จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
ร่างไร้วิญญาณของคุณคาโยโกะถูกเคลื่อนย้ายออกไป พวกเรากับสองสามีภรรยาจากร้านสึโบเฮกับยาเอะสาวใช้ถูกกักตัวอยู่ในห้องใหญ่ ส่วนห้องอาหารและห้องครัวถูกปิดสนิทไม่ให้ใครเข้าไป
ทีมพิสูจน์หลักฐานของสารวัตรตาเหยี่ยวที่ปฏิบัติงานบนพื้นที่เกิดเหตุฆาตกรรมเสร็จสิ้น เดินตามชิซุเอะหญิงรับใช้กับ โมโรอินางพยาบาลเข้ามาในห้องใหญ่สามทุ่มกว่าเล็กน้อย โดยแวะเข้าไปดูในห้องครัวและห้องรับประทานอาหารก่อนเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา
“คืนนี้เราจำเป็นต้องรบกวนให้ทุกท่านอยู่ร่วมสนทนาด้วยกันอีกแล้ว แม้จะสำนึกอยู่เสมอว่าไม่ค่อยจะมีสมรรถภาพสักเท่าไรแต่ก็พอจะเอาชนะเหล่าร้ายได้ พอมาเจอครั้งนี้เข้ารู้สึกว่าคู่ปรับของเราดูเหมือนจะอยู่ในระดับปีศาจอัจฉริยะเลยทีเดียว”
ท่าทางของสารวัตรตาเหยี่ยวออกจะตื่นเต้นอยู่สักหน่อย ดูอาจหาญฮึกเหิมเกือบจะเกินวัยเลยทีเดียว
“เย็นวันนี้ เกิดเหตุฆาตกรรมสองรายขึ้นในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่”
“สองราย ?”
คุณนายอากิโกะร้องออกมาอย่างลืมตัว สารวัตรจมูกมดพยักหน้า
“ใช่ครับสองราย คือท่านอุตางาวะ ทามอนกับคุณคาโยโกะ และเป็นการฆ่าด้วยวิธีเดียวกันคือผสมยาพิษในอาหาร คุณคาโยโกะตายด้วยสารหนู ส่วนท่านทามอนถูกฆ่าด้วยมอร์ฟีน”
ทุกคนตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก ท่านทามอนตายด้วยมอร์ฟีนที่ผสมอยู่ในขนมพุดดิ้งไม่ใช่ในกาแฟอย่างที่ควรจะเป็น
สามีภรรยาจากร้านสึโบเฮถูกสอบปากคำเป็นคู่แรก ท่านทามอนหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ และได้โปรตีนจากพวกปลาแต่เพียงจำกัดไม่กี่อย่าง อาหารที่ท่านกินจึงต่างจากของพวกเรา คืนนั้นสำรับของท่านมีปลาอายุย่างเกลือ ซาชิมิปลาโค่ย ซุป เต้าหู้ กับผักลวกปรุงรส
ตามปกติหลังอาหารเย็นท่านทามอนกินพุดดิ้ง ส่วนอาหารกลางวันกินเยลลี่เป็นของหวาน โดยตั้งแต่ย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิปีนี้คุณนายอายากะลูกสะใภ้ของท่านเป็นคนทำให้
ตำรวจพบว่ามอร์ฟินถูกต้มรวมลงไปในพุดดิ้งไม่ได้ใส่ลงไปทีหลัง
“นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเป็นไปได้ยังไง ระหว่างที่ฉันทำพุดดิ้งไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้ทิ้งห่างไปไหนด้วย ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยค่ะ”
“คุณนายทำพุดดิ้งเมื่อไรครับ”
