‘เซเลนสกี’ จี้นานาชาติลงโทษรัสเซียยิงมิสไซล์ถล่ม ‘สถานีรถไฟ’ ทำพลเรือนดับกว่า ‘ครึ่งร้อย’

ผู้นำยูเครนออกมาเรียกร้องขอ “อาวุธ” เพิ่ม พร้อมจี้นานาชาติยกระดับคว่ำบาตรลงโทษรัสเซีย เพื่อตอบโต้เหตุยิงมิสไซล์ที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 52 ศพ ที่สถานีรถไฟในภาคตะวันออก ซึ่งเต็มไปด้วยเด็กๆ ผู้หญิง และคนชราที่กำลังอพยพหนีตายปฏิบัติการจู่โจมของทหารรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ประณามการโจมตีสถานีรถไฟที่เมืองกรามาตอสก์ (Kramatorsk) ในภูมิภาคโดเนตสค์ ว่าเป็นการยิงโจมตีพลเรือน “โดยเจตนา” ขณะที่นายกเทศมนตรีของเมืองประเมินว่า ตอนเกิดเหตุน่าจะมีประชาชนรวมตัวอยู่ที่สถานีรถไฟประมาณ 4,000 คน

สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และอังกฤษต่างออกมาประณามเหตุการณ์โจมตีซึ่งเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เดินทางไปเยือนกรุงเคียฟ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับยูเครน อีกทั้งยังประกาศว่าจะเร่งกระบวนการพิจารณารับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกอียูด้วย

“เราคาดหวังว่าทั่วโลกจะมีมาตรการตอบโต้ที่หนักหน่วงต่อการก่ออาชญากรรมสงครามครั้งนี้” เซเลนสกี กล่าวผ่านคลิปวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อค่ำวันศุกร์ (8 เม.ย.)

“หากยังล่าช้าในการส่งอาวุธให้ยูเครน หรือถ้ายังปฏิเสธอยู่ นั่นหมายความว่านักการเมืองคนนั้นๆ ต้องการช่วยผู้นำรัสเซียมากกว่าช่วยเรา”

เซเลนสกี ยังเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรพลังงาน และสถาบันการเงินรัสเซียทุกแห่ง เพื่อให้มอสโกถูกโดดเดี่ยวจากระบบการเงินโลก

พาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสค์ ระบุว่า อาวุธที่ใช้โจมตีสถานีรถไฟคือขีปนาวุธพิสัยใกล้ Tochka U ที่บรรจุ “ระเบิดพวง” (cluster munitions) โดยขีปนาวุธได้ระเบิดกลางอากาศ และปลดปล่อยลูกระเบิดขนาดเล็กลงสู่พื้นที่เป็นบริเวณกว้าง

ทั้งนี้ ระเบิดพวง หรือระเบิดลูกปรายถือเป็นอาวุธต้องห้ามตามอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดพวงปี 2008 (Convention on Cluster Munitions : CCM) ซึ่งแม้รัสเซียจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคี แต่ก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่เคยนำอาวุธร้ายแรงนี้มาใช้กับยูเครน

ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 6 สัปดาห์ ส่งผลให้ชาวยูเครนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศแล้วกว่า 4 ล้านคน เสียชีวิตหรือบาดเจ็บอีกหลายพันคน และราว 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน ขณะที่หลายเมืองถูกยิงถล่มจนเหลือแต่เพียงซากปรักหักพัง

รัสเซียจัดพิธีฝังศพทหารที่เสียชีวิตในสงครามยูเครนอย่างสมเกียรติวานนี้ (8) หลังจากที่ทำเนียบเครมลินออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่าสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก

สำนักข่าว RIA ของรัสเซียอ้างข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมซึ่งระบุว่า ขีปนาวุธที่อ้างว่ายิงถล่มสถานีรถไฟในเมืองกรามาตอสก์นั้น “มีใช้งานเฉพาะในกองทัพยูเครน” อีกทั้งกองทัพรัสเซียไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายโจมตีที่เมืองกรามาตอสก์เลยในวันศุกร์ (8)

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กลาโหมระดับสูงของสหรัฐฯ “ไม่ให้ราคา” คำปฏิเสธของรัสเซียที่อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ และมั่นใจว่ากองกำลังหมีขาวยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ถล่มสถานีรถไฟที่กรามาตอสก์อย่างแน่นอน

ซากขีปนาวุธซึ่งพบในจุดเกิดเหตุเขียนคำว่า “สำหรับเด็กๆ” เอาไว้ที่ด้านข้างด้วย ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัสเซียมักกล่าวหาว่ายูเครนเข่นฆ่าพลเรือน รวมถึงเด็กๆ ในเขตพื้นที่ยึดครองของพวกกบฏโปรรัสเซียในภาคตะวันออก

เจ้าหน้าที่ยูเครนคาดว่า หลังจากนี้กองทัพรัสเซียจะพยายามยึดภูมิภาคดอนบาส (Donbass) ซึ่งประกอบไปด้วยแคว้นโดเนตสค์ และลูกานสค์ให้ได้ทั้งหมด โดยพื้นที่บางส่วนนั้นอยู่ภายใต้อิทธิพลของกบฏโปรรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2014

ขณะเดียวกัน ทำเนียบเครมลินแถลงวานนี้ (8) ว่า “ปฏิบัติการพิเศษ” ของรัสเซียในยูเครนน่าจะจบลง “ในอนาคตอันใกล้” โดยรัสเซียจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ผ่านการทำงานของกองทัพและผู้แทนเจรจาสันติภาพ

ที่มา : รอยเตอร์