พลเรือนผู้หญิง เด็ก และคนชราทุกคน อพยพออกมาจากโรงงานถลุงเหล็กอาซอฟสตัลในเมืองมาริอูโปล จากการเปิดเผยของรองนายกรัฐมนตรียูเครนในวันเสาร์ (7 พ.ค.) แม้เจ้าหน้าที่ทหารระบุว่ารัสเซียยังคงโจมตีโรงงานดังกล่าว ขณะที่ประธานรัฐสภามอสโกกล่าวหาสหรัฐฯ เกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะยืนกรานมาตลอดว่าจะไม่เข้าร่วมสู้รบ
"ส่วนนี้ของปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมในมาริอูโปลเสร็จสิ้นลงแล้ว" ไอรีนา เวเรชชุค รองนายกรัฐมนตรียูเครนเขียนบนเทเลแกรม
โรงงานเหล็กยุคสหภาพโซเวียตนี้ คือแหล่งหลบซ่อนสุดท้ายของกองกำลังยูเครนในมาริอูโปล ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต้านทานรัสเซียที่พยายามยึดครอบพื้นที่อันกว้างขวางทางตะวันออกและทางใต้ของยูเครน ในสงครามที่ยืดเยื้อมากว่า 10 สัปดาห์
ภายใต้การทิ้งระเบิดโจมตีอย่างหนัก พวกนักรบและพลเรือนติดอยู่ในบังเกอร์ลึกลงไปใต้ดิน และอุโมงค์ที่ไขว้ไปมานานหลายสัปดาห์ แทบไม่มีอาหาร น้ำ และยา
ผู้บัญชาการทหารยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังรัสเซียภายใต้การสนับสนุนของรถถังและปืนใหญ่ พยายามโจมตีโรงงานแห่งนี้อีกครั้งในวันเสาร์ (7 พ.ค.) ส่วนหนึ่งในการจู่โจมอย่างดุเดือดเพื่อขับไล่เหล่าผู้ปกป้องชาวยูเครนชุดสุดท้ายของเมืองท่าทางยุทธศาสตร์ริมทะเลอาซอฟแห่งนี้
มีพลเรือนหลายกลุ่มหลบหนีออกมาจากโรงงานอันกว้างขวางตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างระงับการสู้รบ และก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (7 พ.ค.) สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของรัสเซีย รายงานอ้างพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่มอสโกในแคว้นโดเนตสก์ ระบุมีอีกกว่า 50 ชีวิตที่อพยพออกจากโรงงานที่ถูกปิดล้อมแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ไม่พบเห็นสัญญาณใดๆ ว่าพวกเขาเดินทางมาถึงศูนย์รับรองในแนแดน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแบ่งแยกดินแดนใกล้มาริอูโปล
พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนบอกว่าเวลานี้มีพลเรือนอพยพออกจากโรงงานแล้วทั้งสิ้น 176 คน
ปฏิบัติการอพยพพลเรือนออกจากโรงงานอาซอฟสตัลเริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีสหประชาชาติและคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเป็นคนกลาง แต่ในช่วงกลางสัปดาห์ปฏิบัติการอพยพถูกระงับไปสืบเนื่องจากการสู้รบรอบใหม่
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ นายกเทศมนตรีของเมืองคาดหมายว่ามีพลเรือนติดอยู่ภายในโรงงานแห่งนี้ราวๆ 200 คน แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าหลังถ้อยแถลงของรองนายกรัฐมนตรีในวันเสาร์ (7 พ.ค.) ยังมีพลเรือนผู้ชายเหลืออยู่ในโรงงานถลุงเหล็กหรือไม่
พวกนักรบประกาศไม่ยอมจำนน แต่ไม่ชัดเจนว่ายังเหลือกำลังพลอีกมากน้อยแค่ไหนในโรงงานแห่งนี้ และเจ้าหน้าที่ยูเครนเกรงว่ากองกำลังรัสเซียอาจต้องการกำจัดพวกเขาในวันจันทร์ (9 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันที่มอสโกเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะของสหภาพโซเวียตที่มีต่อนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประกาศชัยชนะในมาริอูโปลเมื่อวันที่ 21 เมษายน สั่งให้ปิดล้อมโรงงานดังกล่ว และเรียกร้องกองกำลังยูเครนที่อยู่ภายในให้วางอาวุธ อย่างไรก็ตาม ต่อมารัสเซียกลับมาโจมตีโรงงานแห่งนี้อีกรอบ
รัสเซียเรียกความเคลื่อนไหวของพวกเขาที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร เพื่อปลดอาวุธยูเครนและกำจัดสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าพวกชาตินิยมต่อต้านรัสเซียที่ปลุกปั่นโดยตะวันตก ยูเครนและตะวันตกกล่าวว่า รัสเซียลงมือทำสงครามโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ
มาริอูโปล ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแหลมไครเมียที่ถูกมอสโกยึดครองในปี 2014 กับบางพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกกบฏแบงแยกดินแดนฝักใฝ่มอสโก มีความสำคัญต่อการเชื่อมต่อ 2 ดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย และปิดกั้นการส่งออกของยูเครน
เสนาธิการทหารยูเครนระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน มีเป้าหมายเพื่อยึดครองแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และจัดตั้งระเบียงภาคพื้นระหว่างดินแดนเหล่านี้กับไครเมีย
นอกจากนี้ ทางเสนาธิการทหารยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังรัสเซียยังยิงปืนใหญ่ถล่มที่ตั้งถิ่นฐานทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้กับเมือคาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน การโจมตีดังกล่าวทำลายสะพาน ถนน 3 แห่ง เพื่อชะลอปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของกองกำลังยูเครน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า พวกเขาทำลายคลังแสงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งใช้เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ยูเครนไดรับมอบจากสหรัฐฯ และบรรดาประเทศยุโรป ใกล้สถานีรถไฟโบโฮดูคีฟ ในแคว้นคาร์คิฟ
กองทัพรัสเซียระบุว่า กองกำลังของพวกเขาโจมตีที่ตั้งทางทหารของยูเครน 18 แห่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงคลังเก็บกระสุน 3 แห่งในเมืองดาชเน ใกล้กับโอเดซา เมืองท่าทางภาคใต้ของประเทศ
ขณะเดียวกัน ยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาล่างของรัสเซีย กล่าวหาวอชิงตันว่ากำลังร่วมมือกับปฏิบัติการทางทหารต่างๆ ในยูเครน ซึ่งเขาระบุว่ามันเทียบเท่ากับสหรัฐฯ เกี่ยวข้องโดยตรงกับปฏิบัติการทหารต่อต้านรัสเซีย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่าอเมริกามอบข้อมูลข่าวกรองแก่ยูเครนเพื่อช่วยตอบโต้การจู่โจมของรัสเซีย แต่อ้างว่าข้อมูลข่าวกรองนี้ไม่รวมถึงข้อมูลเป้าหมายที่แม่นยำ
นับตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้น วอชิงตันและสมาชิกยุโรปของพันธมิตรนาโต้ได้มอบอาวุธหนักแก่ยูเครน เพื่อช่วยพวกเขาต้านทานการรุกรานของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม พวกเขายืนกรานจะไม่เข้าร่วมการสู้รบ
(ที่มา : รอยเตอร์)