“คิดว่าราว ๆ สี่โมงเย็นเห็นจะได้ มีตำรวจมาที่บ้านบอกว่าอยากพบคุณยาชิโระ ดิฉันจึงรับอาสาพาไปที่ห้อง ยังพบกับคุณคาโยโกะที่นั่นแล้วทักทายกัน แล้วก็ขอตัวเข้าครัว ฉันลงมือทำพุดดิ้งเป็นอย่างแรกแล้วเก็บเข้าตู้เย็น”
“คุณนายคะ บางทีต้นเหตุอาจเป็นน้ำตาลก็ได้”
ภรรยาร้านสึโบเฮสอดขึ้น คุณนายอายากะทำตาโตเป็นประกายมองไปที่ผู้พูด
“น้ำตาล มีปัญหาอะไรหรือครับ”
สารวัตรตาเหยี่ยวถามขึ้น ภรรยาร้านสึโบเฮตอบว่า
“คุณท่านสุขภาพไม่ดีจึงไม่กินน้ำตาลธรรมดาเราจึงต้องใช้น้ำตาลจากหัวบีชปรุงอาหารเฉพาะสำหรับท่านคนเดียว เราใช้น้ำตาลจากโถที่จัดแยกไว้เป็นพิเศษเท่านั้นค่ะ”
ตำรวจรีบไปตรวจสอบน้ำตาล โชยุ และซอสสำหรับทำน้ำแกงในห้องรับประทานอาหารทันที และพบมอร์ฟีนปริมาณมากผสมอยู่ในโถน้ำตาลที่ใช้เฉพาะสำหรับทำอาหารให้ท่านทามอน มากขนาดที่ถ้าสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นได้ด้วยตา
โถน้ำตาลเป็นโถแก้วจุประมาณสามกิโลกรัม ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณครึ่งโถ ใช้ปรุงอาหารเรื่อยมาจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ไม่ปรากฏว่ามีอะไรผิดปกติ
“นอกจากใช้ทำพุดดิ้งแล้ว เอาไปใส่ในอาหารอื่นอีกบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ได้ใช้ในอาหารเย็นของท่านจานอื่น ๆ เลยครับ”
เจ้าของร้านสึโบเฮตอบอย่างเกรง ๆ ใบหน้าซีดขาว
“ก่อนทำพุดดิ้ง มีการใช้น้ำตาลโถนี้เมื่อไร”
“ใช้กับน้ำชาตอนอาหารกลางวันครับ อาหารกลางวันเป็นแซนด์วิช ผมจึงชงชาฝรั่งให้ คือใส่นมและน้ำตาลลงไปในชาแล้วต้ม”
“คงต้องใช้น้ำตาลมากพอดูทีเดียว”
“ก็...ใช่ครับ แต่คิดว่าใช้ปริมาณสมควรกับการทำพุดดิ้ง”
“ท่านทามอนรับประทานหมดไหมครับ”
เมื่อเห็นเจ้าของร้านสึโบเฮอึกอักตอบไม่ได้ ชิซุเอะสาวใช้จึงตอบแทนว่า
“รับประทานหมดเลยค่ะ”
“เธอเป็นคนดูแลท่านอยู่รึ”
“ค่ะ”
“หลังจากนั้นมีอะไรผิดปกติบ้างไหม”
“ไม่มีค่ะ”
“เธอเตรียมน้ำชาเมื่อไร”
“ท่านรับประทานอาหารตามเวลาที่กำหนด คืออาหารกลางวันเที่ยงครึ่ง และอาหารเย็นสองทุ่ม เราจะทำอาหารเตรียมไว้ให้ทันเวลา เพราะชิซุเอะจะมารับถาดอาหารที่ครัวก่อนเวลาอาหารราวสิบนาทีเสมอ ผมทำอาหารเสร็จก่อนเที่ยงครึ่ง สิบนาทีพอดี”
สารวัตรตาเหยี่ยวพยักหน้า
“ตั้งแต่เที่ยงยี่สิบถึงบ่ายสี่โมง มีใครแตะต้องโถน้ำตาลหรือเปล่า”
เจ้าของร้านสึบุเฮตัวสั่นงันงก
“ผมไม่รู้ ก็...คือ...ไม่ได้ดูอยู่ ไม่ได้ระวังอะไร”
“แล้วอยู่ในห้องอาหารตลอดหรือเปล่าล่ะ”
“ครับ...คือผมกลับไปพักผ่อนตอนกลางวันที่ห้องส่วนตัว แล้วก็งีบไปถึงราวบ่ายสามโมง คิดว่าเมียผมอยู่ในครัวเก็บอะไร ๆ ต่อจนถึงราวบ่ายโมงครึ่งครับ”
