นวนิยายอิงประวัติศาสตร์
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
ณ ชายขอบเมืองท้ายปราสาทฮิเมจิ
ทาเกโซเฝ้าคอยโอซืออยู่ที่ใต้สะพานฮานาดะบางวันก็ขึ้นมายืนรออยู่ข้างบน
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงยังไม่มา”
เจ็ดวันผ่านไปหลังให้สัญญาก่อนจากกันแต่โอซือก็ยังไม่มาให้เห็นหน้า ไหนว่าร้อยวันพันวันก็จะรออยู่ที่นี่ยังไงเล่า
อันทาเกโซนั้นเมื่อให้สัญญาไว้แก่ใครแล้วจะไม่มีวันบิดพลิ้วหรือลืมเลือนและนี่ก็คอยอยู่จนอ่อนใจแล้ว เจ้าหนุ่มมุ่งมายังปราสาทฮิเมจิทันทีที่รู้ว่าโอกินพี่สาวถูกพาตัวมาที่นี่ และพอมาถึงก็ออกเที่ยวตามหาว่าคุณพี่ของตนถูกขังอยู่ที่ไหน ดังนั้นคราใดที่ไม่ซุ่มคอยโอซืออยู่แถวสะพานฮานาดะ เจ้าหนุ่มก็เอาเสื่อฝางขาดกะรุ่งกะริ่งคลุมตัวอย่างกับยาจกเดินขอทานไปทั่ว
“โอ๊ะ ได้ตัวแล้ว ทาเกโซ”
“เฮ้ย”
เสียงดังทักดังลั่นทำเอาทาเกโซสะดุ้งสุดตัว และยังไม่หายตกใจที่มีคนจำได้ทั้ง ๆ ที่คิดว่าปลอมเนื้อปลอมตัวมาดีแล้ว หลวงพี่คนหนึ่งก็วิ่งตรงเข้ามาคว้าแขน
“มานี่”
หลวงพี่ที่จับแขนทาเกโซเอาไว้แน่นก็คือพระทากูอันนั่นเอง
“เร็วเข้า อย่าให้ต้องถึงกับฉุดกระชากลากถู”
ทาเกโซไม่รู้ว่าหลวงพี่จะพาไปไหนแต่อารามตกใจจึงไม่คิดที่จะขัดขืนได้แต่เดินตามไปอย่างงง ๆ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะถูกขึ้นไปแขวนอยู่บนต้นไม้อีกหรือว่าถูกส่งเข้าคุกกันแน่
แต่ก็คิดว่าถูกจับเข้าคุกก็ดีเหมือนกันเพราะรู้ว่าคุณพี่ถูกจับมาขังไว้ที่คุกใต้ปราสาท สองพี่น้องจะได้เจอกันแล้วไปจุติอยู่บนดอกบัวดอกเดียวกัน...เจ้าหนุ่มเดินตามพระทากูอันพลางคิดว่า ไหน ๆ ตัวเราก็ไม่ควรค่าแก่การมีชีวิตต่อไปแล้ว อย่างน้อยการได้จากโลกไปพร้อมกับคุณพี่ก็นับว่าเป็นบุญนักหนาแล้วสำหรับทาเกโซ
ปราสาทฮิเมจิอันได้ชื่อว่าปราสาทแห่งนกกระยางขาวตั้งตระหง่าน เปล่งประกายความงามและแสนยานุภาพอยู่บนฐานหินล้อมรอบด้วยกำแพงขาว พระทากูอันเดินนำข้ามสะพานใหญ่ด้านหน้าปราสาท ตรงไปที่ประตูบานใหญ่ตอกหมุดเหล็กแข็งแกร่งปิดสนิทเป็นที่น่าเกรงขาม และพอเห็นนักรบซามูไรร่างกำยำถือทวนยืนยามอยู่ในหลืบเงาของบานประตู ทาเกโซเจ้าหนุ่มใจกล้ายังชะงัก
หลวงพี่ทากูอันกวักมือเร่ง
“เดินเร็ว ๆ หน่อยไม่ได้รึ”
ว่าแล้วก็เดินนำผ่านประตูหน้าเข้าไปจนถึงประตูปราสาทชั้นที่สอง
