xs
xsm
sm
md
lg

ฆาตกรรม(ไม่)ต่อเนื่อง-ใครฆ่าใคร ตอนที่ 18 เหยื่อรายที่เจ็ด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์

สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...

วันที่ 3 สิงหาคม
ระยะนี้ ช่วงเที่ยงผมจะไปที่อนเซ็น อาศัยความเงียบสงบของบ้านพักแรมที่นั่นเขียนหนังสือ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเรือนฝรั่งของคฤหาสน์อุตางาวะก็เงียบดีหรือบางทีอาจเงียบกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กมั่นคงแข็งแรง เวลาอยู่ในนั้นแทบไม่ได้ยินเสียงจากภายนอก

ผมเหนื่อยเต็มทีกับชีวิตจำเจที่คฤหาสน์มากกว่าต้องการความสงบเงียบ หลังเกิดเหตุฆาตกรรมที่ทำให้คนในกลุ่มทยอยกันไปทีละคนสองคนโดยที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุนั้น ต่างคนดูเหมือนจะไม่รู้ว่าคนในกลุ่มคิดอะไรกันยังไง พอพบหน้ากันก็รู้สึกอึดอัดไม่มีแก่ใจที่จะเฮฮากันเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้ผมจึงปลีกตัวหลบไปอยู่ที่ออนเซ็น

ผมไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้นเพราะหมู่นี้ในช่วงกลางวันเห็นหาโอกาสไปนอกบ้านกันแทบทุกคน ที่นั่งรถประจำทางเข้าไปในเมืองก็มี อย่างนายทังโงะที่ไปเล่นหมากล้อมกับคนในหมู่บ้าน คาซุมะซึ่งเป็นคนจิตใจอ่อนไหวและหงุดหงิดง่ายอยู่แล้วยิ่งอยู่ไม่ติดที่ เห็นหาเรื่องออกไปไหน ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน คนที่ไม่ออกไปไหนเลยเห็นจะมีแค่สองคนคือนายปิก้ากับทนายคามิยามะที่ตั้งหน้าตั้งตาแทงบิลเลียดพนันเอาเงินกันอย่างเอาเป็นเอาตายทุกวัน แต่ฝีมืออยู่ในระดับเท่าเทียมกันประมาณสามร้อยจึงกินกันไม่ขาด บางครั้งดอกเตอร์โคเซจะเข้าไปร่วมวงด้วย ฝีมือบิลเลียดของนายคนนี้ไม่แพ้และก็ไม่ด้อยกว่าใครเสียด้วย เรื่องเล่นละก็ต้องยกให้คนหนึ่งไม่ว่าจับอะไรจะต้องเก่งไปหมด เรื่องการพนันก็ไม่ใช่ย่อยเรียกว่าเป็นนักพนันมาตั้งแต่เกิดเห็นจะได้ เมื่อคืนผมได้ยินนักบิลเลียดสามคนนั่นปรึกษากันว่าวันนี้จะเล่นกันทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงเย็น เพื่อเอาแพ้เอาชนะกันให้เด็ดขาด จะหมดตัวหรือยังไงก็ให้มันรู้กัน ทั้งสามดูกระเหี้ยนกระหือรือกันมาก ทนายคามิยามะลุกขึ้นมาเตรียมตัวเตรียมใจให้สดชื่นผ่องใสตั้งแต่เช้า

เคียวโกะออกไปซื้อของที่เมือง N ตั้งแต่เช้าบอกว่าจะแวะเยี่ยมคนที่รู้จักกันมานานคนหนึ่งด้วย

ราวเก้าโมง ขณะที่ผมกำลังจะออกไปอนเซ็นก็ถูกคุณนายอายากะเรียกเอาไว้

“คุณยาชิโระ คอยเดี๋ยวค่ะ” ผมหันไปเห็นเธอทำตาวาว “วันนี้คิดว่าจะไปแช่อนเซ็นซักหน่อย พาฉันไปด้วยคนนะ”

“แต่วันนี้วันอาทิตย์ ผมว่าคนอาจแน่นก็ได้”

