xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนเตรียมตัวพร้อมรับข่าวร้าย เมืองมาริอูโปลกำลังจะแตก ขณะ‘เซเลนสกี้’ตีฆ้องอาทิตย์นี้‘การรบ’เข้าหัวเลี้ยวสำคัญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กองกำลังอาวุธของฝ่ายนิยมรัสเซีย ออกตรวจตราตามท้องถนนในเมืองมาริอูโปล เมืองท่าในบริเวณภาคใต้ของยูเครน ซึ่งถูกฝ่ายรัสเซียปิดล้อมมาหลายสัปดาห์ ทั้งนี้ภาพนี้ช่างภาพของรอยเตอร์ถ่ายไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดี (7 เม.ย.) ที่ผ่านมา แต่เพิ่งนำออกมาเผยแพร่
ยูเครนตระเตรียมตัวเองในวันจันทร์ (11 เม.ย.) ให้พร้อมรับกับข่าวร้ายที่ว่า เมืองมาริอูโปล กำลังจะตกอยู่ในเงื้อมมือของกองทหารรัสเซียแล้ว ขณะที่ “เซเลนสกี้” รีบประโคมข่าวทันทีว่า เขาเชื่อว่ามีผู้คน “หลายหมี่นคน” ถูกฆ่าตายจากการที่มอสโกโจมตีเมืองท่าสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางภาคใต้ของประเทศแห่งนี้

เดนิส ปูชิลิน ผู้นำของพวกแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียในแคว้นโดเน็ตสก์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคดอนบาสส์ กล่าวให้ความเห็นทางสื่อโทรทัศน์ของรัสเซียเมื่อวันจันทร์ว่า “เกี่ยวกับท่าเรือของมาริอูโปล มันตกอยู่ในความควบคุมของเราเรียบร้อยแล้ว” ทั้งนี้กองทหารรัสเซียได้เข้าล้อมเมืองนี้ ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณชายฝั่งของทะเลอาซอฟ มาเป็นเวลากว่า 1 เดือน

ทางด้าน เอดดวร์ด บาซูริน เจ้าหน้าที่อาวุโสในเมืองโดเน็ตสก์ ซึ่งกลายเป็นที่มั่นสำคัญของฝ่ายกบฎแบ่งแยกดินแดน บอกว่ากองกำลังอาวุธยูเครนที่ยังเหลืออยู่ในมาริอูโปล เวลานี้รวมศูนย์กำลังอยู่ในโรงงานเหล็กและเหล็กกล้า “อาซอฟสตัล” ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เมืองนี้

ปูชิลิน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ว่า มาถึงตอนนี้การปฏิบัติการในพื้นที่แถบนี้จะเข้มข้นขึ้น “เนื่องจากยิ่งเราชักช้า ประชากรพลเรือนก็มีแต่จะต้องทนทุกข์มากขึ้น จากการตกเป็นตัวประกันของสถานการณ์ เรามีการระบุพื้นที่ต่างๆ ซึ่งขั้นตอนบางอย่างจำเป็นจะต้องเร่งรัดยิ่งขึ้นอีก”

ในอีกด้านหนึ่ง ทหารนาวิกโยธินของยูเครนซึ่งยังอยู่ในมาริอูโปล ระบุในวันจันทร์ (11) ว่า พวกเขากำลังเตรียมตัวสำหรับ “การสู้รบครั้งสุดท้าย” ในศึกชิงการควบคุมเมืองท่าแห่งนี้

“วันนี้บางทีอาจจะเป็นการสู้รบครั้งสุดท้าย เพราะกระสุนกำลังใกล้หมดแล้ว” กองทหารนาวิกโยธินกองพลน้อยที่ 36 ของกองทัพยูเครนระบุเช่นนี้บนเฟซบุ๊ก

“มันจะเป็นความตายสำหรับพวกเราบางคน และการถูกจับ (เป็นเชลย) สำหรับคนอื่นๆ ที่เหลือ” ข้อความที่โพสต์ทางเฟซบุ๊กกล่าวต่อ พร้อมกับบอกด้วยว่าพวกเขากำลัง “ถูกผลักดันให้ต้องถอยร่น” และ “ถูกล้อม” โดยกองทหารรัสเซีย

ข้อความที่โพสต์บอกอีกว่า พวกเขาได้ป้องกันท่าเรือแห่งนี้มาเป็นเวลา 47 วันแล้ว และ “ได้ทำทุกๆ อย่างทั้งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้” เพื่อรักษาการควบคุมเมืองนี้เอาไว้