การเมืองของแว่นแคว้นนี้ยังไม่สงบนิ่ง บรรดานักรบในปราสาทผู้ครองนครยังตื่นตัวเตรียมรับการโจมตีของข้าศึกกันอยู่ตลอด เวลา พอไปถึงที่หมายพระทากูอันก็ร้องเรียกเจ้าพนักงาน
“อาตมาพาตัวมาแล้ว” และมอบตัวทาเกโซให้แก่เจ้าพนักงานคนนั้น พร้อมกับสำทับว่า
“ช่วยดูแลด้วย”
“ข...ขอรับ”
“...แต่เจ้าต้องระวังให้ดีนะ ลูกสิงโตตัวนี้เป็นสัตว์ป่าที่ยังไม่ได้ถอดเขี้ยวเล็บ ต้องจับต้องให้ถูกจังหวะขืนผลีผลามทำอะไรพลาดไปจะถูกกัดทันที”
พระทากูอันพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนเดินผ่านประตูที่สองตรงไปยังตัวปราสาทที่อยู่ของผู้ครองนครโดยไม่ต้องมีคนนำทาง และหายเข้าไปในนั้น
อาจเป็นเพราะคำพูดของพระทากูอัน เจ้าพนักงานจึงไม่กล้าแตะต้องตัวทาเกโซ คนหนึ่งพยักหน้าบอกว่า
“มาทางนี้”
และพอเดินตามไปทาเกโซจึงรู้ว่าถูกพาไปอาบน้ำ เจ้าหนุ่มนึกฉงนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันแปลก ๆ อีกทั้งเคยหลงกลแม่เฒ่าที่ห้องอาบน้ำมาครั้งหนึ่งจนแทบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วก็ยิ่งขยาด จึงยืนกอดอกนิ่งคิดอยู่ตรงนั้น
“ข้าวางเสื้อผ้าเอาไว้ตรงนี้ อาบน้ำเสร็จแล้วเชิญสวมใส่ตามสบาย”
เจ้าพนักงานผู้น้อยว่าแล้วก็วางกิโมโนผ้าฝ้ายสีดำเอาไว้ให้ชุดหนึ่งแล้วเดินกลับไป ทาเกโซมองลงไปก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อพบว่านอกจากชุดกิโมโนที่พับเอาไว้เรียบร้อยแล้วบนนั้นยังมีเครื่องใช้ประจำตัวซามูไร คือ กระดาษ พัด ดาบและมีดสั้นที่แม้จะดูไม่ใช่ของดีมีค่า วางอยู่พร้อมด้วย
2
ปราสาทนกกระยางขาวที่มีภูเขาฮิเมยามะเป็นฉากหลังแห่งนี้เป็นฐานที่ตั้งของกองทัพและที่อยู่ของอิเกดะ เทรูมาซะผู้ครองแคว้น พระทากูอันเข้าไปถึงชั้นในของปราสาทและลงนั่งพูดคุยกับจอมทัพอิเกดะนักรบร่างเล็กผิวกายมีรอยด่างดำศีรษะโกนเกลี้ยงที่นั่งเท้าแขนกับแท่นไม้มองออกไปในสวน
“หลวงพี่ทากูอัน นั่นน่ะรึที่ท่านบอก”
“นั่นแหละท่าน”
พระทากูอันพยักหน้า
“อย่างนี้นี่เอง หน้าตาไม่เลว ท่านมีเมตตามากที่ช่วยชีวิตเจ้าหนุ่มคนนี้เอาไว้”
“ไม่ใช่หรอกท่าน ที่ทาเกโซรอดชีวิตมาได้ก็เพราะบารมีของท่านต่างหาก”
“หลวงพี่ก็รู้ ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ของแคว้นนี้มีคนอย่างหลวงพี่อยู่บ้าง พลเมืองของแคว้นเราคงจะอยู่เย็นเป็นสุขกว่านี้ คนดีที่มีสติปัญญาและกำลังวังชาก็จะได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ที่ข้าลำบากใจอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพวกพนักงานเจ้าหน้าที่ของแคว้นเราปักใจคิดกันแต่ว่าหน้าที่ของตนคือเที่ยวจับคนร้ายมาตัดหัวอย่างเดียว”
