จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
นางพยาบาลโมโรอิพูดด้วยหน้าตาท่าทางเนิบ ๆ ไม่แคร์ใครตามเคยของหล่อน แม้แต่ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเรา ๆ ยังเปลี่ยนสีหน้าท่าทางไปตามแต่ว่ากำลังสนทนากับใคร แต่หล่อนผู้นี้เชิดหน้าเจรจาอย่างไม่สะทกสะท้านว่าคู่สนทนาจะเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ เป็นสารวัตรตาเหยี่ยว หรือว่าใคร ๆ
“คุณมีหน้าที่ไปรับปลาอายุจากคนส่งของหรือครับ”
“วันนั้น พอดีลูกจ้างบ้านนี้มีดิฉันคนเดียวที่ตื่นอยู่”
“ตอนนั้นในห้องครัวไม่มีใครอยู่เลยใช่ไหม”
“มีค่ะ มีอยู่คนหนึ่ง
พอสิ้นเสียงของนางพยาบาลผู้เย่อหยิ่งทุกคนในห้องตื่นตัวเกร็งเครียดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ สารวัตรตาเหยี่ยวยืดตัวตรงบังคับลมหายใจเรียกพลังภายในก่อนยิงคำถามไปที่เป้าหมายด้วยเสียงเครียด
“ใครครับ”
“คุณคาโยโกะ”
ความคิดที่สับสนของทุกคน ณ ที่นั้นมีพลังพอที่จะทำให้อากาศโดยรอบเคลื่อนไหวราวเกิดลมหมุน สารวัตรตาเหยี่ยวเกร็งไปทั้งตัวทำหน้าถมึงทึง
“คุณโมโรอิ คุณพูดอย่างนี้คงเพราะตรองแล้วซินะว่าคนตายไม่มีปากจะมาโต้แย้ง”
นางพยาบาลพยักหน้าด้วยท่าทีเยือกเย็น
“อาจใช่ ฉันโง่เองที่พูดสิ่งที่ไม่มีใครเชื่อ”
“คุณคาโยโกะกำลังทำอะไรอยู่”
“เธอบอกว่าเข้ามาหาน้ำดื่มและออกไประหว่างที่ดิฉันเอาปลาอายุใส่ตู้เย็น ตอนที่ดิฉันออกจากห้องครัวเห็นคุณคาโยโกะนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ในห้องใหญ่ เธอบอกว่าไปหาคุณนายยาชิโระที่ห้องแต่พบว่านอนกลางวันอยู่ค่ะ”
“ดิฉันก็เห็นคุณคาโยโกะอยู่ในห้องใหญ่ เมื่อประมาณบ่ายสองโมงสี่สิบนาทีเห็นจะได้ ดูเหมือนว่าจะอ่านหนังสืออย่างที่คุณโมโรอิบอกจริง ๆ ค่ะ” คุณโคโจดาราดวงเด่นสอดขึ้น
เกือบ 11.00 น.แล้ว สารวัตรตาเหยี่ยวชักจะหงุดหงิดขึ้นทุกที
“คุณคามิยามะครับ ในฐานะที่เป็นทนายความผู้มีสายตาแหลมคมสอดส่องไปทุกซอกทุกมุม ช่วยเล่าให้ผมฟังทีเถิดว่าบรรยากาศระหว่างอาหารค่ำวันเกิดเหตุเป็นยังไง”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเป็นตัวแทนของทุกคนในที่นี้เล่าให้สารวัตรฟังเลยก็แล้วกัน”
ทนายคามิยามะดูเหมือนจะคุ้นชินกับการไต่สวนสอบปากคำสมอาชีพ พอถูกสารวัตรระบุตัวแล้วตอบรับว่าจะเป็นตัวแทนของทุกคนก็ยืดอกแสดงตนเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันที ผิดจากที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่เมื่อครู่ก่อนราวกับคนละคน ทนายคามิยามะนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับให้ปากคำด้วยท่วงท่าอาจหาญและเคร่งครึมเอาการเอางาน จนดูเหมือนจะข่มสารวัตรตาเหยี่ยวให้ด้อยลงไปทีเดียว