กองกำลังอาวุธของฝ่ายรัสเซียยั้นออกข่าวว่า การสู้รบในช่วงหลังๆ นี้มีศูนย์กลางอยู่ตรงบริเวณรอบๆ โรงงานเหล็กและเหล็กกล้าอาซอฟสตัล และภายในเขตท่าเรือ

ข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊กของนาวิกโยธินยูเครนกองพลน้อยที่ 36 ก็ระบุว่า ที่นั่นเองซึ่ง “ข้าศึกค่อยๆ ผลักดันให้เราต้องถอย” และ “โอบล้อมเราด้วยไฟ และเวลานี้กำลังพยายามทำลายเรา”

เวลานี้ทหารของกองพลน้อยราวครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ข้อความในเฟซบุ๊กกล่าว

“มีคนบาดเจ็บกองเป็นภูเขารวมแล้วเกือบๆ ครึ่งหนึ่งของกองพลน้อย พวกที่ไม่ได้แขนขาดขาขาด ได้หวนกลับคืนสนามรบอีก

หน่วยทหารราบถูกฆ่าหมดแล้ว และสนามรบที่ต้องอาศัยการยิงต่อสู้ เวลานี้ดำเนินการโดยพวกทหารปืนใหญ่ พวกมือยิงปืนต่อสู้อากาศยาน, พวกพนักงานวิทยุ, พลขับ, และพ่อครัว กระทั่งวงออร์เคสตรา”

นาวิกโยธินหน่วยนี้ยังร้องทุกข์ว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากพวกผู้นำทางทหารของยูเครน โดยเขียนในโพสต์ทางเฟซบุ๊กว่า “ไม่มีใครต้องการสื่อสารกับเราอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเราโดนตัดทิ้งไปแล้ว”

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครน พลเอก วาเลรีย์ ซาลูชนี เขียนยืนยันบนเฟซบุ๊ก การติดต่อสื่อสารกับหน่วยกำลังหน่วยต่างๆ ที่กำลังป้องกันเมืองมาริอูโปลอย่างกล้าหาญนั้นยังคงกระทำได้อย่างมีเสถียรภาพ และยังคงรักษาเอาไว้ได้ พร้อมกับปลุกขวัญว่า “เรากำลังทำสิ่งที่เป็นไปได้และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพื่อชัยชนะและเพื่อรักษาชีวิตของบุคลากรและของพลเรือนในทุกๆ ทิศทาง จงเชื่อมั่นในกองทัพยูเครน!”

ขณะที่ เปโตร อันดรีอุชเชนโก ผู้ช่วยคนหนึ่งของนายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโปล เขียนบนสื่อสังคมว่า เพจดังกล่าวของนาวิกโยธินได้ถูกแฮ็ก และโพสต์ดังกล่าวก็เป็นของปลอม

ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน กล่าวในการปราศรัยต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติของเกาหลีใต้ผ่านทางวิดีโอลิงก์เมื่อวันจันทร์ (11) ว่า ฝ่ายรัสเซียได้ทำลายเมืองมาริอูโปลอย่างยับเยิน และเผาจนเหลือแต่เถ้า มีพลเมืองของมาริอูโปลอย่างน้อยหลายหมื่นคนต้องถูกฆ่าตาย

ก่อนหน้านั้นวันเดียวกัน เซเลนสกี้ กล่าวปราศรัยผ่านทางวิดีโอว่า สัปดาห์นี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของสงครามและสถานการณ์จะตึงเครียดยิ่งขึ้น

เขาสำทับว่า กองทัพรัสเซียจะเปิดปฏิบัติการขนาดใหญ่ขึ้นทางด้านตะวันออก และอาจโจมตีด้วยขีปนาวุธและโจมตีทางอากาศมากขึ้น กระนั้นเขาคุยว่า ยูเครนเตรียมพร้อมแล้วที่จะตอบโต้

เซเลนสกี้สำทับว่า เขาเชื่อมั่นในกองทัพยูเครน แต่ไม่อาจมั่นใจว่า เคียฟจะได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นจากอเมริกา

ด้านกองทัพยูเครนระบุเช่นเดียวกันว่า มีแนวโน้มที่รัสเซียจะตัดเส้นทางลำเลียงเสบียง และโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมอังกฤษอ้างข้อมูลข่าวกรองของฝ่ายตนระบุว่า กองทัพรัสเซียยกเลิกความพยายามเข้ายึดเคียฟแล้ว และไปทุ่มกำลังโจมตีด้านตะวันออกของยูเครนแทน โดยระดมถล่มทั้งแคว้นโดเน็ตสก์และแคว้นลูฮันสก์อย่างต่อเนื่อง กระนั้น กองกำลังยูเครนสามารถตอบโต้กลับในหลายพื้นที่ และทำลายรถถัง ยานยนต์ และปืนใหญ่ของรัสเซียจำนวนมาก

