xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

คาลินินกราดกับการจุดชนวนสงครามโลก!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นต้องหันไปจับจ้องเขม้นยังอาณาบริเวณพื้นที่เล็กๆ แค่ระดับแมวดิ้นตาย คือมีเนื้อที่แค่ประมาณ 223 ตารางกิโลเมตรเท่านั้นเอง และเผอิญไปสอดแทรกอยู่ระหว่างประเทศ “พันธมิตรนาโต” อย่างลิทัวเนียและโปแลนด์ นั่นคือพื้นที่ถูกเรียกขานในนาม “คาลินินกราด” (Kaliningrad) อันเป็นดินแดนของรัสเซียเขา แต่อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่เลยไปจ่อติดกับทะเลบอลติกที่อยู่กันคนละฟาก...

ดังนั้น...เมื่อรัฐบาลลิทัวเนียเขาตัดสินใจประกาศ “ปิดกั้น”เส้นทางติดต่อทั้งทางถนน ทางรถไฟ ระหว่างรัสเซียกับดินแดนแห่งนี้ อันส่งผลให้บรรดาข้าว-ของ-สินค้ารัสเซียไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ที่เคยส่งเข้าไปขายในยุโรป ไม่ว่าประเภทน้ำมัน ถ่านหิน เหล็ก เครื่องแก้ว อุปกรณ์ก่อสร้าง หรือสินค้าเทคโนโลยีทั้งหลายรวมทั้งข้าว-ปลา-อาหาร ฯลฯ ไม่สามารถขนส่งลำเลียงได้แบบเดิมๆ พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ เลยแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “ไกปืน” หรือ “ชนวนระเบิด” ที่สามารถลั่นไก สามารถก่อให้เกิดเหตุการณ์ตูมๆ ตามๆ ชนิดอาจลุกลามบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...

คืองานนี้...ไม่ว่ารัฐบาลลิทัวเนียเขาจะไปกินดีหมี-หัวใจเสือมาจากที่ไหน? เมื่อไหร่? หรือเป็นเพราะการกดดัน การยุแยงตะแคงรั่ว จากคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกหรือไม่? ประการใด? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่การกระทำดังกล่าวโดยลักษณะลีลาแล้วก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการเล่นบท “ดาวยั่ว” หรือ “ดาวร้ายหนังไทย” รุ่นโบร่ำโบราณ ที่ชอบนั่งโหยหวนครวญคราง ร้องเพลงรอ “พระเอก”อยู่ตรงหัวสะพาน พึมๆ พัมๆ บทเพลง เนื้อร้อง ประเภท “อยากจะชิมส้นตีนนัก...อยากจะชิมส้นตีนนัก” อะไรประมาณนั้น โดยถ้าหาก “พระเอก”เกิดอดใจไม่ไหว โผเข้าโดดถีบ หรือสาวหมัดเข้าใส่ โอกาสที่จะเกิดรายการรุมเหยียบ รุมกระทืบ รุมมือ รุมตีน อย่างชนิดตรงไป-ตรงมา อย่างเป็นระบบและกิจการ อันเนื่องมาจากความเป็น “พันธมิตรนาโต” ของประเทศเล็กๆ อย่างลิทัวเนีย สามารถกลายเป็นเงื่อนไข-ข้ออ้างตาม “มาตรา 5”ในอันที่จะทำให้บรรดาประเทศพันธมิตรยุโรปอีกกว่า 20 ประเทศ ต้องร่วมรุมมือ รุมตีน ใส่หมีขาวรัสเซียตามสนธิสัญญาหรือข้อตกลงดังกล่าวอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ และนั่นก็จะกลายเป็น “สงครามรัสเซียกับนาโต” หรือกระทั่ง “สงครามโลก” เอาง่ายๆ!!!

อันนี้นี่แหละ...เลยทำให้ต้องหันไปจับจ้องมองเขม้นอย่างเป็นพิเศษ ว่าสุดท้ายแล้ว...มันจะออกหัว ออกก้อย หรือออกกลางกันแน่!!! เพราะถ้าว่าไปแล้ว...เมื่อมาถึงขั้นนี้ คงต้องยอมรับว่าความพยายามที่จะ “โดดเดี่ยวรัสเซีย”ออกจากโลกทั้งโลก ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก มันออกจะ “ล้มเหลว” หรือ “เละตุ้มเป๊ะ” ไม่เป็นไปตามความปรารถนาและต้องการของ “ประมุขโลก”และเครือข่ายประเทศบริวารอย่างเห็นได้โดยชัดเจน หรือไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้ประเทศมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซีย เศรษฐกิจรัสเซีย ต้องฉิบหาย-วายวอดดังที่หวังและตั้งใจ ยิ่งนานวัน...บรรดาประเทศที่ “ไม่เอา”กับอเมริกาและตะวันตก ไม่คิดจะต่อต้าน โดดเดี่ยวรัสเซีย ยิ่งปรากฏให้เห็นเพิ่มขึ้นๆ ยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าประเทศในภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลางโดยส่วนใหญ่ หรือกระทั่งประเทศ “สวนหลังบ้าน” อเมริกา อย่างละตินอเมริกาก็ตามที...

