นวนิยายอิงประวัติศาสตร์
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
1
เสียงระฆังเช้าของวัดชิปโปจิสะท้อนไปทั่วขุนเขาเมื่ออรุณรุ่ง ระฆังวันนี้แม้จะดังเหง่งหง่างเช่นทุกเช้าแต่ก็มีกระแสเสียงคล้ายบอกกับทุกคนที่ได้ยินว่าไม่ใช่ เพราะวันนี้เป็นวันที่สามของสัญญา ผู้คนในหมู่บ้านพากันวิ่งเต็มฝีเท้าขึ้นมาที่วัดเพื่อจะดูให้เห็นแก่ตาว่าการเสี่ยงทายของตนจะออกหัวหรือก้อย
“จับได้แล้ว ทาเกโซถูกจับตัวมาแล้ว”
เสียงใครคนหนึ่งตะโกนบอกลงไป และคนที่วิ่งกวดตามกันขึ้นมาก็ร้องบอกกันเป็นทอด ๆ
“จับได้แล้ว จริงรึ”
“ใครเป็นผู้กล้าหาญที่จับมันได้”
“พระทากูอัน...หลวงพี่ทากูอัน โว้ยเฮ้ย”
ฝูงคนแออัดยัดเยียดเบียดเสียดกันเข้ามาที่หน้าโบสถ์หวังจะได้อยู่หน้ากว่าใคร แต่พอเห็นทาเกโซถูกมัดราวสัตว์ร้ายสิ้นฤทธิ์อยู่ที่ราวบันไดก็สะดุ้งถอยกรูดออกไปยืนเบิกตาโพลงกลืนน้ำลายราวกับเห็นปีศาจแห่งขุนเขาโอเอะ
พระทากูอันเดินยิ้มเข้ามานั่งที่ขั้นบันได แล้วกล่าวกับฝูงชาวบ้านด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
“ชาวหมู่บ้านทั้งหลาย ทีนี้เจ้าจะได้กลับไปทำนาทำไร่ของพวกเจ้าอย่างสบายใจ ให้ได้พืชผลอุดมสมบูรณ์ดังเดิม” และเมื่อพระทากูอันวางท่าน่าเลื่อมไส ชาวบ้านก็ยิ่งเคารพนับถือแม้เทพเจ้าหรือวีรบุรุษก็มาปาน บางคนถึงกับคุกเข่าลงกราบไว้แทบเท้า บ้างก็เอามือของหลวงพี่ไปทูนหัว
“พอที พอที”
พระทากูอันยกมือขึ้นปักป้องเป็นพัลวันเมื่อเห็นว่าชาวบ้านจะมืดหน้าตามัวไปกันใหญ่
“ชาวบ้านทั้งหลาย จงฟังอาตมาให้ดี ที่จับตัวทาเกโซมาได้นั้นไม่ใช่เพราะความเก่งกล้าสามารถของอาตมา แต่เป็นผลที่เกิดจากกฎแห่งธรรมชาติที่ผู้ใดไม่อาจฝืนได้แม้แต่คนเดียว ถ้าพวกเจ้าอยากจะสรรเสริญใครสักคนก็ขอให้สรรเสริญกฎแห่งธรรมชาติเถิด”
“หลวงพี่ยิ่งถ่อมตัว ก็ยิ่งน่านับถือนะเจ้าคะ”
“ถ้าญาติโยมทั้งหลายจะเห็นว่าอาตมาน่าเคารพนับถือเช่นนั้นก็เป็นการดี อาตมาไม่ขัดข้องอะไร แต่ขอปรึกษาอะไนสักเรื่องหนึ่ง”
“อะไรหรือหลวงพี่”
“ก็ไม่มีอะไรอื่นหรอกนอกจากจะขอปรึกษาว่าเราจะทำยังไงดีกับทาเกโซ อาตมาสัญญากับท่าซามูไรบริวารของท่าน อิเกดะไว้ว่า หากอาตมาจับตัวทาเกโซมาไม่ได้ภายในสามวัน อาตมาก็จะยอมให้เขาแขวนคออาตมากับต้นสนในสวน แต่หากจับทาเกโซมาได้ภายในสามวันก็ขอให้อาตมาจัดการกับมันเอง”
“เรื่องนี้เรารู้กันหมดแล้ว”