“แรกทีเดียวผมจะเล่าถึงช่วงก่อนเริ่มรับประทานอาหารเย็นนะครับ ก่อนที่พวกในครัวจะจัดโต๊ะอาหารเสร็จ เราชุมนุมกันอยู่ในห้องใหญ่ ดื่มเบียร์บ้าง สาเกบ้างตามอัธยาศัย จนกระทั่งนาฬิกานกพิราบตีบอกเวลาทุ่มตรง แต่ตรงนี้ผมขอบอกสารวัตรไว้ก่อนนะครับว่านาฬิกานกพิราบเรือนนี้เดินช้าไปราวสี่นาที ตอนที่นาฬิกานกพิราบตีบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงนี้เอง หมอเอบิสึกะพาชายหน้าซีดร่างสูงชะลูดคนหนึ่งในชุดทหารเข้ามาในห้องใหญ่ แนะนำให้ทุกคนรู้จักบอกว่าชื่อโอคุดะหรืออะไรสักอย่างจากสถาบันวิจัยคำสอนของขงจื้อ
นายโอคุดะทำทีกับว่าเป็นนักบวชมาโปรดสัตว์พอได้ทีก็ตั้งท่าจะเทศนา แต่พอเริ่มว่า `คนเรามีชีวิตอยู่เพื่อขนมปังเท่านั้น` ยังไม่ขาดคำท่านจิตรกรเอกปิก้าทำตาเขียวตวาดเสียงเกรี้ยว ประมาณว่านั่นไม่ใช่คำพูดของขงจื๊อ บ้าหรือเปล่า อยู่ ๆ ก็โผล่เข้ามาอย่างไม่เกรงใจใครแล้วยังจะเทศน์อะไรมั่ว ๆ ไม่รู้ว่าของฝรั่งของญี่ปุ่นแบบนี้กับพวกเราเป็นศิลปินในสายเลือด คุณโคโรกุนักเขียนบทละครเรืองนามก็โกรธไม่แพ้กันด่าหมอว่าไม่มีมารยาทที่พานายนั่นเข้ามาในที่ชุมนุมของพวกตนตามอำเภอใจ มีแต่คุณทังโงะคนเดียวที่พูดเป็นเชิงเข้าข้างแต่ผลสุดท้ายคุณคาซุมะเจ้าของบ้านก็ออกยื่นคำขาดไม่ให้นายโอคุดะเข้ามาในคฤหาสน์อีก คุณปิก้าได้ทีก็เข้าไปจับนายนั่นหมุนตัว ร้องขวาหัน หนึ่งสอง หนึ่งสอง ให้จังหวะพลางรุนหลังออกไปข้างนอกทางประตูห้องกินข้าว หมอเอบิสึกะตามออกไปด้วย หมอครับตอนนั้นผมกังวลอยู่อย่างหนึ่ง คือผมเห็นคุณสองคนถอดรองเท้าเดินเข้ามาที่นี่จากเรือนใหญ่ ทีนี้พอถูกตะเพิดออกไปจากห้องนี้คุณกับนายโอคุดะก็เลยต้องเดินเท้าเปล่าไปใช่ไหม”
หมอเอบิสึกะกรอกตาคมวาวไปมาแต่ไม่ตอบว่ากระไร ทนายคามิยามะจึงพูดต่อ
“นั่นเป็นแค่บทโหมโรง ผมจะเข้าเรื่องเลยนะครับ”
“เรื่องราวต่อจากนี้ไปผมขอเป็นคนเล่าเอง” ปิก้าสอดขึ้น “ตอนที่เรารับประทานอาหารกันเกือบจะเสร็จ ผมเห็นคุณนายของคฤหาสน์แห่งนี้กระซิบที่หูคุณเคียวโกะแล้วออกไปจากห้องกินข้าวกันสองคน ไม่นานก็กลับเข้ามาบอกอะไรไม่รู้กับสามีของพวกเธอ คราวนี้คุณยาชิโระ คุณคาซุมะและดอกเตอร์โคเซลุกตามกันออกไปข้างนอกทางประตูห้องกินข้าวทั้งห้าคน ตอนนั้นอยู่ ๆ ก็มีคนลุกขึ้นเดินเข้าออกห้องกินข้าวสับสนขึ้นมาทันที มีใครอีกสองคนเดินเข้าออกแต่ผมจำไม่ได้ และตอนนั้นเองที่คนรับใช้เอากาแฟเข้ามาเสิร์ฟ ตรงฟังดี ๆ นะครับสารวัตร ถ้วยกาแฟของผมคนเดียวมีเครื่องหมายเฉพาะตัวครับ คือปากถ้วยบิ่น จะว่าไปผมเองเป็นคนทำถ้วยกาแฟแตกทั้งโหล แต่แปลกไหมล่ะที่คุณนายเจ้าของบ้านไม่ยอมเปลี่ยนถ้วยให้ผมคนเดียว เวลาเสิร์ฟกาแฟก็ให้คนเอาถ้วยแตกใบนั้นแหละมาให้ทุกที นี่ก็อาทิตย์หนึ่งแล้วละมัง บอกว่าไม่มีจะเปลี่ยนให้เพราะผมเป็นคนทำแตก คนรับใช้แถวนั้นบอกผมว่าคุณนายของเจ้าหล่อนพูดอย่างนั้น เชิญไปถามดูได้
