ยูเครนเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบดุเดือดกับทหารรัสเซียที่ระดมกำลังอยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครน ส่วนประชาชนหลายหมื่นคนแห่หลบหนีออกนอกพื้นที่ หลังเกิดเหตุยิงขีปนาวุธถล่มสถานีรถไฟ ท่ามกลางคำเตือนให้อพยพออกมาก่อนสายเกินไป ในขณะที่ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรในวันเสาร์ (9เม.ย.) กลายเป็นผู้นำตะวันตกคนล่าสุดที่เดินทางเยือนกรุงเคียฟ พร้อมเสนอมอบแรงสนับสนุนทางการเงินและทางการทหารรอบใหม่ระหว่างการเยือนที่ไม่ได้แจ้งกำหนดการล่วงหน้า
ในการพบปะกันที่กรุงเคียฟ จอห์นสันบอกกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนว่าสหราชอาณาจักรจะมอบยานยนต์หุ้มเกราะและระบบจรวดต่อต้านรถถัง สนับสนุนเงินกู้ผ่านธนาคารโลกเพิ่มเติม นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรจะยกระดับคว่ำบาตรรัสเซียและเลิกพึ่งไฮโดรคาร์บอนของรัสเซีย
"แรงสนับสนุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรับประกันว่ายูเครนจะไม่มีวันถูกรังแกอีก จะไม่มีวันถูกแบล็กเมล์อีก จะไม่มีวันถูกคุกคามแบบเดียวกันนี้อีก" จอห์นสันกล่าว ในขณะที่เขากลายเป็นผู้นำคนล่าสุดที่เดินทางเยือนกรุงเคียฟ หลังจากกองกำลังรัสเซียถอนกำลังออกไปจากพื้นที่รอบๆ เมืองหลวงเมื่อราวๆ 1 สัปดาห์ก่อน
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ผู้นำยูเครนได้พบปะกับ คาร์ล เนแฮมเมอร์ นายกรัฐมนตรีออสเตรียในกรุงเคียฟ พร้อมส่งเสียงเตือนในถ้อยแถลงร่วมว่า แม้การคุกคามที่มีต่อเมืองหลวงได้ลดลงไปแล้ว แต่มันกำลังเพิ่มสูงขึ้นในภาคตะวันออก
"นี่จะเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัส เราเชื่อในการต่อสู้นี้และในชัยชนะของเรา เราพร้อมสำหรับการสู้รบและมองหาแนวทางด้านการทูตเพื่อยุติสงครามนี้ไปพร้อมๆ กัน" เซเลนสกีกล่าว
เจ้าหน้าที่ยูเครนเรียกร้องพลเรือนทางภาคตะวันออกให้หลบหนี หลังจากก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ (8 เม.ย.) เจ้าหน้าที่เผยว่ามีประชาชนมากกว่า 50 รายเสียชีวิตในเหตุขีปนาวุธลูกหนึ่งโจมตีสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในเมืองกรามาตอสก์ ทางตอนเหนือของแคว้นโดเนคสค์ ซึ่งอยู่ในความควบคุมของทหารยูเครน ระหว่างที่ประชาชนหลายพันคนกำลังรวมตัวหลบหนีออกนอกพื้นที่
ปฏิบัติการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ บีบให้ประชากรราว 1 ใน 4 จากทั้งหมด 44 ล้านคน อพยพจากที่พักอาศัย เปลี่ยนเมืองต่างๆ เหลือแต่ซากปรักหักพัง มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแล้วหลายพันคน
เหตุโจมตีต่างๆ ที่นำมาซึ่งพลเรือนบาดเจ็บล้มตาย โหมกระพือเสียงประณามจากประชาคมนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุเสียชีวิตของประชาชนในเมืองบูชา ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ซึ่งเคยถูกยึดครองโดยกองกำลังของรัสเซีย ก่อนถอนกำลังออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รัสเซียยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือนในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร" เพื่อปลดอาวุธและทำลายความเป็นนาซีในประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ แต่ตะวันตกปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ โดยบอกว่ามันเป็นข้ออ้างสำหรับการทำสงครามที่ไร้หลักฐาน
