กองกำลังรัสเซียยกระดับโจมตีเมืองซีวีโรโดเนตสก์ของยูเครนในวันเสาร์ (28 พ.ค.) หลังอ้างสามารถยึดเมืองลีมัน ศูนย์กลางเดินรถไฟที่อยู่ใกล้กัน ในขณะที่เคียฟส่งเสียงเรียกร้องดังขึ้น สำหรับร้องขออาวุธพิสัยไกลจากตะวันตก เพื่อช่วยตีโต้กลับในภูมิภาคดอนบาส
ทหารรัสเซียรุกคืบอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เปลี่ยนไปของกระแสสงครามที่ตอนนี้เข้าสู่เดือนที่ 4 แล้ว ปัจจุบันดูเหมือนกองกำลังผู้รุกรานใกล้ยึดพื้นที่ทั้งหมดของแคว้นลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาส หนึ่งในเป้าหมายที่เครมลินปักธงไว้ หลังจากละทิ้งการจู่โจมกรุงเคียฟ ท่ามกลางการต่อต้านอย่างดุเดือดของกองกำลังยูเครน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในวันเสาร์ (28 พ.ค.) ว่าทหารกองพวกเขา และพันธมิตรกองกำลังแบ่งแยกดินแดน เวลานี้ควบคุมเมืองลีมันอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ในขณะที่เมืองแห่งนี้เป็นชุมทางรถไฟ ทางตะวันตกของลุ่มแม่น้ำซิลเวอร์สกี ในแคว้นโดเนตสก์ ที่อยู่ติดกับแคว้นลูฮันสก์ อย่างไรก็ตาม ฮันนา มาลยาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวกลาโหมของยูเครน บอกว่ายังคงมีการสู้รบในลีมัน
ส่วน ซีวีโรโดเนตสก์ ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำซิลเวอร์สกี ห่างจากเมืองลีมัน ราว 60 กิโลเมตร และเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้นโดเนสตก์แห่งนี้ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน แต่กำลังถูกรัสเซียโจมตีอย่างหนัก "ซีวีโรโดเนตสก์ ถูกฝ่ายศัตรูโจมตีอย่างต่อเนื่อง" ตำรวจยูเครนโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในวันเสาร์ (28 พ.ค.)
ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ ซึ่งเมื่อรวมกับแคว้นโดเนตสก์ เป็นภูมิภาคดอนบาส เปิดเผยในวันศุกร์ (27 พ.ค.) ทหารรัสเซียรุกเข้าไปในเมืองซีวีโรโดเนตสก์แล้ว และทหารยูเครนอาจล่าถอยออกจากเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงถูกจับกุม อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาเริ่มถอนกำลังออกไปในวันเสาร์ (28 พ.ค.) หรือไม่
มีคาโล โพโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนและผู้แทนเจรจาสันติภาพ ในวันเสาร์ (28 พ.ค.) เน้นย้ำเสียงเรียกร้องขอเครื่องยิงจรวดพิสัยไกลหลายลำกล้องที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ในขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกาบอกกับรอยเตอร์ว่า กำลังพิจารณาระบบอาวุธดังกล่าวด้วยความกระตือรือร้น และมีความเป็นไปได้ที่ว่าจะมีการตัดสินใจในเรื่องนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
"มันเป็นเรื่องยากเมื่อคุณโดยโจมตีจากระยะห่างออกไป 70 กิโลเมตร และไม่มีอะไรตอบโต้กลับ ยูเครนสามารถตอบโต้กลับได้ แต่เราต้องการอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพสำหรับสิ่งนั้น" เขาเขียนบนทวิตเตอร์
กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรเผยว่าในรายงานข่าวกรองรายวันของพวกเขา พบว่าหากรัสเซียประสบความสำเร็จในการยึดพื้นที่เหล่านั้น มีความเป็นไปได้ที่เครมลินจะมองมันในฐานะ "ความสำเร็จทางการเมืองที่แท้จริง" ซึ่งมันอาจถูกใช้อ้างความชอบธรรมการรุกรานกับประชาชนชาวรัสเซีย