“ใช่ค่ะ ดิฉันล้างจานอยู่ แล้วคุณนายคามิยามะก็เข้ามาช่วย กว่าจะได้กลับห้องก็ราวบ่ายโมงครึ่งค่ะ”
“ระหว่างนั้นเห็นใครเข้าไปในครัวบ้างไหม”
“ปกติหลังอาหารกลางวันดูเหมือนว่าทุกท่านจะนอนกลางวันกัน น้อยครั้งมากที่จะมีใครเข้ามาในครัว หลังจากที่เราสองคนเข้าครัวราวบ่ายสามโมงกว่า ๆ หลายคนจึงทยอยเข้ามา ก็มีคุณผู้หญิง คุณนายอากิโกะ คุณนายยาชิโระ คุณทังโงะ คุณนายคามิยามะ และก็คนอื่น ๆ แต่ไม่มีใครแตะต้องโถน้ำตาลเลยค่ะ”
“หมายความว่าระหว่างบ่ายโมงครึ่งถึงบ่ายสามโมง ไม่มีใครอยู่ในห้องครัวสักคนเดียวใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แต่ราวบ่ายสองโมงเห็นจะได้ มีคนเอาปลาอายุมาส่ง และคุณโมโรอิเป็นคนรับมาให้”
“คุณรับปลานั้นมาใช่ไหม”
“เปล่าค่ะ คุณพยาบาลมาบอกด้วยปากที่หน้าประตูห้องว่าใส่ปลาไว้ในตู้เย็นแล้วก็กลับไป พวกคุณ ๆ ที่บ้านนี้รู้ดีว่าพวกคนรับใช้จะนอนกลางวันหลังอาหารเที่ยง ก็เกรงใจไม่รบกวนค่ะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวทำหน้าเครียดเหลือบมองไปทางนางพยาบาลโมโรอิ
“ได้ข่าวว่าคุณเลิกไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้วตั้งแต่สักระยะหนึ่งมาแล้วใช่ไหม”
“ก็ไปช่วงแปดโมงถึงสิบเอ็ดโมงครึ่งค่ะ พอดีมีเรื่องคุณชิงุซะเสียชีวิตและอาการของคุณนายยูระมารดาของเธอก็ยิ่งทรุดหนักลง ท่านก็เลยสั่งให้ช่วยดูแลอยู่ที่นี่ค่ะ”
นางพยาบาลโมโรอิพูดด้วยหน้าตาท่าทางเนิบ ๆ ไม่แคร์ใครตามเคยของหล่อน แม้แต่ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเรา ๆ ยังเปลี่ยนสีหน้าท่าทางไปตามแต่ว่ากำลังสนทนากับใคร แต่หล่อนผู้นี้เชิดหน้าเจรจาอย่างไม่สะทกสะท้านว่าคู่สนทนาจะเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ เป็นสารวัตรตาเหยี่ยว หรือว่าใคร ๆ
“คุณมีหน้าที่ไปรับปลาอายุจากคนส่งของหรือครับ”
“วันนั้น พอดีลูกจ้างบ้านนี้มีดิฉันคนเดียวที่ตื่นอยู่”
“ตอนนั้นในห้องครัวไม่มีใครอยู่เลยใช่ไหม”
“มีค่ะ มีอยู่คนหนึ่ง
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อายากะ ภรรยาคนปัจจุบันของคาซุมะ
อากิโกะ นักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยนายอุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
อุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ลูกญาติห่าง ๆ ที่นายอุตางาวะผู้อุปถัมภ์ให้เรียนหอมและมาประจำอยู่ที่หมู่บ้าน
โมโรอิ โคโตมิ นางพยาบาล
ชิงุซะ หญิงขี้ริ้วลูกพี่ลูกน้องของคาซุมะ
