ถ้าจะว่ากันโดยสีสันบรรยากาศ ความเป็นไปของโลกในช่วงนี้ หรือ ณ วินาทีนี้...คงต้องเรียกว่า ออกจะ “เคียดเด้อ”ไปในทุกๆ “แนวรบ”แหละทั่น!!! ไม่ว่า “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่แม้ว่ากำลังจะมีการเริ่มต้นกระบวนเจรจา ในช่วงอีกไม่นานนับจากนี้ ระหว่างหมีขาวรัสเซียกับคุณพ่ออเมริกาและนาโต ในเรื่องการ “ละเมิดเส้นตาย”ของรัสเซีย หรือความพยายามขยายบทบาท อิทธิพลของฝ่ายตะวันตก เข้ามาประชิดติดพันพรมแดนรัสเซีย จนทำให้ “วิกฤตยูเครน” แทบไม่ต่างอะไรไปจาก “วิกฤตคิวบา” เมื่อ 50-60 ปีที่แล้วสักเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากดูจากปฏิกิริยาท่าที ของอเมริกาและนาโต ต่อ “ข้อเสนอ” ของรัสเซีย ที่พยายามเสนอแนะ ชี้แนะ ไปก่อนหน้านี้ มันคงแทบไม่ได้ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนท่าทีในเรื่องราวเหล่านี้มากมายสักเท่าไหร่ หรือยังคงต้องเกิดรายการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน”กันต่อไป อย่างมิอาจเลิกราได้ง่ายๆ...
เช่นเดียวกับ “แนวรบตะวันออกกลาง”ที่แม้คงต้องรอคอยผลการเจรจารอบใหม่ในเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ที่กำลังเริ่มต้นอีกครั้งนับแต่วันนี้ (27 ธ.ค.) แต่จากการแสดงออกถึงความกระเหี้ยนกระหือรือของคุณทวดอิสราเอล ในอันที่จะหาทาง “บอมม์ม์ม์”อิหร่านให้จงได้ ชนิดถึงกับแจ้งตารางเวลาการโจมตีอิหร่านให้กับคุณพ่ออเมริกาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า โดยอเมริกาก็ดันไม่คิดจะคัดค้าน หรือวีโตใดๆ ซะอีกต่างหาก เพียงแต่ไม่ยอมส่งเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ ให้กับอิสราเอลตามคำเรียกร้อง วิงวอน แต่เพียงเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ที่เกิดการ “เปิดไฟเขียว” สว่างโร่ขึ้นมาจริงๆ แล้ว โอกาสที่จะเกิดรายการตูมๆ-ตามๆ ในแนวรบด้านนี้ ย่อมเป็นไปได้เสมอๆ ขณะทางฝ่ายอิหร่านก็ได้ยกระดับการเตรียมพร้อม แบบเต็มสูบ เต็มด้าม ได้เปิดปฏิบัติการทดสอบ “War Game”หรือด้วยการทดลองยิงขีปนาวุธลูกแล้ว-ลูกเล่า เพื่อมุ่งเตือนอิสราเอลเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่า “อย่าแหย่เสือหลับ” อะไรประมาณนั้น...
ส่วน “แนวรบในทะลจีนใต้”นั้น...คุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ ท่านถึงกำลังเตรียมร่างแผนรบ หรือแผนปฏิบัติการ “ปกป้องไต้หวัน”ร่วมกับคุณพ่ออเมริกา โดยจะป้องกันได้-ป้องกันไม่ได้ ทัน-ไม่ทัน หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ ในขณะที่คุณพี่จีนท่านก็ยังคงเงื้อง่าราคาแพง เก็งหมัดน็อก หมัดตาย เอาไว้ชนิดไม่ได้คิดจะลดการ์ดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยังคง “ซ้อมรบ” ยังคงตระเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานทางทหารไว้รายรอบช่องแคบไต้หวัน รวมทั้งการบินฉวัดเฉวียนล่วงละเมิด “เขตต้องห้าม” เหนือน่านฟ้าไต้หวัน ไปจนถึงการส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน แล่นไปหาปลาในน่านน้ำแปซิฟิกตะวันออก อย่างไม่คิดจะลด-ละ-เลิก อีกด้วยเช่นกัน...
