นวนิยายอิงประวัติศาสตร์
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
ภาค 1ดิน ตอนแม่เฒ่าโอซุงิ
1
“โอซือ เจ้าเห็นทาเกโซจริงรึ”
แม่เฒ่าโอซุงิแม่ของมาตาฮาจิถามทันทีที่โอซือมาถึง
“เจ้าค่ะคุณป้า ใช่ทาเกโซแน่ ๆ หนูเห็นที่งานสรงน้ำพระวัดชิปโปจิ”
“แล้วเห็นมาตาฮาจิด้วยรึเปล่า”
“หนูรีบเรียกเอาไว้เพราะอยากถามเหมือนกัน แต่ทาเกโซหลบหน้าแวบหายไปเลยไม่รู้ทำไม นายคนนี้ปกติก็เป็นคนแปลกอยู่แล้ว แต่วันนี้หนูไม่เข้าใจจริง ๆ จ้ะป้าว่าพอได้ยินหนูเรียกทำไมถึงต้องหนีด้วย”
“หนีรึ”
แม่เฒ่าโอซุงิเอียงคอคิด
นางชังน้ำหน้าทาเกโซแห่งตระกูลชินเม็นที่เป็นคนชวนมาตาฮาจิลูกของนางไปสงครามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเมื่อได้ยินโอซือเล่าเช่นนั้น ยิ่งทำให้ปักใจเชื่อว่าเจ้าเด็กเกเรไม่เอาถ่านคนนี้จะต้องนำเอาเรื่องร้ายมาสู่ตนอีกแน่นอน
“เจ้าทาเกโซชาติชั่ว...ฟังเจ้าเล่าแล้วสงสัยนักว่ามันคงขี้ขลาดหนีทัพ ทิ้งให้มาตาฮาจิลูกข้าตายในสนามรบ แล้วซมซานกลับมาคนเดียว”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าจริงอย่างที่คุณป้าว่า ทาเกโซก็จะต้องเอาอะไรที่เป็นของติดตัวมาตาฮาจิกลับมาให้เราดูต่างหน้าบ้าง”
“อย่า อย่า”
แม่เฒ่าสั่นหัวแรง ๆ
“เจ้าคิดหรือว่าทาเกโซมันจะเป็นคนดีขนาดนั้น ไม่นึกเลยว่ามาตาฮาจิจะคบเพื่อนขนาดนั้น”
“คุณป้าเจ้าคะ”
“อะไร ?”
“หนูว่า คืนนี้ถ้าเราไปบ้านโอกิน จะต้องได้พบทาเกโซแน่”
“คงจะอย่างนั้น ก็เขาเป็นพี่เป็นน้องกัน”
“ถ้าอย่างนั้น ป้าไปบ้านโอกินกับหนูไหม”
“แม่พี่สาวก็คนนึง รู้ทั้งรู้ว่าน้องชายตัวเองมาชวนลูกชายคนเขาไปรบทัพจับศึก ครั้งเดียวก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยียน ถ้าเจ้า ทาเกโซมันกลับมาจริงก็ต้องมาแจ้งข่าวให้รู้กันถึงจะถูก เรื่องอะไรข้าจะไป ทางบ้านชินเม็นต่างหากที่ต้องมาที่นี่”
“คุณป้าอย่าคิดอะไรมากเลย หนูอยากเจอทาเกโซและซักถามเรื่องราวให้ละเอียด เรื่องมารยาทการเยี่ยมเยือนตามธรรมเนียมอะไรนั่นปล่อยให้เป็นธุระของหนูเอง คุณป้าแค่ตามมาเป็นเพื่อนก็พอ”
แม่เฒ่าโอซุงิทำท่ากระบิดกระบวนแต่ในที่สุดก็ยอมไป เพราะอยากรู้ข่าวคราวของลูกชายไม่แพ้โอซือผู้เป็นคู่หมั้นหมาย
บ้านของตระกูลชินเม็นตั้งอยู่คนละฟากแม่น้ำกับบ้านของตระกูลฮนอิเด็นห่างกันราว 30 เส้น ฮนอิเด็นเป็นตระกูลซามูไรชนบทที่เก่าแก่ตระกูลหนึ่ง ส่วนชินเม็นก็เป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากขุนศึกอากามัตสึ จึงต่างหยิ่งให้ศักดิ์ศรีและเป็นอริกันอยู่เงียบ ๆ ตลอดมา
เมื่อโอซือพาแม่เฒ่าโอซุงิไปถึงก็พบว่าประตูรั้วปิดสนิท หมู่ไม้หนาทึบในสวนหน้าบ้านบดบังจนมองไม่เห็นแสงไฟจากตัวเรือน โอซือจึงชวนแม่เฒ่าอ้อมไปทางประตูหลัง
“อะไรกัน ข้าเป็นผู้ใหญ่ของตระกูลฮนอิเด็นนะแม่โอซือ มาเยือนเรือนชินเม็นทั้งที แม่ว่าเหมาะแล้วรึที่จะให้เดินงก ๆ ไปเข้าทางประตูหลังอย่าง”
นางค้อนขวับยืดอกขึ้นยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น
โอซือหมดปัญญาจึงเดินอ้อมไปที่ประตูหลังคนเดียว ไม่นานแสงไฟก็สว่างวอมแวมขึ้นที่ด้านในประตูรั้ว โอกินออกมาต้อนรับ แม่เฒ่าเปลี่ยนท่าทีไปเป็นคนละคนกับนางโอซุงิผู้คร่ำอยู่กับงานในไร่นา กล่าวคำทักทายปราศรัยด้วยคำสุภาพอันเป็นภาษาผู้ดีชั้นสูง พอจะถอดความได้ว่า ขออภัยที่มารบกวนให้ท่านต้องออกมาต้อนรับในยามค่ำคืนเช่นนี้ ก่อนเดินตามเข้าไปยังตัวเรือนของตระกูลชินเม็น
2
แม่เฒ่าโอซุงินั่งนิ่งอยู่ตรงตำแหน่งที่จัดไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติสูงสุดราวทูตของเทพผู้พิทักษ์ลมพายุ เงียบฟังโอกินกล่าวคำทักทายตามธรรมเนียมจนจบแล้ว จึงโพล่งออกไปทันทีโดยไม่ได้ระวังที่จะรักษามารยาท