“พวกเจ้ารู้กันแล้วก็ดี คราวนี้เรามาช่วยกันคิดทีรึว่าจะทำยังไงกับทาเกโซที่อาตมาจับมามัดไว้ตรงนี้ จะฆ่าทิ้งเสียหรือว่าปล่อยตัวไป”
ชาวบ้านฮือฮากันแซ่ดไป คนหนึ่งตะโกนสวนขึ้นมาทันทีว่า “ปล่อยไปไม่ได้” ส่วนอีกคนตะโกนเสียงดังแข่งกันขึ้นมาว่า
“ต้องฆ่า ฆ่าอย่างเดียวเลย คนโหดร้ายใจเหี้ยมอย่างเจ้านี้ หากปล่อยให้มีชีวิตต่อไปรังแต่จะเป็นอันตราย ชาวบ้านจะอยู่กันไม่เป็นสุข ต้องฆ่า ต้องฆ่า”
“อือม์” พอพระทากุอันนิ่งคิด คนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังในกลุ่มคนก็ตะโกนขึ้นมาอย่างอดรนทนมาได้ว่า
“ฆ่าเดี๋ยวนี้เลย”
และในจังหวะเดียวกันนั้นเองแม่เฒ่าคนหนึ่งก็แหวกผู้คนออกมาข้างหน้า เดินเข้าไปเขม้นมองหน้าทาเกโซใกล้ ๆ แล้วกวัดแกว่งไม้เท้าในมือ ตวัดวืดวาดไปมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ฆ่าอย่างเดียวไม่สมกับความแค้นของข้า คนชาติชั่วอย่างมันต้องตายอย่างทรมาน ดูหน้ามันซิ เห็นแล้วแค้นใจนัก”
ว่าแล้วนางก็ฟาดไม้เท้าลงไปที่ลำตัวทาเกโซไม่ยั้ง แล้วหันมาจ้องหน้าเอาเรื่องกับพระทากุอัน
“หลวงพี่ทากุอันเจ้าค่ะ”
“อะไรรึโยม”
“มาตาฮาจิลูกชายของข้าถูกชายชั่วคนนี้ชักนำให้หลงผิดไป ชีวิตจึงเหลวแหลกทำให้ไม่มีใครมาสืบตระกูลฮนอิเด็น”
“อ้อ อาตมาจะบอกให้ว่า มาตาฮาจิลูกของโยมไม่ดีพอที่จะสืบตระกูลฮนอิเด็น และขอแนะนำให้โยมไปหาเด็กดี ๆ สักคนมาเป็นลูกบุญธรรมเพื่อจะได้สืบตระกูลจะดีแก่ตัวของโยมเองและคนอื่น ๆ ในตระกูล”
“หลวงพี่พูดอะไรอย่างนั้น ชั่วดียังไงมาฮาจิก็เป็นลูกข้า ขอตัวเจ้าทาเกโซให้ข้าเถิดหลวงพี่ ข้าจะจัดการให้สมแค้นกับที่มันทำลูกชายของข้า”
“ไม่ได้”
เสียงใครคนหนึ่งขัดขึ้นด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว เฉียบขาดอย่างคนมีอำนาจ กลุ่มคนถอยร่นความหวาดเกรงหลีกทางเป็นช่องให้เจ้าของเสียงเดินวางก้ามออกมาข้างหน้า
ซามูไรหนวดปลาดุก คู่สัญญาไล่ล่าทาเกโซนั่นเอง
2
ซามูไรหนวดปลาดุกอารมณ์ร้อนอย่างน่ากลัว ทำตาขวางมองกวาดไปทั่วบริเวณ แล้วตวาดด้วยเสียงดังราวฟ้าร้อง
“มาทำอะไรกัน ไม่ได้มีงานวัดถึงต้องแห่กันมาดูของประหลาด ชาวไร่ชาวนา ชาบ้านร้านตลาดกลับไปให้หมด
ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้เลย”
พระทากูอันขัดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ
“เดี๋ยวก่อน ชาวบ้านทั้งหลายยังไปไม่ได้นะท่านซามูไร อาตมาเรียกพวกเขามาเองเพื่อปรึกษาว่าจะทำยังไงดีกับ ทาเกโซ อย่าเพิ่งไปกันนะโยม”
