กองทหารรัสเซียบุกประชิดใจกลางเมืองเซเวโรโดเนตสก์ จุดโฟกัสของการรุกของฝ่ายมอสโกในเวลานี้ ท่ามกลางการสู้รบที่ดำเนินไปอย่างดุเดือด ขณะที่ “เซเลนสกี้”เตรียมเรียกร้องพวกผู้นำอียู ที่นัดประชุมฉุกเฉินในวันจันทร์ (30 พ.ค.) ให้ “เข่นฆ่าการส่งออกทั้งหมดของรัสเซีย” ซึ่งดูเป็นความหวังที่ริบหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเยอรมนีแสดงความกังวลตั้งแต่ก่อนเปิดประชุมว่า ความเป็นเอกภาพของอียูเริ่มพังทลาย และฮังการียังยืนกรานว่า ไม่สามารถยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในทันที
รัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย กล่าวย้ำอีกครั้งในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์ (29) ว่า การปลดแอกดอนบาสคือเรื่องสำคัญลำดับแรกชนิดไม่มีเงื่อนไขใดๆ ใน “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของมอสโกในยูเครนคราวนี้
ทั้งนี้ภูมิภาคดอนบาส ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของยูเครน ประกอบด้วยแคว้นลูฮันสก์ และแคว้นโดเนตสก์ ดอนบาสถือเป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของยูเครนมาตั้งแต่ตอนที่รวมอยู่ในสหภาพโซเวียต และประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้พูดภาษารัสเซีย
การรุกเพื่อ “ปลดแอก” ดอนบาส ของกองกำลังฝ่ายรัสเซียขณะนี้ รวมศูนย์อยู่ที่เมืองซีวีโรโดเนตสก์ เนื่องจากถ้ายึดเมืองนี้ และเมืองแฝด คือ ลีซีคานสก์ ซึ่งอยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำซีเวอร์สกี้โดเนตสก์ ได้ ก็จะทำให้รัสเซียสามารถควบคุมแคว้นลูฮันสก์ได้ทั้งหมด
เซียร์กีย์ กาเดย์ ผู้ว่าการแคว้นลูกันสก์ ซึ่งเป็นคนของเคียฟ โพสต์บนโซเชียลมีเดียวันจันทร์ (30)ว่า รัสเซียรุกเข้าใกล้ใจกลางเมืองเซเวโรโดเนตสก์ แต่การสู้รบยังดำเนินต่อไป
ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน บอกเมื่อเมื่อวันอาทิตย์ (29) ว่าโครงสร้างสำคัญของเมืองซีวีโรโดเนตสก์ทั้งหมดถูกทำลายหนัก เช่นเดียวกับบ้านเรือนกว่า 2 ใน 3
อย่างไรก็ตาม จากการมุ่งโฟกัสความพยายามในสนามรบของตนเพื่อชิงเมืองซีวีโรโดเนตสก์เพียงเมืองเดียวให้ได้ รัสเซียก็อาจจะกำลังปล่อยให้ดินแดนอื่นๆ เปิดโล่งสำหรับการโจมตีตอบโต้ของฝ่ายยูเครน
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้เห็นสัญญาณเบื้องต้นของสิ่งที่อาจเป็นการตอบโต้โจมตีกลับของฝ่ายยูเครนในบริเวณภาคใต้ ซึ่งมอสโกกำลังพยายามกระชับอำนาจควบคุมเหนือแคว้นเคอร์ซอน ที่ยึดเอาไว้ได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ ภายหลังเปิดการรุกรานยูเครนในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้แคว้นเคอร์ซอน มีพื้นที่ติดต่อกับแหลมไครเมีย
กรุงเคียฟระบุว่า กองกำลังฝ่ายตนสามารถผลักดันทหารรัสเซียให้ต้องกลับเป็นฝ่ายรับในหมู่บ้าน 3 แห่ง ซึ่งอยู่ตรงชายขอบของเคอร์ซอน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เกิดเหตุคาร์บอมบ์ใจกลางเมืองเมลิโทโปล ที่ทางใต้ของยูเครนซึ่งมอสโกควบคุมอยู่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน เป็นอาสาสมัครบรรเทาทุกข์ชายและหญิง และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่โปรเครมลินกล่าวหาว่า เป็นการก่อการร้ายจากฝีมือเคียฟ
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ แคเทอลีน โคลอนนา รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของฝรั่งเศส เดินทางเยือนเคียฟเพื่อหารือกับเซเลนสกี้ อีกทั้งยังเดินทางไปเมืองบูชาที่กองทัพรัสเซียถูกกล่าวหาว่า ก่ออาชญากรรมสงครามต่อพลเมืองยูเครน
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำชาติสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) มีกำหนดประชุมฉุกเฉินในวันจันทร์และอังคาร (30-31) เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการแซงก์ชันรอบที่ 6 ต่อรัสเซีย โดยที่สำคัญคือจะหาทางคว่ำบาตรไม่นำเข้าน้ำมันรัสเซีย ขณะที่เซเลนสกี้เตรียมขอร้องให้ผู้นำเหล่านี้ “เข่นฆ่าการส่งออกทั้งหมดของรัสเซีย” เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อมอสโก
อย่างไรก็ดี ตลอด 1 เดือนของการเจรจา สมาชิกอียูยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ โดยเฉพาะฮังการีที่ตัวนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน สนิทสนมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และยืนกรานว่า ไม่สามารถยุติการนำเข้าน้ำมันรัสเซียที่จัดส่งให้ผ่านท่อส่งขนาดใหญ่ตั้งแต่ยุคโซเวียตที่มีชื่อว่า “ดรุซบา” ที่แปลว่า “มิตรภาพ”
ฮังการียังเรียกร้องให้อียูอัดฉีดเงิน 860 ล้านดอลลาร์ และขอเวลาอย่างน้อย 4 ปีเพื่อปรับปรุงโรงกลั่นและเพิ่มความจุท่อส่งสำหรับการรับน้ำมันจากซัปพลายเออร์รายอื่น เช่น โครเอเชีย
เจ้าหน้าที่อียูเผยว่า ภายใต้ร่างข้อเสนอประนีประนอม อาจยกเว้นสายท่อส่งดรุซบาจากมาตรการแซงก์ชัน “ระยะหนึ่ง”
กระนั้น ก่อนการประชุม โรเบิร์ต ฮาเบค รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี แสดงความกังวลว่า ความเป็นเอกภาพของอียูเริ่มพังทลาย
อย่างไรก็ตาม โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของอียู ยังคงยืนยันว่า ที่ประชุมจะตกลงกันได้ในท้ายที่สุดและมีข้อตกลงแซงก์ชันรอบใหม่ภายในบ่ายวันจันทร์
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)