อย่างที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละทั่น...ว่าในบรรดา “แนวรบ” ทั้งหลาย ไม่ว่ายุโรปตะวันออก ทะเลจีนใต้ น่าจะไม่มีอะไรร้อนฉ่า ร้อนแรง เท่ากับ “แนวรบตะวันออกกลาง” อันเนื่องมาจากความเป็นศัตรูคู่กัด-คู่อาฆาต ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ที่วางเดิมพันไว้ถึงขั้น...อาจต้อง “ลบประเทศออกจากแผนที่” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
ดังนั้น...ระหว่างที่ผลการเจรจาเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่กรุงเวียนนารอบที่ 7 โดยตัวแทนรัฐบาลอเมริกันและอิหร่านรวมทั้งบรรดาประเทศที่อยู่ร่วมในข้อตกลง อย่างจีน รัสเซีย ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมนี ยังไม่รู้จะออกหัว ออกก้อย ออกหมู่ ออกจ่า หรือออกสารวัตรกันแน่ อาจต้องรออีกสักประมาณสัปดาห์ ข่าวคราวการเดินทางไปเยือนอเมริกาของรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล “พลเอกเบนนี แกนต์ซ” (Benny Gantz) จึงถูกสรุปออกมาประมาณว่า หลังจากที่ได้พบปะเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ว่าตั้งแต่รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศ ไปจนถึงที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว การปรึกษาหารือของฝ่ายอิสราเอลในกรณีคิดจะโจมตี เล่นงานอิหร่าน ด้วยกำลังทหาร แทนที่จะมัวนั่งเจรจาเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ ต่อไปเรื่อยๆ จึงไม่ได้ถูกคัดค้าน หรือ “No Veto” โดยฝ่ายสหรัฐฯ เอาเลยแม้แต่น้อย...
แถมยังมีข่าวล่า-มาเรือ ข่าวปล่อย ข่าวปลอม หรือข่าวประเภทใดก็แล้วแต่ ถึงความร่วมไม้-ร่วมมือของคุณพ่ออเมริกาและอิสราเอล ในการเตรียมพร้อมทางทหาร การซ้อมรบร่วม ไปจนถึงการส่งมอบ “อภิมหาระเบิด” แบบประเภทสามารถเจาะทะลวงทำลายลงไปยังใต้พื้น ใต้อุโมงค์ หรือ “Bunker-Buster” ของกองทัพอเมริกันให้กับกองทัพอิสราเอลอีกด้วยต่างหากเพื่อเอาไว้เจาะทะลวงโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หรือโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน แบบไหน อย่างไร ก็ยังมิอาจสรุปได้ โดยจะถือเป็นการ “เกทับ-บลัฟแหลก” หรือการ “เงื้อง่าราคาแพง” ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยข่าวคราวทำนองนี้ จึงทำให้ฉากสถานการณ์ในแนวรบตะวันออกกลาง จึงค่อนข้างร้อนฉ่า ร้อนแรงกว่าแนวรบด้านอื่นๆ ที่น่าจะหนักไปทาง “ยั่วยวนกวนส้นตีน” กันต่อไปเรื่อยๆ โอกาสถึงขั้นจะลงมือ ลงตีน สาด “บ้องข้าวหลามยักษ์” ใส่กันและกัน ยังไม่น่าจะไปไกลถึงขั้นนั้น...
คืองานนี้...ต้องเรียกว่า คุณพ่ออเมริกาท่านออกจะ “เล่นเป็น” อยู่พอสมควรเหมือนกัน หรืออาจพอรับรู้ “ความในใจลึกๆ” ของบรรดาลูกหลานกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอนทั้งหลาย ว่าคงรู้สึกคันยุกยิก คันคะเยอ มิใช่น้อย ต่อท่าทีของรัฐบาลอเมริกันยุคใหม่ของ “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” ที่ต่างไปจากยุค “ทรัมป์บ้า” แบบคนละเรื่อง คนละม้วน ในการหวนกลับไปเจรจาข้อตกลง “JCPOA” กับอิหร่านอีกครั้ง ดังนั้น...การอาศัยศัตรูคู่กัดอย่างอิสราเอลเป็นตัวสร้าง “แรงกดดัน” หรือกระทั่งไปสู่การ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” แทนที่ต้องเป็นผู้ลงมือจุดชนวนดังกล่าวด้วยตัวเอง ต้องถือเป็นลีลา หรือเป็นสไตล์ของคุณพ่ออเมริกา มาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้ง 1 ครั้งที่ 2 มาโดยตลอดก็ว่าได้...
เหมือนอย่างที่ “ผู้เฒ่าโจ” ท่านออกมาคุยโม้ คุยโว เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หรือช่วงเฉลิมฉลองเทศกาล “Hanukkah” ของชาวยิว เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานั่นแหละว่า ท่านใกล้ชิดสนิทสนมกับบรรดาผู้นำอิสราเอลมาตั้งแต่ “ตีนยังเท่าฝาหอย” หรือตั้งแต่ยังหนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว อะไรประมาณนั้น ถึงขั้นเคยเป็น “ผู้ประสานงาน” ให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของอิสราเอลอย่าง “นางโกลดา แมร์” (Golda Meir)กับประเทศอียิปต์ในกรณีความขัดแย้งเรื่องคลองสุเอซ เอาเลยถึงขั้นนั้น จริง-ไม่จริง สมรักษ์-ไม่สมรักษ์ คงต้องไป “จับผิด” เอาเองก็แล้วกัน แต่อาจถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการ “เข้าถึง-เข้าใจ” ต่ออารมณ์รู้สึกที่ค่อนข้างหงุดหงิด งุ่นง่าน ของผู้นำอิสราเอลในกรณีดังกล่าว อยู่แล้วแน่ๆ...