ตรงนี้แหละผมว่ามันมีแผน ผมคิดว่าไม่ต้องบอกทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าใครเป็นคนเอายาพิษใส่ในถ้วยกาแฟที่ทุกคนรู้กันดีว่าเป็นของผม แต่โชคไม่ดีที่ถ้วยกาแฟของคุณคาโยโกะก็บิ่นเหมือนกันและบิ่นมากกว่าของผมด้วย ผมจึงเปลี่ยนถ้วยกับเธอเพื่ออย่างน้อยเธอจะได้กินกาแฟในถ้วยที่ดีขึ้นบ้าง แต่กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมอย่างคาดไม่ถึง ถ้าผมเป็นคนดื่มเอง แค่กาแฟใส่ยาพิษแบบนั้นทำอะไรผมไม่ได้หรอก พอสัมผัสลิ้นก็รู้สึกทันทีแล้วก็พ่นพรวดออกมาแล้ว ผมมันมนุษย์อมตะ เกิดมาครั้งหนึ่งแล้วไม่มีวันตาย คุณตำรวจครับ...ผมว่าไปสอบปากคำคนที่เดินเข้าเดินออกห้องกินข้าวตอนรับประทานอาหารใกล้จะเสร็จดีกว่า รับรองได้ตัวฆาตกรแน่”
“ทำไมคุณถึงได้เปลี่ยนถ้วยกาแฟกับผู้ตาย” สารวัตรตาเหยี่ยวถามด้วยความแปลกใจ
“ก็เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสุภาพบุรุษอย่างผม ที่การอุทิศตนเพื่อสุภาพสตรีคือจุดมุ่งหมายในการดำรงชีวิต”
“อย่ามาโกหกเลยไม่มีใครเชื่อหรอก คุณนั่นแหละเป็นคนใส่ยาพิษลงในถ้วยกาแฟให้คุณคาโยโกะดื่ม”
คุณนายอายากะบันดาลโทสะจนตัวสั่นจ้องหน้าอดีตสามีอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ปิก้าเบือนหน้าไปทางหนึ่งไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ปล่อยให้คุณนายโกรธหัวสั่นหัวคลอนอยู่คนเดียว
“ใคร ๆ เขารู้กันทั่วไปว่านายคนนี้เป็นนักเล่นกลมือฉมัง สำหรับเขาการเอายาพิษใส่ลงไปในถ้วยกาแฟเป็นแค่กลหลอกเด็กเท่านั้น เล่ห์กลเวลาเล่นการพนันอย่างไพ่หรือลูกเต๋าก็มีกลเม็ดเด็ดพรายเหลือร้าย ขี้โกงยิ่งกว่าสิงห์การพนันที่ว่าแน่ ๆ เป็นหลายเท่า เคลื่อนไหวปลายนิ้วว่องไวอย่างกับนิ้วปีศาจเลยทีเดียว”
พอดีข้างโซฟาที่ปิก้านั่งอยู่มีชุดกระดานหมากล้อมวางอยู่ ปิก้าใช้ปลายนิ้วคีบเบี้ยหมากล้อมสีดำขึ้นมาอันหนึ่ง เหยียดแขนตรงออกไปทำหน้าล้อเลียนคุณนายอายากะ ก่อนใช้ปลายนิ้วพลิกเบี้ยหมากล้อมเปิดให้เห็นบ้างบังไว้บ้างด้วยความรวดเร็ว จนดูเหมือนเบี้ยมีชีวิตเคลื่อนไหวด้วยตนเองโดยอิสระล้อเลียนคนที่อยู่ตรงหน้า ปิก้าเล่นกลด้วยปลายนิ้วพลางร้องเป็นทำนองเลียนแบบนักเล่นกล
“โตไซ ตะวันออกตะวันตก เร่เข้ามาเร่เข้ามา ชมมายากลตอนภาพฝันแห่งความรักขาวกับดำ เร่เข้ามา ไฮ้ ไฮ้”
ปิก้าคีบเบี้ยหมากล้อมสีขาวขึ้นมาเข้าคู่กับสีดำแล้วพลิกกลับสลับกันไปมาด้วยความว่องไวเป็นเลิศ พลางพูดขึ้นลอย ๆ ไม่เจาะจงว่าพูดกับใคร แต่ตาจ้องจับอยู่ที่คุณนายอายากะ
