ยูเครนและรัสเซียแถลง อพยพผู้หญิง เด็ก และผู้สูงวัยทั้งหมดออกจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลได้แล้ว ทางด้านเคียฟแสดงความกังวลว่า รัสเซียอาจเล็งเข้ากำจัดนักรบยูเครนที่เหลือในโรงงานดังกล่าวภายในวันจันทร์ (9 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันรำลึกชัยชนะเหนือนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะเดียวกัน ก็ออกข่าวมอสโกบอมบ์ใส่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ทำให้เกิดไฟไหม้อยู่ถึง 4 ชั่วโมง และอาจมีผู้เสียชีวิต 60 คน
รองนายกรัฐมนตรีอีรีนา เวเรชชุก ของยูเครน ระบุผ่านสื่อสังคม “เทเลแกรม” เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7) ว่า ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมในโรงงานเหล็กแหลเหล็กกล้าอาซอฟสตัลเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากความพยายามช่วยเหลือพลเรือนนับร้อยที่หลบภัยอยู่ในโรงงานดังกล่าวนานหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่ทหารรัสเซียยังระดมโจมตีโรงงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลังอยู่ก็แถลงในวันอาทิตย์ (8) ว่า พลเรือนรวม 182 คนที่อพยพออกมาจากโรงงานแห่งนั้นได้เดินทางถึงจุดที่พักชั่วคราวในเมืองเบซิเมนเน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่พวกเขาควบคุมอยู่เรียบร้อยแล้ว สำหรับพวกที่ปรารถนาเดินทางไปยังดินแดนซึ่งรัฐบาลเคียฟควบคุมนั้น ได้ถูกส่งมอบให้แก่ตัวแทนของสหประชาชนและคณะกรรมการกาชาดสากล (ไอซีอาร์ซี) แล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ การอพยพพลเรือนที่ดำเนินการระหว่างที่มีการพักการสู้รบ เริ่มต้นขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนโดยมียูเอ็นและไอซีอาร์ซีเป็นผู้ประสานงาน
โรงงานอาซอฟสตัลเป็นที่มั่นสุดท้ายของทหารยูเครนในเมืองมาริอูโปล พวกนักรบและพลเรือนยูเครนหลบซ่อนตัวอยู่ในบังเกอร์และอุโมงค์ใต้ดินภายในโรงงานใหญ่มหึมาแห่งนี้มาหลายสัปดาห์โดยมีอาหาร น้ำ และยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางการโจมตีหนักหน่วงอยู่เป็นระยะๆ ของฝ่ายรัสเซีย
กองบัญชาการทหารของยูเครนแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า กองกำลังรัสเซียที่ได้รับการสนับสนุนจากรถถังและปืนใหญ่พยายามจู่โจมเข้าไปในอาซอฟสตัลอีกครั้งเพื่อค้นหานักรบยูเครน
ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ปราศรัยเมื่อคืนวันเสาร์โดยระบุว่า พลเรือนกว่า 300 คนได้รับการช่วยเหลือออกจากอาซอฟสตัล และขณะนี้เจ้าหน้าที่จะโฟกัสที่การอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บและแพทย์สนาม รวมถึงช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อื่นๆ ของมาริอูโปล
ทางด้าน กัปตันสเวียโตสลาฟ ปาลามาร์ รองผู้บังคับการของกรมทหารอาซอฟ ซึ่งเป็นกำลังหลักของนักรบเดนตายในโรงงานอาซอฟสตัลเวลานี้ กล่าวในการแถลงข่าวทางออนไลน์วันอาทิตย์ (8) ว่า ฝ่ายรัสเซียยังคงระดมยิงถล่มใส่โรงงานแห่งนี้อย่างหนักหน่วง
“เราจะยังคงสู้รบต่อไปตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่เพื่อขับไล่ชาวรัสเซียผู้ยึดครอง” เขากล่าวพร้อมกับวิงวอนประชาคมระหว่างประเทศให้ช่วยอพยพทหารที่ได้รับบาดเจ็บออกไปจากโรงงาน
พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนกลัวว่า ทหารรัสเซียต้องการกำจัดนักรบเหล่านั้นให้ราบคาบภายในวันจันทร์ (9) ซึ่งมอสโกจะจัดพิธีรำลึกชัยชนะเหนือนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งนี้ รัสเซียตราหน้าว่า กรมทหารอาซอฟ ซึ่งเดิมทีเป็นกองกำลังอาวุธท้องถิ่นแนวคิดขวาจัดนั้น เป็นพวกนาซีใหม่ที่กระทำทารุณกรรมต่อคนเชื้อสายรัสเซียในยูเครนตะวันออกมานานปี
ในวันอาทิตย์ (8) เซียร์ฮิว ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ของรัฐบาลเคียฟ อ้างว่า ช่วงบ่ายวันเสาร์รัสเซียได้ทิ้งระเบิดใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งในหมู่บ้านบิโลโฮริฟกาซึ่งมีประชาชน 90 คนหลบภัยอยู่ ทำให้เกิดไฟไหม้อาคารดังกล่าวเป็นเวลา 4 ชั่วโมง โดยมีเพียง 30 คนที่สามารถช่วยออกมาได้ และมีแนวโน้มว่าอีก 60 คนที่เหลืออาจเสียชีวิตอยู่ใต้ซากตึก
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ยังไม่สามารถตรวจสอบยืนยันรายงานข่าวนี้ได้ในเฉพาะหน้านี้
ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ทหารของยูเครนยังบอกว่า รัสเซียระเบิดสะพาน 3 แห่งใกล้คาร์คีฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้ทำลายเรือโปรเจกต์ 1241 ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ขนาดเล็กติดตั้งขีปนาวุธยุคโซเวียตของยูเครน รวมทั้งยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดซู-24 สองลำ และเฮลิคอปเตอร์เอ็มไอ-24 อีกลำเหนือเกาะงู ในทะเลดำเมื่อคืนวันเสาร์
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเสริมว่า รวมแล้วรัสเซียสามารถทำลายเครื่องบินรบยูเครน 4 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ และเรือโจมตี 1 ลำในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ไม่นับคลังอาวุธขนาดใหญ่จากอเมริกาและยุโรปใกล้สถานีรถไฟโบโฮดูคิฟในคาร์คีฟ และคลังกระสุน 3 แห่งในดาชเนใกล้เมืองโอเดสซา
ขณะเดียวกัน วีชเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย กล่าวหาอเมริการ่วมมือในปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ซึ่งเท่ากับวอชิงตันมีส่วนร่วมโดยตรงในการดำเนินการทางทหารเพื่อต่อต้านรัสเซีย
ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า อเมริกาให้ข้อมูลข่าวกรองเพื่อให้ยูเครนรับมือการโจมตีจากรัสเซีย แต่ยืนยันว่า ข้อมูลเหล่านั้นไม่มีข้อมูลที่ระบุเป้าหมายที่แม่นยำ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, อาร์ที)