โอเดสซา เมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของยูเครน ถูกรัสเซียถล่มโจมตีด้วยขีปนาวุธอย่างหนักในวันอังคาร (10 พ.ค.) ขณะที่ก่อนหน้านั้น 1 วัน “ปูติน” ปราศรัยเนื่องใน “วันชัยชนะ” เหนือนาซีเยอรมัน เตือนถึงความสยดสยองของสงครามโลก พร้อมตราหน้าว่าวอชิงตัน-เคียฟคือต้นเหตุสงครามยูเครน ด้านไบเดนอ้างห่วงประมุขเครมลินหาทางจบไม่เจอ พร้อมกันนี้ยังลงนามร่างกฎหมายที่เคยใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเร่งรัดขั้นตอนจัดหาจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครน
ในการปราศรัยระหว่างพิธีสวนสนามครั้งใหญ่ที่กรุงมอสโกเมื่อวันจันทร์ (9) เนื่องในวันแห่งชัยชนะเหนือนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียต้องต่อสู้กับนาซีอีกครั้ง อีกทั้งกล่าวหาตะวันตกและยูเครนเป็นต้นเหตุของการสู้รบขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน 2 เดือนครึ่งแล้ว
ประมุขเครมลินยังสำทับกับเหล่าทหารในพิธีสวนสนามว่า รัสเซียกำลังเผชิญภัยคุกคามที่ยอมรับไม่ได้ พร้อมเตือนให้ระวัง “ความสยดสยองของสงครามโลก”
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ก็ปราศรัยเนื่องในวันแห่งชัยชนะเช่นกัน โดยนอกจากบอกว่ายูเครนก็มีส่วนสำคัญในชัยชนะเหนือนาซี เขายังประกาศด้วยว่า ยูเครนจะเป็นฝ่ายมีชัยอย่างไม่ต้องสงสัยในการต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซีย
ทั้งนี้ สถานการณ์การสู้รบในยูเครนตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร (10) รัสเซียได้ปูพรมโจมตีเป้าหมายทั้งในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน เสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังก้องในหลายแคว้น ซึ่งรวมถึงลูฮันสก์ คาร์คีฟ และดนิโปร
กองทัพยูเครนโพสต์บนเฟซบุ๊กว่า มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 5 คนในเมืองโอเดสซา เมืองท่าสำคัญริมทะเลดำ ซึ่งมีบทบาทสูงในการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ทั้งนี้หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธ 7 ลูกถล่มศูนย์การค้าและคลังสินค้า
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ยูเครนและพันธมิตรพยายามหาวิธีแหวกการปิดกั้นท่าเรือริมทะเลดำของฝ่ายรัสเซีย หรือหาเส้นทางใหม่สำหรับการส่งออกธัญพืช ข้าวสาลี และข้าวโพดของยูเครน
ชาร์ล มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งเป็นองค์กรการประชุมหารือของเหล่าผู้นำชาติอียู ได้เดินทางเยือนโอเดสซาเมื่อวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม การหารือกับนายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีฮาล ของยูเครน ถูกขัดจังหวะจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธและทั้งคู่ต้องย้ายไปคุยกันต่อในบังเกอร์หลบภัย
ที่เมืองโบโกดูคอฟ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคาร์คีฟ มีผู้เสียชีวิต 4 คน และบ้านหลายหลังถูกทำลายจากการโจมตีของรัสเซียในวันจันทร์
กระทรวงกลาโหมยูเครนยังแถลงว่า กองกำลังรัสเซียที่ได้รับการสนับสนุนจากรถถังและปืนใหญ่กลับเข้าจู่โจมโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลในเมืองมาริอูโปล ซึ่งผู้ช่วยนายกเทศมนตรีรัฐบาลกรุงเคียฟอ้างว่า ยังมีพลเรือนติดค้างอยู่อย่างน้อย 100 คน รวมทั้งเป็นที่มั่นสุดท้ายในเมืองนี้ของนักรบยูเครนเดนตายหลายร้อยคน
ในอีกด้านหนึ่ง สหประชาชาติเผยว่า จำนวนชาวยูเครนที่หนีออกจากประเทศนับจากที่รัสเซียเปิดฉากบุกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เพิ่มจำนวนเป็น 6 ล้านคนในขณะนี้ และถือเป็นวิกฤตผู้อพยพที่รวดเร็วที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนที่อเมริกา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความกังวลว่า ปูตินอาจหาทางออกสำหรับสงครามในยูเครนไม่ได้
ประมุขทำเนียบขาวยังลงนามร่างกฎหมายให้ยืม-เช่า (Lend-lease Act) ที่เคยใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อให้รัฐบาลสามารถเร่งรัดการจัดส่งอาวุธให้ยูเครนต่อสู้กับรัสเซีย
นอกจากนั้น แหล่งข่าวเผยว่าสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมแครต ตกลงอนุมัติข้อเสนอความช่วยเหลือยูเครนก้อนใหม่มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการจัดหาอาวุธล็อตใหม่
ส่วนที่โปแลนด์ เซียร์เก แอนดรีฟ เอกอัครราชทูตรัสเซีย ถูกผู้ประท้วงรุมล้อมระหว่างทำพิธีรำลึกวันแห่งชัยชนะและถูกสาดสีแดงใส่ กระนั้น เขาให้สัมภาษณ์ว่า ภูมิใจในประเทศและประธานาธิบดีปูติน
ความคืบหน้าแผนคว่ำบาตร
ขณะเดียวกัน พันธมิตรยังคงไม่ลดละความพยายามในการกดดันรัสเซีย อัวร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ข้อเสนอคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียมีความคืบหน้าหลังหารือกับนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี
ออร์บาน ซึ่งเป็นนักการเมืองสายประชานิยมและเป็นหนึ่งในมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของปูตินในยุโรป ขัดขวางความพยายามของสหภาพยุโรปที่จะประกาศมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้นำฮังการีโต้แย้งว่า การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อฮังการีซึ่งเป็นประเทศไม่มีทางออกทางทะเล
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)