“ผมไม่ใช่ฆาตกรกระหายเลือดสักหน่อย แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าคุณคาโยโกะ ฆาตกรทุกคนจะต้องมีเหตุจูงใจให้ฆ่ากันทั้งนั้น ดังนั้นก่อนอื่นเราต้องค้นหาเหตุจูงใจให้ได้เสียก่อน เอ้า ไฮ้ ไฮ้ โทไซ ตะวันออกตะวันตก”
สารวัตรตาเหยี่ยวนั้นดูก็รู้ว่าอารมณ์กำลังคุกรุ่นเต็มทีแต่ก็ซ่อนเอาไว้ในใจ พรางตาให้ดูเยือกเย็นด้วยการจุดบุหรี่สูบแล้วมองไปยังทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แล้วมาหยุดที่คุณนายอายากะ
“คุณนายกับคุณนายยาชิโระออกไปจากห้องกินข้าว ไปทำธุระอะไรกันหรือครับ”
คุณนายอายากะหน้าแดงเรื่อ แต่เมื่อเห็นเคียวโกะทำท่าอึกอักตอบไม่ถูกเธอจึงต้องตอบด้วยความจำใจ
“ไปสุขาค่ะ จะไปคนเดียวก็หวาด ๆ เลยขอให้คุณเคียวโกะไปเป็นเพื่อน ก่อนออกจากห้องสุขาดิฉันเหลียวไปทางหน้าต่างด้านที่มองเห็นภูเขาหลังน้ำตก ก็เห็นใครคนหนึ่งแฝงตัวอยู่ในหมู่ไม้ พอดีกับที่มีแสงสลัว ๆ จากศาลาและจากเสาโคมไฟสองดวงในสวนจึงพอเห็นตัวคนเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวก็ชัดเดี๋ยวก็กลืนเข้าไปในเงามืดบ้าง ดิฉันกลัวมากจึงกลับมาเรียกสามีกับคุณยาชิโระและดอกเตอร์โคเซไปดู ระหว่างทางพบคุณนักสืบคิดลึกอยู่แถวห้องญี่ปุ่นก็เลยขอให้ตามไปช่วยตรวจสอบค่ะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวพยักหน้าแล้วหันไปทางลูกน้อง
“นักสืบคิดลึก นายไปตรวจสอบดูทันทีเลยใช่ไหม”
“ครับ ผมวิ่งไปตรงจุดนั้นทันทีที่คุณนายบอก แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคน ทางที่บุคคลน่าสงสัยจะหนีไปได้ไม่ใช่ทางตรง ๆ ผมวิ่งตรวจหาไปรอบเรือนฝรั่งหนึ่งรอบ และพอถึงสวนก็หมดปัญญาเลยครับเพราะทางเดินวกวนเหลือเกินเหมือนเข้าไปในเขาวงกต”
“นายไปคนเดียวก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ช่วยไม่ได้นะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวพูดเชิงแก้แทนลูกน้องก่อนถามต่อ
“แล้วทุกท่านกลับมาที่ห้องกินข้าวทันทีหรือครับ”
“ผมถือโอกาสเข้าห้องสุขาก่อนกลับ และคิดว่าคาซุมะกับดอกเตอร์ก็คงจะเข้าเหมือนกัน”
สองคนที่ถูกเอ่ยชื่อพยักหน้า
“คุณสามคนกลับมาที่ห้องกินข้าวพร้อมกันหรือครับ”
“กลับกันมาทีละคนครับ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรอกลับมาพร้อมกัน”
“คุณนายอายากะกับคุณนายยาชิโระกลับมาด้วยกันก่อนใช่ไหมครับ”
“จะเรียกว่ากลับมาพร้อมกันคงไม่ได้เพราะดิฉันแวะดูห้องครัวและพูดอะไรกับคนรับใช้สองสามคำก่อนกลับ คิดว่าคุณเคียวโกะอาจกลับถึงห้องกินข้าวก่อน”
“แต่ก็แทบจะพร้อมกันแหละค่ะ เพราะดิฉันแวะทักคุณป้าสึโบเฮและมองดูความเป็นไปในห้องครัว ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเป็นพิเศษค่ะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนยิงคำถามเข้าเป้า
