รัสเซียเผยเรือรบลาดตระเวน “มอสควา” (Moskva) ซึ่งถือเป็น “เรือธง” ของกองเรือทะเลดำของพวกเขา จมลงแล้วในวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) หลังเกิดระเบิดและไฟไหม้ ซึ่งยูเครนอ้างว่าเป็นฝีมือการยิงขีปนาวุธโจมตี ก่อความเสียหายแก่มอสโก ในขณะที่พวกเขาเตรียมพร้อมลงมือจู่โจมรอบใหม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นตัวตัดสินผลลัพธ์ของสงคราม ส่วนสหรัฐฯ ปฏิเสธชี้ชัดว่าเรือธงของรัสเซียถูกยิงด้วยขีปนาวุธหรือไม่ เนื่องจากมีข้อมูลไม่เพียงพอ
สำนักข่าวหลายแห่งของรัสเซียรายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของกระทรวงกลาโหมระบุว่าเรือรบลาดตระเวน “มอสควา” เรือธงของกองเรือทะเลดำของรัสเซีย อับปางตอนกำลังถูกลากไปยังท่าเรือท่ามกลางพายุ
มอสโกบอกก่อนหน้านี้ว่าลูกเรือกว่า 500 คนของเรือรบติดตั้งขีปนาวุธยุคสมัยสหภาพโซเวียต ได้รับการอพยพออกมาแล้ว หลังกระสุนบนเรือเกิดระเบิด แต่ทางยูเครนอ้างว่าพวกเขาโจมตีเรือรบลำนี้ด้วยขีปนาวุธต่อต้านเรือ "เนปจูน" ที่ผลิตโดยยูเครน
รัสเซีย ซึ่งไม่ยอมรับว่าถูกโจมตี บอกว่าเหตุการณ์นี้อยู่ระหว่างการสืบสวน ในขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุไม่สามารถยืนยันคำกล่าวอ้างใดๆ ในนั้นรวมถึงคำแถลงที่ว่าเรืออับปางแล้ว
"ระหว่างที่เรือมอสควา กำลังถูกลากไปยังท่าเรือจุดหมายปลายทาง เรือสูญเสียการทรงตัว สืบเนื่องจากความเสียหายบริเวณลำตัวเรือจากเหตุไฟไหม้" กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุ "ท่ามกลางพายุทะเล เรืออับปาง"
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่กองทัพเรือรัสเซียกำลังเดินหน้ายิงถล่มเมืองต่างๆ ของยูเครนบนชายฝั่งทะเลดำ หลังเปิดฉากรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้มาได้เกือบ 50 วันแล้ว ชาวบ้านในเมืองโอเดซาและมาริอูโปล ซึ่งอยู่ตามริมฝั่งทะเลอาซอฟ ที่อยู่ติดกัน กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีระลอกใหม่ของรัสเซีย
สหรัฐฯ ระบุว่าพวกเขามีข้อมูลไม่มากพอที่จะสรุปว่าเรือรบลาดตระเวนมอสควาของรัสเซียถูกยิงด้วยขีปนาวุธ "แต่แน่นอน มันก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่รัสเซีย" เจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอเมริกากล่าว
ทหารรัสเซียถอนกำลังจากบางพื้นที่ทางภาคเหนือของยูเครน หลังประสบความสูญเสียอย่างหนักและล้มเหลวในการเข้ายึดกรุงเคียฟ ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกมองว่ามอสโกกำลังจัดวางกองกำลังใหม่เพื่อปฏิบัติการโจมตีรอบใหม่ในภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครน
ยุทธศาสตร์ของรัสเซียที่ใช้กองทัพเรือยิงขีปนาวุธร่อนเข้าใส่ยูเครนและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของพวกเขาในทะเลดำ มีความสำคัญยิ่งในการสนับสนุนปฏิบัติการทางภาคพื้นทั้งทางใต้และตะวันออกของยูเครน จุดที่พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อยึดครองมาริอูโปล เมืองท่าซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในภูมิภาคดอนบาส อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