ด้วยเหตุนี้...คงต้องขึ้นอยู่ว่าใครจะออกอาการ “น็อตหลุด-น็อตหลวม”กัน ณ เมื่อไหร่ ตอนไหน รวมทั้งการเพิ่มความระมัดระวังว่าภายใต้อาการ “เกร็งแล้ว-เกร็งอีก” ของแต่ละฝ่าย มันพอจะช่วยให้ไม่เกิด “อุบัติเหตุทางทหาร”ขึ้นมาได้ง่ายๆ มาก-น้อยเพียงใด ดังนั้น...สำหรับเปิดฉากสัปดาห์นี้ คงต้อง “คั่นบรรยากาศ” ด้วยการหันไปฟัง “คำทำนาย” ฟังการวิเคราะห์ คาดการณ์ ของผู้นำประเทศรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน”ที่ได้อาศัยช่วงจังหวะการแถลงข่าวประจำปีกับบรรดาสื่อมวลชน เมื่อช่วงพฤหัสฯ (23 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ที่น่าสนใจเอามากๆ นั่นก็คือ “ความเชื่อ”ที่ว่า ภายในอีกไม่กี่ทศวรรษนับจากนี้ หรือไม่เกินปี ค.ศ. 2035-2050 ประเทศ “มหาอำนาจคู่แข่ง”ของคุณพ่ออเมริกาและถือเป็น “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์”ที่เหนียวแน่น หนึบหนับ กับรัสเซียอย่างคุณพี่จีนนั้น จะผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจสูงสุดทางเศรษฐกิจแซงหน้าอภิมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอย่างคุณพ่ออเมริกาใน “ทุกๆ ด้าน”!!!
นี่...จริง-ไม่จริงก็ไม่รู้ เพราะคงต้องคอยรอดู รอชม กันเอาเอง แต่ที่น่าสนใจเอามากๆ ก็คือว่าประธานาธิบดีรัสเซีย ที่เพิ่งหันไปปรึกษาหารือกับประธานาธิบดีจีน เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ถึงการวางแผนจัดตั้ง “ระบบการเงินระหว่างประเทศ” หรือ“International Financial Framework”อย่างชนิดเป็นจริง-เป็นจัง ได้เสริม “คำทำนาย”เอาไว้ด้วยว่า อีกไม่นาน-ไม่ช้ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งในปัจจุบันอย่างคุณพ่ออเมริกา จะต้องสูญเสียสถานะการครอบงำตลาดการเงินและการค้าระหว่างประเทศ อย่างชนิดมิอาจฟื้นคืนกลับมาได้อีกเลย หรือไม่อาจอาศัยความเป็น “เผด็จการดอลลาร์”ในการข่มขู่ บีบบังคับ โลกทั้งโลก ให้ต้องยอมศิโรราบต่อความเป็นมหาอำนาจแบบ “โลกขั้วเดียว”ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว...
จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ...คงต้องรอคอย รอดูกันต่อไปอีกนั่นแหละ แต่โดยข้อมูล ข้อเท็จจริง เท่าที่ปรากฏให้เห็นจากความร่วมไม้-ร่วมมือของทั้งสองประเทศ ซึ่งล้วนถูกถือเป็น “มหาอำนาจคู่แข่ง”ของคุณพ่ออเมริกาด้วยกันทั้งคู่ จากปี ค.ศ. 2015 ที่ประเทศซึ่งได้ชื่อว่าส่งออกพลังงานใหญ่ที่สุดในโลกอย่างรัสเซีย และประเทศซึ่งได้ชื่อว่าบริโภคมากที่สุดในโลกอย่างจีน เคยทำมาค้าขายระหว่างกันและกัน โดยอาศัย “เงินดอลลาร์”เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน แต่พอมาถึงปี ค.ศ. 2020 ภายใต้ความเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ที่เหนียวแน่น หนึบหนับ ชนิดแทบมิอาจแยกออกจากกันได้เลย ส่งผลให้การทำมาค้าขายระหว่างจีนกับรัสเซีย ลดปริมาณการแลกเปลี่ยนโดยอาศัยเงินดอลลาร์ ลงเหลือแค่ประมาณ 46 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง หรือลดลงไปเกือบครึ่งต่อครึ่ง ทั้งๆ ที่มูลค่าการค้า-การขายระหว่างกันและกันยังสูงไปกว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...การร่วมไม้-ร่วมมือที่จะกระทำการในสิ่งที่เรียกว่า “De-Dollarization” หรือการละทิ้งเงินดอลลาร์ ไปสู่การแลกเปลี่ยนด้วยเงินตราสกุลอื่นๆของทั้งคู่นั้น กำลังใกล้จะส่งผลให้เกิดภาวะ “อวสานเงินดอลลาร์” ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ อย่างเห็นได้โดยชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที นั่นยังไม่รวมถึงบรรดาอีกหลายๆประเทศที่ถูกข่มขู่ บีบบังคับ ถูกแซงชั่น โดยอาศัยบทบาท อิทธิพล แห่งความเป็น “เผด็จการดอลลาร์” จนต้องหันมาหาทางออก ทางเลือกใหม่ๆ ไปตามเงื่อนไขและเหตุปัจจัยของแต่ละประเทศ แต่ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาพยายามหันมาใช้ “ดอลลาร์เป็นอาวุธ” ภายใต้ระบบเศรษฐกิจของอเมริกาเองนั่นแหละ กลับต้องเจอกับภาวการณ์สูญเสียส่วนแบ่งตลาด สูญเสียอิทธิพลทางการค้า รวมทั้งความตกต่ำ เสื่อมโทรมทางเทคโนโลยีและการประดิษฐ์คิดค้นลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคุณพี่จีนที่ออกจะมาแรงแซงโค้ง ยิ่งเข้าไปทุกที...
ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ แต่โดยคำทำนาย หรือคำพยากรณ์ ของผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน”จึงออกจะมี “น้ำหนัก” มิใช่น้อย และถ้าหากทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไป “ตามนั้น”ขึ้นมาจริงๆ ก็คงแทบไม่ต้องเสียเวลางัดเอาจรวด งัดเอาบ้องข้าวหลามยักษ์ใดๆ ออกมา “บึ้มม์ม์ม์”ออกมาตูมตามใส่กันและกันในทุกๆ แนวรบเอาเลยก็ไม่แน่!!! คือแค่รอเวลาให้คุณพ่ออเมริกาท่าน “เหี่ยวปลาย”ลงไปเอง จะภายในช่วงสิบปีข้างหน้า หรือช่วงใดๆ ก็แล้วแต่ โอกาสที่โลกทั้งโลกจะถูกปรับเปลี่ยนจาก “หลังตีน”มาเป็น “หน้ามือ”หรือจาก “โลกแบบขั้วอำนาจเดียว”มาเป็น “โลกแบบหลายขั้วอำนาจ”อันถือเป็น “แก่นสาระทางยุทธศาสตร์” ที่ทำให้มหาอำนาจคู่แข่งของอเมริกา อย่างจีนและรัสเซีย พร้อมที่จะผนึกกำลังกันในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ ไปจนการทหาร ระดับพร้อมประดิษฐ์คิดค้น “อาวุธไฮเทค”ร่วมกันเอาเลยถึงขั้นนั้น ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงเอามากๆ ชนิดแม้แทบไม่น่าเชื่อ...แต่คงต้องเชื่อกันจนได้...นั่นแล...
