อียูสัญญาสัปดาห์หน้าชัดเจน 'สถานะผู้สมัคร' ของยูเครน เคียฟครวญรัสเซียทำลายล้างซีวีโรโดเนตสก์

คณะกรรมาธิการยุโรป (อียู) จะมอบสัญญาณที่ชัดเจนในสัปดาห์หน้า เกี่ยวกับการอนุมัติสถานะผู้สมัครเป็นสมาชิกอียูของยูเครน จากการเปิดเผยของ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เมื่อวันเสาร์ (11 มิ.ย.) ในขณะที่การสู้รบยังคงดุเดือดในทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศแห่งนี้ ท่ามกลางเสียงโวยวายของเคียฟว่าเมืองซีวีโรโดเนตสก์กำลังเหลือแต่ซากปรักหักพังจากฝีมือของทหารรัสเซีย

ฟอน แดร์ ไลเอิน สร้างความประหลาดใจเดินทางเยือนกรุงเคียฟโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า และบอกว่าการพูดคุยระหว่างเธอกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี "จะสามารถช่วยให้เราสรุปการประเมินของเราในช่วงปลายสัปดาห์หน้า" ถือเป็นครั้งแรกที่อียูระบุถึงกรอบเวลาที่ชัดเจนกับสาธารณะในประเด็นสถานะผู้สมัครของยูเครน

เซเลนสกี พยายามกดดันให้สหภาพยุโรปอ้าแขนรับประเทศของเขาเข้าเป็นสมาชิกอย่างรวดเร็ว ในฐานะหนทางที่ลดจุดอ่อนทางภูมิรัฐศาสตร์ของยูเครน ซึ่งถูกเผยให้เห็นจากปฏิบัติการรุกรานของรัสเซียที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์

อย่างไรก็ตาม บรรดาเจ้าหน้าที่และพวกผู้นำภายในอียู เตือนว่าแม้กระทั่งได้รับสถานะผู้สมัครแล้ว การเข้าเป็นสมาชิกอียูอย่างแท้จริงอาจต้องใช้เวลานานหลายปี หรือกระทั่งหลายทศวรรษ

ฟอน แดร์ ไลเอิน ซึ่งปรากฏตัวเคียงข้าง เซเลนสกี ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงเคียฟเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ไม่ได้รับปากใดๆ และเน้นย้ำว่าจำเป็นต้องมีการปฏิรูปต่างๆ เพิ่มเติม

ส่วนทาง เซเลนสกี เตือนว่ามันเป็นช่วงเวลา "ชี้ขาด" สำหรับประเทศของเขาและอียู "รัสเซียต้องการทำลายความเป็นหนึ่งเดียวของยุโรป ต้องการทำให้ยุโรปแตกแยกและต้องการทำให้ยุโรปอ่อนแอ ทั่วทั้งยุโรปเป็นเป้าหมายของรัสเซีย ยูเครนเป็นเพียงขั้นแรกของการรุกรานนี้"

แม้รัฐสมาชิกบางส่วนยังคงสงวนท่าที แต่คาดหมายว่าบรรดาผู้นำอียูจะอนุมติสถานะผู้สมัครของยูเครน ณ ที่ประชุมซัมมิตระหว่างวันที่ 23-24 มิถุนายน ทว่ามันอาจมาพร้อมเงื่อนไขต่างๆ ที่เข้มงวด

สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ได้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน ส่งมอบทั้งอาวุธและเงินช่วยเหลือต้านทานการรุกรานของกองกำลังรัสเซีย และลงโทษมอสโกด้วยมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เซเลนสกี เร่งเร้าพันธมิตร ระหว่างดำเนินการเชิงรุกทางการทูต ซึ่งพบเห็นเขาปรากฏตัวต่อรัฐสภาของประเทศต่างๆ ผ่านวิดีโอลิงก์เป็นประจำ เช่นเดียวกับการประชุมซัมมิตต่างๆ ทั่วโลก