“ตอนนั้น ในครัวกำลังมีการเตรียมเสิร์ฟกาแฟกันอยู่หรือเปล่าครับ”
“กำลังเตรียมกันอยู่ค่ะ”
คุณนายอายากะมองตาสารวัตรตรง ๆ ด้วยสายตาที่แสดงความเด็ดเดี่ยว ขณะตอบด้วยคำพูดที่คมชัดแต่ด้วยน้ำเสียงต่ำลึกซึ่งออกจะค้านกับความเด็ดเดี่ยวของสายตา
“เรากลับเข้ามาพอดีกับที่คนรับใช้เอาถ้วยกาแฟมาวางเรียงไว้ให้ทุกคนบนโต๊ะในห้องใหญ่”
“ในถ้วยมีกาแฟอยู่แล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ เขารินกาแฟใส่ถ้วย เติมน้ำตาลกับนมมาให้แล้วจากในครัว และกำลังวางเรียงบนโต๊ะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวหยิบถ้วยกาแฟของปิก้ากับของคุณคาโยโกะที่ให้คนไปหยิบมาจากห้องกินข้าวขึ้นมาดูอย่างพินิจพิจารณาทีละถ้วย ถ้วยกาแฟของปิก้ามีรอยบิ่นค่อนข้างใหญ่หนึ่งแห่งและรอยบิ่นเล็ก ๆ หนึ่งแห่ง ส่วนของคุณคาโยโกะมีรอยบิ่นใหญ่สองแห่งและรอยบิ่นเล็กสองแห่ง
สารวัตรเงยหน้าขึ้นมองไปที่ยาเอะหญิงรับใช้
“ใบไหนเป็นถ้วยกาแฟประจำตัวคุณปิก้า”
“ใบนี้ค่ะ” หญิงรับใช้ชี้ไปที่ถ้วยกาแฟใบที่มีรอยบิ่นน้อยกว่าไม่มีพลาด
“ที่นี่มีถ้วยกาแฟใบอื่นที่ปากไม่บิ่นบ้างไหม”
“ไม่มีเจ้าค่ะ ที่นี่ใช้ถ้วยกาแฟกี่ใบ ๆ ก็บิ่นหมดมาตั้งแต่ระหว่างสงคราม ไม่มีการซื้อใหม่”
สารวัตรพยักหน้าเปรยว่า “สมัยนี้มีแต่ของถูก ๆ ไร้รสนิยมแต่ขายกดราคาจนแพงหูฉี่” แล้วหันมาทางผมกับคาซุมะ
“คุณสองคนเห็นถ้วยกาแฟก่อนเสิร์ฟบนโต๊ะในห้องครัวรึเปล่า”
เราสองคนพยักหน้า
“นอกจากคุณยาชิโระกับคุณคาซุมะแล้วรู้สึกว่าจะมีอีกสองสามคนออกไปจากห้องกินข้าว ใครบ้างครับ”
“ผมเป็นคนหนึ่งที่ลุกออกไปครับ” ทนายคามิยามะตอบ ตามด้วยโมคุเบที่บอกว่าผมก็เหมือนกัน
“คุณสองคนเห็นถ้วยกาแฟก่อนเสิร์ฟบนโต๊ะในห้องครัวด้วยหรือเปล่า”
“ตอนผมเดินกลับมาจากห้องสุขา เห็นเขากำลังยกกาแฟจากครัวผ่านเข้าไปทางห้องกินข้าว อาจยังมีเหลืออยู่บนโต๊ะในครัวบ้าง แต่ผมไม่ได้ตั้งใจสังเกตก็เลยไม่ทราบ”
“ตอนผมเดินกลับมาไม่มีถ้วยกาแฟบนโต๊ะในครัวแล้วครับ แต่ผมเห็นหมอเอบิสึกะเดินจิบกาแฟจากถ้วยในมือออกมาจากห้องครัว”
สารวัตรทำหน้าเหลือเชื่อ
“หมอไม่ได้อยู่ในห้องกินข้าวหรอกรึ”
“ผมกินข้าวในครัว” หมอเอบิสึกะตอบห้วน ๆ ด้วยเสียงเยียบเย็น ทนายคามิยามะสอดขึ้นทันที
“ละครฉากนี้มีคำอธิบายครับ คุณปิก้าจิตรกรเอกคนเดียวจัดการปิดฉากปาฐกถาคำสอนขงจื๊อเรียบร้อยตั้งแต่เพลงโหมโรงยังไม่ทันจบ นักบุญอะไรนั่นถูกตะเพิดออกไปแทบไม่ทันและหมอเอบิสึกะก็ตามไปด้วย คงจะไปปรับความเข้าใจอะไรกันแล้วหมอก็กลับมาที่ห้องกินข้าวระหว่างที่เรากำลังรับประทานอาหารกัน คุณคาซุมะจึงบอกว่าไม่อยากให้หมอเอบิสึกะมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย เพราะมีคุณสมบัติแตกต่างจากพวกเราที่เป็นแขกของเขา หมอเลยออกไปจากห้องกินข้าวครับ”