แม้ว่าบรรดา “ผู้นำยุโรป”หลายต่อหลายรายจะออก “เดินสาย”เกลี้ยกล่อม โน้มน้าวและกดดันบรรดาประเทศต่างๆ ในแบบไหน? อย่างไร? ก็แล้วแต่ แต่อย่างที่รัฐมนตรีอินตะระเดีย “นายSubrahmanyam Jaishankar” ท่านได้พูดเอาไว้ชัดเจนในเวทีประชุม “GLOBSEC Bratislava Forum”เมื่อเร็วๆ นี้นั่นแหละว่า... “โลกยุคนี้ไม่ได้มีศูนย์กลางอยู่ที่ยุโรปเหมือนอย่างเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว...การปรากฏตัวของ “ขั้วอำนาจใหม่ๆ”ที่ล้วนแล้วแต่ต้องการอำนาจอธิปไตยในการตัดสินใจนโยบายต่างๆ บนพื้นฐานความปรารถนาและต้องการของตัวเอง ได้อุบัติขึ้นมาจนทำให้แทบทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแบบชนิด “The old world order is gone with the wind” หรือแบบระเบียบโลกยุคเก่ามิมีวันหวนคืนกลับมาได้อีก ดังที่ผู้นำรัสเซียท่านว่าไว้ มันชักจะเป็น “ข้อเท็จจริง...ที่เอ็งมิอาจปฏิเสธ” ยิ่งเข้าไปทุกที...

อีกทั้งความพยายามเร่งเร้า กดดัน ให้บรรดาประเทศต่างๆ ต้องตัดสินใจไปในทางใด ทางหนึ่ง ตามที่ “ประมุขโลก” และพันธมิตรบริวารแห่งชาติตะวันตกมุ่งหวังและต้องการ กลับยิ่งก่อให้เกิด “ปฏิกิริยา” ในการ “เร่งสปีด” หรือเกิดความพยายามในการก่อสร้าง “กลไก”หรือ “สถาปัตยกรรมใหม่ๆ”เพื่อรองรับโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป ไม่ว่าการคิดสร้าง “ระบบตะกร้าเงิน” ของตัวเองขึ้นมาใหม่ การเปลี่ยนทุนสำรองเงินตราที่จะนำไปสู่การปฏิเสธเงินดอลลาร์ หรือ “De-Dollarization”กันเป็นแผงๆ หรือการคิดเนรมิต สรรค์สร้าง ระบบการชำระบัญชีการโอนเงินระหว่างประเทศ ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบเดิมๆ ที่เรียกกันว่า “SWIFT” อีกต่อไป โดยจะหันไปใช้ระบบ “SPFS” (System for Transfer of Financial Messages) ของรัสเซีย หรือระบบ “CIPS”(The Cross-Border Interbank Payment System) ของจีนหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่ เพราะระบบเดิมๆ มันชักเป็นไปอย่างที่ผู้นำชาติแอฟริกาและประธานการประชุม “African Union” ประธานาธิบดีเซเนกัล “นายMacky Sall” ท่านพูดเอาไว้แบบตรงไป-ตรงมานั่นแหละว่า มันเป็นระบบที่ “เป็นไปไม่ได้” หรือระบบที่ก่อให้เกิด “ความยากลำบาก” ต่อบรรดาชาติแอฟริกาทั้งหลาย ในการซื้อปุ๋ยและสินค้าต่างๆ จากรัสเซีย อันเนื่องมาจากแรงกดดันจากคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตกนั่นเอง โดยบรรดาสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เหล่านี้ ได้เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นมามั่งแล้ว ในการประชุมกลุ่มประเทศ “BRICS” ครั้งที่ 14 นับตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา...