ล่าสุด ระหว่างการประชุมด้านความมั่นคง Shangri-La Dialogue ในสิงคโปร์ เมื่อวันเสาร์ (11 มิ.ย.) เซเลนสกี กล่าวสุนทรพจน์ เน้นย้ำถึงอันตรายของวิกฤตอาหารโลกที่เกิดจากกรณีรัสเซียปิดกั้นบรรดาท่าเรือริมทะเลดำของยูเครน

เขาเตือนถึงวิกฤตอาหารและความอดอยากอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน พร้อมระบุว่า "ปัญหาขาดแคลนอาหารจะนำมาซึ่งความยุ่งเหยิงทางการเมือง" พร้อมชี้ว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นผลลัพธ์โดยตรงจากการกระทำของรัฐรัสเซีย

เซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ เปิดเผยในวันเสาร์ (11 มิ.ย.) อ้างรายงานข่าว ระบุว่าพวกรัสเซียขนข้าวสาลีขึ้นขบวนรถบรรทุก แล้วลำเลียงข้าวสาลีเหล่านั้นไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย

ก่อนหน้าเกิดสงคราม รัสเซียและยูเครนคือผู้ผลิตข้าวสาลีราวๆ 30% จากทั้งหมดที่ป้อนสู่ตลาดโลก แต่ข้าวสาลีติดค้างตามท่าเรือต่างๆ ของยูเครน และในขณะเดียวกัน มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกได้ก่อความวุ่นวายด้านการส่งออกจากรัสเซีย

หลังจากถอนกำลังออกจากกรุงเคียฟ ทหารรัสเซียมุ่งเน้นแสนยานุภาพการโจมตีไปที่ภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครน และทางภาคใต้ของประเทศแห่งนี้

ทำเนียบประธานาธิบดีของเซเลนสกี เผยว่ารัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตีพื้นที่ต่างๆ แถวคาร์คิฟ ในแคว้นลูฮันสก์และแคว้นโดเนตสก์ เมื่อคืนที่ผ่านมา และผู้ว่าการแคว้นรายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 11 คน ในวันเสาร์ (11 มิ.ย.) ในจุดต่างๆ ทั่วโดเนตสก์

ไกได ระบุว่าซีวีโรโดเนตสก์ เมืองอุตสาหกรรมสำคัญทางภาคตะวันออกของยูเครน เหลือแต่ซากปรักหักพังจากฝีมือของกองกำลังรัสเซีย หลังมอสโกพุ่งเป้าโดยเฉพาะมาที่เมืองแห่งนี้ "นี่คือกลยุทธ์ของพวกเขา ประชาชนไม่มีความจำเป็น โครงสร้างพื้นฐานไม่มีความจำเป็น บ้านเรือนไม่มีความจำเป็น ทุกอย่างเหลือแต่ซาก"

ในเวลาต่อมา ไกได ระบุว่านักรบยูเครนติดอาวุธเบาในซีวีโรโดเนตสก์ กำลังได้รับชัยชนะบนท้องถนน แต่จากนั้นปืนใหญ่ของรัสเซียจะยิงทำลายอาคารต่างๆ ที่พวกนักรบเหล่านั้นใช้เป็นที่กำบัง "ทีละหลัง" พร้อมยอมรับว่า "มันสาหัสมาก"

ที่เมืองชอร์ตคิฟ ทางตะวันตกของยูเครน ถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ในเย็นวันเสาร์ (11 มิ.ย.) จากการเปิดเผยของผู้ว่าการแคว้น ในขณะที่ผู้ว่าการแคว้นมีโคลาอิฟ ทางภาคใต้ เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากทหารนานาชาติ "กองทัพรัสเซียทรงพลังมากกว่า พวกเขามีปืนใหญ่มากและมีกระสุน แต่เราไม่เหลือกระสุนแล้ว" เขากล่าว

(ที่มา : เอเอฟพี)