การที่หมอเอบิสึกะไปกินข้าวในครัวตั้งแต่นั้นตลอดมา ทำให้พวกเราแคลงใจและหวั่นไหวกันไม่น้อย ปิก้าเป็นคนหนึ่งที่ทำหน้าไม่เข้าใจ เม้มปากอย่างไม่สู้จะสบอารมณ์นัก
“หมอกินข้าวตรงไหนในครัว”
หมอเอบิสึกะไม่ตอบได้แต่ปรายตาชำเลืองดูหน้าคนถามด้วยท่าทีต่อต้าน ภรรยาร้านสึโบเฮตอบแทนว่าหมอเอบิสึกะกินข้าวไม่เป็นที่แล้วแต่สถานการณ์ภายในครัว เวลาเขาครัวยุ่งกันอยู่ตรงนี้หมอก็ต้องย้ายไปกินตรงนั้น แต่พองานครัวยุ่งอยู่ตรงนั้นหมอก็ย้ายมากินตรงนี้ บางทีก็นั่งกินบนเก้าอี้บางครั้งก็ยืนกิน
เมื่อการสอบปากคำสิ้นสุดลงและสารวัตรตาเหยี่ยวลุกขึ้นตั้งท่าจะนำทีมตำรวจสายสืบกลับไป ปิก้าทำหน้ายุ่งยากใจขณะบอกกับนายตำรวจว่า
“สารวัตรครับ ผมรู้สึกแย่เต็มทีแล้ว อยากขอตัวกลับโตเกียว ไม่ทราบว่าจะได้หรือเปล่า”
“อือม์ จะว่าไปทางเราก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งคุณไว้ได้โดยพลการ เพียงแต่ว่าถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ก็อยากขอให้อยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก เพื่อการสืบสวนจะได้เป็นไปด้วยดี”
“อย่างนั้นหรือครับ ความจริงผมก็ไม่ได้มีธุระอะไรเป็นพิเศษ ภาพที่ตั้งใจจะนำออกแสดงในฤดูใบไม้ร่วงก็วาดเสร็จหมดแล้วไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล แต่ทางนี้นี่ซีสถานการณ์ย่ำแย่เอามาก ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ผมจะเข้าครัวทำอาหารกินเอง”
“ไม่ได้” คุณนายอายากะตวาดอดีตสามีเสียงแหลม “คุณเข้าครัวไม่ได้นะ คุณนั่นแหละน่าสงสัยที่สุดว่าจะเป็นคนร้ายที่พยายามหาทางวางยาพวกเรา”
สารวัตรตาเหยี่ยวสอดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ดีไหม ผมจะส่งนักสืบอาตาพินสมองใสของเรามาประจำที่ห้องครัวทุกวัน เพื่อจะได้รู้เห็นเป็นพยานเวลาทำอาหาร”
“ได้เลย ตราบใดที่ยังมีตาดำ ๆ สองข้างอยู่ตรงนี้ มั่นใจได้เลยว่าไม่มีพลาด”
ตำรวจหญิงสายสืบตบหน้าอกแล้วทำหน้าท้าทาย
“ดิฉันไม่ทราบเหมือนกันว่าในกลุ่มพวกคุณนี้มีใครเป็นฆาตกรหรือเปล่า แต่ขอบอกก่อนว่าคนที่ถูกดิฉันจ้องหน้าจะต้องเสียวสันหลังแน่”
หลังจากนั้นเป็นพีธีรดน้ำศพท่านทามอนกับคุณคาโยโกะ ผมเข้านอนเมื่อตีสองกว่า
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
คาโยโกะ ลูกสาวของท่านทามอนที่เกิดกับหญิงรับใช้
อายากะ อดีตภรรยาของปิก้า ปัจจุบันเป็นภรรยาของคาซุมะ
โมคุเบสามีของอากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ลูกญาติห่าง ๆ ที่นายอุตางาวะผู้อุปถัมภ์ให้เรียนหมอและมาประจำอยู่ที่หมู่บ้าน