“ได้ยินมาว่าเจ้าเด็กเกเรน้องชายของเธอกลับมาแล้ว เรียกออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
“เจ้าเด็กเกเร...คุณป้าหมายถึงใครคะ”
“อุ๊ย...ขอโทษเถิดแม่คุณฉันเผลอหลุดปากไป พวกชาวบ้านเขาเรียกกันอย่างนั้นมันก็เลยติดหูอยู่ อย่าถือสาแม่เฒ่าอย่างฉันเลย เจ้าเด็กเกเรที่ว่าก็คือทาเกโซน้องชายเธอที่กลับจากสงครามและมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
“เปล่านะเจ้าคะ”
โอกินหน้าซีดปากสั่นจนต้องกัดริมฝีปากเอาไว้ เมื่อน้องชายร่วมสายโลหิตของตนถูกประณามซึ่ง ๆ หน้า โอซือสงสารจับใจจึงสอดขึ้นมาขัดจังหวะว่าวันนี้นางเห็นทาเกโซแวบหนึ่งที่งานสรงน้ำพระ แล้วหันไปเปรยกับโอกิน
“แปลกนะเจ้าคะ ที่ไม่กลับมาหาคุณพี่ที่นี่”
โอกินทำหน้าลำบากใจเมื่อบอกกับทุกคนว่า
“...น้องชายไม่ได้มาที่นี่หรอก ถ้ากลับมาอย่างที่โอซือเห็น ไม่นานก็คงจะกลับบ้าน”
ได้ยินดังนั้นแม่เฒ่าโอซุงิก็ตบพื้นเสื่อทาทามิดังผับใหญ่ ทำหน้าบึ้งตึงราวกับแม่ผัวกำลังโกรธลูกสะใภ้
“อย่ามาพูดดีหน่อยเลย แหม...มานานคงจะกลับบ้าน คิดว่าแค่นี้จะจบรึ เจ้าเด็กเกเรบ้านนี้ไม่ใช่รึที่มาชักชวนลูกชายฉันแล้วก็พาไปสงคราม เธอไม่รู้รึว่ามาตาฮาจิลูกชายของฉันคนนี้จะต้องเป็นคนสืบตระกูลฮนอิเด็น เป็นคนสำคัญมากสำหรับครอบครัวเรา แต่น้องชายคุณมาลอบมาชักชวนไปสงครามโดยที่ฉันไม่รู้ เท่านั้นไม่พอยังรอดตายลอยนวลกลับมาคนเดียวหน้าตาเฉย ฉันจะบอกให้ว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่...
จะรอดตายกลับมาก็ได้ใครจะไปว่า แต่ทำไมไม่มาหาฉันและบอกกล่าวให้รู้เรื่อง บอกตรง ๆ ฉันไม่เข้าใจว่าพี่น้องบ้าน ชินเม็นเห็นฉันเป็นตัวอะไร นี่มันเท่ากับดูถูกกันชัด ๆ เอาละ...ถ้าน้องชายเธอกลับมาได้ก็ต้องเอาลูกชายฉันคืนมาด้วย ถ้าทำไม่ได้ก็ไปลากตัวเจ้าเด็กเกเรคนนั้นมาตรงนี้เดี๋ยวนี้ แล้วเล่ามาให้ละเอียดจนกว่าฉันจะพอใจว่า มาตาฮาจิเป็นตายร้ายดียังไงและอยู่ที่ไหน”
“แต่ทาเกโซไม่ได้อยู่ที่นี่นะเจ้าคะคุณป้า”
“โกหก เธอจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้”
“แล้วจะให้ดิฉันทำยังไง”
โอกินก้มหน้าลงร้องไห้ ขณะที่กำลังคิดอยู่ในใจว่าถ้ามุนิไซพ่อของนางยังอยู่คงไม่เป็นอย่างนี้นั้นเอง ก็มีเสียงดังปังมาจากทางประตูด้านชานระเบียง ไม่ใช่เสียงลมแน่...โอกินรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าคนดังอยู่นอกประตูตรงนั้น
“เอ๊ะ ?”
แม่เฒ่าโอซุงิอุทานทำตาวาว โอซือผลุดลุกขึ้นยืน---อึดใจต่อมา ทุกคนก็ได้ยินเสียงคำรามกึกก้องเหมือนเสียงสัตว์ป่าเป็นที่สุด ตามมาด้วยเสียงใครอีกคนร้องว่า
“เฮ้ยจับมัน จับให้ได้”
จากนั้นก็มีเสียงคนวิ่งสุดฝีเท้ากวดกันคึ่ก ๆ ไปรอบตัวเรือน เสียงต้นไม้หัก เสียงกอไผ่สั่นไหวราวถูกพายุ...เสียงรุนแรงเช่นนั้นแสดงว่าไม่ได้มีแค่คนหนึ่งสองคน
“เจ้าทาเกโซแน่”
แม่เฒ่าโอซุงิผลุดลุกขึ้นยืน จ้องมองไปที่คอเสื้อกิโมโนของโอกินที่นั่งก้มหน้าร้องไห้สะอื้นอยู่
“เห็นไหม...เธอซ่อนน้องชายเอาไว้อย่างที่ฉันคิดจริง ๆ คงคิดละซีนะว่าจะตบตาแม่เฒ่าโอซุงิคนนี้ไปตลอด เธอจะมีเหตุผลยังไงก็ตามที แต่จำเรื่องวันนี้เอาไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน”
ว่าแล้วนางก็สะบัดหน้าเดินไปเปิดประตูชานระเบียง และพอชะโงกหน้าออกไปดูข้างนอกแม่เฒ่าโอซุงิก็ผงะ หน้าถอดสี
ชายหนุ่มคนหนึ่งใส่เกราะกันหน้าแข้งนอนแผ่หลาตายอยู่ตรงนั้น เลือดสดยังไหลออกมาจากจมูกและปาก ดูลักษณะแล้วเหมือนถูกฟันด้วยอาวุธคล้ายดาบไม้...ดาบเดียวสิ้นใจตาย
3
“ใคร...ใครมาถูกฆ่าตายอยู่ตรงนี้”
แม่เฒ่าโอซุงิร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษามนุษย์
“อะไรเจ้าคะ ?”