“หยุด”
ซามูไรหนวดปลาดุกตวาดพระทากุอัน ยืดตัวตรงทำท่าวางอำนาจแล้วหันไปจ้องแม่เฒ่าโอซุงิแม่ของมาตาฮาจิกับพวกชาวบ้านราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ทาเกโซทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเป็นผู้ร้ายคดีอุกฉกรรจ์ และยังเป็นนักรบฝ่ายศัตรูที่หนีรอดมาจากเซกิงาฮาระ จะต้องถูกพิพากษาโทษตามกฎหมายไม่ใช่ด้วยกฎหมู่ของชาวบ้าน”
“ไม่ได้”
พระทากุอันสั่นหัวแล้วพูดเสียงแข็งด้วยท่าทางเอาจริง
“ท่านจะทำผิดสัญญาที่ทำไว้กับอาตมาไม่ได้”
ซามูไรหนวดปลาดุกก็มีศักดิ์ศรีของนักรบอยู่เหมือนกัน จึงเริ่มต่อรองอย่างใจเย็น
“ท่านทากูอัน หลวงจะตอบแทนท่านที่ท่านทำสำเร็จตามสัญญาเป็นเงิน ขอให้ท่านมอบตัวทาเกโซให้เราเพื่อไปดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองเถิด”
เมื่อได้ฟังคำของซามูไรหนวดปลาดุก พระทากุอันหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ไม่ตอบอะไรได้แต่หัวเราะไม่หยุด ซามูไรหนวดปลาดุกหน้าเขียวด้วยความโกรธอย่างกลั้นไม่อยู่ขึ้นมาอีก
“อวดดียังไงมาหัวเราะข้า ขบขันอะไรนักรึ”
“ใครกันที่อวดดี นี่แนะท่านซามูไรหนวด ท่านคิดจะละเมิดสัญญาที่ทำไว้กับอาตมาอย่างนั้นรึ เอาสิ...จะลองละเมิดสัญญาดูก็ได้ แต่บอกก่อนนะว่า อาตมาจะแก้เชือกออกแล้วไล่เจ้าทาเกโซที่จับมาได้นี่ เข้าป่าไปทันที”
บรรดาชาวบ้านถอยกรูดพลางร้องฮือฮาด้วยความตกใจ เกรงว่าพระทากูอันจะเอาจริง
“ต้องการอย่างนั้นใช่ไหมท่านซามูไร”
“... ... ...”
“อาตมาจะปล่อยเดี๋ยวนี้แหละ แล้วท่านซามูไรก็ไล่จับมันเอาเองตัวต่อตัวก็แล้วกัน ฝีมืออย่างท่านคงจะจับได้หรอก เชิญตามสบาย”
“เดี๋ยว รอเดี๋ยว”
“รออะไร”
ซามูไรหนวดปลาดุกชักเหงื่อแตก
“ท่านอุตส่าห์จับมาได้แล้ว ปล่อยไปชาวบ้านก็จะเดือดร้อนอีก เอาเถอะข้ายกให้ท่านจัดการเจ้าทาเกโซเอง แต่ข้าต้องขอหัวมันนะ”
“หัวรึ...ท่านอย่ามาตลกแถวนี้ อาชีพของพระคือทำพิธีศพ ถ้าให้ท่านเอาศพไปแล้วเราจะหากินยังไง ตลกซี”
พระทากุอันพูดกับซามูไรหนวดปลาดุกเหมือนหยอกล้อเด็กเล่น แล้วหันไปทางกลุ่มหมู่บ้าน
“ชาวบ้านทั้งหลาย อาตมาขอความเห็นหลายครั้งหลายหนแต่ก็ตกลงใจไม่ได้เสียที จะฟันทีเดียวให้ตายก็มีแม่เฒ่ามาคัดค้าน อาตมามีข้อเสนอที่คิดว่าเหมาะสม คือแขวนทาเกโซไว้กับกิ่งต้นสนพันปีมัดมือมัดเท้าไว้กับลำต้น ทิ้งตากลมตากฝนไว้สักสี่ห้าวันให้อีกามาเจาะลูกตา จะว่ายังไง”
“... ... ...”
