1
“เอาละ เล่ามาให้หมด หลังจากออกจากสนามรบที่เซกิงาฮาระแล้ว เจ้าไปทำอะไรที่ไหนมาบ้าง เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้”
มาตาฮาจิกลัวแม่เป็นที่สุด เจ้าหนุ่มไม่เคยกล้าหืออืออะไรเลยมาตั้งแต่จำความได้ แม้จะตามใจตนอย่างสุด ๆ กว่าแม่บ้านอื่น แต่นางจะขุดเอาเรื่องของบรรพบุรุษขึ้นมาปรามทุกครั้งที่เขาทำอะไรไม่เข้าท่า เจ้าทำอย่างนี้ท่านปู่จะเสียใจ ท่านชวดจะผิดหวัง วิญญาณของท่านเชียดจะไม่เป็นสุข และทุกครั้งที่โดนเข้าอย่างนี้ เจ้าหนุ่มก็ไม่มีปัญญาที่จะโงหัวขึ้นมาขัดขืน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน มาตาฮาจิไม่คิดที่จะปกปิด
“จ้ะแม่”
ว่าแล้วมาตาฮาจิก็เล่าเรื่องราวให้แม่กับอากงญาติผู้ใหญ่คนสำคัญฟังอย่างละเอียดทุกช่วงตอน สรุปคร่าว ๆ ได้ว่า ตั้งแต่กองทัพเจ้าครองแคว้นที่ตนกับทาเกโซเพื่อนรักแต่เยาว์วัยไปสมัครเข้าร่วมรพ แพ้สงครามที่เซกิฮาระและกอดคอกันหนีหัวซุกหัวซุนไปซ่อนตัวอยู่แถวอิบุกิ ได้พบกับโอโคสาวใหญ่แก่แม่ปลาช่อน เกิดหลงเสน่ห์นางและต้องทนอยู่กินกับนางมาด้วยความขื่นขมหลายปีกว่าจะหาทางแยกตัวเป็นอิสระมาได้ ตอนนี้ตนสำนึกผิดแล้วและตั้งใจจะทำตัวเป็นคนดีต่อไป
พอได้ระบายเรื่องราวยืดยาวโดยละเอียดจนจบ มาตาฮาจิก็รู้สึกเบาตัว เหมือนได้สำรอกเอาสิ่งที่ทับถมอยู่ในท้องไส้จนเน่าเหม็นออกมาจนหมดสิ้น
“อืม...” อากงคราง
“มาตาฮาจิ...เจ้านี่มันเด็กเหลือขอจริง ๆ เลย”
โอซือทำเสียงจึ๊กจั๊กในปากด้วยความขัดใจ
“แล้วตอนนี้เจ้าทำอะไรอยู่ฮึ แต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูดีอยู่ หรือว่าได้ตำแหน่งหน้าที่สำคัญอะไรในปราสาท”
“ใช่” มาตาฮาจิเผลอหลุดปากออกไปแล้วก็รีบแก้เป็นพัลวัน
“เปล่าคือ ข้ายังไม่ได้ตำแหน่งใหญ่โตอะไรที่นั่น”
“อ้าว แล้วทำอะไรกิน”
“ก็สอนวิชา...วิชาดาบไง”
“โอ้โฮ เก่งขนาดนั้นเลยรึ”
แม่เฒ่าโอซูงิยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้เจอหน้าลูกชาย
“ต้องอย่างนี้ซี แต่แรกก็ผิดหวังคิดว่าไปหมกมุ่นอยู่กับไก่แม่ปลาช่อนนั้นอยู่หลายปีศักดิ์ศรีคงจะเสื่อม แต่ที่ไหนได้เจ้ากลับหาเวลาฝึกฝนวิชาดาบจนถึงชั้นครูมีลูกศิษย์ลูกหา สมเป็นลูกข้าจริง ๆ ทีนี้ข้าก็ไม่ต้องอายบรรพบุรุษของเราแล้ว จริงไหมอากง”
อากงผงกหัวหงึก ๆ แสดงความเห็นด้วย และพลอยดีใจเมื่อเห็นแม่เฒ่าอารมณ์ดี
