รัสเซียคุยทำลายอาวุธจำนวนมากในยูเครนที่ฝ่ายตะวันตกจัดส่งไป ขณะเดียวกันก็ยึดหมู่บ้านได้หลายแห่งในการรุกที่ดอนบาส

รัสเซียคุยฟุ้งเมื่อวันพุธ (27 เม.ย.) ว่าสามารถทำลายอาวุธเป็นจำนวนมากในยูเครนที่ฝ่ายตะวันตกจัดส่งไปให้ ขณะเดียวกัน เคียฟยอมรับว่ากองกำลังแดนหมีขาวได้บุกลึกเข้ามาอีกในบริเวณภาคตะวันออกของประเทศตน และยึดหมู่บ้านไปได้หลายแห่ง ในอีกด้านหนึ่ง ยูเครนออกมากล่าวหามอสโกพยายามขยายแนวรบเข้าสู่ประเทศอื่นๆ ในยุโรป หลังเกิดเหตุระเบิดหลายครั้งในพื้นที่ซึ่งพวกกบฏฝักใฝ่รัสเซียยึดครองอยู่ในมอลโดวา และมอสโกชี้ว่าเป็นฝีมือของเคียฟ

กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า กองกำลังของฝ่ายตนได้ทำลายอาวุธและเครื่องกระสุน “ล็อตใหญ่” ที่จัดหาจัดไปให้โดยสหรัฐฯ และพวกประเทศยุโรป โดยทางแดนหมีขาวใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลเข้าระดมโจมตีใส่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน

กองกำลังของรัสเซียพุ่งเป้าโจมตีพวกโรงเก็บเครื่องบิน ซึ่งอยู่ที่โรงงานอะลูมิเนียมแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับเมืองซาโปริซเซีย ของยูเครน โดยระดมยิงด้วยขีปนาวุธ “คาลิบร์” ที่ยิงจากกลางทะเลด้วยความแม่นยำสูง กระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวบอก แต่ไม่ได้เอ่ยเจาะจงว่าอาวุธที่ถูกทำลายนั้นมีอะไรบ้าง

การกล่าวอ้างเช่นนี้ของฝ่ายรัสเซีย มีขึ้น 1 วันหลังจากการประชุมของพวกชาติพันธมิตรตะวันตก 40 รายในฐานทัพแห่งหนึ่งที่เยอรมนี เพื่อหารือกันถึงการจัดหาจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปให้แก่ยูเครน โดยที่วอชิงตันสัญญาว่าจะดำเนินการอย่างสุดกำลังความสามารถเพื่อช่วยให้เคียฟกลายเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เรียกร้องขอฝ่ายตะวันตกจัดส่งพวกอาวุธที่มีอำนาจการยิงหนักหน่วงยิ่งขึ้นไปให้ เพื่อใช้ในการผลักดันการรุกคืบของรัสเซียให้ถอยกลับไป โดยที่เวลานี้แดนหมีขาวมุ่งเน้นโฟกัสที่ภูมิภาคดอนบาส ในยูเครนตะวันออก

พวกพันธมิตรตะวันตกถึงแม้ยังคงกังวลที่จะถูกลากเข้าไปในการทำสงครามโดยตรงกับรัสเซีย แต่แสดงท่าทีพร้อมเพิ่มการสนับสนุนมากขึ้นแล้ว ขณะที่ยูเครนยังคงประคับประคองการต้านทานอย่างดุเดือดของตนเอาไว้ได้

“เห็นชัดว่ายูเครนเชื่อว่าตนเองสามารถชนะศึกได้ เช่นเดียวกับทุกๆ คนซึ่งอยู่ในที่นี้” รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน กล่าวในการประชุมของ 40 ชาติพันธมิตรเมื่อวันอังคาร โดยที่เยอรมนีได้ประกาศกลับลำ 360 องศา โดยมีแผนส่งรถถังต่อต้านอากาศยานให้ยูเครนแล้ว แม้จะเป็นรถมือสองซึ่งต้องมีการอัปเกรด