คงจะเห็นว่าทารุณเกินไปละมัง จึงไม่มีใครตอบสักคน เห็นดังนั้นแม่เฒ่าโอซุงิที่ยืนคุมเชิงอยู่จึงร้องขึ้นว่า
“หลวงพี่ทากุอันเจ้าคะ ความคิดของหลวงพี่ดีมาก แต่สี่ห้าวันข้าว่ามันน้อยไป แขวนทรมานมันไว้กับต้นสนพันปีสักสิบวันยี่สิบวัน และสุดท้ายข้าจะเป็นคนลงดาบสังหารมันเอง”
“ได้ ตกลงตามนั้น”
พระทากุอันบอกอย่างไม่มีพิธีรีตอง ลุกขึ้นจับปลายเชือกที่มัดทาเกโซมาถือไว้ ทาเกโซนิ่งเงียบเดินก้มหน้าตามพระทากุอันไปที่ต้นสนพันปี
ชาวบ้านเดินตามกันไปเป็นขบวน พอไปถึงต้นสนพันปีบางคนที่ฮึกเหิมและบางคนที่ยังโกรธไม่หายต่างกรูเข้าไปช่วยกันจับตัวทาเกโซขึ้นแขวนบนกิ่งสูงลิ่วขึ้นไปจากพื้นดินมองขึ้นไปเหมือนตุ๊กตาฟางห้อยอยู่
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
1
เสียงระฆังเช้าของวัดชิปโปจิสะท้อนไปทั่วขุนเขาเมื่ออรุณรุ่ง ระฆังวันนี้แม้จะดังเหง่งหง่างเช่นทุกเช้าแต่ก็มีกระแสเสียงคล้ายบอกกับทุกคนที่ได้ยินว่าไม่ใช่ เพราะวันนี้เป็นวันที่สามของสัญญา ผู้คนในหมู่บ้านพากันวิ่งเต็มฝีเท้าขึ้นมาที่วัดเพื่อจะดูให้เห็นแก่ตาว่าการเสี่ยงทายของตนจะออกหัวหรือก้อย
“จับได้แล้ว ทาเกโซถูกจับตัวมาแล้ว”
เสียงใครคนหนึ่งตะโกนบอกลงไป และคนที่วิ่งกวดตามกันขึ้นมาก็ร้องบอกกันเป็นทอด ๆ
“จับได้แล้ว จริงรึ”
“ใครเป็นผู้กล้าหาญที่จับมันได้”
“พระทากูอัน...หลวงพี่ทากูอัน โว้ยเฮ้ย”
ฝูงคนแออัดยัดเยียดเบียดเสียดกันเข้ามาที่หน้าโบสถ์หวังจะได้อยู่หน้ากว่าใคร แต่พอเห็นทาเกโซถูกมัดราวสัตว์ร้ายสิ้นฤทธิ์อยู่ที่ราวบันไดก็สะดุ้งถอยกรูดออกไปยืนเบิกตาโพลงกลืนน้ำลายราวกับเห็นปีศาจแห่งขุนเขาโอเอะ
พระทากูอันเดินยิ้มเข้ามานั่งที่ขั้นบันได แล้วกล่าวกับฝูงชาวบ้านด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
“ชาวหมู่บ้านทั้งหลาย ทีนี้เจ้าจะได้กลับไปทำนาทำไร่ของพวกเจ้าอย่างสบายใจ ให้ได้พืชผลอุดมสมบูรณ์ดังเดิม” และเมื่อพระทากูอันวางท่าน่าเลื่อมไส ชาวบ้านก็ยิ่งเคารพนับถือแม้เทพเจ้าหรือวีรบุรุษก็มาปาน บางคนถึงกับคุกเข่าลงกราบไว้แทบเท้า บ้างก็เอามือของหลวงพี่ไปทูนหัว
“พอที พอที”
พระทากูอันยกมือขึ้นปักป้องเป็นพัลวันเมื่อเห็นว่าชาวบ้านจะมืดหน้าตามัวไปกันใหญ่
“ชาวบ้านทั้งหลาย จงฟังอาตมาให้ดี ที่จับตัวทาเกโซมาได้นั้นไม่ใช่เพราะความเก่งกล้าสามารถของอาตมา แต่เป็นผลที่เกิดจากกฎแห่งธรรมชาติที่ผู้ใดไม่อาจฝืนได้แม้แต่คนเดียว ถ้าพวกเจ้าอยากจะสรรเสริญใครสักคนก็ขอให้สรรเสริญกฎแห่งธรรมชาติเถิด”