“คุณก็พูดไปเรื่อย นี่เราอยู่ในป่าบนภูเขาไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวซักหน่อย วันอาทิตย์น่ะรึหรือจะแน่น”

ก็อาจจะจริงแต่ก็ไม่แน่นักเพราะเมื่อวันก่อนคุณนายก็ขอตามผมไปอนเซ็นแบบนี้ แต่เผอิญไปเจอเอาวันที่คนแน่นกว่าเคย ออกจะเอะอะจนผมทำงานไม่ได้ คุณนายอายากะไม่ได้แช่อนเซ็นดังที่ตั้งใจมาเพราะบ่อแช่น้ำแร่ร้อนที่เป็นบ่อแบบแช่รวมกันชายหญิงนั้นมีคนเต็มตลอดเวลา อนเซ็นตามป่าเขาไม่เหมือนกับอนเซ็นในเมือง เพราะคนที่มาส่วนใหญ่มุ่งมาแช่น้ำแร่ร้อนเพื่อบำบัดสุขภาพ เมื่อมาแล้วถ้าไม่แช่ให้คุ้มจะรู้สึกว่าขาดทุน ก็เลยขึ้น ๆ ลง ๆ แช่กันเกือบทั้งวันราวกับใช้ชีวิตอยู่ในอ่างน้ำแร่ร้อนนั้นเอง

เมื่อผมไม่แสดงท่าว่าขัดข้อง คุณนายก็ดีใจใหญ่รีบไปเอาชุดแช่อนเซ็นซึ่งมีสบู่และผ้าขนหนูเป็นต้นเดินตามผมมาต้อย ๆ

พอเดินมาถึงป่าต้นบุนะ ก็พบกับนายทังโงะในชุดกิโมโนแบบลำลองเดินแกว่งไม้เท้าอยู่ พอเราเดินเข้าไปใกล้และเห็นว่าผมมาด้วยกันสองต่อสองกับคุณนายคาโยโกะซึ่งถือชุดแช่อนเซ็นมาด้วย เขาก็ชายตามองมาพลางพูดเชิงเสียดสีว่า

“วันนี้คุณนายมาแปลก แต่ไหนแต่ไรไม่เห็นไปอนเซ็นกับเขา”

“คุณไปอนเซ็นกับเราไหมคะ”

“พอดีวันนี้เขาขัดแข่งหมากล้อมกันที่บ้านท่านหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์”

“อ้าวบ้านท่านอยู่ทางนี้ไม่ใช่รึคะ”

“ใช่ คือว่า...ความจริงผมเป็นคนชอบเล่นหมากล้อม แต่ถ้าจะแข่งขันกันละก็ผมไม่เอาด้วย อะไรก็ถามถ้าจัดให้มีการแข่งขันมันจะต้องยุ่งยากไปหมด ก็เพราะอย่างนี้แหละใจคิดว่าจะไปแข่งกับเขา แต่ขากลับเดินไปทางตรงกันข้ามเสียอย่างงั้นแหละครับ”

“อย่างนี้เขาเรียกว่าคนขวางโลกมาแต่กำเนิด ไหน ๆ ขาก็พาคุณมาจนถึงนี่แล้วไปอนเซ็นด้วยกันดีกว่าไหม”

“คุณพูดอย่างนี้ ขาผมก็ตามใจของมันอีกละ”

ว่าแล้วนายทังโงก็เดินเลี้ยวออกจากทางเดินในป่าต้นบุนะเข้าไปในป่าที่ไม่มีทางเดิน


“แปลกมนุษย์จริง ๆ “

“ผมว่าอย่าไปคบหาจริงจังด้วยดีกว่าครับ คนขวางโลกแบบนั้นถ้าเราบอกว่าขาวเขาจะบอกว่าดำ อย่างนั้นจริง ๆ “

