xs
xsm
sm
md
lg

เริ่มหมดแรง! รัสเซียแบะท่า ‘ลดเป้าหมาย’ ในสงครามยูเครน เน้นยึด ‘ดอนบาส’ ทางตะวันออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัสเซียเริ่มออกมาส่งสัญญาณลดเป้าหมายทางทหารในสงครามยูเครน โดยจะเน้นควบคุมพื้นที่เฉพาะในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออก หลังเปิดปฏิบัติการรุกรานและยิงถล่มพลเรือนมานานกว่า 1 เดือน แต่ยังไม่สามารถทลายแนวต้านของยูเครนลงได้

สัญญาณการปรับยุทธศาสตร์ของมอสโกมีขึ้น ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เดินทางไปเยี่ยมเยียนทหารอเมริกันที่ปฏิบัติภารกิจร่วมกับนาโตในโปแลนด์ ส่วนประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ก็เสนอให้นานาชาติยื่นมือเข้าช่วยอพยพพลเรือนที่ติดอยู่ในเมืองท่ามาริอูโปล (Mariupol) ซึ่งกำลังถูกรัสเซียปิดล้อมและยิงถล่มอย่างหนักหน่วง

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียมีคำสั่งให้กองทัพเริ่มต้น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เมื่อวันที่ 24 ก.พ. โดยมีเป้าหมายในการทำลายกองทัพยูเครน โค่นอำนาจประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้ฝักใฝ่ตะวันตก และดึงยูเครนกลับสู่วงโคจรของมอสโกอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี เซียร์เก รุดสกอย (Sergei Rudskoi) ซึ่งเป็นหนึ่งในนายพลอาวุโสของรัสเซีย ได้ออกมาให้ข้อมูลล่าสุดว่า “เป้าหมายหลัก” ของมอสโกอาจลดลงเหลือเพียงแค่การควบคุมภูมิภาคดอนบาส ซึ่งพื้นที่บางส่วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

“ศักยภาพในการสู้รบของกองทัพยูเครนลดลงไปอย่างมากแล้ว ซึ่งทำให้เราสามารถมุ่งเน้นไปยังเป้าหมายหลัก นั่นคือการปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาส” รุดสกอย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการแผนกปฏิบัติการหลักในฝ่ายเสนาธิการทหารของกองทัพรัสเซีย ระบุ

ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่ตะวันตกอ้างว่า พล.ท.ยาคอฟ รีซันสเตฟ (Yakov Rezanstev) เป็นนายพลรัสเซียคนที่ 7 ที่เสียชีวิตในสงครามยูเครน และยังมีทหารยศนายพันอีกคนที่ถูก “วางแผนฆาตกรรม” โดยกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งหมดกำลังใจจะสู้รบ

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การปรับลดเป้าหมายในการทำสงครามจะช่วยให้ ปูติน สามารถอ้างชัยชนะได้แบบไม่ต้องเสียหน้ามากนัก หลังจากที่เคยประกาศกร้าวว่าจะถึงขั้นทำให้ยูเครนกลายเป็นรัฐ “ปลอดทหาร” ซึ่งเจ้าหน้าที่ตะวันตกชี้ว่าเป็นแค่ข้ออ้างของมอสโกในการส่งทหารรุกรานเพื่อโค่นรัฐบาลเซเลนสกีมากกว่า

ด้วยการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายยูเครนทำให้กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถยึดเมืองใหญ่ๆ ได้แม้แต่เมืองเดียว และหันไปใช้วิธีทิ้งระเบิดทำลายพื้นที่ชุมชน จนทำให้ชาวยูเครนราว 1 ใน 4 จากทั้งหมด 44 ล้านคนต้องละทิ้งบ้านเรือนหนีตาย

เวลานี้มีชาวยูเครนอพยพออกนอกประเทศแล้วประมาณ 3.7 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งข้ามไปยังโปแลนด์

“ชาวยูเครนนับแสนคนกำลังถูกตัดขาดความช่วยเหลือโดยทหารรัสเซีย และถูกปิดล้อมอยู่ในเมืองต่างๆ เช่น มาริอูโปล” ไบเดน กล่าวขณะไปเยี่ยมเยียนทหารจากกองบินที่ 82 ของสหรัฐฯ (U.S.Army's 82nd Airborne Division) ซึ่งปฏิบัติภารกิจป้องกันพรมแดนด้านตะวันออกของนาโตอยู่ในโปแลนด์

“มันดูเหมือนฉากจากภาพยนตร์ไซไฟ” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว

แนวรบใกล้ๆ กรุงเคียฟไม่มีความเคลื่อนไหวมานานหลายสัปดาห์ โดยขบวนรถถังของรัสเซีย 2 ขบวนถูกสกัดอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกของเมืองหลวง ขณะที่รายงานข่าวกรองของอังกฤษระบุว่า ปฏิบัติการต่อต้านของยูเครนผลักดันทหารรัสเซียให้ต้องถอยร่นไปทางตะวันออก

“การโจมตีตอบโต้ของฝ่ายยูเครน รวมถึงการที่กองทัพรัสเซียเริ่มขาดแคลนเสบียงอาหาร ทำให้ยูเครนสามารถยึดเมืองต่างๆ กลับคืนได้จนถึงระยะทาง 35 กิโลเมตรทางตะวันออกของกรุงเคียฟ” รายงานของอังกฤษระบุ

สหรัฐฯ และอังกฤษต่างให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แก่กองทัพยูเครน

สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์อ้างข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมรัสเซียซึ่งระบุว่า มีทหารหมีขาวเสียชีวิตในสงครามยูเครนเพียง 1,351 นาย บาดเจ็บ 3,825 นาย ขณะที่ทางการยูเครนประเมินว่ารัสเซียสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อยกว่า 15,000 คน

ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้กล่าวผ่านคลิปวิดีโอเมื่อค่ำวันศุกร์ (25) ว่า การต้านทานของทหารยูเครนนั้นทำให้รัสเซียกลายเป็นฝ่ายที่ต้อง “สูญเสียอย่างหนัก”

“บรรดาผู้ปกป้องของเรากำลังบอกให้ผู้นำรัสเซียเข้าใจตรรกะง่ายๆ ว่า เราต้องพูดคุยกัน คุยกันอย่างมีความหมาย อย่างเร่งด่วน และเป็นธรรม” เซเลนสกี กล่าว

ปูติน ออกมาโจมตีความพยายามคว่ำบาตรและโดดเดี่ยวรัสเซียของโลกตะวันตกว่าเป็นการ “ปิดกั้นกระแสวัฒนธรรมรัสเซีย” ซึ่งครอบคลุมไปถึงบทเพลงจากคีตกวีชื่อดังอย่าง ปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี และเซียร์เกย์ วาซีเลวิช รัคมานีนอฟ พร้อมทั้งเปรียบเทียบว่าสิ่งที่ตะวันตกทำกับรัสเซียนั้นไม่ต่างจากพวกนาซีเยอรมันในช่วงทศวรรษ 1930

ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์


กำลังโหลดความคิดเห็น