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
ร่างไร้วิญญาณของคุณคาโยโกะถูกเคลื่อนย้ายออกไป พวกเรากับสองสามีภรรยาจากร้านสึโบเฮกับยาเอะสาวใช้ถูกกักตัวอยู่ในห้องใหญ่ ส่วนห้องอาหารและห้องครัวถูกปิดสนิทไม่ให้ใครเข้าไป
ทีมพิสูจน์หลักฐานของสารวัตรตาเหยี่ยวที่ปฏิบัติงานบนพื้นที่เกิดเหตุฆาตกรรมเสร็จสิ้น เดินตามชิซุเอะหญิงรับใช้กับ โมโรอินางพยาบาลเข้ามาในห้องใหญ่สามทุ่มกว่าเล็กน้อย โดยแวะเข้าไปดูในห้องครัวและห้องรับประทานอาหารก่อนเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา
“คืนนี้เราจำเป็นต้องรบกวนให้ทุกท่านอยู่ร่วมสนทนาด้วยกันอีกแล้ว แม้จะสำนึกอยู่เสมอว่าไม่ค่อยจะมีสมรรถภาพสักเท่าไรแต่ก็พอจะเอาชนะเหล่าร้ายได้ พอมาเจอครั้งนี้เข้ารู้สึกว่าคู่ปรับของเราดูเหมือนจะอยู่ในระดับปีศาจอัจฉริยะเลยทีเดียว”
ท่าทางของสารวัตรตาเหยี่ยวออกจะตื่นเต้นอยู่สักหน่อย ดูอาจหาญฮึกเหิมเกือบจะเกินวัยเลยทีเดียว
“เย็นวันนี้ เกิดเหตุฆาตกรรมสองรายขึ้นในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่”
“สองราย ?”
คุณนายอากิโกะร้องออกมาอย่างลืมตัว สารวัตรจมูกมดพยักหน้า
“ใช่ครับสองราย คือท่านอุตางาวะ ทามอนกับคุณคาโยโกะ และเป็นการฆ่าด้วยวิธีเดียวกันคือผสมยาพิษในอาหาร คุณคาโยโกะตายด้วยสารหนู ส่วนท่านทามอนถูกฆ่าด้วยมอร์ฟีน”
ทุกคนตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก ท่านทามอนตายด้วยมอร์ฟีนที่ผสมอยู่ในขนมพุดดิ้งไม่ใช่ในกาแฟอย่างที่ควรจะเป็น
สามีภรรยาจากร้านสึโบเฮถูกสอบปากคำเป็นคู่แรก ท่านทามอนหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ และได้โปรตีนจากพวกปลาแต่เพียงจำกัดไม่กี่อย่าง อาหารที่ท่านกินจึงต่างจากของพวกเรา คืนนั้นสำรับของท่านมีปลาอายุย่างเกลือ ซาชิมิปลาโค่ย ซุป เต้าหู้ กับผักลวกปรุงรส
ตามปกติหลังอาหารเย็นท่านทามอนกินพุดดิ้ง ส่วนอาหารกลางวันกินเยลลี่เป็นของหวาน โดยตั้งแต่ย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิปีนี้คุณนายอายากะลูกสะใภ้ของท่านเป็นคนทำให้
ตำรวจพบว่ามอร์ฟินถูกต้มรวมลงไปในพุดดิ้งไม่ได้ใส่ลงไปทีหลัง
“นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเป็นไปได้ยังไง ระหว่างที่ฉันทำพุดดิ้งไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้ทิ้งห่างไปไหนด้วย ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยค่ะ”
“คุณนายทำพุดดิ้งเมื่อไรครับ”
