รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียแถลงในวันจันทร์ (2 เม.ย.) ประกาศชัดว่าไม่มีแผนยุติสงครามในวันที่ 9 เดือนนี้ ซึ่งเป็นวาระฉลองชัยชนะที่มีต่อนาซีเยอรมนีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะเดียวกัน ทางการยูเครนวาดหวังที่จะสามารถอพยพพลเรือนออกจากเมืองมาริอูโปลเพิ่ม หลังจากฝ่ายรัสเซียยินยอม โดยที่มีสหประชาชาติและกาชาดสากลเป็นตัวกลาง นำเอาผู้อพยพราว 100 คนออกจากโรงงานเหล็กที่ถูกปิดล้อมและระดมยิงไปยังสถานที่ปลอดภัย
โรงงงานเหล็กอาซอฟสตัล ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมหึมา กลายเป็นที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังยูเครนในมาริอูโปล เมืองท่าทรงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งถูกกองกำลังฝ่ายรัสเซียปิดล้อมเอาไว้เป็นแรมเดือน
สหประชาชาติแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (1) ว่า “การปฏิบัติการเพื่อการเดินทางผ่านไปยังที่ปลอดภัย” กำลังดำเนินอยู่ในโรงงานเหล็กดังกล่าว ซึ่งมีอุโมงค์ใต้ดินอันสลับซับซ้อนที่สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต
ขณะที่ฝ่ายเคียฟบอกว่า มีพลเรือนราว 100 คนได้รับการอพยพอออกมาจากโรงงาน ถึงแม้กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุตัวเลขแค่ 80 คน ในจำนวนนี้มีทั้งผู้หญิงและเด็กๆ
“ผู้ที่ปรารถนาจะเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งควบคุมโดยระบอบปกครองเคียฟ ได้ถูกส่งมอบให้แก่ตัวแทนของยูเอ็นและไอซีอาร์ซี (คณะกรรมการกาชาดสากล) แล้ว” กระทรวงรัสเซียบอก
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับการอพยพมีกำหนดเดินทางถึงเมืองซาโปริซเซีย ซึ่งยังอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลยูเครนในวันจันทร์ (2) และมีการวางแผนว่าจะมีการอพยพเพิ่มเติมขึ้นอีกในวันนั้น
ขณะที่ประธานของคณะบริหารฝ่ายทหารประจำภูมิภาคโดเน็ตสก์ของฝ่ายรัสเซียระบุว่า การอพยพในวันจันทร์มีกำหนดเริ่มต้นขึ้นเวลา 7.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น
ตามรายงานข่าวกระแสหนึ่งของฝ่ายรัสเซีย ให้ตัวเลขพลเรือนที่ยังหลบภัยอยู่ในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลเอาไว้ว่ามีมากกว่า 500 คน
มาริอูโปลที่ตั้งอยู่ริมทะเลอาซอฟ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่จะเชื่อมต่อดินแดนในการยึดครองของรัสเซียทางภาคใต้และภาคตะวันออกของยูเครนเข้าด้วยกัน และเป็นจุดที่เกิดการสู้รบอย่างเลวร้ายที่สุดจนถึงขณะนี้ของสงครามคราวนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากเมืองนี้เป็นที่มั่นหลักของ “กองพันอาซอฟ” ซึ่งฝ่ายรัสเซียบอกว่าเป็นพวกนาซีใหม่ที่ทำทารุณกรรมต่างๆ กับพวกผู้พูดภาษารัสเซียในดินแดนดอนบาสในระยะเวลาหลายๆ ปีที่ผ่านมา
สำหรับสถานการณ์การสู้รบในเวลานี้ กองทัพรัสเซียยังคงเดินหน้าบุกลึกเข้าไปในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันอาทิตย์ (1) สังหารพลเรือนไป 8 คนจากการโจมตีด้วยจรวดในเมืองโดเน็ตสก์และเมืองคาร์คิฟ ทั้งนี้ตามการแถลงของผู้ว่าการแคว้นในภูมิภาคเหล่านี้ที่เป็นฝ่ายรัฐบาลเคียฟ
คาดหมายกันว่า ลีแมน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “เรดทาวน์” จากอาคารทางอุตสาหกรรมที่ใช้อิฐสีแดง จะเป็นหนึ่งในเมืองต่อไปที่ถูกรัสเซียตีแตก หลังจากกองทัพยูเครนล่าถอย
เวลานี้กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบอย่างช้าๆ แต่มั่นคง และกำลังพยายามกระชับอำนาจควบคุมในพื้นที่ซึ่งยึดเอาไว้ได้ ตั้งแต่วันอาทิตย์ รัสเซียประกาศให้ใช้เงินรูเบิลในแคว้นเคอร์ซอน ที่พวกเขายึดเอาไว้แล้ว โดยที่ในช่วง 4 เดือนแรกยังยอมอนุญาตให้ใช้เงินฮริฟเนียของยูเครนควบคู่ไปด้วย
ทางด้านเคียฟยอมรับว่า กองกำลังรัสเซียยึดหมู่บ้านในดอนบาสได้หลายแห่ง พร้อมกันนี้ขอให้มหาอำนาจตะวันตกส่งอาวุธหนักมาเพิ่มเพื่อเสริมแนวรับ รวมทั้งคุยว่า กองกำลังยูเครนสามารถยึดดินแดนบางส่วนกลับคืนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ในวันจันทร์ มีรายงานว่าโดรนของยูเครนจมเรือตรวจการณ์รัสเซีย 2 ลำ บริเวณใกล้เกาะงู ในทะเลดำ
ขณะเดียวกัน เซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียให้สัมภาษณ์สื่ออิตาลี “มีเดียเซ็ต” เมื่อวันจันทร์ว่า รัสเซียไม่รีบร้อนประกาศยุติสงครามยูเครนในวันที่ 9 ที่จะถึง โดยวันดังกล่าวเป็นวันครบรอบชัยชนะเหนือนาซีเยอรมนีของฝ่ายสัมพันธมิตรที่มีสหภาพโซเวียตเป็นกำลังสำคัญอยู่ด้วย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 1945
ลาฟรอฟ สำทับว่า จังหวะของ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครนจะขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการลดความเสี่ยงซึ่งมีต่อพลเรือนและทหารรัสเซียให้เหลือน้อยที่สุด ก่อนทิ้งท้ายว่า รัสเซียจะฉลองโอกาสดังกล่าวแบบที่เคยทำมาคือ รำลึกถึงผู้ที่สละชีวิตเพื่อปลดปล่อยรัสเซียและสาธารณรัฐอื่นๆ ในอดีตสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต และปลดปล่อยยุโรปจากนาซี
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)