“หลวงพี่ยิ่งถ่อมตัว ก็ยิ่งน่านับถือนะเจ้าคะ”
“ถ้าญาติโยมทั้งหลายจะเห็นว่าอาตมาน่าเคารพนับถือเช่นนั้นก็เป็นการดี อาตมาไม่ขัดข้องอะไร แต่ขอปรึกษาอะไนสักเรื่องหนึ่ง”
“อะไรหรือหลวงพี่”
“ก็ไม่มีอะไรอื่นหรอกนอกจากจะขอปรึกษาว่าเราจะทำยังไงดีกับทาเกโซ อาตมาสัญญากับท่าซามูไรบริวารของท่าน อิเกดะไว้ว่า หากอาตมาจับตัวทาเกโซมาไม่ได้ภายในสามวัน อาตมาก็จะยอมให้เขาแขวนคออาตมากับต้นสนในสวน แต่หากจับทาเกโซมาได้ภายในสามวันก็ขอให้อาตมาจัดการกับมันเอง”
“เรื่องนี้เรารู้กันหมดแล้ว”
“พวกเจ้ารู้กันแล้วก็ดี คราวนี้เรามาช่วยกันคิดทีรึว่าจะทำยังไงกับทาเกโซที่อาตมาจับมามัดไว้ตรงนี้ จะฆ่าทิ้งเสียหรือว่าปล่อยตัวไป”
ชาวบ้านฮือฮากันแซ่ดไป คนหนึ่งตะโกนสวนขึ้นมาทันทีว่า “ปล่อยไปไม่ได้” ส่วนอีกคนตะโกนเสียงดังแข่งกันขึ้นมาว่า
“ต้องฆ่า ฆ่าอย่างเดียวเลย คนโหดร้ายใจเหี้ยมอย่างเจ้านี้ หากปล่อยให้มีชีวิตต่อไปรังแต่จะเป็นอันตราย ชาวบ้านจะอยู่กันไม่เป็นสุข ต้องฆ่า ต้องฆ่า”
“อือม์” พอพระทากุอันนิ่งคิด คนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังในกลุ่มคนก็ตะโกนขึ้นมาอย่างอดรนทนมาได้ว่า
“ฆ่าเดี๋ยวนี้เลย”
และในจังหวะเดียวกันนั้นเองแม่เฒ่าคนหนึ่งก็แหวกผู้คนออกมาข้างหน้า เดินเข้าไปเขม้นมองหน้าทาเกโซใกล้ ๆ แล้วกวัดแกว่งไม้เท้าในมือ ตวัดวืดวาดไปมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ฆ่าอย่างเดียวไม่สมกับความแค้นของข้า คนชาติชั่วอย่างมันต้องตายอย่างทรมาน ดูหน้ามันซิ เห็นแล้วแค้นใจนัก”
ว่าแล้วนางก็ฟาดไม้เท้าลงไปที่ลำตัวทาเกโซไม่ยั้ง แล้วหันมาจ้องหน้าเอาเรื่องกับพระทากุอัน
“หลวงพี่ทากุอันเจ้าค่ะ”
“อะไรรึโยม”
“มาตาฮาจิลูกชายของข้าถูกชายชั่วคนนี้ชักนำให้หลงผิดไป ชีวิตจึงเหลวแหลกทำให้ไม่มีใครมาสืบตระกูลฮนอิเด็น”
“อ้อ อาตมาจะบอกให้ว่า มาตาฮาจิลูกของโยมไม่ดีพอที่จะสืบตระกูลฮนอิเด็น และขอแนะนำให้โยมไปหาเด็กดี ๆ สักคนมาเป็นลูกบุญธรรมเพื่อจะได้สืบตระกูลจะดีแก่ตัวของโยมเองและคนอื่น ๆ ในตระกูล”
“หลวงพี่พูดอะไรอย่างนั้น ชั่วดียังไงมาฮาจิก็เป็นลูกข้า ขอตัวเจ้าทาเกโซให้ข้าเถิดหลวงพี่ ข้าจะจัดการให้สมแค้นกับที่มันทำลูกชายของข้า”