นอกจากนั้น อังกฤษเตรียมที่จะเรียกร้องในวันพุธ (27) ให้เหล่าชาติพันธมิตรเพิ่มกำลังผลิตทางการทหาร ซึ่งรวมถึงรถถังและเครื่องบินเพื่อส่งไปช่วยยูเครน

ในเอกสารที่มีการเผยแพร่ออกมาล่วงหน้า ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ จะเรียกร้องในวันพุธให้ “แนวทางใหม่” เพื่อเผชิญหน้ากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่ยืดเยื้อ รวมทั้งการเพิ่มการสนับสนุนให้แก่เคียฟ

ทรัสส์ยังเล็งเรียกร้องให้ยุโรปยุติการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียโดยเด็ดขาดและพร้อมเพรียง เพื่อปิดโอกาสที่มอสโกจะมีอำนาจต่อรองเหนือชาติตะวันตก ทั้งนี้ อังกฤษเป็นชาติยุโรปที่พึ่งพาอาศัยน้ำมันหรือก๊าซจากรัสเซียน้อยมากอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี ในวันพุธเช่นกัน ก๊าซพรอม บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ได้ตอกย้ำความไม่มั่นคงด้านพลังงานของยุโรป ด้วยการแถลงว่า ได้แจ้งบริษัทก๊าซรายใหญ่ของบัลแกเรียและโปแลนด์เกี่ยวกับการระงับการจัดส่งก๊าซให้ตั้งแต่วันพุธจนกว่าพวกเขาจะมีการชำระเงินด้วยเงินรูเบิล

ทั้งนี้ ปูตินเคยประกาศว่า ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างเป็นชาติอียูทั้งหมด จะต้องจ่ายค่าก๊าซเป็นรูเบิลไม่เช่นนั้นจะยุติการจัดส่งให้ โดยจะเริ่มตั้งแต่รอบการชำระเงินในเดือนเมษายน แต่สหภาพยุโรป (อียู) ยังไม่ยินยอมและเสนอร่างสัญญาใหม่ขอจ่ายด้วยเงินยูโรตามเดิม

ก๊าซจากก๊าซพรอมรองรับการบริโภคของโปแลนด์ราว 50% และ 90% ทีเดียวสำหรับบัลแกเรีย กระนั้น โปแลนด์ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องนำก๊าซในคลังสำรองออกมาใช้ และขณะนี้ยังมีก๊าซเหลืออยู่ 76% ส่วนบัลแกเรียกำลังเจรจาเพื่อนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวผ่านตุรกีและกรีซ

แอนดริว เยอร์แมค หัวหน้าคณะทำงานของเซเลนสกี วิจารณ์ว่า รัสเซียกำลังเริ่มแบล็กเมล์ยุโรปด้วยก๊าซเพื่อให้พันธมิตรของยูเครนแตกแยกกัน

มอสโกยึดหมู่บ้านได้หลายแห่งในดอนบาส

ทางด้านกระทรวงกลาโหมยูเครนแถลงว่า การสู้รบยังคงดำเนินอยู่อย่างดุดันตลอดทั่วทั้งยูเครนตะวันออก พร้อมกันนั้น ยืนยันว่ากองกำลังฝ่ายรัสเซียได้ยึดหมู่บ้านเอาไว้หลายแห่ง โดยเป็นส่วนหนึ่งของการที่มอสโกเปิดการรุกเพื่อเข้าควบคุมภูมิภาคดอนบาส

ทั้งนี้ กระทรวงบอกว่า หมู่บ้าน 3 แห่งในแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอีก 2 แห่งในแคว้นโดเน็ตสก์ สูญเสียแก่ข้าศึก

