เอเจนซีส์ - รัสเซียฉลองการรำลึกชัยชนะของสหภาพโซเวียตเหนือนาซีเยอรมันช่วงสงครามโลก ในวันจันทร์ (9 พ.ค.) ขณะที่กองกำลังมอสโกเดินหน้าถล่มยูเครนหนักหน่วงในเหตุการณ์ความขัดแย้งนองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในยุโรปนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปูตินชี้สงครามยูเครนเป็นการต่อสู้กับกลุ่มชาตินิยมในยูเครนที่ได้แรงบันดาลใจจากนาซี ด้านผู้นำยูเครนกล่าวหารัสเซียกำลังก่ออาชญากรรมสงครามเช่นเดียวกับฮิตเลอร์
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปูตินที่เป็นผู้นำรัสเซียมาตั้งแต่ปี 1999 ใช้โอกาสครบรอบวันแห่งชัยชนะยั่วโทสะตะวันตกจากจัตุรัสแดง ก่อนเริ่มพิธีสวนสนามและโชว์แสนยานุภาพทางทหารทั้งขบวนรถถัง จรวด และขีปนาวุธข้ามทวีป
สำหรับปีนี้ เครื่องบินที่จะโชว์เหนือมหาวิหารเซนต์เบซิล จะรวมถึงเครื่องบินรบความเร็วเหนือเสียง เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ และเป็นครั้งแรกนับจากปี 2010 สำหรับเครื่องบิน “ดูมส์เดย์” Il-80 ซึ่งจะมีภารกิจในการขนย้ายนายทหาระดับสูงของรัสเซียไปยังสถานที่ปลอดภัย กรณีที่เกิดสงครามนิวเคลียร์
ในคำปราศรัยที่กล่าวต่อประชาชนใน 12 ประเทศอดีตสาธารณรัฐโซเวียต ซึ่งรวมถึงยูเครนและจอร์เจีย ปูตินเปรียบเทียบสงครามยูเครน ซึ่งเขาประกาศว่า เป็นการต่อสู้กับกลุ่มชาตินิยมในยูเครนที่ได้แรงบันดาลใจจากนาซี กับความท้าทายที่สหภาพโซเวียตต้องเผชิญตอนที่อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ รุกรานในปี 1941
แต่เคียฟและพันธมิตรปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องลัทธินาซีในยูเครน รวมถึงข้อกล่าวอ้างว่า รัสเซียกำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดจากความก้าวร้าวของตะวันตก โดยโต้ว่า ประมุขเครมลินเปิดสงครามที่ปราศจากการยั่วยุเพื่อพยายามปลุกผีสหภาพโซเวียต
ปูตินตอกย้ำความไม่พอใจวิธีที่ตะวันตกปฏิบัติต่อรัสเซียนับจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายเมื่อปี 1991 โดยกล่าวว่า ยูเครนถูกอเมริกาใช้เพื่อข่มขู่มอสโก
ทางฝ่ายประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา ที่สร้างภาพว่าการรุกรานยูเครนของปูติน เป็นการต่อสู้ระดับโลกระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ เขาได้ประกาศว่า ปูตินเป็นอาชญากรสงคราม นอกจากนั้นระหว่างไปเยือนโปแลนด์เมื่อเดือนมีนาคม ประมุขทำเนียบขาวยังบอกว่า ปูติน ซึ่งเป็นอดีตสายลับเคจีบี ไม่ควรได้อยู่ในอำนาจต่อ ซึ่งทางรัสเซียปฏิเสธมาตลอดว่า ทหารของตนไม่ได้ก่ออาชญากรรมสงคราม
เมื่อวันอาทิตย์ (8 พ.ค.) เมืองโอเดสซาถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธซ้ำ ส่วนนักรบยูเครนที่ยังเหลืออยู่ในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลที่เมืองมาริอูโปลประกาศว่า ถูกรัฐบาล “ทอดทิ้ง” ขณะที่รัสเซียระดมโจมตีไม่หยุดหย่อน
ในวันเดียวกันนั้น เซียร์ฮิว ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ของรัฐบาลยูเครน ให้สัมภาษณ์ "เดอะ การ์เดียน" ว่ามีประชาชน 90 คนหลบภัยอยู่ในอาคารโรงเรียนในหมู่บ้านบิโลโฮริฟกาตอนที่ถูกรัสเซียทิ้งระเบิดใส่เมื่อบ่ายวันเสาร์ (7 พ.ค.) ซึ่งมีผู้รอดชีวิต 30 คน ส่วนอีก 60 คนที่อยู่ใต้ซากตึกมีความหวังน้อยมาก
ทั้งนี้ ปูตินเคยประกาศว่า ต้องการยึดแคว้นลูฮันสก์และโดเนตสก์ให้ได้ภายในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งเป็นวันฉลองชัยชนะเหนือนาซีเยอรมนี
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีแถลงว่า วันที่ 8 พ.ค. เป็นวันแห่งการรำลึกและความปรองดองของยูเครน และเสริมว่า ยูเครนแสดงความเคารพต่อผู้เสียสละทุกคนที่ช่วยปกป้องโลกจากลัทธินาซีของฮิตเลอร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมกล่าวหาว่า รัสเซียกำลังก่ออาชญากรรมสงครามเช่นเดียวกับฮิตเลอร์
ที่เมืองมาริอูโปล ร้อยโทอิลลิยา ซามัวเลนโก แห่งกองพันอาซอฟ บอกว่า ทหารยูเครนจะถูกประหารถ้าถูกรัสเซียจับได้ ขณะที่การยอมจำนนจะถือเป็น “ของกำนัล” สำหรับศัตรู
"ทหารทุกคนเห็นการก่ออาชญากรรมของรัสเซีย การยอมจำนนไม่ใช่ทางเลือก เพราะรัสเซียไม่สนใจชีวิตของทหารยูเครน" เขากล่าว
เมื่อคืนวันอาทิตย์ (8 พ.ค.) พลเรือนกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับการช่วยเหลือออกจากโรงงานอาซอฟสตัลเดินทางถึงพื้นที่ปลอดภัยที่เป็นดินแดนของยูเครน โดยการเดินทางในระยะทางเพียงกว่า 200 กิโลเมตรใช้เวลาถึง 2 วัน เนื่องจากขบวนรถบัสต้องหยุดที่ด่านตรวจของรัสเซียนานเป็นชั่วโมงเพื่อให้รัสเซียซักถามผู้อพยพ