ด้วยเหตุนี้...การประกาศเตรียมโจมตีอิหร่านของกองทัพอิสราเอล และการเตรียม “ทางเลือก” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ถ้าหากการเจรจาทางการทูตระหว่างอเมริกาและอิหร่านประสบความล้มเหลว จึงเป็นทั้งการสร้าง “แรงกดดัน” ให้กับอิหร่าน หรืออาจไปไกลถึงขั้น “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ โดยเฉพาะขณะที่ประเทศอเมริกากำลังประสบปัญหาภายในระดับหนักหนา-สาหัส ไปด้วยกันทั้งสิ้น ชนิดที่อาจต้องอาศัย “สงคราม” เท่านั้น เป็นทางออก ทางรอด แต่ก็นั่นแหละการคิดจะเล่นงานประเทศพี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน ก็คงไม่ต่างไปจากการ “เล่นกับไฟ” นั่นเอง โอกาสลุกไหม้ เผามือ เผาไม้ ตัวเอง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรืออย่างที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ได้ออกมาให้ข่าวเอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่า ใครก็ตามที่คิดใช้ความก้าวร้าว รุนแรง กับอิหร่าน คงต้อง “จ่ายราคาแพง” ชนิดหูฉี่ หูลี่ เอาเลยถึงขั้นนั้น...
เพราะอิหร่านวันนี้กับอิหร่านครั้งต้องรบกับอดีตผู้นำอิรักอย่าง “ซัดดัม ฮุสเซน” นั้น...ต้องเรียกว่าแตกต่างกันชนิดคนละเรื่อง คนละม้วน แค่การเปิดเผย เปิดผ้าม่านกั้ง ให้เห็นถึง “เมืองจรวด” (Missile City) ที่ขุดลึกลงไปใต้ดิน ชนิดระเบิด “Bunker-Buster” อาจทะลวงลงไปไม่ถึง อันเต็มไปด้วยจรวดไม่รู้กี่หมื่น กี่แสนลูก แถมจรวดแต่ละลูกของอิหร่านช่วงหลังๆ ออกจะเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่ากลัว เอามากๆ ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่ “Shahab-3”, “Ghadr-1”, “Qiam-1” ไปจนถึงล่าสุดคือ “Zuljanah” ที่เพิ่งประกาศความสำเร็จในการทดสอบ ทดลอง ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่เอง ฯลฯ ฯลฯ รวมไปถึงอาวุธแบบใหม่ ระบบป้องกันภัยทางอากาศชนิดใหม่ ที่ถูกประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเอง แต่อาจมีศักยภาพไม่น้อยไปกว่า “S-300”, “S-400” ของรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่ นั่นยังไม่รวมไปถึงเครื่องบินโดรน หรืออากาศยานไร้คนขับ ที่สามารถบรรทุกระเบิดเป็นสิบๆ ร้อยๆ โลไปหย่อนใส่หัวกบาลฝ่ายตรงข้ามได้ไม่ยากส์ส์ส์ ฯลฯ ฯลฯ...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่อดีตเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของกองทัพอิสราเอล ต้องสรุปเอาไว้ประมาณว่าปัญหาของการเล่นงานอิหร่าน ไม่ได้อยู่ที่ “การโจมตี” แต่อยู่ที่ “การตอบโต้” นั่นแหละมากกว่า หรือจะหาทางรับมือกับการ “แก้แค้น-เอาคืน” กันในลักษณะไหน??? โดยเฉพาะเมื่อภูมิรัฐศาสตร์ของอิหร่าน มีส่วนช่วยให้เกิดการควบคุมการลำเลียงและขนส่งพลังงานอย่างน้ำมันและแก๊ส แทบจะทั่วทั้งภูมิภาคเอาเลยก็ว่าได้ ยิ่งในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งปรู๊ดๆ ปร๊าดๆ ไปถึง 80 กว่าดอลลาร์บาร์เรลเข้าไปแล้ว ใกล้จะถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล การโจมตีอิหร่านไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด หรือไม่ว่า ณ อาณาบริเวณพื้นที่ส่วนหนึ่ง ส่วนใด ก็แล้วแต่ อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งพรวดๆ พราดๆ ทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ไปถึง 200-300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเอาเลยก็ไม่แน่!!!
และนั่นเอง...ที่อาจส่งผลให้ประเทศที่กำลังต้องเจอกับ “ภาวะเงินเฟ้อ” ระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี หรือระดับ 62 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แถมยังไม่ใช่แค่ภาวะ “ชั่วครั้ง-ชั่วคราว” ไม่ใช่แค่ “Transitory” ส่วนจะเป็น “Short-Lives” หรือ “Long-Lives” ก็แล้วแต่จะว่ากันไป อย่างเช่นประเทศคุณพ่อเมริกาทุกวันนี้ ย่อมหนีไม่พ้นที่คงต้อง “จ่ายราคาแพง” ชนิดหูฉี่ หูลี่ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย แม้จะไม่ได้เป็นผู้ลงมือจุดชนวน จุดไฟสงครามครั้งนี้ด้วยตัวเองก็เถอะ ส่วนบรรดาประเทศเล็ก ประเทศน้อย ที่แทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยเลย แต่โอกาสที่อาจต้องพลอย “ซวยไปด้วย” ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งเข้าไปทุกที....