ฝ่ายรัสเซียมีจุดมุ่งหมายที่จะก่อตั้งพื้นที่ระเบียงติดต่อทางภาคพื้นดิน ระหว่างดินแดนซึ่งพวกแบ่งแยกดินแดนโปรัสเซียยึดเอาไว้ในแคว้นโดเน็ตสก์ และแคว้นลูฮานสก์ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของดอนบาส กับแหลมไครเมีย ริมทะเลดำ ซึ่งรัสเซียเข้ายึดและประกาศผนวกเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนมาตั้งแต่ปี 2014

เหตุระเบิดที่แคว้นทรานส์นิสเตรีย

สัปดาห์นี้ยังเกิดเหตุระเบิดโจมตีกระทรวงความมั่นคง หอส่งสัญญาณวิทยุ และหน่วยทหารในแคว้นทรานส์นิสเตรียของมอลโดวา โดยที่แคว้นนี้ซึ่งพื้นที่ติดต่อกับยูเครน ได้ประกาศตัวเป็นอิสระมาหลายสิบปี รวมทั้งรัสเซียได้ส่งทหารเข้าไปรักษาสันติภาพ ตั้งแต่ตอนที่มอลโดวาเองประกาศแยกตัวเป็นรัฐเอกราชจากสหภาพโซเวียต ทั้งนี้ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนทรานส์นิสเตรียมระบุว่า เหตุระเบิดต่างๆ เป็นฝีมือ “การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และผู้บังคับบัญชาทหารรัสเซียบอกว่า ประชาชนที่พูดภาษารัสเซียในมอลโดวาถูกกดขี่รังแก

ทางด้าน ไมเคโล โปโดลยัค ผู้ช่วยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน รีบทวีตว่า รัสเซียต้องการทำลายเสถียรภาพทรานส์นิสเตรีย และมอลโดวาอาจเป็นเป้าหมายต่อไปในการรุกรานยุโรป

ขณะที่วอชิงตันสำทับว่ากังวลเรื่องนี้เช่นกัน แต่เลี่ยงที่จะระบุโดยตรงว่า เป็นฝีมือรัสเซีย โดยเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงเมื่อวันอังคาร (26) เพียงแค่ว่า สหรัฐฯ สนับสนุนบูรณภาพด้านดินแดนและอธิปไตยของมอลโดวา

ในอีกด้านหนึ่ง ปูติน ยืนยันกับ อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ที่เดินทางไปเยือนมอสโกเมื่อวันอังคารว่า เขายังมีความหวังกับการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครน แม้ปฏิบัติการทางทหารยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้ก็ตาม และย้ำว่า รัสเซียไม่ได้ปฏิเสธ แต่ยังคงเดินหน้าเจรจา

ประมุขเครมลินสำทับว่า ความพยายามในการเจรจากับยูเครนถูกบ่อนทำลายจากการที่ยูเครนและตะวันตกกล่าวอ้างว่า กองกำลังรัสเซียสังหารพลเรือนอย่างโหดร้ายทารุณในเมืองบูชา นอกกรุงเคียฟ

ปูตินยังบอกอีกว่า เข้าใจถึงความกังวลของกูเตียร์เรสต่อปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนและพร้อมหารือ แต่โทษว่า ความวุ่นวายในยูเครนเกิดจาก “การปฏิวัติต่อต้านรัฐบาล” ที่ทำให้ประธานาธิบดีที่สนับสนุนรัสเซียถูกโค่นล้มในปี 2014

ด้านกูเตียร์เรส ย้ำข้อเรียกร้องให้มอสโกและเคียฟร่วมมือกับยูเอ็นเพื่อดำเนินการเส้นทางอพยพเพื่อช่วยพลเรือนในยูเครน

สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของกูเตียร์เรส แถลงว่า ปูตินเห็นพ้องในหลักการให้ยูเอ็นและคณะกรรมการกาชาดสากลมีส่วนร่วมในการอพยพพลเรือนออกจากโรงงานเหล็กอาซอฟสตัล ในเมืองมาริอูโปล

นอกจากนี้ ผู้นำยูเอ็นยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างอิสระเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของอาชญากรรมสงครามในยูเครน

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)