รัสเซียระดมโจมตีเมืองใหญ่ที่สุดซึ่งยังอยู่ในความครอบครองของฝ่ายยูเครนในดอนบาส ขณะที่เคียฟหวังว่า พันธมิตรตะวันตกจะส่งอาวุธประเภทพิสัยไกลมาให้มากขึ้นเร็วๆ นี้ ด้าน “ปูติน” ระบุพร้อมหารือเพื่อฟื้นการส่งออกธัญพืชของยูเครน แต่เตือนผู้นำฝรั่งเศส-เยอรมนีว่า การที่ตะวันตกส่งอาวุธให้เคียฟรังแต่ทำให้สถานการณ์ไร้เสถียรภาพมากขึ้น
การรุกคืบช้าๆ แต่หนักแน่นของรัสเซีย ในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของยูเครนโดยประกอบด้วยแคว้นลูฮันสก์และแคว้นโดเนตสก์ บ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมในสงครามที่ขณะนี้เข้าสู่เดือนที่สี่
กองกำลังฝ่ายรัสเซียดูเหมือนใกล้ที่จะสามารถโอบล้อมลูฮันสก์จากทุกด้าน และกระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยว่า กองทัพหมีขาวพร้อมกองกำลังของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่เป็นพันธมิตร เข้าควบคุมเมืองลีมานเบ็ดเสร็จแล้ว โดยเมืองเล็กๆ ที่เป็นชุมทางรถไฟแห่งนี้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำซีเวอร์สกี้โดเนตส์ ในโดเนตสก์
อย่างไรก็ตาม ฮันนา มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมยูเครน ให้สัมภาษณ์ว่า การสู้รบในลีมานยังดำเนินต่อไป
นอกจากนั้น เมืองซีวีโรโดเนตสก์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่ยังอยู่ในการควบคุมของยูเครนในภูมิภาคดอนบาส และอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำห่างจากลีมานไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ถูกโจมตีอย่างหนัก
เซียร์ฮีย์ เกย์เดย์ ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ของฝ่ายยูเครน กล่าวว่า สถานการณ์รุนแรงมากกระทั่งไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ แต่เมื่อวันเสาร์ (28) มีผู้เสียชีวิต 2 คน และอาคาร 13 แห่งถูกทำลาย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27) เกย์เดย์ กล่าวว่า กองกำลังยูเครนอาจต้องล่าถอยจากเมืองซีวีโรโดเนตสก์ เพื่อไม่ให้ถูกปิดล้อม แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ทหารยูเครนเริ่มถอนออกมาแล้วหรือยัง
รัสเซียยังคงระดมยิงปืนใหญ่ถล่มถนนที่เชื่อมต่อระหว่างลีซีแคนสก์ กับบัคมุต เพื่อปิดโอกาสการถูกโจมตีพร้อมกันจากสองทิศทาง และเพื่อปิดล้อมกองกำลังของยูเครน โดยตำรวจยูเครนเผยว่า ลีซีแคนสก์เสียหายอย่างหนัก
นักวิเคราะห์ของสถาบันเพื่อการสงครามศึกษา ที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ระบุว่า รัสเซียยังไม่สามารถปิดล้อมเมืองซีวีโรโดเนตสก์ได้ ซ้ำยังถูกยูเครนโจมตีกลับอย่างรุนแรง
เวลาเดียวกัน มิคีโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดีและผู้แทนการเจรจาสันติภาพของยูเครน ย้ำข้อเรียกร้องขอแท่นยิงจรวดหลายลำกล้องพิสัยทำการไกลจากอเมริกา ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า กำลังพิจารณาคำขอนี้อยู่ซึ่งอาจมีการตัดสินใจในไม่กี่วันนี้
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนแสดงความหวังว่า พันธมิตรจะจัดหาอาวุธที่จำเป็นให้ และหวังว่า จะได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่โอเลกซี อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาของเซเลนสกี สำทับว่า มีแนวโน้มสูงมากว่า ยูเครนจะได้รับอาวุธที่ต้องการเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ โอเลกซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน เผยเมื่อวันเสาร์ว่า เริ่มได้รับขีปนาวุธต่อต้านเรือแบบ “ฮาร์พูน” จากเดนมาร์ก และปืนใหญ่ฮาววิตเซอร์จากอเมริกาแล้ว
อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรีโอลกา สเตฟานิชิน ของยูเครน วิจารณ์ว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) แสดงให้เห็นว่า ไม่สามารถออกมาตรการที่เป็นเอกฉันท์ ตอกย้ำว่า ตะวันตกมีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับสงครามยูเครน ขณะที่ต้นทุนทางเศรษฐกิจชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
สเตฟานิชิยา สำทับว่า ถ้ายูเครนแพ้สงคราม ย่อมหมายถึงหายนะสำหรับอนาคตของยุโรปทั้งหมด
เวลาเดียวกัน ยุโรปยังคงไม่ลดละความพยายามในการใช้แนวทางการทูตเพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง โดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียเมื่อวันเสาร์ เพื่อเรียกร้องให้มอสโกยุติการปิดกั้นท่าเรือโอเดสซา และยอมให้ยูเครนส่งออกธัญพืช
ทางด้านเครมลินแถลงว่า ปูตินยินดีหารือเพื่อให้ยูเครนฟื้นการจัดส่งธัญพืชจากท่าเรือในทะเลดำ แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ยุติการแซงก์ชันรัสเซียเพื่อเปิดโอกาสให้รัสเซียเพิ่มการส่งออกปุ๋ยและสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลก
ทั้งนี้ ยูเครนเป็นผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ และการปิดกั้นการส่งออกส่งผลให้อาหารขาดแคลนในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงแอฟริกา
นอกจากนั้น สองผู้นำของสหภาพยุโรป (อียู) ยังยืนกรานให้หยุดยิงทันทีและให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครน ขณะที่ปูตินเตือนทั้งคู่ว่า การจัดส่งอาวุธให้ยูเครนเป็นอันตรายและเสี่ยงทำให้สถานการณ์ไร้เสถียรภาพมากขึ้น
การหารือครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่กองทัพรัสเซียประกาศความสำเร็จในการทดสอบยิงขีปนาวุธร่อน “ซีร์คอน” ไปยังเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลออกไปเป็นระยะทาง 1,000 กิโลเมตรในเขตอาร์กติก ขีปนาวุธนี้เป็นอาวุธระดับ “ไฮเปอร์โซนิก” นั่นคือมีความเร็วมากกว่าความเร็วเสียง 5 เท่าตัวขึ้นไป
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)