ทาเกโซสวมกิโมโนผ้าฝ้ายสีดำใหม่เอี่ยม ถูกเรียกให้มานั่งอยู่บนระเบียงที่ยื่นออกไปเหนือสวนต่อหน้าผู้ครองแคว้น เจ้าหนุ่ม วางมือทั้งสองไว้บนตักและหลุบตาลงต่ำ
“เจ้าชื่อชินเม็น ทาเกโซรึ”
เทรูมาซะผู้ยิ่งใหญ่แห่งแว่นแคว้นเอ่ยถาม
“ขอรับ”
“ตระกูลชินเม็นแยกแขนงมาจากตระกูลอากามัตสึ และเจ้าคงรู้ว่าในอดีตมาซาโนริจอมทัพแห่งตระกูลอากามัตสึเคยเป็นผู้ครองปราสาทนกกระยางขาว และครั้งนี้ข้าคิดว่าคงมีอะไรสักอย่างที่ชักนำให้คนเชื้อสายตระกูลอากามัตสึหวนกลับมายังปราสาทของบรรพบุรุษ”
“... ... ...”
ทาเกโซรู้ตัวอยู่เสมอมาว่าตนเป็นคนทำให้ชื่อเสียงของบรรพบุรุษแปดเปื้อน เจ้าหนุ่มไม่ได้เกรงกลัวเทรูมาซะ แต่คำพูดของผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเสียดแทงเข้าไปกระทบความรู้สึกที่ฝังอยู่ในใจ ทำให้เกิดความละอายเป็นที่สุด
“แต่...!”
เทรูมาซะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแข็งกร้าว
“การกระทำของเจ้าร้ายกาจเหลือเกิน”
“ขอรับ”
“ควรแก่การลงโทษ”
“... ... ...”
เทรูมาซะหันหน้าไปทางพระทากูอัน
“หลวงพี่ทางกูอัน จริงหรือไม่ที่ว่าอาโอกิ ทันซาเอมอน เจ้าหน้าที่ของข้าได้ไปให้สัญญากับท่านโดยที่ไม่ได้ขอความเห็นจากข้าว่า ถ้าท่านจับทาเกโซคนนี้ได้ก็ให้ท่านจัดการลงโทษเอง”
“เรื่องนี้อาตมาคิดว่า ท่านควรไปสืบสวนเอาความจริงจากท่านทันซาเอมอนจะได้เรื่องชัดเจนดีกว่า”
“ข้าถามแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านคิดว่าพระทากูอันพูดเท็จรึ”
“เอาละ เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายให้การตรงกัน ทันซาเอมอนเป็นบริวารของข้า สัญญาของนั้นบริวารก็เท่ากับเป็นสัญญาของข้า และตามสัญญานี้ถึงข้าจะเป็นผู้ครองแคว้นก็จริงแต่ข้าก็ไม่มีสิทธิที่จะลงโทษทาเกโซได้ ถึงได้ตัวมาแล้วก็ต้องปล่อยไป จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลวงพี่ทากูอันว่าจะจัดการลงโทษอย่างไร”
“อาตมาก็ตั้งใจเอาไว้เช่นนั้น”
“หลวงพี่จะทำอย่างไรรึ”
“ทำให้ทาเกโซได้รู้สึกถึงความทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิต”
“ด้วยวิธีใด”
“อาตมาได้ยินเขาลือกันว่าบนหอสังเกตการณ์ยอดปราสาทนกกระยางขาว มีห้องปิดตายอยู่ห้องหนึ่ง”
“มี”
“และตอนนี้ก็ยังปิดตายอยู่อย่างนั้นรึ”