ทนายคามิยามะอดีตทนายของท่านทามอน
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยท่านทามอน บิดาของคาซุมะ
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
นางพยาบาลโมโรอิพูดด้วยหน้าตาท่าทางเนิบ ๆ ไม่แคร์ใครตามเคยของหล่อน แม้แต่ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเรา ๆ ยังเปลี่ยนสีหน้าท่าทางไปตามแต่ว่ากำลังสนทนากับใคร แต่หล่อนผู้นี้เชิดหน้าเจรจาอย่างไม่สะทกสะท้านว่าคู่สนทนาจะเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ เป็นสารวัตรตาเหยี่ยว หรือว่าใคร ๆ
“คุณมีหน้าที่ไปรับปลาอายุจากคนส่งของหรือครับ”
“วันนั้น พอดีลูกจ้างบ้านนี้มีดิฉันคนเดียวที่ตื่นอยู่”
“ตอนนั้นในห้องครัวไม่มีใครอยู่เลยใช่ไหม”
“มีค่ะ มีอยู่คนหนึ่ง
พอสิ้นเสียงของนางพยาบาลผู้เย่อหยิ่งทุกคนในห้องตื่นตัวเกร็งเครียดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ สารวัตรตาเหยี่ยวยืดตัวตรงบังคับลมหายใจเรียกพลังภายในก่อนยิงคำถามไปที่เป้าหมายด้วยเสียงเครียด
“ใครครับ”
“คุณคาโยโกะ”
ความคิดที่สับสนของทุกคน ณ ที่นั้นมีพลังพอที่จะทำให้อากาศโดยรอบเคลื่อนไหวราวเกิดลมหมุน สารวัตรตาเหยี่ยวเกร็งไปทั้งตัวทำหน้าถมึงทึง
“คุณโมโรอิ คุณพูดอย่างนี้คงเพราะตรองแล้วซินะว่าคนตายไม่มีปากจะมาโต้แย้ง”
นางพยาบาลพยักหน้าด้วยท่าทีเยือกเย็น
“อาจใช่ ฉันโง่เองที่พูดสิ่งที่ไม่มีใครเชื่อ”
“คุณคาโยโกะกำลังทำอะไรอยู่”
“เธอบอกว่าเข้ามาหาน้ำดื่มและออกไประหว่างที่ดิฉันเอาปลาอายุใส่ตู้เย็น ตอนที่ดิฉันออกจากห้องครัวเห็นคุณคาโยโกะนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ในห้องใหญ่ เธอบอกว่าไปหาคุณนายยาชิโระที่ห้องแต่พบว่านอนกลางวันอยู่ค่ะ”
“ดิฉันก็เห็นคุณคาโยโกะอยู่ในห้องใหญ่ เมื่อประมาณบ่ายสองโมงสี่สิบนาทีเห็นจะได้ ดูเหมือนว่าจะอ่านหนังสืออย่างที่คุณโมโรอิบอกจริง ๆ ค่ะ” คุณโคโจดาราดวงเด่นสอดขึ้น
เกือบ 11.00 น.แล้ว สารวัตรตาเหยี่ยวชักจะหงุดหงิดขึ้นทุกที
“คุณคามิยามะครับ ในฐานะที่เป็นทนายความผู้มีสายตาแหลมคมสอดส่องไปทุกซอกทุกมุม ช่วยเล่าให้ผมฟังทีเถิดว่าบรรยากาศระหว่างอาหารค่ำวันเกิดเหตุเป็นยังไง”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเป็นตัวแทนของทุกคนในที่นี้เล่าให้สารวัตรฟังเลยก็แล้วกัน”
ทนายคามิยามะดูเหมือนจะคุ้นชินกับการไต่สวนสอบปากคำสมอาชีพ พอถูกสารวัตรระบุตัวแล้วตอบรับว่าจะเป็นตัวแทนของทุกคนก็ยืดอกแสดงตนเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันที ผิดจากที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่เมื่อครู่ก่อนราวกับคนละคน ทนายคามิยามะนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับให้ปากคำด้วยท่วงท่าอาจหาญและเคร่งครึมเอาการเอางาน จนดูเหมือนจะข่มสารวัตรตาเหยี่ยวให้ด้อยลงไปทีเดียว