อนเซ็นวันนี้แทบจะไม่มีคนอื่นนอกจากเรา ลักษณะพิเศษของการมาแช่อนเซ็นตามบ้านนอกคือปกติจะไม่มากันสองคนสามคนแต่จะยกครอบครัวมากันเลยทีเดียวและ ถ้ามากันครอบครัวหนึ่งบ้านพักแรมก็แน่นพอดีไม่มีที่เหลือสำหรับแขกอื่น

เมื่อไม่มีคนอื่นคุณนายอายากะก็เลยลงแช่อ่างน้ำแร่ร้อนคนเดียวตามสบายไม่ต้องขอให้ใครคอยเฝ้าดู เผื่อว่าจะมีคนอื่นเข้ามาจะได้ขึ้นจากน้ำ คุณนายแช่อนเซ็นอยู่ราวครึ่งชั่วโมงก็มาเยี่ยมหน้าดูผมที่กำลังเขียนหนังสืออยู่ในห้อง

“ห้องดูดีมากเลยนะคะสำหรับบ้านพักแรมบ้านนอกอย่างนี้”

“มีห้องที่เรือนเล็กนี่ห้องเดียวครับที่เขาจัดไว้เป็นพิเศษ”

ห้องนี้อยู่ริมลำธารที่ไหลผ่านหุบเขา คนจับปลาส่งเสียงขอโทษอย่างสุภาพก่อนพายเรือผ่านหน้าต่างห้องผมลงไปตามลำน้ำ

“อ้างตรงนี้เป็นทางเดิน ไม่ใช่สวนหรอกรึคะ”

“บ้านในภูเขาก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นสวนตรงไหนเป็นทางเดิน ดูตรงนั้นซิเห็นทางลงไปที่หุบเขาไหม ข้างล่างนั่นมีแอ่งน้ำลึกเป็นแหล่งตกปลามีชื่อของแถบนี้ ผมซื้อเบ็ดตกปลาไว้เรียบร้อยแล้วด้วยนะ ระหว่างทำงานอยู่นาน ๆ ทีก็จะลงไปตกปลาตรงนั้น”

“แล้วตกได้บ้างไหมคะ”

“ยังไม่ได้สักตัว มันไม่ได้จังหวะเวลาน่ะครับ แล้วอีกอย่างเครื่องมือตกปลาที่ซื้อจากบ้านพักแรมนี่เป็นของคุณภาพต่ำราคาถูก จะใช้ตกปลาดี ๆ อย่างปลาอายุ ปลายามาเบะอะไรพวกนั้นคงไม่ไหว”

“ถ้าตกได้อย่าลืมเอามาให้ฉันดูด้วยแล้วกัน วันนี้ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

ว่าแล้วคุณนายอายากะก็กลับไป

การมีคนตามมาด้วยมาชวนคุยแล้วก็กลับไปอย่างนี้ทำให้ผมไม่มีสมาธิทำงานแล้วก็พลอยจับทำอะไรไม่ถูก ลงไปหย่อนเบ็ดตกปลาก็ไม่ได้เรื่อง หลังอาหารกลางวันผมหลับไปงีบหนึ่งตื่นขึ้นมาทำงานไปได้ไม่เท่าไรก็ตกลงใจกลับคฤหาสน์

คณะพรรคสี่ห้าคนทยอยกันกลับมาในช่วงสองทุ่มถึงสองทุ่มครึ่ง ตามเวลารถยนต์ที่ให้บริการประจำทางไปกลับจากเมือง N ซึ่งเที่ยวสุดท้ายมีกำหนดถึงปลายทางทั้งสองฟากราวทุ่มหนึ่ง แต่รถโดยสารประจำทางตามบ้านนอกมักจะออกจะถึงไม่ตรงดังนั้นเวลาจะไปไหนมาหาต้องเผื่อเวลาราวครึ่งชั่วโมงเสมอ