“ไม่ได้”
เสียงใครคนหนึ่งขัดขึ้นด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว เฉียบขาดอย่างคนมีอำนาจ กลุ่มคนถอยร่นความหวาดเกรงหลีกทางเป็นช่องให้เจ้าของเสียงเดินวางก้ามออกมาข้างหน้า
ซามูไรหนวดปลาดุก คู่สัญญาไล่ล่าทาเกโซนั่นเอง
2
ซามูไรหนวดปลาดุกอารมณ์ร้อนอย่างน่ากลัว ทำตาขวางมองกวาดไปทั่วบริเวณ แล้วตวาดด้วยเสียงดังราวฟ้าร้อง
“มาทำอะไรกัน ไม่ได้มีงานวัดถึงต้องแห่กันมาดูของประหลาด ชาวไร่ชาวนา ชาบ้านร้านตลาดกลับไปให้หมด
ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้เลย”
พระทากูอันขัดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ
“เดี๋ยวก่อน ชาวบ้านทั้งหลายยังไปไม่ได้นะท่านซามูไร อาตมาเรียกพวกเขามาเองเพื่อปรึกษาว่าจะทำยังไงดีกับ ทาเกโซ อย่าเพิ่งไปกันนะโยม”
“หยุด”
ซามูไรหนวดปลาดุกตวาดพระทากุอัน ยืดตัวตรงทำท่าวางอำนาจแล้วหันไปจ้องแม่เฒ่าโอซุงิแม่ของมาตาฮาจิกับพวกชาวบ้านราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ทาเกโซทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเป็นผู้ร้ายคดีอุกฉกรรจ์ และยังเป็นนักรบฝ่ายศัตรูที่หนีรอดมาจากเซกิงาฮาระ จะต้องถูกพิพากษาโทษตามกฎหมายไม่ใช่ด้วยกฎหมู่ของชาวบ้าน”
“ไม่ได้”
พระทากุอันสั่นหัวแล้วพูดเสียงแข็งด้วยท่าทางเอาจริง
“ท่านจะทำผิดสัญญาที่ทำไว้กับอาตมาไม่ได้”
ซามูไรหนวดปลาดุกก็มีศักดิ์ศรีของนักรบอยู่เหมือนกัน จึงเริ่มต่อรองอย่างใจเย็น
“ท่านทากูอัน หลวงจะตอบแทนท่านที่ท่านทำสำเร็จตามสัญญาเป็นเงิน ขอให้ท่านมอบตัวทาเกโซให้เราเพื่อไปดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองเถิด”
เมื่อได้ฟังคำของซามูไรหนวดปลาดุก พระทากุอันหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ไม่ตอบอะไรได้แต่หัวเราะไม่หยุด ซามูไรหนวดปลาดุกหน้าเขียวด้วยความโกรธอย่างกลั้นไม่อยู่ขึ้นมาอีก
“อวดดียังไงมาหัวเราะข้า ขบขันอะไรนักรึ”
“ใครกันที่อวดดี นี่แนะท่านซามูไรหนวด ท่านคิดจะละเมิดสัญญาที่ทำไว้กับอาตมาอย่างนั้นรึ เอาสิ...จะลองละเมิดสัญญาดูก็ได้ แต่บอกก่อนนะว่า อาตมาจะแก้เชือกออกแล้วไล่เจ้าทาเกโซที่จับมาได้นี่ เข้าป่าไปทันที”
บรรดาชาวบ้านถอยกรูดพลางร้องฮือฮาด้วยความตกใจ เกรงว่าพระทากูอันจะเอาจริง
“ต้องการอย่างนั้นใช่ไหมท่านซามูไร”
“... ... ...”