“ใช่ ไม่มีใครใช้ทำอะไร พวกพนักงานเจ้าหน้าที่ดูเหมือนไม่มีใครอยากเปิดเข้าไป คิดว่าคงจะปิดตายอยู่อย่างนั้น”
“อาตมาคิดว่านั่นเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ปราสาทของเทรูมาซะจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแห่งอาณาจักรโทกูงาวะไม่ควรมีห้องมืดไร้แสงสว่างแม้แต่ห้องเดียว”
“ท่านพูดอะไรแปลก ๆ ข้าไม่เคยคิด”
“ท่านจะไปรู้อะไร เรื่องแบบนี้พลเมืองของท่านมองว่าเป็นศักดิ์ศรีของผู้ครองนครกันทั้งนั้น อาตมาว่าท่านควรทำให้ห้องนั้นมีแสงสว่างดีกว่า”
“หือ...ข้ายังงง”
“ไม่เป็นไร อาตมาขอยืมห้องบนหอสังเกตการณ์ห้องนั้นเป็นที่คุมขังทาเกโซจนกว่าจะพ้นโทษ...ทาเกโซ เข้าใจนะ”
“ฮะ ฮะ ฮะ ตกลง”
เทรูมาซะหัวเราะชอบใจ
พระทากูอันเป็นเพื่อนร่วมนิกายเซ็นกับจริงเทรูมาซะดังที่ได้บอกกับอาโอกิ ทันซาเอมอนซามูไรหนวดปลาดุกตอนอยู่ที่วัด ชิปโปจิ
“เสร็จแล้วมาที่ห้องพิธีชานะท่าน”
“นี่อาตมาต้องดื่มชาเฝื่อน ๆ ที่ท่านชงอีกแล้วรึ”
“เลิกดูถูกกันได้แล้ว ระยะนี้ข้าเก่งขึ้นมาก วันนี้แหละเทรูมาซะจะแสดงให้ท่านดูว่าฝีมือไม่ใช่ย่อยอย่างที่คิด รีบมานะข้ารออยู่
เทรูมาซะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปข้างใน ถึงร่างจะเตี้ยแต่ความมีสง่าบารมีทำให้ดูใหญ่โตคับปราสาทนกกระยางขาว
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
ณ ชายขอบเมืองท้ายปราสาทฮิเมจิ
ทาเกโซเฝ้าคอยโอซืออยู่ที่ใต้สะพานฮานาดะบางวันก็ขึ้นมายืนรออยู่ข้างบน
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงยังไม่มา”
เจ็ดวันผ่านไปหลังให้สัญญาก่อนจากกันแต่โอซือก็ยังไม่มาให้เห็นหน้า ไหนว่าร้อยวันพันวันก็จะรออยู่ที่นี่ยังไงเล่า
อันทาเกโซนั้นเมื่อให้สัญญาไว้แก่ใครแล้วจะไม่มีวันบิดพลิ้วหรือลืมเลือนและนี่ก็คอยอยู่จนอ่อนใจแล้ว เจ้าหนุ่มมุ่งมายังปราสาทฮิเมจิทันทีที่รู้ว่าโอกินพี่สาวถูกพาตัวมาที่นี่ และพอมาถึงก็ออกเที่ยวตามหาว่าคุณพี่ของตนถูกขังอยู่ที่ไหน ดังนั้นคราใดที่ไม่ซุ่มคอยโอซืออยู่แถวสะพานฮานาดะ เจ้าหนุ่มก็เอาเสื่อฝางขาดกะรุ่งกะริ่งคลุมตัวอย่างกับยาจกเดินขอทานไปทั่ว
“โอ๊ะ ได้ตัวแล้ว ทาเกโซ”
“เฮ้ย”
เสียงดังทักดังลั่นทำเอาทาเกโซสะดุ้งสุดตัว และยังไม่หายตกใจที่มีคนจำได้ทั้ง ๆ ที่คิดว่าปลอมเนื้อปลอมตัวมาดีแล้ว หลวงพี่คนหนึ่งก็วิ่งตรงเข้ามาคว้าแขน
“มานี่”
หลวงพี่ที่จับแขนทาเกโซเอาไว้แน่นก็คือพระทากูอันนั่นเอง
“เร็วเข้า อย่าให้ต้องถึงกับฉุดกระชากลากถู”