โอซือฉวยโคมไฟปราดออกไปที่ชานระเบียง และมองลงไปที่พื้นดินอย่างหวาด ๆ
โอซือตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเห็นศพ แต่ก็โล่งอกเมื่อเห็นว่าคนที่นอนตายอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ทั้งทาเกโซและมาตาฮาจิ แต่เป็นนักรบที่ไม่คุ้นหน้า
“ใครเป็นคนฆ่า”
แม่เฒ่าโอซุงิพึมพำก่อนหันขวับมาที่โอซือชวนกลับทันทีบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องของบ้านนี้ โอซือสงสารโอกินจับใจที่ถูกแม่เฒ่าโอซุงิรักลูกชายจนหน้ามืดตามัว มาด่าว่าเอาเจ็บ ๆ แสบ ๆ ถึงบ้าน คิดว่าพี่สาวของทาเกโซคนนี้คงจะมีเรื่องอะไรในใจจึงอยากไต่ถามและปลอบโยน จึงบอกให้แม่เฒ่ากลับไปก่อนแล้วนางจะตามไปทีหลัง
“งั้นก็เชิญตามสบาย”
แม่เฒ่าสะบัดเสียงอย่างไม่มีเยื่อใย แล้วเดินออกจากตัวเรือนไปคนเดียว
“โคมไฟเจ้าค่ะ”
โอกินบอกด้วยใจอารี
“ไม่ต้อง แม่เฒ่าบ้านฮนอิเด็นยังไม่ถึงกับสติเสื่อมจนต้องเดินถือโคมไฟส่องทาง”
แม่เฒ่าดื้อดึงถือทิฐิไม่ยอมแพ้สองสาว พอออกไปพ้นตัวเรือนก็ถลกชายกิโมโนขึ้นมาเหน็บไว้ที่เอวแล้วออกเดินดุ่ม ๆ ฝ่าหมอกทึบยามดึกไปที่ประตูรั้ว และทันทีที่ก้าวพ้นออกมาจากบ้านตระกูลชินเม็นนั้นเอง
“ช้าก่อนแม่เฒ่า”
แม่เฒ่าโอซุงิหยุดชะงักด้วยความตกใจเมื่อคิดว่าเจอกับคนที่นางไม่อยากเกี่ยวข้องที่สุดเข้าให้แล้ว เงาคนถืออาวุธครบมือเคลื่อนเข้ามาใกล้จนเห็นได้ชัดว่าเป็นนักรบที่ไม่เคยเห็นหน้าในหมู่บ้าน
“เพิ่งออกมาจากบ้านตระกูลชินเม็นเดี๋ยวนี้เองใช่ไหม”
“ใช่”
“เป็นคนบ้านนี้รึ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” นางตอบพร้อมกับโบกไม้โบกมือพัลวัน
“ฉันเป็นแม่เฒ่าบ้านนักรบฟากโน้น”
“ถ้าอย่างนั้น แม่เฒ่าก็คือแม่ของฮนอิเด็น มาตาฮาจิ ที่ออกไปรบที่เซกิงาฮาระกับชินเม็น ทาเกโซ น่ะซี”
“ใช่...แต่ลูกชายข้าไม่ได้ยินยอมพร้อมใจไปหรอกนะพ่อหนุ่ม มาตาฮาจิไปเพราะถูกเจ้าเด็กเกเรมันหลอก”
“ใครคือเด็กเกเร”
“ก็เจ้าทาเกโซจอมป่วนยังไงล่ะ”
“ที่หมู่บ้านก็ชื่อเสียงไม่ดีขนาดนั้นเลยรึ”
“พ่อหนุ่มไม่รู้อะไร เจ้านี่มันเป็นนักเลงเกกมะเหรกเกเรเป็นที่สุด ไม่มีใครเอามันอยู่มือได้ทั้งในหมู่บ้านนี้หรือที่ไหน ลูกชายข้าไปคบมันเป็นเพื่อน คนในตระกูลก็พลอยถูกเกลียดชังไปด้วย ข้าเองต้องร้องไห้ด้วยความช้ำใจไม่รู้ว่าเท่าไรต่อเท่าไรแล้ว”
“ลูกชายของแม่เฒ่าคงจะตายในสนามรบแล้วละ แต่อย่าเสียใจไปเลยข้าจะล้างแค้นคนที่หลอกลูกแม่เฒ่าไปตายให้เอง”
“แล้วเจ้าเป็นใคร”
“ข้าเป็นนักรบฝ่ายโทกุงาวะที่เข้ายึดครองปราสาทฮิเมจิหลังสงคราม เราได้รับคำสั่งให้ตั้งด่านตรวจผู้คนที่เดินทางผ่านเขตแดนของแว่นแคว้น แล้วเจ้าหนุ่มตระกูลนี้---“
นักรบชี้ไปที่กำแพงดินด้านหลัง
“ชื่อทาเกโซแหกประตูด่านของเราหนีมา สายของเราสืบได้ความว่าเป็นนักรบตระกูลชินเม็นแห่งอิงะ ที่ร่วมรบในกองทัพของขุนศึกอุกิตะ พวกข้าจึงออกตามตัวมาจนถึงหมู่บ้านมิยาโมโตะแห่งนี้---แต่เจ้าหนุ่มร่างกายแข็งแรงบึกบึนอย่างน่าเกรงขามยิ่งนัก เดินบ้างวิ่งบ้างหลายวันแล้วกำลังก็ยังไม่ตกให้เราเข้าล้อมจับได้ง่าย ๆ”
“อย่างนี้นี่เอง”
แม่เฒ่าโอซุงิพยักหน้า เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมเจ้าเด็กเกเรทาเกโซจึงได้มาทำลับ ๆล่อ ๆ ให้โอซือเห็นในงานสรงน้ำพระที่วัด ชิปโปจิ และไม่กล้าเข้าใกล้พี่สาว ในเวลาเดียวกันก็เคียดแค้นชิงชังทาเกโซนักที่รอดชีวิตกลับมาคนเดียว โดยมาพา มาตาฮาจิลูกชายสุดที่รักของนางกลับมาด้วย
“นี่แน่ะท่านนักรบ ถึงเจ้าทาเกโซจะแข็งแรงบึกบึนเพียงไร พวกเจ้าก็จะต้องจับมันได้ แน่นอน”
“ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะแม่เฒ่า กำลังพลของเราก็มีอยู่น้อยคน จะบุกเข้าล้อมจับหลายทีแล้วแต่ก็ไม่ได้จังหวะสักที พอตกลงใจส่งกองหน้าเข้าไปชิมลาง ก็เสียท่าถูกมันฆ่าตายไปคนหนึ่ง”
“ข้ามีเคล็ดลับจะบอกเจ้า เงี่ยหูมาซิ”
4
อยากรู้เสียจริงว่าแม่เฒ่ากระซิบอะไร
“เข้าใจละ ขอบใจนะแม่เฒ่า”
นักรบหนุ่มจากปราสาทฮิเมจิผู้ทำหน้าที่ควบคุมด่านตรวจพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน และฮึกเหิมขึ้นทันควัน
“ต้องทำอย่างที่บอกตั้งแต่ต้นจนจบทีเดียวนา”
แม่เฒ่าสำทับก่อนเดินจากไป
---นักรบคนนั้นไม่รอช้า รีบเรียกพรรคพวกสิบสี่สิบห้าคนมารวมตัวกันที่ประตูรั้วด้านหลังของบ้านตระกูลชินเม็น แล้วกระซิบสั่งความให้รู้ทั่วกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันปีนรั้วเข้าไปภายในบริเวณบ้านและจู่โจมเข้าไปทางทุกช่องประตูของตัวเรือน
นักรบร่างใหญ่แต่ละคนหน้าตาทะมึงถึงน่ากลัวบุกเข้าไปยืนจังก้าอยู่เต็มห้องที่ผู้หญิงสองคน---โอซือกับโอกิน—กำลังปลอบโยนเช็ดน้ำตาให้กันภายใต้แสงวอมแวมของตะเกียงเทียน
“ว๊าย !!”
โอซือกรีดเสียงด้วยความตกใจและหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว แต่โอกินไม่พรั่นพรึงสมกับที่เป็นลูกสาวมุนิไซนักรบลือนาม นางกวาดตามองผู้บุกรุกด้วยสายตาแข็งกร้าว
“คนไหนเป็นพี่สาวของทาเกโซ”
นักรบคนหนึ่งในกลุ่มตะคอกถาม
“ฉันนี่แหละจะทำไม” โอกินตะคอกตอบ “พวกแกถือดียังไงถึงได้บุกเข้ามาในบ้านฉันโดยพละการเช่นนี้ ถ้านึกว่าเป็นบ้านผู้หญิงจะเข้ามาวางอำนาจอย่างไรก็ได้ละก็ ขอบอกก่อนว่าฉันยอมไม่ได้แน่นอน”
เมื่อโดนผู้หญิงว่าเอาตรง ๆ เช่นนั้น นักรบที่สนทนากับแม่เฒ่าเมื่อครู่ก่อนและท่าทางเป็นหัวหน้าจึงหน้าตึงขึ้นมา ชี้นิ้วไปที่โอกินแล้วสั่งลูกน้องว่า
“คนนี้แหละโอกิน จับตัวเอาไว้”
แต่ก่อนที่ใครจะไหวตัวทำอะไร บ้านก็สั่นไหวไปทั้งหลังและดวงไฟดับมืดลงทันใด โอซือกรีดร้องกลิ้งตกลงไปที่สวน ในพริบตาเดียวกับที่นักรบร่างกำยำสิบกว่าคนกระโจนเข้าใส่โอกินที่เหลืออยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว หมายจับมัดด้วยเชือก แต่ไม่ใช่ว่าทำได้ง่าย ๆ เพราะโอกินสู้เต็มที่ด้วยกำลังที่แข็งแรงเกินหญิง---แต่สู้อยู่ได้แค่อึดใจเดียวก็ถูกเตะลงไปล้มกลิ้งไม่เป็นท่าอยู่กับพื้น
แย่แล้ว---
ฝ่ายโอซือ พอลุกขึ้นได้ก็ออกวิ่งไปในความมืดมิดของยามดึกอย่างไม่คิดชีวิต มุ่งหน้าไปทางวัดชิปโปจิ การจู่โจมอย่างป่าเถื่อนของเหล่านักรบ ทำให้เด็กสาวผู้อ่อนต่อโลกเพราะคุ้นเคยกับชีวิตที่มีแต่สันติ ตกใจแทบสิ้นสติ
พอวิ่งมาถึงตีนเขาทางขึ้นวัด
“อ้าว โอซือ ไปทำอะไรมา”
ใครคนหนึ่งร้องทักออกมาจากเงามืด พระชูโอ ทากูอันนั่นเอง
“อาตมารออยู่นาน เห็นค่ำมืดแล้วไม่กลับมาซักที ก็เลยเป็นห่วงว่าอาจเกิดอะไรขึ้น กำลังจะออกตามหาอยู่พอดี อ้าว...แล้วนั่นทำไมถึงได้เดินเท้าเปล่า”
พระทากูอันมองไปที่เท้าเปลือยขาวผ่องทั้งคู่ของโอซือ จึงแทบตั้งตัวไม่ทันเมื่อโอซือร้องไห้พลางโถมเข้ามากอดเอาไว้แน่น
“หลวงพี่ทากูอัน แย่แล้ว...ฮือ ฮือ...แย่แล้ว ทำยังไงดี”
พระทากูอันใจเย็น ไม่ตื่นตกใจอะไรง่าย ๆ ตามเคย
“แย่รึ ? โลกเรานี้มีอะไรแย่ด้วยรึ โอซือ...อย่าเอาแต่ร้องไห้ไปเลย เล่าให้หลวงพี่ฟังทีซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“พวกนั้นมาจับตัวโอกินที่บ้านชินเม็นน่ะหลวงพี่ ฮือ...ฮือ แล้วฉันจะทำยังไง มาตาฮาจิไม่กลับมา โอกินคุณพี่ใจดีของฉันก็ถูกจับ...ฮือ ฮือ แล้วฉันจะอยู่ยังไงล่ะหลวงพี่”
โอซือซุกตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดอยู่กับอกของพระทากูอัน
ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง
บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962)
-แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
ภาค 1ดิน ตอนแม่เฒ่าโอซุงิ
1
“โอซือ เจ้าเห็นทาเกโซจริงรึ”
แม่เฒ่าโอซุงิแม่ของมาตาฮาจิถามทันทีที่โอซือมาถึง
“เจ้าค่ะคุณป้า ใช่ทาเกโซแน่ ๆ หนูเห็นที่งานสรงน้ำพระวัดชิปโปจิ”
“แล้วเห็นมาตาฮาจิด้วยรึเปล่า”
“หนูรีบเรียกเอาไว้เพราะอยากถามเหมือนกัน แต่ทาเกโซหลบหน้าแวบหายไปเลยไม่รู้ทำไม นายคนนี้ปกติก็เป็นคนแปลกอยู่แล้ว แต่วันนี้หนูไม่เข้าใจจริง ๆ จ้ะป้าว่าพอได้ยินหนูเรียกทำไมถึงต้องหนีด้วย”
“หนีรึ”
แม่เฒ่าโอซุงิเอียงคอคิด
นางชังน้ำหน้าทาเกโซแห่งตระกูลชินเม็นที่เป็นคนชวนมาตาฮาจิลูกของนางไปสงครามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเมื่อได้ยินโอซือเล่าเช่นนั้น ยิ่งทำให้ปักใจเชื่อว่าเจ้าเด็กเกเรไม่เอาถ่านคนนี้จะต้องนำเอาเรื่องร้ายมาสู่ตนอีกแน่นอน
“เจ้าทาเกโซชาติชั่ว...ฟังเจ้าเล่าแล้วสงสัยนักว่ามันคงขี้ขลาดหนีทัพ ทิ้งให้มาตาฮาจิลูกข้าตายในสนามรบ แล้วซมซานกลับมาคนเดียว”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าจริงอย่างที่คุณป้าว่า ทาเกโซก็จะต้องเอาอะไรที่เป็นของติดตัวมาตาฮาจิกลับมาให้เราดูต่างหน้าบ้าง”
“อย่า อย่า”
แม่เฒ่าสั่นหัวแรง ๆ
“เจ้าคิดหรือว่าทาเกโซมันจะเป็นคนดีขนาดนั้น ไม่นึกเลยว่ามาตาฮาจิจะคบเพื่อนขนาดนั้น”
“คุณป้าเจ้าคะ”
“อะไร ?”
“หนูว่า คืนนี้ถ้าเราไปบ้านโอกิน จะต้องได้พบทาเกโซแน่”
“คงจะอย่างนั้น ก็เขาเป็นพี่เป็นน้องกัน”
“ถ้าอย่างนั้น ป้าไปบ้านโอกินกับหนูไหม”
“แม่พี่สาวก็คนนึง รู้ทั้งรู้ว่าน้องชายตัวเองมาชวนลูกชายคนเขาไปรบทัพจับศึก ครั้งเดียวก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยียน ถ้าเจ้า ทาเกโซมันกลับมาจริงก็ต้องมาแจ้งข่าวให้รู้กันถึงจะถูก เรื่องอะไรข้าจะไป ทางบ้านชินเม็นต่างหากที่ต้องมาที่นี่”
“คุณป้าอย่าคิดอะไรมากเลย หนูอยากเจอทาเกโซและซักถามเรื่องราวให้ละเอียด เรื่องมารยาทการเยี่ยมเยือนตามธรรมเนียมอะไรนั่นปล่อยให้เป็นธุระของหนูเอง คุณป้าแค่ตามมาเป็นเพื่อนก็พอ”
แม่เฒ่าโอซุงิทำท่ากระบิดกระบวนแต่ในที่สุดก็ยอมไป เพราะอยากรู้ข่าวคราวของลูกชายไม่แพ้โอซือผู้เป็นคู่หมั้นหมาย
บ้านของตระกูลชินเม็นตั้งอยู่คนละฟากแม่น้ำกับบ้านของตระกูลฮนอิเด็นห่างกันราว 30 เส้น ฮนอิเด็นเป็นตระกูลซามูไรชนบทที่เก่าแก่ตระกูลหนึ่ง ส่วนชินเม็นก็เป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากขุนศึกอากามัตสึ จึงต่างหยิ่งให้ศักดิ์ศรีและเป็นอริกันอยู่เงียบ ๆ ตลอดมา
เมื่อโอซือพาแม่เฒ่าโอซุงิไปถึงก็พบว่าประตูรั้วปิดสนิท หมู่ไม้หนาทึบในสวนหน้าบ้านบดบังจนมองไม่เห็นแสงไฟจากตัวเรือน โอซือจึงชวนแม่เฒ่าอ้อมไปทางประตูหลัง
“อะไรกัน ข้าเป็นผู้ใหญ่ของตระกูลฮนอิเด็นนะแม่โอซือ มาเยือนเรือนชินเม็นทั้งที แม่ว่าเหมาะแล้วรึที่จะให้เดินงก ๆ ไปเข้าทางประตูหลังอย่าง”
นางค้อนขวับยืดอกขึ้นยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น
โอซือหมดปัญญาจึงเดินอ้อมไปที่ประตูหลังคนเดียว ไม่นานแสงไฟก็สว่างวอมแวมขึ้นที่ด้านในประตูรั้ว โอกินออกมาต้อนรับ แม่เฒ่าเปลี่ยนท่าทีไปเป็นคนละคนกับนางโอซุงิผู้คร่ำอยู่กับงานในไร่นา กล่าวคำทักทายปราศรัยด้วยคำสุภาพอันเป็นภาษาผู้ดีชั้นสูง พอจะถอดความได้ว่า ขออภัยที่มารบกวนให้ท่านต้องออกมาต้อนรับในยามค่ำคืนเช่นนี้ ก่อนเดินตามเข้าไปยังตัวเรือนของตระกูลชินเม็น
2
แม่เฒ่าโอซุงินั่งนิ่งอยู่ตรงตำแหน่งที่จัดไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติสูงสุดราวทูตของเทพผู้พิทักษ์ลมพายุ เงียบฟังโอกินกล่าวคำทักทายตามธรรมเนียมจนจบแล้ว จึงโพล่งออกไปทันทีโดยไม่ได้ระวังที่จะรักษามารยาท
