ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับสหภาพยุโรปปะทุรุนแรงในอีกด้านหนึ่งและมีทีท่าอาจจะบานปลายขยายตัว โดยรัสเซียเรียกเอกอัครราชทูตอียูไปพบเมื่อวันอังคาร (21 มิ.ย.) เพื่อประท้วงเรื่องที่มอสโกบอกว่าเป็นการปิดล้อมทางรถไฟอย่างผิดกฎหมายต่อแคว้นคาลินินกราด ซึ่งเป็นที่มั่นริมทะเลบอลติกของรัสเซียที่แยกขาดจากดินแดนส่วนใหญ่ของแดนหมีขาว ขณะที่สถานการณ์การสู้รบในยูเครน กองกำลังฝ่ายรัสเซียเพิ่มความกดดันและรุกคืบ 2 เมืองสำคัญในดอนบาส โดยที่เคียฟยอมรับว่าต่อสู้ด้วยความยากลำบาก
แคว้นคาลินินกราดซึ่งประกอบด้วยท่าเรือริมทะเลบอลติก และพื้นที่ชนบทรายรอบ เป็นที่พำนักของชาวรัสเซียเกือบ 1 ล้านคน และเชื่อมต่อกับดินแดนส่วนอื่นของแดนหมีขาวโดยอาศัยทางรถไฟซึ่งตัดผ่านลิทัวเนีย อดีตสาธารณรัฐโซเวียตที่ปัจจุบันเป็นสมาชิกของอียูและนาโต้ รวมทั้งมีนโยบายต่อต้านรัสเซียอย่างแข็งกร้าว
ลิทัวเนียได้ปิดเส้นทางรถไฟซึ่งใช้ในการขนส่งสินค้าพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งพวกวัสดุก่อสร้าง โลหะ และถ่านหิน โดยบอกว่าเป็นการปฏิบัติตามมาตรการแซงก์ชันของอียูซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันเสาร์ (18)
ด้านรัสเซียเรียกความเคลื่อนไหวนี้ว่าเป็นการปิดล้อมคาลินินกราดอย่างผิดกฎหมาย และข่มขู่ที่จะตอบโต้แก้เผ็ดลิทัวเนีย โดยยังไม่ได้ระบุว่าจะทำอะไรบ้าง
ในวันอังคาร มาร์คุส อีเดอเรอร์ เอกอัครราชทูตอียูได้เดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียในกรุงมอสโก โดยที่โฆษกอียูแถลงว่า อีเดอเรอร์ไปอธิบายว่า ลิทัวเนียกำลังปฏิบัติตามมาตรการแซงก์ชันของอียู และไม่ใช่การปิดล้อม
ขณะที่ทางฝ่ายรัสเซียได้ส่ง นิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการของสภาความมั่นคงของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานทรงอิทธิพลของแดนหมีขาว เดินทางไปยังคาลินินกราด เพื่อจัดการประชุมของสภาความมั่นคงขึ้นที่นั่น สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานพร้อมกับระบุว่า ปาตรูเชฟ กล่าวว่า มอสโกจะตอบโต้การกระทำนี้ของอียูในหนทางที่จะทำให้พลเมืองของลิทัวเนียรู้สึกเจ็บปวด
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ มอสโกได้เรียกนักการทูตลิทัวเนียไปพบ แต่อียูบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความผิดชอบของลิทัวเนีย แต่เป็นการปฏิบัติการร่วมของทั้งสหภาพยุโรป
สำหรับสถานการณ์การสู้รบที่ยูเครน เซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ ซึ่งกลายเป็นสมรภูมิที่มีการรบดุเดือดที่สุดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บอกว่า กองกำลังรัสเซียเปิดการโจมตีหนักหน่วงและเข้าคุมพื้นที่ได้เพิ่มเมื่อวันจันทร์ (20)
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน บอกว่า รัสเซียจะยกระดับการโจมตี ก่อนที่บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปจะประชุมสุดยอดในวันพฤหัสฯ และศุกร์ (23-24) ซึ่งจะมีวาระพิจารณาให้ยูเครนได้สถานะเป็นผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกอียู
ในคืนวันจันทร์เซเลนสกีประกาศว่า แม้การสู้รบในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ และลีซีชานสก์ในแคว้นลูฮันสก์ ซึ่งเป็นเมืองแฝดที่อยู่คนละฟากแม่น้ำกัน อยู่ในสภาพ “ยากลำบากที่สุด” แต่ยูเครนพร้อมปกป้อง 2 เมืองดังกล่าว
ด้านไกได สำทับว่า กองกำลังรัสเซียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในซีวีโรโดเนตสก์ได้แล้ว ยกเว้นโรงงานเคมีอาซอตที่มีพลเรือนกว่า 500 คน รวมถึงเด็ก 38 คน หลบภัยอยู่มานานหลายสัปดาห์ ขณะที่ถนนที่เชื่อมระหว่างซีวีโรโดเนตสก์/ลีซีชานสก์ กับเมืองบัคมุตถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ต่อเนื่อง
เวลาเดียวกัน โรเดียน มิโรชนิก เอกอัครราชทูตของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ประจำรัสเซีย กล่าวว่า กองกำลังของฝ่ายตนกำลังเคลื่อนลงใต้มุ่งหน้าเมืองลีซีชานสก์ และมีการยิงต่อสู้ในหลายเมือง พร้อมคาดหมายว่า ในอีกไม่กี่ชั่วโมงอาจมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนเกี่ยวกับดุลอำนาจในพื้นที่ดังกล่าว
ในอีกด้านหนึ่ง ดมิทรี มูราตอฟ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อิสระในรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสองผู้ร่วมได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2021 ได้นำเหรียญรางวัลโนเบลออกประมูลขาย โดยระบุว่าเพื่อหาทุนช่วยเหลือเด็กยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ปรากฏว่ามีผู้เสนอราคาประมูลถึง 103.5 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ของมูราตอฟที่วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อย่างรุนแรง ต้องระงับการดำเนินการในรัสเซียตั้งแต่เดือนมีนาคมหลังได้รับคำเตือนเกี่ยวกับการรายงานข่าวสงครามยูเครน
ช่วงหลายสัปดาห์มานี้สงครามในยูเครนเข้าสู่ขั้นตอนการสู้รบแบบพร่ากำลัง โดยกองทัพรัสเซียระดมถล่มพื้นที่ส่วนต่างๆ ในเขตดอนบาส ซึ่งรัสเซียอ้างสิทธิในนามกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
กองทัพยูเครนยังแถลงว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธทำลายโกดังอาหารในเมืองโอเดสซา ซึ่งเป็นเมืองท่าใหญ่ที่สุดของยูเครนในบริเวณทะเลดำ ซึ่งถูกกองทัพเรือมอสโกปิดกั้นอยู่
ข่าวกรองทางทหารของอังกฤษอ้างว่า กองกำลังยูเครนประสบความสำเร็จครั้งแรกในการใช้ขีปนาวุธต่อต้านเรือแบบ “ฮาร์ปูน” ที่เพิ่งได้รับจากฝ่ายตะวันตก ทำลายเรือลากจูงที่ใช้ขนส่งอาวุธและทหารไปยังดินแดนยึดครองของรัสเซียในทะเลดำ
ขณะเดียวกัน นานาชาติกำลังกังวลและพยายามฟื้นการส่งออกอาหารของยูเครนที่ถูกรัสเซียปิดกั้นอยู่ ทั้งนี้ ยูเครนเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของธัญพืช น้ำมันปรุงอาหาร ทำให้เกิดความวิตกอย่างกว้างขวางว่า โลกกำลังจะขาดแคลนอาหาร
ทว่า มอสโกตอบโต้ว่า มาตรการแซงก์ชันของตะวันตก ตลอดจนการวางทุ่นระเบิดในทะเลดำของฝ่ายยูเครนต่างหากที่เป็นตัวการของวิกฤตอาหาร
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)