พูดง่ายๆ ว่า...ความพยายาม “โดดเดี่ยวรัสเซีย”ในขณะที่ประเทศที่มี “ขนาดเศรษฐกิจ” เป็นอันดับ 2 ของโลกและกำลังจะกลายเป็นอันดับ 1 ของโลกในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลอย่างคุณพี่จีน ไปจนประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 6 ของโลกและกำลังจะกลายเป็นอันดับ 3 ของโลกในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลอีกเช่นกัน อย่างคุณปู่อินตะระเดีย ต่างไม่คิดจะเอาด้วย หรือไม่คิดจะ “ด้วน” ไปตามแรงกดดันของคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตกด้วยกันทั้งสิ้น ตัวเลขการสั่งซื้อน้ำมันรัสเซียของจีนที่เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด ไม่ต่างไปจากอินตะระเดีย ล้วนแต่ถือเป็นข้อพิสูจน์ ยืนยัน ถึงสิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี หรือกระทั่งถอนตัวของบรรดา “นักลงทุน” จากตะวันตก ยังกลับกลายเป็นการ “เปิดช่องว่าง”ให้กับบรรดาบริษัทธุรกิจจีนและอินเดีย ที่พร้อมขยับขยายตัวเองเข้าไปแทนที่แบบชนิดก้าวต่อก้าวเอาเลยถึงขั้นนั้น ด้วยเหตุนี้...โอกาส “โดดเดี่ยวรัสเซีย” จากโลกทั้งโลกของ “ขั้วอำนาจยุคเก่า”อย่างคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตก จึงออกอาการ “ล้มเหลว” หรือ “เละตุ้มเป๊ะ” ดังที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นเอง...

ดังนั้น...การ “เดินหมาก-ขยับหมาก” โดยอาศัยประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงแค่ไม่ถึง 3 ล้านคนอย่างลิทัวเนีย แถมยังเป็นประเทศเกิดใหม่หลังการล่มสลายของ “สหภาพโซเวียต”หรือส่วนหนึ่งของรัสเซียมาแต่เดิม มาใช้เป็น “ตัวเปิดเกม” ในระดับ “รุกฆาต”ด้วยการสร้างความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน ให้กับหมีขาวตัวนี้ อย่างชนิดตรงไป-ตรงมา หรือระดับที่ฝ่ายรัสเซียเขาถือเป็นการ “ประกาศสงครามโดยตรงกับรัสเซีย” เอาเลยถึงขั้นนั้น จึงเป็นอะไรที่น่าห่วง น่ากังวลมิใช่น้อย ว่าสุดท้ายแล้ว...หมีขาวรัสเซียที่ได้ชื่อว่าค่อนข้าง “ดุ” เอามากๆ จะมี “ปฏิกิริยา” ต่อการรุกคืบและรุกฆาตในแบบไหน? อย่างไร? คือถ้ามองถึง “การเปลี่ยนแปลง” ในระดับโลกแล้ว การเลี่ยงที่จะ “เผชิญหน้าโดยตรง” กับคุณพ่ออเมริกาและนาโต หรือการหันมาเล่น “หมากล้อม”ต่อไปเรื่อยๆ ค่อยๆ โอบ ค่อยๆ เลื้อย ค่อยๆ รัดแบบ “พญามังกรจีน”อาจเป็นอะไรที่เข้าท่ากว่า โดยเฉพาะเมื่อ “ขั้วอำนาจเก่า” หรือ “โลกยุคเก่า”กำลังหมดสภาพลงไปอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ยิ่งโดยเฉพาะช่องทางในการขนส่งสินค้าต่างๆ ของรัสเซีย ก็ใช่ว่าจะถึงขั้นต้องถูก “ปิดตาย” ลงไปโดยสิ้นเชิง ยังมีช่องทางการขนส่งทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางเรือเฟอร์รี่จากทะเลบอลติกได้อีกเยอะแยะมากมาย แต่ก็นั่นแหละ...ถ้า “หมีขาวรัสเซีย”ท่านเกิดอดรนทนไม่ไหว เกิดเปรี้ยวมือ เปรี้ยวไม้ แบบ “พระเอกหนังไทย” ขึ้นมาจริงๆ คงต้องสารภาพว่ายัง “นึกภาพไม่ออก” ว่าพื้นที่เล็กๆ อย่างเมือง “คาลินินกราด” จะกลายเป็นตัว “ลั่นไก”หรือเป็นตัว “จุดชนวน”ให้การเปลี่ยนแปลงโลกยุคเก่าไปสู่โลกยุคใหม่ อาจหนีไม่พ้นต้องก้าวผ่าน “สงครามในระดับโลก” ขึ้นมาด้วยหรือไม่? ประการใด?




กำลังโหลดความคิดเห็น