “สงคราม” แล้ว...การแอบเอา “ระเบิด” ไปใส่ไว้ใน “เพจเจอร์” ก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากการแอบเอา “ยาพิษ” ไปโรยไว้ในบ่อน้ำ ห้วยหนอง คลองบึง เพื่อหวังให้ฝ่ายตรงข้ามตายโหง-ตายห่าลงไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นั่นเอง ไม่ได้เพียงแค่