“จริง...นายแม่ มาตาฮาจิถ่ายทอดเลือดบรรพบุรุษตระกูลฮนอิเด็นของเราเอาไว้เต็มตัว ถึงจะพลั้งเผลอหลงระเริงไปกับโลกียวิสัยบ้างก็เป็นเพราะธรรมชาติของคนวัยหนุ่ม แต่ที่น่าชมเชยก็คือหลานข้าไม่ได้ลืมจิตวิญญาณของตระกูลนักรบเลย”
“มาตาฮาจิ”
“จ๊ะแม่”
“เจ้าไปเล่าเรียนวิชาดาบกับใคร”
“อาจารย์ของข้าชื่อคาเนมากิ จิไซ น่ะแม่”
“งั้นเชียวรึ ท่านคาเนมากิ จิไซ คนนี้ข้าได้ยินมาว่ามีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในยุทธจักรทีเดียวนา”
พอเห็นแม่ดีใจกับคำโอ้อวดของตนจนออกนอกหน้า มาตาฮาจิก็ยิ่งได้ใจอยากให้แม่ดีใจขึ้นไปอีกขึงล้วงเอาใบปริญญาบัตรที่ใส่ไว้ในอกเสื้อออกมาอวด แต่เอานิ้วปิดบรรทัดสุดท้ายที่เขียนชื่อ ซาซากิ โคจิโร เอาไว้บรรทัดหนึ่ง
“นี่ไง ดูเสียให้เห็นกับตา” เจ้าหนุ่มจับใบปริญญาบัตรส่องให้เห็นชัด ๆ กับแสงโคมไฟ
“ไหน ๆ ขอดูหน่อยสิ”
แม่เฒ่ายื่นมือมาจะรับไปดูแต่ลูกชายไม่ส่งให้
“ดูนี่เลยแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าแล้ว”
“จริง ๆ ด้วย” แม่เฒ่าพยักหน้าด้วยความพอใจ
“อากงเห็นหรือยัง มีใบปริญญารับรองเป็นเรื่องเป็นราว น่าภูมิใจแท้ มาตาฮาจิมีแววกว่าทาเกโซและเด็ก ๆ แถวนั้นมาตั้งแต่เล็ก แล้วว่าจะเติบโตขึ้นมาได้ดิบได้ดีในเชิงดาบ”
แม่เฒ่าพูดพลางหัวเราะพลางด้วยความดีใจจนน้ำลายแทบจะหก และระหว่างนั้นเองมือของมาตาฮาจิที่จับม้วนใบปริญญาอยู่เกิดเลื่อนลงไป และแม่เฒ่าโอซูงิเหลือบไปเห็นบรรทัดสุดท้ายเข้าพอดี
“เอ๊ะ ช้าก่อน ตรงนี้เขียนชื่อผู้รับใบปริญญานี้ว่า ซาซากิ โคจิโร”
“อ๋อ นั่นมันนามแฝงที่ข้าใช้เป็นทางการในสำนักดาบ”
“นามแฝงรึ ทำไมถึงต้องใช้นามแฝงด้วย ชื่อฮนอิเด็น มาตาฮาจิ ดีไม่พอสำหรับเจ้าหรือยังไงฮึ”
“ข้าจำเป็นต้องใช้นามแฝงนะแม่ เพราะชีวิตความเป็นอยู่ไม่ค่อยดี ไม่อยากให้บรรพบุรุษพลอยเสียชื่อไปด้วย”
“งั้นรึ เจ้าก็คิดรอบคอบดีเหมือนกัน เอาละ เจ้าคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่หมู่บ้านของเราหลังจากที่เจ้าหายหัวไป ข้าจะเล่าให้ฟัง เจ้าจงตั้งใจฟังให้ดีเพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก”