“อาตมาจะปล่อยเดี๋ยวนี้แหละ แล้วท่านซามูไรก็ไล่จับมันเอาเองตัวต่อตัวก็แล้วกัน ฝีมืออย่างท่านคงจะจับได้หรอก เชิญตามสบาย”
“เดี๋ยว รอเดี๋ยว”
“รออะไร”
ซามูไรหนวดปลาดุกชักเหงื่อแตก
“ท่านอุตส่าห์จับมาได้แล้ว ปล่อยไปชาวบ้านก็จะเดือดร้อนอีก เอาเถอะข้ายกให้ท่านจัดการเจ้าทาเกโซเอง แต่ข้าต้องขอหัวมันนะ”
“หัวรึ...ท่านอย่ามาตลกแถวนี้ อาชีพของพระคือทำพิธีศพ ถ้าให้ท่านเอาศพไปแล้วเราจะหากินยังไง ตลกซี”
พระทากุอันพูดกับซามูไรหนวดปลาดุกเหมือนหยอกล้อเด็กเล่น แล้วหันไปทางกลุ่มหมู่บ้าน
“ชาวบ้านทั้งหลาย อาตมาขอความเห็นหลายครั้งหลายหนแต่ก็ตกลงใจไม่ได้เสียที จะฟันทีเดียวให้ตายก็มีแม่เฒ่ามาคัดค้าน อาตมามีข้อเสนอที่คิดว่าเหมาะสม คือแขวนทาเกโซไว้กับกิ่งต้นสนพันปีมัดมือมัดเท้าไว้กับลำต้น ทิ้งตากลมตากฝนไว้สักสี่ห้าวันให้อีกามาเจาะลูกตา จะว่ายังไง”
“... ... ...”
คงจะเห็นว่าทารุณเกินไปละมัง จึงไม่มีใครตอบสักคน เห็นดังนั้นแม่เฒ่าโอซุงิที่ยืนคุมเชิงอยู่จึงร้องขึ้นว่า
“หลวงพี่ทากุอันเจ้าคะ ความคิดของหลวงพี่ดีมาก แต่สี่ห้าวันข้าว่ามันน้อยไป แขวนทรมานมันไว้กับต้นสนพันปีสักสิบวันยี่สิบวัน และสุดท้ายข้าจะเป็นคนลงดาบสังหารมันเอง”
“ได้ ตกลงตามนั้น”
พระทากุอันบอกอย่างไม่มีพิธีรีตอง ลุกขึ้นจับปลายเชือกที่มัดทาเกโซมาถือไว้ ทาเกโซนิ่งเงียบเดินก้มหน้าตามพระทากุอันไปที่ต้นสนพันปี
ชาวบ้านเดินตามกันไปเป็นขบวน พอไปถึงต้นสนพันปีบางคนที่ฮึกเหิมและบางคนที่ยังโกรธไม่หายต่างกรูเข้าไปช่วยกันจับตัวทาเกโซขึ้นแขวนบนกิ่งสูงลิ่วขึ้นไปจากพื้นดินมองขึ้นไปเหมือนตุ๊กตาฟางห้อยอยู่