“ได้ยินมาว่าเจ้าเด็กเกเรน้องชายของเธอกลับมาแล้ว เรียกออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
“เจ้าเด็กเกเร...คุณป้าหมายถึงใครคะ”
“อุ๊ย...ขอโทษเถิดแม่คุณฉันเผลอหลุดปากไป พวกชาวบ้านเขาเรียกกันอย่างนั้นมันก็เลยติดหูอยู่ อย่าถือสาแม่เฒ่าอย่างฉันเลย เจ้าเด็กเกเรที่ว่าก็คือทาเกโซน้องชายเธอที่กลับจากสงครามและมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
“เปล่านะเจ้าคะ”
โอกินหน้าซีดปากสั่นจนต้องกัดริมฝีปากเอาไว้ เมื่อน้องชายร่วมสายโลหิตของตนถูกประณามซึ่ง ๆ หน้า โอซือสงสารจับใจจึงสอดขึ้นมาขัดจังหวะว่าวันนี้นางเห็นทาเกโซแวบหนึ่งที่งานสรงน้ำพระ แล้วหันไปเปรยกับโอกิน
“แปลกนะเจ้าคะ ที่ไม่กลับมาหาคุณพี่ที่นี่”
โอกินทำหน้าลำบากใจเมื่อบอกกับทุกคนว่า
“...น้องชายไม่ได้มาที่นี่หรอก ถ้ากลับมาอย่างที่โอซือเห็น ไม่นานก็คงจะกลับบ้าน”
ได้ยินดังนั้นแม่เฒ่าโอซุงิก็ตบพื้นเสื่อทาทามิดังผับใหญ่ ทำหน้าบึ้งตึงราวกับแม่ผัวกำลังโกรธลูกสะใภ้
“อย่ามาพูดดีหน่อยเลย แหม...มานานคงจะกลับบ้าน คิดว่าแค่นี้จะจบรึ เจ้าเด็กเกเรบ้านนี้ไม่ใช่รึที่มาชักชวนลูกชายฉันแล้วก็พาไปสงคราม เธอไม่รู้รึว่ามาตาฮาจิลูกชายของฉันคนนี้จะต้องเป็นคนสืบตระกูลฮนอิเด็น เป็นคนสำคัญมากสำหรับครอบครัวเรา แต่น้องชายคุณมาลอบมาชักชวนไปสงครามโดยที่ฉันไม่รู้ เท่านั้นไม่พอยังรอดตายลอยนวลกลับมาคนเดียวหน้าตาเฉย ฉันจะบอกให้ว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่...
จะรอดตายกลับมาก็ได้ใครจะไปว่า แต่ทำไมไม่มาหาฉันและบอกกล่าวให้รู้เรื่อง บอกตรง ๆ ฉันไม่เข้าใจว่าพี่น้องบ้าน ชินเม็นเห็นฉันเป็นตัวอะไร นี่มันเท่ากับดูถูกกันชัด ๆ เอาละ...ถ้าน้องชายเธอกลับมาได้ก็ต้องเอาลูกชายฉันคืนมาด้วย ถ้าทำไม่ได้ก็ไปลากตัวเจ้าเด็กเกเรคนนั้นมาตรงนี้เดี๋ยวนี้ แล้วเล่ามาให้ละเอียดจนกว่าฉันจะพอใจว่า มาตาฮาจิเป็นตายร้ายดียังไงและอยู่ที่ไหน”
“แต่ทาเกโซไม่ได้อยู่ที่นี่นะเจ้าคะคุณป้า”
“โกหก เธอจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้”
“แล้วจะให้ดิฉันทำยังไง”
โอกินก้มหน้าลงร้องไห้ ขณะที่กำลังคิดอยู่ในใจว่าถ้ามุนิไซพ่อของนางยังอยู่คงไม่เป็นอย่างนี้นั้นเอง ก็มีเสียงดังปังมาจากทางประตูด้านชานระเบียง ไม่ใช่เสียงลมแน่...โอกินรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าคนดังอยู่นอกประตูตรงนั้น
“เอ๊ะ ?”
แม่เฒ่าโอซุงิอุทานทำตาวาว โอซือผลุดลุกขึ้นยืน---อึดใจต่อมา ทุกคนก็ได้ยินเสียงคำรามกึกก้องเหมือนเสียงสัตว์ป่าเป็นที่สุด ตามมาด้วยเสียงใครอีกคนร้องว่า
“เฮ้ยจับมัน จับให้ได้”
จากนั้นก็มีเสียงคนวิ่งสุดฝีเท้ากวดกันคึ่ก ๆ ไปรอบตัวเรือน เสียงต้นไม้หัก เสียงกอไผ่สั่นไหวราวถูกพายุ...เสียงรุนแรงเช่นนั้นแสดงว่าไม่ได้มีแค่คนหนึ่งสองคน
“เจ้าทาเกโซแน่”
แม่เฒ่าโอซุงิผลุดลุกขึ้นยืน จ้องมองไปที่คอเสื้อกิโมโนของโอกินที่นั่งก้มหน้าร้องไห้สะอื้นอยู่
“เห็นไหม...เธอซ่อนน้องชายเอาไว้อย่างที่ฉันคิดจริง ๆ คงคิดละซีนะว่าจะตบตาแม่เฒ่าโอซุงิคนนี้ไปตลอด เธอจะมีเหตุผลยังไงก็ตามที แต่จำเรื่องวันนี้เอาไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน”
ว่าแล้วนางก็สะบัดหน้าเดินไปเปิดประตูชานระเบียง และพอชะโงกหน้าออกไปดูข้างนอกแม่เฒ่าโอซุงิก็ผงะ หน้าถอดสี
ชายหนุ่มคนหนึ่งใส่เกราะกันหน้าแข้งนอนแผ่หลาตายอยู่ตรงนั้น เลือดสดยังไหลออกมาจากจมูกและปาก ดูลักษณะแล้วเหมือนถูกฟันด้วยอาวุธคล้ายดาบไม้...ดาบเดียวสิ้นใจตาย
3
“ใคร...ใครมาถูกฆ่าตายอยู่ตรงนี้”
แม่เฒ่าโอซุงิร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษามนุษย์
“อะไรเจ้าคะ ?”