รัสเซียอ้างเมื่อวันพุธ (13 เม.ย.) ว่านาวิกโยธินยูเครนมากกว่า 1,000 นาย ที่ยังคงหลบซ่อนอยู่ในมาริอูโปล ยอมจำนนแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยูเครนไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
ถ้ายึดครองได้สำเร็จ มาริอูโปลจะกลายเป็นเมืองหลักแห่งแรกที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของกองกำลังรัสเซียนับตั้งแต่เปิดฉากรุกราน เปิดทางให้มอสโกใช้เมืองนี้เป็นสะพานเชื่อมแผ่นดินใหญ่ของรัสเซียกับพื้นที่ต่างๆ ของภูมิภาคดอนบาส ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่มอสโก และไครเมีย ที่รัสเซียผนวกเข้าเป็นดินแดนของตนเองเมื่อปี 2014
ภาพที่เผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย แสดงให้เห็นทหาร 1,026 นาย จากกองพันนาวิกโยธินที่ 36 ของยูเครน เดินยกมือ "ยอมแพ้โดยสมัครใจ" ออกมาจากบังเกอร์ในเขตอุตสาหกรรมเหล็กกล้า "อิลยิช" โดยในจำนวนนี้มีทหารสัญญาบัตร 162 นาย มีภาพของทหารแบกเปลหามให้เพื่อนทหารที่บาดเจ็บ และมีผ้าสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของการยอมจำนน ไปขึ้นรถบัสสีเหลืองที่จอดรออยู่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมอ้างว่าเมืองมาริอูโปลตกอยู่ในมือของทหารรัสเซียแล้ว หลังยืนหยัดต่อสู้มานาน 7 สัปดาห์
ยูเครนเชื่อว่ามีประชาชนหลายพันคนเสียชีวิตในมาริอูโปล ดินแดนที่ยังคงมีความพยายามอพยพพลเรือนออกมา และในวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่ามีประชาชน 815 ราย อพยพออกมาจากเมืองแห่งนี้ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ยูเครนให้ตัวเลขที่ 289 คน
เจ้าหน้าที่ยูเครนเตือนมานานว่ารัสเซียกำลังระดมทหารเพื่อโจมตีทางภาคตะวันออก ในนั้นรวมถึงคาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน
แต่ ฮันนา มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน บอกในวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) ด้วยว่ารัสเซียกำลังจัดวางกำลังตามแนวชายแดนของประเทศติดกับเบลารุสและแคว้นแยกตัว "ทรานส์นีสเตรีย" ของมอลโดวา เช่นกัน
มอลโดวากล่าวหากองทัพรัสเซียกำลังเกณฑ์ชาวมอลโดวาเข้าร่วมรบ แต่เจ้าหน้าที่ในทรานส์นีสเตรีย ที่มีชายแดนติดกับทางใต้ของยูเครน ปฏิเสธว่ารัสเซียไม่ได้จัดเตรียมกองกำลังในดินแดนของพวกเขา
ในวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) รัสเซียระบุว่ายูเครนส่งเฮลิคอปเตอรืโจมตีภูมิภาคบรีอันสค์ของรัสเซีย ถือเป็นการโจมตีข้ามชายแดนรอบล่าสุดจากหลายๆ รอบ ซึ่งทางมอสโกบอกว่าอาจจุดชนวนการโจมตีแก้แค้น
เจ้าหน้าที่รัสเซียบอกว่ามีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 7 รายในเหตุโจมตีบรีอันสค์ ซึ่งโดนอาคารที่พักอาศัยของประชาชน และหมู่บ้านแห่งหนึ่งในภูมิภาคเบลโกรดของรัสเซีย ก็ถูกโจมตีเช่นกัน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ปฏิบัติการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งเป็นการโจมตีรัฐหนึ่งของยุโรปครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1945 พบเห็นประชาชนต้องหลบหนีไปต่างแดนแล้วมากกว่า 4.6 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บหลายพันคน และโหมกระพือความกังวลว่าอาจปะทะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ 2 ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์โลก
(ที่มา : รอยเตอร์)