ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอันหนักหน่วงของรัสเซีย กำลังเปลี่ยนเมืองมาริอูโปลที่ถูกปิดล้อมให้กลายเป็น "เถ้าถ่านแห่งดินแดนร้าง" สภาเมืองระบุในวันอังคาร (22 มี.ค.) ในขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปมีแผนคว่ำบาตรเพิ่มเติม ลงโทษมอสโกในกรณีที่ยกพลรุกรานยูเครน
การสู้รบบนท้องถนนและปฏิบัติการทิ้งระเบิดโจมตี กำลังเป็นไปด้วยความเดือดดาลในมาริอูโปล เจ้าหน้าที่ยูเครนระบุ หนึ่งวันหลังจากพวกเขาปฏิเสธคำขาดของรัสเซียที่ขอให้ยอมจำนน เชื่อว่าเวลานี้มีประชาชนหลายแสนคนติดอยู่ภายใต้อาคารต่างๆ ไม่สามารถเข้าถึงน้ำ อาหาร เครื่องทำความร้อน และไม่มีไฟฟ้าใช้
กองกำลังรัสเซียและหน่วยนักรบของกบฏแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซีย เข้ายึดเมืองท่าแห่งนี้ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของประชาชนราว 400,000 คน ได้แล้วราวๆ ครึ่งหนึ่ง ตามรายงานของสำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซีย โดยอ้างคำสัมภาษณ์ของหัวหน้ารายหนึ่งของกบฏแย่งแยกดินแดน
พาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าราชการส่วนภูมิภาคเปิดเผยว่า มีการสู้รบบนท้องถนนภายในตัวเมือง ทั้งพลเรือนและทหารยูเครนถูกรัสเซียยิงโจมตี
"ไม่มีอะไรเหลือแล้วที่นั่น" ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอต่อรัฐสภาอิตาลี ส่วน เซอร์เก ออร์ลอฟ รองนายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโปล ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า เมืองถูกปิดล้อมโดยสิ้นเชิงและไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
"เมืองยังคงถูกทิ้งระเบิดโจมตีอย่างต่อเนื่อง เครื่องบินรัสเซียทิ้งระเบิดราว 50 ถึง 100 ลูกในแต่ละวัน มีคนตายมากมาย ผู้คนมากมายร่ำไห้ มีการก่ออาชญากรรมที่น่าสยดสยองมากมาย" ออร์ลอฟ กล่าว
มาริอูโปล กลายเป็นจุดโฟกัสของสงครามที่ปะทุขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เมื่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งทหารของเขาข้ามชายแดนรุกรานยูเครน ในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร" เพื่อลดทอนความเป็นรัฐทหารของยูเครนและโค่นล้มผู้นำฝักใฝ่ตะวันตกของพวกเขา
เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลอาซอฟและหากยึดได้สำเร็จ มันจะเปิดทางให้รัสเซียเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ ทางตะวันออกที่ควบคุมโดยกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียกับแหลมไครเมีย ซึ่งมอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014
การรุกรานยูเครนของรัสเซียที่ยืดเยื้อมาแล้ว 27 วัน ส่งผลให้ประชาชนต้องหลบหนีแล้วกว่า 3.5 ล้านคน ทำให้รัสเซียถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และก่อความกังวลว่าความขัดแย้งจะขยายวงกว้างอย่างคาดไม่ถึง
เหล่าประเทศตะวันตกมีแผนยกระดับเล่นงานทางเศรษฐกิจกดดันเครมลินหนักหน่วงขึ้น
เจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (22 มี.ค.) ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ จะร่วมกับพันธมิตรในการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม และยกระดับมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ในปัจจุบัน ระหว่างเดินทางเยือนยุโรปในสัปดาห์นี้
การเดินทางครั้งนี้จะรวมไปถึงการออกถ้อยแถลงในแผนปฏิบัติการร่วมสำหรับยกระดับความมั่นคงทางพลังงานในยุโรป ซึ่งพึ่งพิงแก๊สธรรมชาติจากรัสเซียสูงลิ่ว และไบเดน จะแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับโปแลนด์ ประเทศเพื่อนบ้านของยูเครน ด้วยการเดินทางเยือนวอร์ซอ