ข่าวกรองของอังกฤษยังอ้างว่า รัสเซียพึ่งพิงระเบิดที่ไม่มีระบบนำวิถีมากขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น โดยมีรายงานว่า มีเสียงระเบิดดังกึกก้องในเมืองต่างๆ ทางใต้และตะวันออก อีกทั้งสัญญาณเตือนภัยการโจมตีทางอากาศยังดังระงมทั่วยูเครนเมื่อเช้าวันจันทร์

ด้านเซอร์กี ไกเดย์ ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ ของฝ่ายรัฐบาลเคียฟ เตือนว่า เขตของตนอาจถูกโจมตีรุนแรงพอๆ กับเมืองมาริอูโปล ซึ่งแม้แต่เจ้าหน้าที่โปรรัสเซียยังระบุว่า ถูกทำลายเสียหายแล้วถึง 70% และเสริมว่า การรบในดอนบาสอาจยืดเยื้อหลายวันและเมืองต่างๆ อาจถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง

สำหรับฝ่ายรัสเซียนั้น กระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวแถลงตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน อ้างว่าประสบความสำเร็จใน “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครนในขั้นตอนแรกแล้ว ด้วยการโอบล้อมกำลังชั้นเลิศของกองทัพยูเครนจำนวน 60,000 – 80,000 คนเอาไว้ในพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้ในเขตดอนบาสส์ ทางยูเครนตะวันออก และจากนี้ไปจะเริ่มขั้นตอนที่สอง ซึ่งจะเป็นการ “ปลดแอก” ดอนบาสส์อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งจัดการกับกำลังสำคัญของกองทัพยูเครน

ในวันอาทิตย์ (10) พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนอ้างว่า พบร่างผู้เสียชีวิตกว่า 1,200 คนในแคว้นเคียฟ ซึ่งเป็นเขตเมืองหลวงตลอดจนพื้นที่รอบๆ และขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานและพิจารณาฟ้องร้องผู้ต้องสงสัย 500 คนที่รวมถึงปูตินและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของรัสเซีย ในข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามรวมแล้วหลายพันข้อหา

สำหรับความพยายามทางการทูตนั้น นายกรัฐมนตรีคาร์ล เนแฮมเมอร์ ของออสเตรีย มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินที่มอสโกในวันจันทร์ (11) ซึ่งจะถือเป็นผู้นำชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) คนแรกที่พบกับปูตินนับจากที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.

เนแฮมเมอร์ทวิตว่า แม้ออสเตรียวางตัวเป็นกลางทางทหาร แต่ออสเตรียก็มีจุดยืนชัดเจนในการเรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิง ยุติสงคราม เปิดเส้นทางอพยพ และต้องมีการสอบสวนกรณีอาชญากรรมสงครามอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ดี มอสโกปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายตะวันตกที่ว่าตนก่ออาชญากรรมสงคราม รวมทั้งยืนยันว่า ไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีพลเรือน

นอกจากนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศอียูยังมีกำหนดประชุมกันในวันจันทร์เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการแซงก์ชันรัสเซียรอบที่ 6 ท่ามกลางความกังวลว่า ความขัดแย้งในประเด็นการแบนน้ำมันและก๊าซรัสเซียอาจบ่อนทำลายประสิทธิภาพของมาตรการลงโทษ
เกี่ยวกับผลกระทบของสงครามที่มีต่อเศรษฐกิจนั้น นอกจากทำให้ประชากร 1 ใน 4 จากทั้งหมด 44 ล้านคนของยูเครนต้องทิ้งบ้านเรือน และพลเรือนนับพันบาดเจ็บล้มตายแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ (10) ธนาคารโลกยังออกมาคาดการณ์ว่า สงครามอาจทำให้ผลผลิตทางเศรษฐกิจของยูเครนย่อยยับถึง 45% จากการที่ธุรกิจครึ่งหนึ่งต้องปิดตัวลง การส่งออกข้าวสาลีถูกตัดขาดเป็นส่วนใหญ่จากการที่รัสเซียปิดกั้นทางออกทางทะเล และความเสียหายจากสงครามที่ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจหลายภาคส่วนไม่สามารถดำเนินการได้

ส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของรัสเซียนั้นถูกคาดหมายว่า จะหดตัว 11.2% ในปีนี้จากมาตรการแซงก์ชันของตะวันตก

(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอเจนซีส์)


กำลังโหลดความคิดเห็น