ทาเกโซไม่รู้ว่าหลวงพี่จะพาไปไหนแต่อารามตกใจจึงไม่คิดที่จะขัดขืนได้แต่เดินตามไปอย่างงง ๆ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะถูกขึ้นไปแขวนอยู่บนต้นไม้อีกหรือว่าถูกส่งเข้าคุกกันแน่
แต่ก็คิดว่าถูกจับเข้าคุกก็ดีเหมือนกันเพราะรู้ว่าคุณพี่ถูกจับมาขังไว้ที่คุกใต้ปราสาท สองพี่น้องจะได้เจอกันแล้วไปจุติอยู่บนดอกบัวดอกเดียวกัน...เจ้าหนุ่มเดินตามพระทากูอันพลางคิดว่า ไหน ๆ ตัวเราก็ไม่ควรค่าแก่การมีชีวิตต่อไปแล้ว อย่างน้อยการได้จากโลกไปพร้อมกับคุณพี่ก็นับว่าเป็นบุญนักหนาแล้วสำหรับทาเกโซ
ปราสาทฮิเมจิอันได้ชื่อว่าปราสาทแห่งนกกระยางขาวตั้งตระหง่าน เปล่งประกายความงามและแสนยานุภาพอยู่บนฐานหินล้อมรอบด้วยกำแพงขาว พระทากูอันเดินนำข้ามสะพานใหญ่ด้านหน้าปราสาท ตรงไปที่ประตูบานใหญ่ตอกหมุดเหล็กแข็งแกร่งปิดสนิทเป็นที่น่าเกรงขาม และพอเห็นนักรบซามูไรร่างกำยำถือทวนยืนยามอยู่ในหลืบเงาของบานประตู ทาเกโซเจ้าหนุ่มใจกล้ายังชะงัก
หลวงพี่ทากูอันกวักมือเร่ง
“เดินเร็ว ๆ หน่อยไม่ได้รึ”
ว่าแล้วก็เดินนำผ่านประตูหน้าเข้าไปจนถึงประตูปราสาทชั้นที่สอง
การเมืองของแว่นแคว้นนี้ยังไม่สงบนิ่ง บรรดานักรบในปราสาทผู้ครองนครยังตื่นตัวเตรียมรับการโจมตีของข้าศึกกันอยู่ตลอด เวลา พอไปถึงที่หมายพระทากูอันก็ร้องเรียกเจ้าพนักงาน
“อาตมาพาตัวมาแล้ว” และมอบตัวทาเกโซให้แก่เจ้าพนักงานคนนั้น พร้อมกับสำทับว่า
“ช่วยดูแลด้วย”
“ข...ขอรับ”
“...แต่เจ้าต้องระวังให้ดีนะ ลูกสิงโตตัวนี้เป็นสัตว์ป่าที่ยังไม่ได้ถอดเขี้ยวเล็บ ต้องจับต้องให้ถูกจังหวะขืนผลีผลามทำอะไรพลาดไปจะถูกกัดทันที”
พระทากูอันพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนเดินผ่านประตูที่สองตรงไปยังตัวปราสาทที่อยู่ของผู้ครองนครโดยไม่ต้องมีคนนำทาง และหายเข้าไปในนั้น
อาจเป็นเพราะคำพูดของพระทากูอัน เจ้าพนักงานจึงไม่กล้าแตะต้องตัวทาเกโซ คนหนึ่งพยักหน้าบอกว่า
“มาทางนี้”
และพอเดินตามไปทาเกโซจึงรู้ว่าถูกพาไปอาบน้ำ เจ้าหนุ่มนึกฉงนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันแปลก ๆ อีกทั้งเคยหลงกลแม่เฒ่าที่ห้องอาบน้ำมาครั้งหนึ่งจนแทบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วก็ยิ่งขยาด จึงยืนกอดอกนิ่งคิดอยู่ตรงนั้น
“ข้าวางเสื้อผ้าเอาไว้ตรงนี้ อาบน้ำเสร็จแล้วเชิญสวมใส่ตามสบาย”