ด้วยที่ยังคงล้มเหลวไม่สามารถยึดกรุงเคียฟหรือเมืองหลักอื่นๆ ในปฏิบัติการรุกรานอย่างรวดเร็ว รัสเซียกำลังก่อสงครามทำลายล้าง โจมตีพื้นที่ในเมืองบางแห่งเหลือแต่ซาก และกระตุ้นความกังวลแก่ตะวันตกว่าความขัดแย้งอาจลุกลามบานปลาย แม้กระทั่งกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม ทางดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินบอกกับซีเอ็นเอ็นในวันอังคาร (22 มี.ค.) ว่าบรรดาผู้ดูแลนโยบายด้านความมั่นคงของรัสเซียจะใช้อาวุธดังกล่าวก็ต่อเมื่อความดำรงอยู่ของรัสเซียถูกคุกคาม "ถ้ามันมีภัยคุกคามต่อความดำรงอยู่ของประเทศของเรา เมื่อนั้นก็สามารถใช้คลังแสงนิวเคลียร์ตามกรอบความคิดของเรา"
ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าไม่เคยมีใครคิดว่าปฏิบัติการในยูเครนจะใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวหรือสองวัน และศึกสงครามกำลังเดินหน้าเป็นไปตามแผน
สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในเจนีวา เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (22 มี.ค.) จากข้อมูลของพวกเขา พบพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 953 ราย และบาดเจ็บ 1,557 คน นับตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้น แม้ทางเครมลินยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือน
เจ้าหน้าที่ตะวันตกระบุว่า กองกำลังรัสเซียหยุดชะงักรอบๆ กรุงเคียฟ แต่มีความคืบหน้าอยู่บ้างในทางภาคใต้และทางตะวันออกของยูเครน
ทีมงานของรอยเตอร์ที่เดินทางไปถึงเมืองมาริอูโปลที่ถูกรัสเซียยึดครองแล้วบางส่วนในวันอาทิตย์ (20 มี.ค.) เล่าว่า พบเห็นอาคารชุดอพาร์ตเมนต์ร้างแห่งหนึ่งอยู่ในสภาพดำเป็นตอตะโก และศพหลายศพนอนตายอยู่บนท้องถนนโดยมีผ้าคลุมไว้
ยูเครนบอกว่าปืนใหญ่ ระเบิด และขีปนาวุธ ของรัสเซียยิงโดนโรงละครแห่งหนึ่ง โรงเรียนสอนศิลปะแห่งหนึ่ง และอาคารสาธารณะอื่นๆ ฝังผู้หญิงและเด็กหลายร้อยคนที่หลบภัยอยู่ในชั้นใต้ดินทั้งเป็น
ไอรีนา เวเรชชุค รองนายกรัฐมนตรียูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ยูเครนในวันอังคาร (22 มี.ค.) เรียกร้องให้เปิดแนวกันชนด้านมนุษยธรรมสำหรับพลเรือน เธอบอกว่ามีชาวบ้านอย่างน้อย 100,000 คนที่ต้องการเดินทางออกจากมาริอูโปล แต่ไม่สามารถทำได้
ในการอ้างถึงข้อเรียกร้องของรัสเซียก่อนหน้านี้ ที่ขอให้ทางเมืองยอมจำนนในช่วงรุ่งสางของวันจันทร์ (21 มี.ค.) เวเรชชุค กล่าวว่า "ทหารของเรากำลังปกป้องมาริอูโปลอย่างกล้าหาญ เราไม่ยอมรับคำขาด"
ที่เมืองเคอร์ซอน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย เจ้าหน้าที่ยูเครนบอกว่ากองกำลังมอสโกกำลังสกัดไม่ให้เสบียงต่างๆ ส่งมอบถึงมือพลเรือน "พลเมือง 300,000 คนของเคอร์ซอน กำลังเผชิญหายนะทางมนุษยธรรม สืบเนื่องจากการปิดล้อมของทหารรัสเซีย" โอเล็กซ์ นิโคเลนโดก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเขียนบนทวิตเตอร์
รัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ในเมืองเคอร์ซอน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของยูเครนเปิดเผยว่า ทหารของพวกเขาสามารถขับไล่กองกำลังของรัสเซียออกจากเขตมาคาริฟ ชานกรุงเคียฟได้สำเร็จ หลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือด ซึ่งการยึดคืนพื้นที่นี้ ทำให้กองทัพยูเครนกลับมาควบคุมทางหลวงสำคัญ และสกัดรัสเซียจากการปิดล้อมกรุงเคียฟจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมยูเครนยอมรับว่า กองทัพรัสเซียยึดเขตอื่นๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือไปบางส่วน เช่น บัคกา ฮอสโตเมล และเออร์ปิน ซึ่งถูกโจมตีมากที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียยกทัพเข้ามาเมื่อเกือบ 1 เดือนก่อน
(ที่มา : รอยเตอร์/เอพี)