โอซือฉวยโคมไฟปราดออกไปที่ชานระเบียง และมองลงไปที่พื้นดินอย่างหวาด ๆ
โอซือตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเห็นศพ แต่ก็โล่งอกเมื่อเห็นว่าคนที่นอนตายอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ทั้งทาเกโซและมาตาฮาจิ แต่เป็นนักรบที่ไม่คุ้นหน้า
“ใครเป็นคนฆ่า”
แม่เฒ่าโอซุงิพึมพำก่อนหันขวับมาที่โอซือชวนกลับทันทีบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องของบ้านนี้ โอซือสงสารโอกินจับใจที่ถูกแม่เฒ่าโอซุงิรักลูกชายจนหน้ามืดตามัว มาด่าว่าเอาเจ็บ ๆ แสบ ๆ ถึงบ้าน คิดว่าพี่สาวของทาเกโซคนนี้คงจะมีเรื่องอะไรในใจจึงอยากไต่ถามและปลอบโยน จึงบอกให้แม่เฒ่ากลับไปก่อนแล้วนางจะตามไปทีหลัง
“งั้นก็เชิญตามสบาย”
แม่เฒ่าสะบัดเสียงอย่างไม่มีเยื่อใย แล้วเดินออกจากตัวเรือนไปคนเดียว
“โคมไฟเจ้าค่ะ”
โอกินบอกด้วยใจอารี
“ไม่ต้อง แม่เฒ่าบ้านฮนอิเด็นยังไม่ถึงกับสติเสื่อมจนต้องเดินถือโคมไฟส่องทาง”
แม่เฒ่าดื้อดึงถือทิฐิไม่ยอมแพ้สองสาว พอออกไปพ้นตัวเรือนก็ถลกชายกิโมโนขึ้นมาเหน็บไว้ที่เอวแล้วออกเดินดุ่ม ๆ ฝ่าหมอกทึบยามดึกไปที่ประตูรั้ว และทันทีที่ก้าวพ้นออกมาจากบ้านตระกูลชินเม็นนั้นเอง
“ช้าก่อนแม่เฒ่า”
แม่เฒ่าโอซุงิหยุดชะงักด้วยความตกใจเมื่อคิดว่าเจอกับคนที่นางไม่อยากเกี่ยวข้องที่สุดเข้าให้แล้ว เงาคนถืออาวุธครบมือเคลื่อนเข้ามาใกล้จนเห็นได้ชัดว่าเป็นนักรบที่ไม่เคยเห็นหน้าในหมู่บ้าน
“เพิ่งออกมาจากบ้านตระกูลชินเม็นเดี๋ยวนี้เองใช่ไหม”
“ใช่”
“เป็นคนบ้านนี้รึ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” นางตอบพร้อมกับโบกไม้โบกมือพัลวัน
“ฉันเป็นแม่เฒ่าบ้านนักรบฟากโน้น”
“ถ้าอย่างนั้น แม่เฒ่าก็คือแม่ของฮนอิเด็น มาตาฮาจิ ที่ออกไปรบที่เซกิงาฮาระกับชินเม็น ทาเกโซ น่ะซี”
“ใช่...แต่ลูกชายข้าไม่ได้ยินยอมพร้อมใจไปหรอกนะพ่อหนุ่ม มาตาฮาจิไปเพราะถูกเจ้าเด็กเกเรมันหลอก”
“ใครคือเด็กเกเร”
“ก็เจ้าทาเกโซจอมป่วนยังไงล่ะ”
“ที่หมู่บ้านก็ชื่อเสียงไม่ดีขนาดนั้นเลยรึ”
“พ่อหนุ่มไม่รู้อะไร เจ้านี่มันเป็นนักเลงเกกมะเหรกเกเรเป็นที่สุด ไม่มีใครเอามันอยู่มือได้ทั้งในหมู่บ้านนี้หรือที่ไหน ลูกชายข้าไปคบมันเป็นเพื่อน คนในตระกูลก็พลอยถูกเกลียดชังไปด้วย ข้าเองต้องร้องไห้ด้วยความช้ำใจไม่รู้ว่าเท่าไรต่อเท่าไรแล้ว”
“ลูกชายของแม่เฒ่าคงจะตายในสนามรบแล้วละ แต่อย่าเสียใจไปเลยข้าจะล้างแค้นคนที่หลอกลูกแม่เฒ่าไปตายให้เอง”
“แล้วเจ้าเป็นใคร”
“ข้าเป็นนักรบฝ่ายโทกุงาวะที่เข้ายึดครองปราสาทฮิเมจิหลังสงคราม เราได้รับคำสั่งให้ตั้งด่านตรวจผู้คนที่เดินทางผ่านเขตแดนของแว่นแคว้น แล้วเจ้าหนุ่มตระกูลนี้---“
นักรบชี้ไปที่กำแพงดินด้านหลัง
“ชื่อทาเกโซแหกประตูด่านของเราหนีมา สายของเราสืบได้ความว่าเป็นนักรบตระกูลชินเม็นแห่งอิงะ ที่ร่วมรบในกองทัพของขุนศึกอุกิตะ พวกข้าจึงออกตามตัวมาจนถึงหมู่บ้านมิยาโมโตะแห่งนี้---แต่เจ้าหนุ่มร่างกายแข็งแรงบึกบึนอย่างน่าเกรงขามยิ่งนัก เดินบ้างวิ่งบ้างหลายวันแล้วกำลังก็ยังไม่ตกให้เราเข้าล้อมจับได้ง่าย ๆ”
“อย่างนี้นี่เอง”
แม่เฒ่าโอซุงิพยักหน้า เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมเจ้าเด็กเกเรทาเกโซจึงได้มาทำลับ ๆล่อ ๆ ให้โอซือเห็นในงานสรงน้ำพระที่วัด ชิปโปจิ และไม่กล้าเข้าใกล้พี่สาว ในเวลาเดียวกันก็เคียดแค้นชิงชังทาเกโซนักที่รอดชีวิตกลับมาคนเดียว โดยมาพา มาตาฮาจิลูกชายสุดที่รักของนางกลับมาด้วย
“นี่แน่ะท่านนักรบ ถึงเจ้าทาเกโซจะแข็งแรงบึกบึนเพียงไร พวกเจ้าก็จะต้องจับมันได้ แน่นอน”
“ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะแม่เฒ่า กำลังพลของเราก็มีอยู่น้อยคน จะบุกเข้าล้อมจับหลายทีแล้วแต่ก็ไม่ได้จังหวะสักที พอตกลงใจส่งกองหน้าเข้าไปชิมลาง ก็เสียท่าถูกมันฆ่าตายไปคนหนึ่ง”
“ข้ามีเคล็ดลับจะบอกเจ้า เงี่ยหูมาซิ”
4
อยากรู้เสียจริงว่าแม่เฒ่ากระซิบอะไร
“เข้าใจละ ขอบใจนะแม่เฒ่า”
นักรบหนุ่มจากปราสาทฮิเมจิผู้ทำหน้าที่ควบคุมด่านตรวจพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน และฮึกเหิมขึ้นทันควัน
“ต้องทำอย่างที่บอกตั้งแต่ต้นจนจบทีเดียวนา”
แม่เฒ่าสำทับก่อนเดินจากไป
---นักรบคนนั้นไม่รอช้า รีบเรียกพรรคพวกสิบสี่สิบห้าคนมารวมตัวกันที่ประตูรั้วด้านหลังของบ้านตระกูลชินเม็น แล้วกระซิบสั่งความให้รู้ทั่วกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันปีนรั้วเข้าไปภายในบริเวณบ้านและจู่โจมเข้าไปทางทุกช่องประตูของตัวเรือน
นักรบร่างใหญ่แต่ละคนหน้าตาทะมึงถึงน่ากลัวบุกเข้าไปยืนจังก้าอยู่เต็มห้องที่ผู้หญิงสองคน---โอซือกับโอกิน—กำลังปลอบโยนเช็ดน้ำตาให้กันภายใต้แสงวอมแวมของตะเกียงเทียน
“ว๊าย !!”
โอซือกรีดเสียงด้วยความตกใจและหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว แต่โอกินไม่พรั่นพรึงสมกับที่เป็นลูกสาวมุนิไซนักรบลือนาม นางกวาดตามองผู้บุกรุกด้วยสายตาแข็งกร้าว
“คนไหนเป็นพี่สาวของทาเกโซ”
นักรบคนหนึ่งในกลุ่มตะคอกถาม
“ฉันนี่แหละจะทำไม” โอกินตะคอกตอบ “พวกแกถือดียังไงถึงได้บุกเข้ามาในบ้านฉันโดยพละการเช่นนี้ ถ้านึกว่าเป็นบ้านผู้หญิงจะเข้ามาวางอำนาจอย่างไรก็ได้ละก็ ขอบอกก่อนว่าฉันยอมไม่ได้แน่นอน”
เมื่อโดนผู้หญิงว่าเอาตรง ๆ เช่นนั้น นักรบที่สนทนากับแม่เฒ่าเมื่อครู่ก่อนและท่าทางเป็นหัวหน้าจึงหน้าตึงขึ้นมา ชี้นิ้วไปที่โอกินแล้วสั่งลูกน้องว่า
“คนนี้แหละโอกิน จับตัวเอาไว้”
แต่ก่อนที่ใครจะไหวตัวทำอะไร บ้านก็สั่นไหวไปทั้งหลังและดวงไฟดับมืดลงทันใด โอซือกรีดร้องกลิ้งตกลงไปที่สวน ในพริบตาเดียวกับที่นักรบร่างกำยำสิบกว่าคนกระโจนเข้าใส่โอกินที่เหลืออยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว หมายจับมัดด้วยเชือก แต่ไม่ใช่ว่าทำได้ง่าย ๆ เพราะโอกินสู้เต็มที่ด้วยกำลังที่แข็งแรงเกินหญิง---แต่สู้อยู่ได้แค่อึดใจเดียวก็ถูกเตะลงไปล้มกลิ้งไม่เป็นท่าอยู่กับพื้น
แย่แล้ว---
ฝ่ายโอซือ พอลุกขึ้นได้ก็ออกวิ่งไปในความมืดมิดของยามดึกอย่างไม่คิดชีวิต มุ่งหน้าไปทางวัดชิปโปจิ การจู่โจมอย่างป่าเถื่อนของเหล่านักรบ ทำให้เด็กสาวผู้อ่อนต่อโลกเพราะคุ้นเคยกับชีวิตที่มีแต่สันติ ตกใจแทบสิ้นสติ
พอวิ่งมาถึงตีนเขาทางขึ้นวัด
“อ้าว โอซือ ไปทำอะไรมา”
ใครคนหนึ่งร้องทักออกมาจากเงามืด พระชูโอ ทากูอันนั่นเอง
“อาตมารออยู่นาน เห็นค่ำมืดแล้วไม่กลับมาซักที ก็เลยเป็นห่วงว่าอาจเกิดอะไรขึ้น กำลังจะออกตามหาอยู่พอดี อ้าว...แล้วนั่นทำไมถึงได้เดินเท้าเปล่า”
พระทากูอันมองไปที่เท้าเปลือยขาวผ่องทั้งคู่ของโอซือ จึงแทบตั้งตัวไม่ทันเมื่อโอซือร้องไห้พลางโถมเข้ามากอดเอาไว้แน่น
“หลวงพี่ทากูอัน แย่แล้ว...ฮือ ฮือ...แย่แล้ว ทำยังไงดี”
พระทากูอันใจเย็น ไม่ตื่นตกใจอะไรง่าย ๆ ตามเคย
“แย่รึ ? โลกเรานี้มีอะไรแย่ด้วยรึ โอซือ...อย่าเอาแต่ร้องไห้ไปเลย เล่าให้หลวงพี่ฟังทีซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“พวกนั้นมาจับตัวโอกินที่บ้านชินเม็นน่ะหลวงพี่ ฮือ...ฮือ แล้วฉันจะทำยังไง มาตาฮาจิไม่กลับมา โอกินคุณพี่ใจดีของฉันก็ถูกจับ...ฮือ ฮือ แล้วฉันจะอยู่ยังไงล่ะหลวงพี่”
โอซือซุกตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดอยู่กับอกของพระทากูอัน