เจ้าพนักงานผู้น้อยว่าแล้วก็วางกิโมโนผ้าฝ้ายสีดำเอาไว้ให้ชุดหนึ่งแล้วเดินกลับไป ทาเกโซมองลงไปก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อพบว่านอกจากชุดกิโมโนที่พับเอาไว้เรียบร้อยแล้วบนนั้นยังมีเครื่องใช้ประจำตัวซามูไร คือ กระดาษ พัด ดาบและมีดสั้นที่แม้จะดูไม่ใช่ของดีมีค่า วางอยู่พร้อมด้วย
2
ปราสาทนกกระยางขาวที่มีภูเขาฮิเมยามะเป็นฉากหลังแห่งนี้เป็นฐานที่ตั้งของกองทัพและที่อยู่ของอิเกดะ เทรูมาซะผู้ครองแคว้น พระทากูอันเข้าไปถึงชั้นในของปราสาทและลงนั่งพูดคุยกับจอมทัพอิเกดะนักรบร่างเล็กผิวกายมีรอยด่างดำศีรษะโกนเกลี้ยงที่นั่งเท้าแขนกับแท่นไม้มองออกไปในสวน
“หลวงพี่ทากูอัน นั่นน่ะรึที่ท่านบอก”
“นั่นแหละท่าน”
พระทากูอันพยักหน้า
“อย่างนี้นี่เอง หน้าตาไม่เลว ท่านมีเมตตามากที่ช่วยชีวิตเจ้าหนุ่มคนนี้เอาไว้”
“ไม่ใช่หรอกท่าน ที่ทาเกโซรอดชีวิตมาได้ก็เพราะบารมีของท่านต่างหาก”
“หลวงพี่ก็รู้ ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ของแคว้นนี้มีคนอย่างหลวงพี่อยู่บ้าง พลเมืองของแคว้นเราคงจะอยู่เย็นเป็นสุขกว่านี้ คนดีที่มีสติปัญญาและกำลังวังชาก็จะได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ที่ข้าลำบากใจอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพวกพนักงานเจ้าหน้าที่ของแคว้นเราปักใจคิดกันแต่ว่าหน้าที่ของตนคือเที่ยวจับคนร้ายมาตัดหัวอย่างเดียว”
ทาเกโซสวมกิโมโนผ้าฝ้ายสีดำใหม่เอี่ยม ถูกเรียกให้มานั่งอยู่บนระเบียงที่ยื่นออกไปเหนือสวนต่อหน้าผู้ครองแคว้น เจ้าหนุ่ม วางมือทั้งสองไว้บนตักและหลุบตาลงต่ำ
“เจ้าชื่อชินเม็น ทาเกโซรึ”
เทรูมาซะผู้ยิ่งใหญ่แห่งแว่นแคว้นเอ่ยถาม
“ขอรับ”
“ตระกูลชินเม็นแยกแขนงมาจากตระกูลอากามัตสึ และเจ้าคงรู้ว่าในอดีตมาซาโนริจอมทัพแห่งตระกูลอากามัตสึเคยเป็นผู้ครองปราสาทนกกระยางขาว และครั้งนี้ข้าคิดว่าคงมีอะไรสักอย่างที่ชักนำให้คนเชื้อสายตระกูลอากามัตสึหวนกลับมายังปราสาทของบรรพบุรุษ”
“... ... ...”
ทาเกโซรู้ตัวอยู่เสมอมาว่าตนเป็นคนทำให้ชื่อเสียงของบรรพบุรุษแปดเปื้อน เจ้าหนุ่มไม่ได้เกรงกลัวเทรูมาซะ แต่คำพูดของผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเสียดแทงเข้าไปกระทบความรู้สึกที่ฝังอยู่ในใจ ทำให้เกิดความละอายเป็นที่สุด
“แต่...!”
เทรูมาซะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแข็งกร้าว
“การกระทำของเจ้าร้ายกาจเหลือเกิน”
“ขอรับ”
“ควรแก่การลงโทษ”
“... ... ...”