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ยังคงแข็งขืนระหว่างปราศรัยกับประชาชนชาวยูเครนในช่วงค่ำ "หากผู้รุกรานคิดว่าลีมันและซีวีโรโดเนตสก์ จะเป็นของพวกเขา พวกเขาคิดผิด ดอนบาสจะเป็นของชาวยูเครน" เขากล่าว
ระหว่างปราศรัยผ่านโทรทัศน์ เซเลนสกีเชื่อว่ารัสเซียยอมตกลงเจรจา หากว่ายูเครนสามารถยึดคืนดินแดนทั้งหมดที่สูญเสียไปนับตั้งแต่โดนรุกรานเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี ปฏิเสธแนวคิดเกี่ยวกับการใช้กำลังทวงคืนดินแดนของยูเครนทั้งหมดที่สูญเสียไปให้รัสเซียนับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งในนั้นรวมถึงแหลมไครเมีย ที่มอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปีดังกล่าว
"ผมไม่เชื่อว่าเราจะสามารถทวงคืนดินแดนของเราทั้งหมดด้วยวิธีการทางทหาร ถ้าเราตัดสินใจมุ่งไปในแนวทางนั้น เราจะสูญเสียผู้คนของเราหลายแสนคน" เขากล่าว
นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ผู้มีเสียชีวิตแล้วหลายพันคน ในนั้นรวมถึงพลเรือนจำนวนมาก และอีกหลายล้านคนต้องหลบหนีจากที่พักอาศัย ทั้งย้ายไปอยู่ในพื้นที่อื่นที่ปลอดภัยกว่าในยูเครน หรืออพยพไปยังประเทศอื่นๆ
เสนาธิการทหารยูเครนเปิดเผยในวันเสาร์ (28 พ.ค.) ว่าปฏิบัติการโจมตีต่างๆ ของรัสเซีย ถล่มชุมชนต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐานใกล้เมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งหนึ่งในภูมิภาคแห่งนี้ได้รับความเสียหายร้ายแรง หลังถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ
ในส่วนของนานาชาติ ยังคงมีความพยายามผลักดันทางการทูตในการหาทางออกของความขัดแย้ง โดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส และโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้ร่วมพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในวันเสาร์ (28 พ.ค.)
ผู้นำทั้งสองเรียกร้องปูตินให้หยุดปิดกั้นเมืองท่าโอเดซา เปิดทางให้ยูเครนส่งออกธัญพืช ในขณะที่เครมลินเผยว่าปูตินได้แจ้งกับ มาครง และ โชลซ์ ไปว่า มอสโก มีความตั้งใจพูดคุยหารือเกี่ยวกับแนวทางต่างๆ ในความเป็นไปได้ที่จะให้ยูเครนสามารถกลับมาลำเลียงธัญพืชออกจากท่าเรือต่างๆ ริมทะเลดำอีกครั้ง
ยูเครนเป็นชาติผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ และการปิดกั้นการส่งออก เสี่ยงก่อผลลัพธ์อาหารขาดแคลนในหลายประเทศ ในนั้นรวมถึงแอฟริกา
พันธมิตรยังคงเดินหน้าส่งมอบอาวุธแก่เคียฟอย่างต่อเนื่อง โดย โอเลกซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน เผยว่าเริ่มได้รับขีปนาวุธต่อต้านเรือ "ฮาร์พูน" จากเดนมาร์กแล้ว
แต่กระนั้น เคียฟยังเรียกร้องขอความสนับสนุนมากกว่านี้ โดยที่ โอลกา สเตฟานิชีนา รองนายกรัฐมนตรี ตำหนิ นาโต้ ต่อกรณีแสดงออกถึงความไร้ประสิทธิภาพในการยกระดับตอบโต้อย่างเป็นหนึ่งเดียวกันต่อการรุกรานของรัสเซีย
สเตฟานิชีนา ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบความพยายามรวมยูเครนเข้ากับยุโรป ระบุว่าเมื่อครั้งที่พวกผู้นำนาโต้ประชุมซัมมิตกันในวันที่ 29-30 มิถุนายน "มันสำคัญที่พวกเขาต้องตัดสินใจอย่างเป็นรูปธรรมอย่างมากและด้วยความกล้าหาญ เป้าหมายคือเสริมความเข้มแข็งแก่พันธมิตรและศักยภาพการป้องกันตนเองของยูเครน"
(ที่มา : รอยเตอร์)