พอเกริ่นจบแม่เฒ่าโอซูงิก็เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านมิยาโมโตะ โดยเลือกถ้อยคำและใช้น้ำเสียงที่จะกระตุ้นให้มาตาฮาจิฮึกเหิมขึ้น เมื่อพูดถึงการที่ตระกูลฮนอิเด็นถูกทาเกโซหยามน้ำหน้าด้วยการชิงเอาโอซือว่าที่สะใภ้ของตระกูลไป ซึ่งทำให้ตนกับอากงซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่คนสำคัญต้องออกเดินทางตามหาคนทั้งสองเพื่อล้างแค้นมานานหลายปีเต็มทน แม่เฒ่าตั้งใจว่าจะทำใจแข็งไม่ใส่อารมณ์ แต่เล่าไปเล่าไปก็ต้องสูดจมูกหลายครั้ง น้ำตาเปียกตาจนพร่าพรายหลายครา
2
มาตาฮาจินั่งก้มหน้าสงบเสงี่ยมนิ่งฟังแม่เฒ่าเล่าเรื่องราวเป็นคุ้งเป็นแควดูแล้วก็เป็นลูกที่ดีคนหนึ่ง
แต่จุดใหญ่ในความของเรื่องที่แม่เฒ่าเล่านั้น เน้นไปที่ จิตวิญญาณของซามูไร ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล หน้าตาของคนในครอบครัว และเสียงเล่าเสียงลือของคนในชุมชนไปเสียทั้งนั้น ไม่ได้สนใจใยดีกับความรู้สึกของลูกชายเอาเสียเลย
มาตาฮาจิเพิ่งรู้ว่าโอซือที่เป็นคู่หมายกันมาตั้งแต่เด็กนั้นเปลี่ยนใจ ไม่ได้รักเขาแล้ว
“เรื่องโอซือน่ะ จริงหรือแม่”
แม่เฒ่าโอซูงิเห็นสีหน้าของมาตาฮาจิเปลี่ยนไปก็เข้าใจผิด คิดว่าลูกชายฮึกเหิมขึ้นกับคำกระตุ้นเตือนเรื่องเกียรติยศเกียรติ ภูมิของวงตระกูล จึงได้ทีเสริมต่อ
“ไม่เชื่อก็ถามอากงดูสิว่าจริงไหม นางโอซือทำงามหน้าหนีตามเจ้าทาเกโซไปนะเจ้า แต่จะพูดให้ถูก เจ้าทาเกโซวายร้ายนั่นแหละที่เป็นตัวการ หนอยแน่ะ พอรู้ว่าเจ้าจะไม่กลับที่หมู่บ้านอีกนาน มันก็หลอกล่อโอซือด้วยคำหวานเชิดเอานางไปเสียอย่างนั้น ไม่ได้เห็นแก่หน้าข้าเลย จริงไหมอากง”
“ใช่ ตอนที่ทาเกโซถูกพระทากูอันจับมัดแขวนไว้กับต้นซูงิที่วัดชิปโปจิ มันอ้อนวอนใช้โอซือแอบแก้มัดช่วยให้มันหนี แล้วก็เลยหนีตามกันไป ไม่ได้รักใคร่อะไรกันนักหนา ใคร ๆ เขาถึงว่าไปกันอย่างนี้คงอยู่กันไม่ยืดหรอก”
มาตาฮาจินั้นตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับทาเกโซเพื่อนวัยเด็กคนนี้และมีปมด้อยอยู่ในใจมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอได้ยินเรื่องโอซือความรู้สึกนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้นอีก
แม่เฒ่าได้โอกาสที่จะว่าร้ายทาเกโซที่เป็นคู่ปรปักษ์ จึงลงแซ่ซ้ำเข้าไปอีก
“มาตาฮาจิ รู้ไหมว่าทำไมข้ากับอากงถึงต้องหอบสังขารจากบ้านเกิดเมืองนอน รอนแรมมาต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้ ข้าสาบานไว้ว่าหากตัดหัวเจ้าทาเกโซที่แย่งคู่หมายของลูกชายไป กับนางโอซือที่หยามน้ำหน้าตระกูลฮนอิเด็น มาสังเวยความแค้นไม่ได้ ข้าก็ไม่มีหน้าที่จะกลับไปเผชิญกับบรรพบุรุษที่ห้องพระ และชาวบ้านร้านถิ่นที่หมู่บ้านเรา มาตาฮาจิเจ้าจงรู้ไว้ว่า แค้นนี้จะต้องชำระด้วยการตัดหัวไอ้อีทั้งสองเท่านั้น”
