รัสเซียถล่มหนักแคว้นคาร์คีฟและแคว้นโดเนตสก์ ในวันจันทร์ (20 มิ.ย.) หลังเซเลนสกีเตือนมอสโกจะระดมโจมตีรุนแรงขึ้นก่อนที่บรัสเซลส์จะตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับสถานะผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกอียูของยูเครน
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (19) หรือ 4 เดือนหลังจากรัสเซียเปิดฉากบุกว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการตัดสินใจบางอย่างที่ชี้อนาคตยูเครน ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจของสหภาพยุโรป (อียู)
ผู้นำเคียฟยังคาดว่า รัสเซียจะยกระดับการโจมตีหนักข้อขึ้นในสัปดาห์นี้ ก่อนสำทับว่า ยูเครนพร้อมรับมือแล้ว
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสฯ และศุกร์ที่จะถึง (23-24) สมาชิก 27 ชาติของอียูจะหารือระหว่างการประชุมสุดยอดว่า จะเพิ่มยูเครนในรายชื่อประเทศที่ต้องการเป็นผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือไม่
ขณะเดียวกัน บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอียูที่เริ่มต้นการประชุมกันในสัปดาห์นี้ ก็ออกมาเรียกร้องให้มอสโกยุติการปิดกั้นการส่งออกธัญพืชจากยูเครน ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์ชั้นนำของโลก
โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของอียู วิจารณ์ว่า การที่ข้าวสาลีหลายล้านตันถูกปิดกั้นไว้ในยูเครน ขณะที่คนทั่วโลกหิวโหยถือเป็นอาชญากรสงครามอย่างแท้จริง
ทว่า รัสเซียปฏิเสธความรับผิดชอบต่อวิกฤตอาหาร และโทษว่า มาตรการแซงก์ชันของตะวันตกต่างหากเป็นตัวการทำให้การจัดส่งหยุดชะงัก ดันราคาธัญพืชพุ่งขึ้น และจุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับความอดอยากในภูมิภาคที่มีความเสี่ยง
สำหรับสถานการณ์การสู้รบนั้น ดูเหมือนรัสเซียมีความคืบหน้าในระดับหนึ่งในสมรภูมิด้านยูเครนตะวันออก โดยสำนักงานประธานาธิบดียูเครนแถลงเมื่อวันจันทร์ (20) ว่า รัสเซียยิงถล่มแคว้นคาร์คีฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนอย่างหนัก และยกระดับการโจมตีตลอดแนวรบในแคว้นโดเนตสก์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน และบาดเจ็บ 7 คน
ส่วนการสู้รบในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมในแคว้นลูฮันสก์ ยังคงดำเนินต่อไป โดยเซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นยอมรับว่า ฝ่ายเคียฟสูญเสียการควบคุมหมู่บ้านเมไทโอลไคน์ และมอสโกยังคงระดมกำลังทหารเข้ามาเพิ่ม นอกจากนั้นโรงงานเคมีในซีวีโรโดเนตสก์ ที่มีทหารและพลเรือนนับร้อยหลบภัยอยู่ ยังถูกถล่มอย่างหนักไม่ขาดสาย
ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียโจมตีอย่างหนักเพื่อยึดภูมิภาคดอนบาส ทั้งนี้ดอนบาสประกอบด้วย 2 แคว้นทางตะวันออกของยูเครน ได้แก่ ลูฮันสก์ และโดเนตสก์
เมื่อวันอาทิตย์ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) เตือนว่า สงครามยูเครนจะยืดเยื้อนานเป็นปีๆ และเรียกร้องประเทศตะวันตกเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือทางทหาร การเมือง และเศรษฐกิจระยะยาวแก่เคียฟ
ด้านยูเครนนั้นย้ำข้อเรียกร้องให้ตะวันตกเร่งรัดและเพิ่มการจัดส่งอาวุธหนักไปให้ แม้รัสเซียเตือนว่า การกระทำดังกล่าวอาจทำให้ความขัดแย้งลุกลามก็ตาม
วันอาทิตย์เช่นกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า โจมตีเป้าหมายในยูเครนด้วยขีปนาวุธตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงการโจมตีที่ประชุมนายทหารระดับสูงของยูเครนใกล้เมืองดนิโปร และสังหารนายพล และนายทหารระดับสูงไปกว่า 50 คน
นอกจากนั้น ยังมีการถล่มอาคารที่จัดเก็บอาวุธของตะวันตกในเมืองมิโคลาอิฟ รวมทั้งยังทำลายปืนใหญ่และยานยนต์หุ้มเกราะหลายคันของยูเครน
ขณะเดียวกัน หลังเผชิญมาตรการแซงก์ชันอย่างรุนแรง มอสโกได้ตอบโต้โดยเพิ่มความกดดันให้เศรษฐกิจยุโรปด้วยการลดการจัดส่งก๊าซไปให้แก่พวกประเทศยุโรป โดยอ้างว่าเป็นปัญหาทางเทคนิค ส่งผลให้ราคาพลังงานพุ่งพรวด
เยอรมนีได้ออกมาประกาศเมื่อวันอาทิตย์บังคับใช้มาตรการฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการหวนกลับมาใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการพลังงาน หลังปริมาณการจัดส่งก๊าซจากรัสเซียลดลงอย่างมากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ด้านออสเตรียก็เตรียมเปิดโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินเพื่อต่อสู้กับการขาดแคลน และบริษัทอีนีของอิตาลี เข้าร่วมโครงการของกาตาร์ในการเพิ่มการผลิตจากแหล่งก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดในโลก
ขณะเดียวกัน ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันจันทร์ระบุว่า จีนนำเข้าน้ำมันรัสเซียในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นถึง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยที่ปักกิ่งยังคงปฏิเสธที่จะประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอเจนซีส์)