ระยะนี้คนที่คฤหาสน์มักจะอยู่บ้านไม่ติดออกไปไหนมาไหนกันตลอด หลายคนกลับมาระหว่างเวลาอาหารค่ำ ซึ่งจะต้องจับรถโดยสารเที่ยวสุดท้ายที่ออกจากเมือง N ราวห้าโมงเย็นเพื่อจะได้มาถึงหมู่บ้านราวหนึ่งทุ่ม หลังจากนั้นถ้ามาไม่ทันและต้องกลับให้ได้ก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากมาก จากหมู่บ้านถึงคฤหาสน์ถ้าเดินด้วยฝีเท้าผู้ชายอย่างเร่งรีบหน่อยก็จะมาถึงได้ในราวหนึ่งชั่วโมง

วันนั้นคนที่กลับมาด้วยรถโดยสารเที่ยวสุดท้ายจากเมือง N มีสามคนคือ นายโมคุเบ เคียวโกะ และคิโซโนะเมียทนาย ส่วนคาซุมะกับนายทังโงะกลับมาจากเมือง F ด้วยรถเที่ยวสุดท้ายเช่นกัน รถประจำทางสายนี้แล่นไปกลับระหว่างเมือง N กับเมือง F โดยมีหมู่บ้าน N อยู่เกือบกึ่งกลางเส้นทางเดินรถ ดังนั้นไม่ว่าจะขึ้นจากเมือง N หรือเมือง F ก็ต้องใช้เวลาพอ ๆ กันคือเกือบสองชั่วโมง

รถประจำทางออกจากเมือง F ช้ากว่ากำหนด คาซุมะกับนายทังโงะจึงกลับถึงคฤหาสน์ประมาณสองทุ่มครึ่ง นึกว่ากลับกันมาครบแล้วแต่มองไปมองมาไม่เห็นหน้าคุณนายอากิโกะ ผมจึงถามคาซุมะอดีตสามีของเจ้าหล่อนว่า

“คุณนายอากิโกะไม่ได้ขึ้นบัสมากับเราด้วยรึ” ก็ได้รับคำตอบว่าไม่เห็นขึ้นมา เคียวโกะบอกผมว่า

“หมอเอบิสึกะดูเหมือนจะขึ้นรถเที่ยวสุดท้ายจากเมือง N วันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงไม่ต้องไปตรวจคนไข้ที่คลินิก ฉันเห็นนางพยาบาลโมโรอิในเมือง แต่ไม่ได้ขึ้นรถเที่ยวสุดท้ายมาด้วยกัน”

“ทังโงะไม่ได้ไปแข่งหมากล้อมกับเขาก็เลยไปเมือง F งั้นรึ”

“ใช่ ก็เพราะคุณน่ะซี ฉันถึงต้องไปอนเซ็น”

“เอ คุณนายอากิโกะไปไหนนะ” คุณโคโจดาราดวงเด่นทำหน้าพิศวง “วันนี้เราไปร่วมงานการบรรยายและสาทิศของสมาคมเยาวชนและสมาคมสตรีของหมู่บ้าน คุณโคโรกุบรรยายช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายฉันทำหน้าที่เป็นคนสาทิศวิธีแต่งหน้าและอะไร ๆ อีกหลายอย่าง ตอนเราออกจากบ้านราวเก้าโมงเช้า รู้สึกว่าคุณนายอากิกะจะทำงานอยู่ในห้องส่วนตัว คงจะเหนื่อยแล้วนอนกลางวันหลับเพลินไปก็ได้ ฉันจะขึ้นไปดูนะ”

คุณโคโจว่าแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ไม่นานก็กลับมารายงานว่าในห้องมีแต่กระดาษที่เขียนเรื่องค้างไว้แต่ไม่เห็นตัวเจ้าของห้อง

สารวัตรตาเหยี่ยวปรากฏตัวเมื่อทุกคนรับประทานอาหารค่ำเพิ่งจะเสร็จ พอเห็นนายตำรวจทนายคามิยามะก็ร้องทักและบอกว่า

“สารวัตรครับ สงสัยว่าจะเกิดคดีขึ้นอีกแล้ว”

“อะไรนะครับ อย่ามาขู่ผมเล่น ๆ เพิ่งจะรู้ว่าคุณนี่ก็เป็นพวกที่ชอบมโนอะไรเรื่อยเปื่อยคนหนึ่งเหมือนกัน”