“ข้าเข้าใจ เข้าใจดีด้วย”
“เจ้าก็เหมือนกัน เจ้ายังกลับหมู่บ้านไม่ได้จนกว่าจะล้างแค้นไอ้อีสองคนนั่น”
“ข้าไม่กลับ ข้าจะไม่กลับไปที่นั่นอีก”
“แต่เจ้าก็ต้องแก้แค้น เพราะไอ้อีสองคนนั่นเป็นศัตรูหัวใจของเจ้า”
“แน่นอน”
“คำตอบของเจ้าไม่หนักแน่นเลยนะ ไม่แน่ใจละซี คงคิดว่าตัวเองไม่มีฝีมือพอจะบั่นคอเจ้าทาเกโซได้ละมัง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกแม่”
อากงสอดขึ้นว่า “ไม่ต้องกลัวนะ อาคอยช่วยอยู่”
“ข้าด้วย”
“เราแก้แค้นโอซือกับทาเกโซ หิ้วหัวของมันกลับไปฝากคนที่หมู่บ้านด้วยกันเถอะนะมาตาฮาจิ จากนั้นข้าก็จะช่วยหาเจ้าสาวให้เจ้าจะได้สร้างครอบครัวให้เป็นหลักเป็นฐานสืบสกุลฮนอิเด็นต่อไป ฝีมือดาบชั้นครูของเจ้าก็จะช่วยเชิดชูเกียรติให้เป็นที่เคารพนับถือของคนในหมู่บ้าน ใคร ๆ ก็รู้ว่าในท้องถิ่นโยชิโนะอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านยามาโมโตะของเรา ไม่มีตระกูลไหนจะเหนือไปกว่าฮนอิเด็นอีกแล้ว”
“เข้าใจที่อากงพูดนะ มาตาฮาจิ”
“จ้ะ แม่”
“มาตาฮาจิเจ้าเป็นเด็กดี อากงชมหลานหน่อยซี หลานสัญญาแล้วนะว่าจะล้างแค้นเจ้าทาเกโซกับนางโอซือ”
แม่เฒ่ายินดีเป็นล้นพ้นที่หว่านล้อมลูกชายได้สำเร็จ และขยับตัวลุกจากพื้นที่เย็นเยียบเป็นน้ำแข็งมานาน
“โอ๊ย เจ็บ”
“นายแม่ เป็นอะไรหรือ”
“ก็หนาวจะตายอยู่แล้ว สงสัยว่าตะคริวจะกิน เจ็บทั้งท้องน้อยตรงนี้ และก็ที่เอวด้วย”
“แย่แล้ว โรคเก่ากำเริบ”
มาตาฮาจิลุกขึ้นหันหลังให้และบอกว่า
“ขี่หลังข้าสิแม่”
“อะไรนะ มาตาฮาจิ นี่เจ้าจะให้ข้าขี่หลังงั้นรึ”
แม่เฒ่าจับไหล่ทั้งสองของลูกชาย พลางน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความปลื้มปิติ
“นานเท่าไรแล้วไม่รู้ที่ไม่ได้ขี่หลังลูก อากง ดูซิ มาตาฮาจิจะให้ข้าขี่หลัง เห็นไหม”
มาตาฮาจิพลอยตื้นตันใจไปด้วยไปด้วยเมื่อน้ำตาอุ่น ๆ ของแม่ตกลงบนไหล่
“อากงพักอยู่ที่ไหน”
“ยังไม่มีที่พักเลย กำลังจะหาอยู่นี่แหละ ที่ไหนก็ได้”
“ตกลง”
แม่เฒ่าโอซูงิดูเป็นสุขขณะที่ตัวสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะที่มาตาฮาจิก้าวเดิน
“แม่ตัวเบามาเลย เบ๊า เบา เบากว่าก้อนหินมากเลยแม่”