“คิดว่าราว ๆ สี่โมงเย็นเห็นจะได้ มีตำรวจมาที่บ้านบอกว่าอยากพบคุณยาชิโระ ดิฉันจึงรับอาสาพาไปที่ห้อง ยังพบกับคุณคาโยโกะที่นั่นแล้วทักทายกัน แล้วก็ขอตัวเข้าครัว ฉันลงมือทำพุดดิ้งเป็นอย่างแรกแล้วเก็บเข้าตู้เย็น”
“คุณนายคะ บางทีต้นเหตุอาจเป็นน้ำตาลก็ได้”
ภรรยาร้านสึโบเฮสอดขึ้น คุณนายอายากะทำตาโตเป็นประกายมองไปที่ผู้พูด
“น้ำตาล มีปัญหาอะไรหรือครับ”
สารวัตรตาเหยี่ยวถามขึ้น ภรรยาร้านสึโบเฮตอบว่า
“คุณท่านสุขภาพไม่ดีจึงไม่กินน้ำตาลธรรมดาเราจึงต้องใช้น้ำตาลจากหัวบีชปรุงอาหารเฉพาะสำหรับท่านคนเดียว เราใช้น้ำตาลจากโถที่จัดแยกไว้เป็นพิเศษเท่านั้นค่ะ”
ตำรวจรีบไปตรวจสอบน้ำตาล โชยุ และซอสสำหรับทำน้ำแกงในห้องรับประทานอาหารทันที และพบมอร์ฟีนปริมาณมากผสมอยู่ในโถน้ำตาลที่ใช้เฉพาะสำหรับทำอาหารให้ท่านทามอน มากขนาดที่ถ้าสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นได้ด้วยตา
โถน้ำตาลเป็นโถแก้วจุประมาณสามกิโลกรัม ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณครึ่งโถ ใช้ปรุงอาหารเรื่อยมาจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ไม่ปรากฏว่ามีอะไรผิดปกติ
“นอกจากใช้ทำพุดดิ้งแล้ว เอาไปใส่ในอาหารอื่นอีกบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ได้ใช้ในอาหารเย็นของท่านจานอื่น ๆ เลยครับ”
เจ้าของร้านสึโบเฮตอบอย่างเกรง ๆ ใบหน้าซีดขาว
“ก่อนทำพุดดิ้ง มีการใช้น้ำตาลโถนี้เมื่อไร”
“ใช้กับน้ำชาตอนอาหารกลางวันครับ อาหารกลางวันเป็นแซนด์วิช ผมจึงชงชาฝรั่งให้ คือใส่นมและน้ำตาลลงไปในชาแล้วต้ม”
“คงต้องใช้น้ำตาลมากพอดูทีเดียว”
“ก็...ใช่ครับ แต่คิดว่าใช้ปริมาณสมควรกับการทำพุดดิ้ง”
“ท่านทามอนรับประทานหมดไหมครับ”
เมื่อเห็นเจ้าของร้านสึโบเฮอึกอักตอบไม่ได้ ชิซุเอะสาวใช้จึงตอบแทนว่า
“รับประทานหมดเลยค่ะ”
“เธอเป็นคนดูแลท่านอยู่รึ”
“ค่ะ”
“หลังจากนั้นมีอะไรผิดปกติบ้างไหม”
“ไม่มีค่ะ”
“เธอเตรียมน้ำชาเมื่อไร”
“ท่านรับประทานอาหารตามเวลาที่กำหนด คืออาหารกลางวันเที่ยงครึ่ง และอาหารเย็นสองทุ่ม เราจะทำอาหารเตรียมไว้ให้ทันเวลา เพราะชิซุเอะจะมารับถาดอาหารที่ครัวก่อนเวลาอาหารราวสิบนาทีเสมอ ผมทำอาหารเสร็จก่อนเที่ยงครึ่ง สิบนาทีพอดี”
สารวัตรตาเหยี่ยวพยักหน้า
“ตั้งแต่เที่ยงยี่สิบถึงบ่ายสี่โมง มีใครแตะต้องโถน้ำตาลหรือเปล่า”
เจ้าของร้านสึบุเฮตัวสั่นงันงก
“ผมไม่รู้ ก็...คือ...ไม่ได้ดูอยู่ ไม่ได้ระวังอะไร”
“แล้วอยู่ในห้องอาหารตลอดหรือเปล่าล่ะ”
“ครับ...คือผมกลับไปพักผ่อนตอนกลางวันที่ห้องส่วนตัว แล้วก็งีบไปถึงราวบ่ายสามโมง คิดว่าเมียผมอยู่ในครัวเก็บอะไร ๆ ต่อจนถึงราวบ่ายโมงครึ่งครับ”
