ยูเครนเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (10 พ.ค.) ว่ากองกำลังของพวกเขายึดคืนหลายหมู่บ้านจากทหารรัสเซีย ทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองคาร์คิฟ การเดินหน้าโจมตีตอบโต้กลับที่อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงในกระแสสงคราม และการรุกคืบหลักๆ ของรัสเซียกำลังเผชิญปัญหา
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทหารยูเครนยึดคืนถิ่นพักอาศัยหมู่บ้านเชอร์คาสกี ทีสกี, รุสกี ทีสกี, บอร์ชโชวา และสโลโบซานสเก ทางเหนือของคาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน จากการเปิดเผยของ เทเทียนา อาพัตเชนโก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารมวลชนของกองกำลังหลักยูเครนในพื้นที่
ด้าน ยูริ ซัคส์ ที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมระบุเช่นกันว่า ยูเครนประสบความสำเร็จในการผลักดันกองกำลังรัสเซียออกนอกพื้นที่คาร์คิฟ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันอกเฉียงเหนือของยูเครน ซึ่งถูกทิ้งบอมบ์ถล่มมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
"ปฏิบัติการทางทหารของกองกำลังยูเครนรอบๆ คาร์คิฟ โดยเฉพาะทางเหนือและทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาร์คิฟ เป็นเรื่องราวของความสำเร็จ" ซัคส์ บอกกับรอยเตอร์ "กองทัพยูเครนสามารถผลักดันพวกอาชญากรสงครามสู่แนวหนึ่งที่ไกลเกินกว่าระยะทำการของปืนใหญ่ของพวกเขา"
ในวอชิงตัน บรรดาเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับสูงของสหรัฐฯ ระบุว่า สงครามของรัสเซียในยูเครน "อยู่ในทางตันเล็กน้อย" และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนกำลังเตรียมการสำหรับความขัดแย้งระยะยาว และทาง เอฟริล เฮนส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่าชัยชนะของรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครนอาจไม่ใช่จุดจบของสงคราม
การโจมตีตอบโต้ใกล้คาร์คิฟอาจเป็นการส่งสัญญาณเฟสใหม่ของสงคราม โดยเวลานี้ดูเหมือนยูเครนกำลังเป็นฝ่ายรุกคืนบ้าง หลังจากรัสเซียเดินหน้าโจมตีอย่างหนักต่อเนื่องหลายสัปดาห์ แต่ไม่สามารถบุกทะลวงแนวเขตสำคัญใดๆ
ในการปราศรัยระหว่างพิธีสวนสนามครั้งใหญ่ที่กรุงมอสโกเมื่อวันจันทร์ (9 พ.ค.) เนื่องในวันแห่งชัยชนะเหนือนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีวปูติน ไม่ได้เอ่ยถึงแผนยกระดับการโจมตีในยูเครน แม้ว่าชาติตะวันตกจะคาดเดาว่าผู้นำรัสเซียอาจถือโอกาสนี้สั่งเรียกระดมพลในระดับชาติเพื่อทำสงคราม
นับตั้งแต่รัสเซียถูกบีบให้ต้องละทิ้งการจู่โจมกรุงเคียฟในช่วงปลายเดือนมีนาคม กองกำลังหลักของพวกเขาพยายามล้อมกรอบทหารยูเครนในดอนบาส โดยใช้เมืองอิซยัม ทางใต้ของคาร์คิฟ เป็นฐานปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ทหารยูเครนส่วนใหญ่แล้วยังคงสามารถต้านทานการโจมตีที่มาจาก 3 ทิศทาง
จากการที่กองกำลังรัสเซียถูกทหารยูเครนบีบให้ต้องล่าถอยออกจากพื้นที่ต่างๆ ใกล้กับเมืองคาร์คิฟ เวลานี้กองทัพรัสเซียอาจปรับเปลี่ยนแผนสู่การป้องกันเส้นทางลำเลียงเสบียงของพวกเขาไปยังอิซยัม
"การประเมินของเราคือ พวกเขา (รัสเซีย) ถอนกำลังบางส่วนมุ่งหน้าไปควบคุมภูมิภาคดอนบาส สืบเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในคาร์คิฟ และมันตอกย้ำให้เห็นว่าพวกเขากำลังเผชิญความท้าทายต่างๆ" ความเห็นของ แจ็ค คีน นายพลปลดเกษียณของสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้เป็นประธานสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม
ในทางภาคใต้ เป็นอีกครั้งที่กองกำลังรัสเซียระดมโจมตีโรงงานถลุงเหล็กอาซอฟสตัล ในเมืองมาริอูโปล ในความพยายามยึดป้อมปราการสุดท้ายของพวกขัดขืนยูเครน ในเมืองที่เหลือแต่ซากหักพัง และเจ้าหน้าที่ยูเครนอ้างว่ามีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วหมายหมื่นคน หลังถูกรัสเซียปิดล้อมมานานกว่า 2 เดือน
มีพลเรือนจำนวนมากได้รับความช่วยเหลืออพยพออกจากโรงงานถลุงเหล็กแห่งนี้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ผู้ช่วยของนายกเทศมนตรีมาริอูโปล เผยว่ายังมีอีกอย่างน้อย 100 คนที่หลบภัยอยู่ภายใน
ในโอเดซา บรรดาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องทำงานจนถึงช่วงเช้าตรู่ของวันอังคาร (10 พ.ค.) หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธ 7 ลูกโดนห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งและคลังสินค้าในวันจันทร์ (9 พ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 5 คน จากการเปิดเผยของกองทัพยูเครน และมีรายงานด้วยว่าเหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธดังกล่าวยังทำให้การพูดคุยระหว่าง ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรปกับ เดนิส ชมีฮาล นายกรัฐมตรียูเครนต้องสะดุดลง
ยูเครนอ้างในวันอังคาร (10 พ.ค.) ว่ากองกำลังของพวกเขาในภูมิภาคดอนบาส สามารถทำลายรถถังรัสเซีย 12 คัน และรถหุ้มเกราะ 19 คัน และยิงอากาศยานตก 3 ลำในขณะที่ พาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ของดอนบาส ระบุว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 3 คนในวันเดียวกัน
สหรัฐฯ และยุโรปสัญญาว่าจะเดินหน้าจัดหาอาวุธและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมอบแก่เคียฟ และคาดหมายว่าสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะลงมติในวันอังคาร (10 พ.ค.) ในข้อเสนอแพกเกจช่วยเหลือยูเครน 40,000 ล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงแพกเกจอาวุธรอบใหม่มูลค่ามหาศาล
(ที่มา : รอยเตอร์)