“จะไม่ให้ผมคิดอย่างนั้นได้ยังไง ก็จนป่านนี้แล้วเราหาตัวคุณอุซุงิ อากิโกะไม่เจอนี่ครับ ผู้ใหญ่หลงทางเวลาไปแปลกถิ่นอาจเป็นเรื่องน่าขำแต่ก็ช่วยไม่ได้ แต่นี่ในบ้านนะครับ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าใครเขาหลงทางในบ้านกันบ้าง”

“อย่างนี้นี่เอง คุณนายหายไปตั้งแต่เมื่อไรครับ”

“มาดามโคโจเป็นคนเห็นคุณนายอากิโกะเป็นคนสุดท้ายเมื่อเก้าโมงเช้าวันนี้ บอกว่าเห็นคุณนายอากิโกะทำงานอยู่ในห้องส่วนตัว ผมไม่ได้สนใจอะไรเพราะแทงบิลเลียดอยู่กับคุณปิก้าและดอกเตอร์โคเซอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนคนอื่น ๆ อย่างคุณคาซุมะกับคุณทังโงะไปเมือง F คุณโมคุเบ คุณเคียวโกะกับคิโซโนะภรรยาผมไปเมือง N แต่เอ๊ะ...คุณยาชิโระล่ะ”

“ผมออกไปอนเซ็นกับคุณนายอายากะเมื่อราวเก้าโมงเช้า”

“ครับ...อย่างนี้ก็เท่ากับว่าออกไปข้างนอกกันทุกคน เพราะเราสามคนกลุ่มแทงบิลเลียดนั้นอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่มีความหมายอะไร แต่เอ...ชักไม่ได้การ ใครรู้บ้างไหมคุณนายอากิโกะเธอออกไปไหนและออกไปตั้งแต่เมื่อไร”

เมียเจ้าของร้านสึโบเฮที่เผอิญอยู่ตรงนั้นบอกว่า

“ดิฉันเห็นคุณนายอากิโกะออกไปข้างนอกตอนราวเก้าโมงครึ่งถึงสิบโมงค่ะ”

“เห็นที่ไหน”

“ที่ห้องใหญ่ค่ะ ใช่...ใช่ คุณนายแวะมาดื่มน้ำที่ห้องครัว ดิฉันเลยถามว่าจะไปข้างนอกหรือคะ คุณนายบอกว่าใช่ จะไปเดินเล่นสักหน่อย และก็รู้สึกว่าจะออกไปข้างนอกจากห้องกินข้าวทั้ง ๆ ที่ใส่รองเท้าแตะค่ะ”

“แล้วตอนอาหารกลางวันล่ะ”

“จะว่าไปตอนอาหารกลางวันไม่เห็นนะคะ ดิฉันเตรียมอาหารอยู่ในครัว ถ้าคุณนายกลับเข้ามาก็จะต้องเยี่ยมหน้าเข้ามาถามว่ามีอะไรกินบ้าง หิวเต็มทีอะไรแบบนี้”

วันรุ่งขึ้น มีคนพบศพคุณนายอากิโกะจมน้ำตายอยู่ในแอ่งน้ำตกลึกเข้าไปในภูเขามิวะ
[ตัวละครในเรื่องที่ตายไปแล้ว 7 คน]
วานิ โมจิซึกิ แขกรับเชิญของทามาโอะ
อุตางาวะ ทามาโอะ ลูกสาวอุตางาวะ ทามอน น้องของคาซุมะ
อากิระ อุสึมิ กวีหลังค่อมแขกรับเชิญของทามาโอะ
ชิงุซะ หญิงขี้ริ้วลูกสาวนางยูระ นางุโมะอาของคาซุมะ
คาโยโกะลูกสาวอุตางาวะ ทามอนเกิดจากหญิงรับใช้
อุตางาวะ ทามอน
อุสึงิ อากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ อยู่กับโมคุเบ


กำลังโหลดความคิดเห็น