ในเหตุขีปนาวุธโจมตีสถานีรถไฟในเมืองกรามาตอสก์ ศูนย์กลางสำหรับพลเรือนที่กำลังหลบหนีพื้นที่ทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อวันศุกร์ (8 เม.ย.) ทิ้งไว้เพียงเศษเสื้อผ้าเปื้อนเลือด ของเล่นเด็กและกระเป๋าสัมภาระที่ได้รับความเสียหายกระจัดกระจายทั่วชานชาลาของสถานี
โอเลกซานเดอร์ ฮอนชาเรนโก นายกเทศมนตรีของเมือง คาดหมายว่ามีประชาชนชาว 4,000 คน รวมตัวอยู่ที่สถานีรถไฟในตอนเกิดเหตุ และในวันเสาร์ (9 เม.ย.) ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 52 ราย
เขาคาดหมายด้วยว่ามีประชากรของกรามาตอสก์ แค่ราวๆ 50,000 ถึง 60,000 คน จากทั้งหมด 220,000 คน ที่ไม่หนีไปไหน ในขณะที่คนอื่นๆ ตัดสินใจหลบหนีออกนอกเมืองไปยังสถานที่ปลอดภัย
รัสเซียระบุว่าพวกเขาไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีดังกล่าว โดยบอกว่าขีปนาวุธที่ใช้ในการโจมตีมีใช้แต่ในกองทัพยูเครนเท่านั้น แต่สหรัฐฯ เชื่อว่ากองกำลังรัสเซียอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตี
กองทัพยูเครนบอกว่ามอสโกกำลังเตรียมการเพื่อเข้าจู่โจม ในความพยายามควบคุมแคว้นโดเนคสค์และลูฮันสค์ โดยสมบูรณ์ หลังทั้ง 2 ดินแดนอยู่ภายใต้การควบคุมบางส่วนของกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย มาตั้งแต่ปี 2014
การโจมตีทางอากาศมีความเป็นไปได้ที่จะถูกยกระดับขึ้นในภาคใต้และภาคตะวันออกของยูเครน เนื่องจากรัสเซียหาทางจัดตั้งสะพานทางภาคพื้นเชื่อมระหว่างไครเมีย ที่มอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 กับภูมิภาคดอนบาส แต่กองกำลังยูเครนกำลังสกัดการรุกคืบ
ทหารรัสเซียระบุในวันเสาร์ (9 เม.ย.) ว่าพวกเขาทำลายคลังกระสุนแห่งหนึ่งที่ฐานทัพอากาศมีร์โฮรอด ทางภาคตะวันออกตอนกลางของยูเครน
จอห์นสัน และเนแฮมเมอร์ เดินทางเยือนยูเครน หนึ่งวันหลังจาก อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เดินทางเยือนประเทศแห่งนี้เช่นกัน
ในวันศุกร์ (8 เม.ย.) อียูประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ในนั้นรวมถึงห้ามนำเข้าถ่านหิน ไม้ สารเคมีและผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่แตะต้องการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
เซเลนสกีเรียกร้องตะวันตกให้ดำเนินการมากกว่านั้น "ถึงเวลาแล้วที่ต้องกำหนดคว่ำบาตรทรัพยากรทางพลังงานของรัสเซียโดยสิ้นเชิง พวกเขาควรเพิ่มจำนวนอาวุธที่ป้อนแก่ประชาชนชาวยูเครน" เขากล่าวระหว่างพบปะกับจอห์นสัน
การเดินทางเยือนของพวกผู้นำตะวันตก เป็นสัญญาณว่าเคียฟกำลังกลับสู่ภาวะปกติบางส่วน หลังรัสเซียล่าถอย ชาวบ้านบางส่วนเริ่มกลับคืนเมืองหลวงแห่งนี้ คาเฟ่ และร้านอาหารเปิดบริการอีกครั้ง ขณะที่อิตาลีมีแผนกลับมาเปิดสถานทูตในกรุงเคียฟในช่วงปลายเดือน
(ที่มา : รอยเตอร์)