“ใช่ค่ะ ดิฉันล้างจานอยู่ แล้วคุณนายคามิยามะก็เข้ามาช่วย กว่าจะได้กลับห้องก็ราวบ่ายโมงครึ่งค่ะ”
“ระหว่างนั้นเห็นใครเข้าไปในครัวบ้างไหม”
“ปกติหลังอาหารกลางวันดูเหมือนว่าทุกท่านจะนอนกลางวันกัน น้อยครั้งมากที่จะมีใครเข้ามาในครัว หลังจากที่เราสองคนเข้าครัวราวบ่ายสามโมงกว่า ๆ หลายคนจึงทยอยเข้ามา ก็มีคุณผู้หญิง คุณนายอากิโกะ คุณนายยาชิโระ คุณทังโงะ คุณนายคามิยามะ และก็คนอื่น ๆ แต่ไม่มีใครแตะต้องโถน้ำตาลเลยค่ะ”
“หมายความว่าระหว่างบ่ายโมงครึ่งถึงบ่ายสามโมง ไม่มีใครอยู่ในห้องครัวสักคนเดียวใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แต่ราวบ่ายสองโมงเห็นจะได้ มีคนเอาปลาอายุมาส่ง และคุณโมโรอิเป็นคนรับมาให้”
“คุณรับปลานั้นมาใช่ไหม”
“เปล่าค่ะ คุณพยาบาลมาบอกด้วยปากที่หน้าประตูห้องว่าใส่ปลาไว้ในตู้เย็นแล้วก็กลับไป พวกคุณ ๆ ที่บ้านนี้รู้ดีว่าพวกคนรับใช้จะนอนกลางวันหลังอาหารเที่ยง ก็เกรงใจไม่รบกวนค่ะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวทำหน้าเครียดเหลือบมองไปทางนางพยาบาลโมโรอิ
“ได้ข่าวว่าคุณเลิกไปทำงานที่โรงพยาบาลแล้วตั้งแต่สักระยะหนึ่งมาแล้วใช่ไหม”
“ก็ไปช่วงแปดโมงถึงสิบเอ็ดโมงครึ่งค่ะ พอดีมีเรื่องคุณชิงุซะเสียชีวิตและอาการของคุณนายยูระมารดาของเธอก็ยิ่งทรุดหนักลง ท่านก็เลยสั่งให้ช่วยดูแลอยู่ที่นี่ค่ะ”
นางพยาบาลโมโรอิพูดด้วยหน้าตาท่าทางเนิบ ๆ ไม่แคร์ใครตามเคยของหล่อน แม้แต่ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเรา ๆ ยังเปลี่ยนสีหน้าท่าทางไปตามแต่ว่ากำลังสนทนากับใคร แต่หล่อนผู้นี้เชิดหน้าเจรจาอย่างไม่สะทกสะท้านว่าคู่สนทนาจะเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ เป็นสารวัตรตาเหยี่ยว หรือว่าใคร ๆ
“คุณมีหน้าที่ไปรับปลาอายุจากคนส่งของหรือครับ”
“วันนั้น พอดีลูกจ้างบ้านนี้มีดิฉันคนเดียวที่ตื่นอยู่”
“ตอนนั้นในห้องครัวไม่มีใครอยู่เลยใช่ไหม”
“มีค่ะ มีอยู่คนหนึ่ง
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อายากะ ภรรยาคนปัจจุบันของคาซุมะ
อากิโกะ นักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยนายอุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
อุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ลูกญาติห่าง ๆ ที่นายอุตางาวะผู้อุปถัมภ์ให้เรียนหอมและมาประจำอยู่ที่หมู่บ้าน
โมโรอิ โคโตมิ นางพยาบาล
ชิงุซะ หญิงขี้ริ้วลูกพี่ลูกน้องของคาซุมะ