เทรูมาซะหันหน้าไปทางพระทากูอัน
“หลวงพี่ทางกูอัน จริงหรือไม่ที่ว่าอาโอกิ ทันซาเอมอน เจ้าหน้าที่ของข้าได้ไปให้สัญญากับท่านโดยที่ไม่ได้ขอความเห็นจากข้าว่า ถ้าท่านจับทาเกโซคนนี้ได้ก็ให้ท่านจัดการลงโทษเอง”
“เรื่องนี้อาตมาคิดว่า ท่านควรไปสืบสวนเอาความจริงจากท่านทันซาเอมอนจะได้เรื่องชัดเจนดีกว่า”
“ข้าถามแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านคิดว่าพระทากูอันพูดเท็จรึ”
“เอาละ เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายให้การตรงกัน ทันซาเอมอนเป็นบริวารของข้า สัญญาของนั้นบริวารก็เท่ากับเป็นสัญญาของข้า และตามสัญญานี้ถึงข้าจะเป็นผู้ครองแคว้นก็จริงแต่ข้าก็ไม่มีสิทธิที่จะลงโทษทาเกโซได้ ถึงได้ตัวมาแล้วก็ต้องปล่อยไป จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลวงพี่ทากูอันว่าจะจัดการลงโทษอย่างไร”
“อาตมาก็ตั้งใจเอาไว้เช่นนั้น”
“หลวงพี่จะทำอย่างไรรึ”
“ทำให้ทาเกโซได้รู้สึกถึงความทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิต”
“ด้วยวิธีใด”
“อาตมาได้ยินเขาลือกันว่าบนหอสังเกตการณ์ยอดปราสาทนกกระยางขาว มีห้องปิดตายอยู่ห้องหนึ่ง”
“มี”
“และตอนนี้ก็ยังปิดตายอยู่อย่างนั้นรึ”
“ใช่ ไม่มีใครใช้ทำอะไร พวกพนักงานเจ้าหน้าที่ดูเหมือนไม่มีใครอยากเปิดเข้าไป คิดว่าคงจะปิดตายอยู่อย่างนั้น”
“อาตมาคิดว่านั่นเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ปราสาทของเทรูมาซะจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งแห่งอาณาจักรโทกูงาวะไม่ควรมีห้องมืดไร้แสงสว่างแม้แต่ห้องเดียว”
“ท่านพูดอะไรแปลก ๆ ข้าไม่เคยคิด”
“ท่านจะไปรู้อะไร เรื่องแบบนี้พลเมืองของท่านมองว่าเป็นศักดิ์ศรีของผู้ครองนครกันทั้งนั้น อาตมาว่าท่านควรทำให้ห้องนั้นมีแสงสว่างดีกว่า”
“หือ...ข้ายังงง”
“ไม่เป็นไร อาตมาขอยืมห้องบนหอสังเกตการณ์ห้องนั้นเป็นที่คุมขังทาเกโซจนกว่าจะพ้นโทษ...ทาเกโซ เข้าใจนะ”
“ฮะ ฮะ ฮะ ตกลง”
เทรูมาซะหัวเราะชอบใจ
พระทากูอันเป็นเพื่อนร่วมนิกายเซ็นกับจริงเทรูมาซะดังที่ได้บอกกับอาโอกิ ทันซาเอมอนซามูไรหนวดปลาดุกตอนอยู่ที่วัด ชิปโปจิ
“เสร็จแล้วมาที่ห้องพิธีชานะท่าน”
“นี่อาตมาต้องดื่มชาเฝื่อน ๆ ที่ท่านชงอีกแล้วรึ”
“เลิกดูถูกกันได้แล้ว ระยะนี้ข้าเก่งขึ้นมาก วันนี้แหละเทรูมาซะจะแสดงให้ท่านดูว่าฝีมือไม่ใช่ย่อยอย่างที่คิด รีบมานะข้ารออยู่
เทรูมาซะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปข้างใน ถึงร่างจะเตี้ยแต่ความมีสง่าบารมีทำให้ดูใหญ่โตคับปราสาทนกกระยางขาว