รอยเตอร์ - ยูเครนตีโต้กลับกองทัพรัสเซียใกล้เมืองไอเซียม แต่ทหารมอสโกยังคงรุกคืบบริเวณพื้นที่อื่นๆ ในดอนบาส ซึ่งกลายเป็นสมรภูมิหลักของสงครามในช่วงเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ข่าวกรองของอังกฤษระบุว่า การโจมตีดอนบาสล่าช้ากว่ากำหนดมาก อีกทั้งไม่มีแนวโน้มว่า มอสโกจะสามารถรุกคืบอย่างรวดเร็วภายใน 30 วันข้างหน้า
นับจากกลางเดือนเมษายน กองทัพรัสเซียได้ปรับแผนมุ่งถล่มแคว้นดอนบาสทางภาคตะวันออกของยูเครนแทน หลังจากเผชิญการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวจากยูเครนจนต้องถอนกำลังออกจากเคียฟ นอกจากนั้น ยูเครนยังรุกคืบชิงคืนพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีเป้าหมายในการขับไล่ข้าศึกออกจากคาร์คีฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ
กองทัพยูเครนแถลงเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (15 พ.ค.) ว่ารัสเซียยังคงเดินหน้าบุกพื้นที่ไลแมน ซีเวียร์โดเนตสก์ แอฟดิฟกา และคูราคีฟ ในแคว้นดอนบาส อย่างไรก็ตาม ยูเครนสามารถทำลายรถถังรัสเซีย 8 คัน ระบบปืนใหญ่ 5 ชุด รวมถึงยานยนต์หุ้มเกราะ และโดรนระหว่างการต่อสู้ในดอนบาสเมื่อวันเสาร์ (14 พ.ค.)
โอเลห์ ซิเนกูบอฟ ผู้ว่าการคาร์คีฟ ระบุว่า กองกำลังยูเครนระดมโจมตีตอบโต้รัสเซียในไอเซียม เมืองยุทธศาสตร์สำคัญที่อยู่ห่างจากคาร์คีฟไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 120 กิโลเมตร ทำให้รัสเซียล่าถอยจากแนวรบบางแห่ง
นอกจากนั้น ข่าวกรองของกองทัพอังกฤษยังประเมินว่า รัสเซียสูญเสียกำลังพลภาคพื้นดินไปราว 1 ใน 3 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และการโจมตีดอนบาสล่าช้ากว่ากำหนดมาก อีกทั้งไม่มีแนวโน้มว่า มอสโกจะสามารถรุกคืบอย่างรวดเร็วภายใน 30 วันข้างหน้า
รายงานข่าวกรองของอังกฤษสำทับว่า การกดดันในไอเซียม และเส้นทางการส่งเสบียงของรัสเซียอย่างต่อเนื่องจะทำให้รัสเซียเข้าล้อมกองกำลังยูเครนทางแนวรบด้านตะวันออกในดอนบาสได้ยากยิ่งขึ้น
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ได้สังหารกลุ่มชาตินิยมยูเครนอย่างน้อย 100 คนระหว่างการโจมตีที่ตั้งทางทหารหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงในดอนบาส นอกจากนั้น ยังแสดงภาพที่ระบุว่า เป็นเรือเซโวลอดโบบรอฟ ซึ่งเป็นเรือสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ในทะเลดำ ที่ไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ เพื่อตอบโต้คำกล่าวอ้างของยูเครนว่า โจมตีเรือลำนี้จนลุกไหม้
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า สถานการณ์ในดอนบาสยังคงยากลำบากมาก และกองกำลังรัสเซียยังไม่ลดละความพยายามในการเอาชนะในแคว้นดังกล่าว
สำหรับพื้นที่อื่นๆ นั้น กองทัพยูเครนระบุว่า รัสเซียยังคงถล่มโรงงานเหล็กที่เป็นที่มั่นสุดท้ายของนักรบยูเครนในเมืองมาริอูโปลหนักหน่วงในวันอาทิตย์
เซเลนสกีสำทับว่า กำลังเร่งเจรจาเพื่ออพยพทหารที่บาดเจ็บออกจากมาริอูโปล แลกกับการปล่อยตัวเชลยสงครามรัสเซีย
ทั้งนี้ ขบวนรถยนต์และรถตู้จำนวนมากนำผู้อพยพจากมาริอูโปลเดินทางถึงเมืองซาโปริซเซียซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของยูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ หลังจากต้องรออยู่หลายวันกว่าที่กองทัพรัสเซียจะอนุญาตให้อพยพออกมา
ขณะเดียวกัน นอกจากสูญเสียกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากแล้ว รัสเซียยังได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยเมื่อวันเสาร์กลุ่มผู้นำทางอุตสาหกรรม G7 ประกาศว่า จะเพิ่มความกดดันทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อรัสเซีย ควบคู่กับส่งอาวุธให้ยูเครนเพิ่ม
การรุกรานที่มอสโกระบุว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษ” เพื่อปลดอาวุธยูเครนและปกป้องตัวเองจากพวกฟาสซิสต์นั้น สั่นสะเทือนความมั่นคงของยุโรปอย่างรุนแรง เคียฟและพันธมิตรตะวันตกตอบโต้ว่า รัสเซียแค่อาศัยข้ออ้างลอยๆ เรื่องฟาสซิสต์เปิดฉากสงครามโดยปราศจากการยั่วยุ
เป้าหมายหนึ่งของรัสเซียคือ ป้องกันไม่ให้อดีตชาติสมาชิกสาธารณรัฐโซเวียตเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้)
ระหว่างหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีเซาลี นินิสโต ของฟินแลนด์ กล่าวกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่า ฟินแลนด์ที่มีพรมแดนร่วมกับรัสเซียเป็นระยะทาง 1,300 กิโลเมตร ต้องการเป็นสมาชิกนาโต้
ด้านปูตินตอบว่า การยกเลิกสถานะประเทศเป็นกลางของฟินแลนด์จะถือเป็นความผิดพลาดสำคัญ และเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ
ทางฝ่ายตุรกีไม่ได้ปิดโอกาสสวีเดนและฟินแลนด์เข้านาโต้เสียทีเดียว โดยโฆษกของประธานาธิบดีไตยิป แอร์โดอัน ระบุว่า ตุรกีต้องการหารือกับสองประเทศและกวาดล้างกิจกรรมการก่อการร้าย ซึ่งหมายถึงการดำเนินการของชาวเคิร์ดที่อาศัยในประเทศแถบนอร์ดิก