“แรกทีเดียวผมจะเล่าถึงช่วงก่อนเริ่มรับประทานอาหารเย็นนะครับ ก่อนที่พวกในครัวจะจัดโต๊ะอาหารเสร็จ เราชุมนุมกันอยู่ในห้องใหญ่ ดื่มเบียร์บ้าง สาเกบ้างตามอัธยาศัย จนกระทั่งนาฬิกานกพิราบตีบอกเวลาทุ่มตรง แต่ตรงนี้ผมขอบอกสารวัตรไว้ก่อนนะครับว่านาฬิกานกพิราบเรือนนี้เดินช้าไปราวสี่นาที ตอนที่นาฬิกานกพิราบตีบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงนี้เอง หมอเอบิสึกะพาชายหน้าซีดร่างสูงชะลูดคนหนึ่งในชุดทหารเข้ามาในห้องใหญ่ แนะนำให้ทุกคนรู้จักบอกว่าชื่อโอคุดะหรืออะไรสักอย่างจากสถาบันวิจัยคำสอนของขงจื้อ
นายโอคุดะทำทีกับว่าเป็นนักบวชมาโปรดสัตว์พอได้ทีก็ตั้งท่าจะเทศนา แต่พอเริ่มว่า `คนเรามีชีวิตอยู่เพื่อขนมปังเท่านั้น` ยังไม่ขาดคำท่านจิตรกรเอกปิก้าทำตาเขียวตวาดเสียงเกรี้ยว ประมาณว่านั่นไม่ใช่คำพูดของขงจื๊อ บ้าหรือเปล่า อยู่ ๆ ก็โผล่เข้ามาอย่างไม่เกรงใจใครแล้วยังจะเทศน์อะไรมั่ว ๆ ไม่รู้ว่าของฝรั่งของญี่ปุ่นแบบนี้กับพวกเราเป็นศิลปินในสายเลือด คุณโคโรกุนักเขียนบทละครเรืองนามก็โกรธไม่แพ้กันด่าหมอว่าไม่มีมารยาทที่พานายนั่นเข้ามาในที่ชุมนุมของพวกตนตามอำเภอใจ มีแต่คุณทังโงะคนเดียวที่พูดเป็นเชิงเข้าข้างแต่ผลสุดท้ายคุณคาซุมะเจ้าของบ้านก็ออกยื่นคำขาดไม่ให้นายโอคุดะเข้ามาในคฤหาสน์อีก คุณปิก้าได้ทีก็เข้าไปจับนายนั่นหมุนตัว ร้องขวาหัน หนึ่งสอง หนึ่งสอง ให้จังหวะพลางรุนหลังออกไปข้างนอกทางประตูห้องกินข้าว หมอเอบิสึกะตามออกไปด้วย หมอครับตอนนั้นผมกังวลอยู่อย่างหนึ่ง คือผมเห็นคุณสองคนถอดรองเท้าเดินเข้ามาที่นี่จากเรือนใหญ่ ทีนี้พอถูกตะเพิดออกไปจากห้องนี้คุณกับนายโอคุดะก็เลยต้องเดินเท้าเปล่าไปใช่ไหม”
หมอเอบิสึกะกรอกตาคมวาวไปมาแต่ไม่ตอบว่ากระไร ทนายคามิยามะจึงพูดต่อ
“นั่นเป็นแค่บทโหมโรง ผมจะเข้าเรื่องเลยนะครับ”
“เรื่องราวต่อจากนี้ไปผมขอเป็นคนเล่าเอง” ปิก้าสอดขึ้น “ตอนที่เรารับประทานอาหารกันเกือบจะเสร็จ ผมเห็นคุณนายของคฤหาสน์แห่งนี้กระซิบที่หูคุณเคียวโกะแล้วออกไปจากห้องกินข้าวกันสองคน ไม่นานก็กลับเข้ามาบอกอะไรไม่รู้กับสามีของพวกเธอ คราวนี้คุณยาชิโระ คุณคาซุมะและดอกเตอร์โคเซลุกตามกันออกไปข้างนอกทางประตูห้องกินข้าวทั้งห้าคน ตอนนั้นอยู่ ๆ ก็มีคนลุกขึ้นเดินเข้าออกห้องกินข้าวสับสนขึ้นมาทันที มีใครอีกสองคนเดินเข้าออกแต่ผมจำไม่ได้ และตอนนั้นเองที่คนรับใช้เอากาแฟเข้ามาเสิร์ฟ ตรงฟังดี ๆ นะครับสารวัตร ถ้วยกาแฟของผมคนเดียวมีเครื่องหมายเฉพาะตัวครับ คือปากถ้วยบิ่น จะว่าไปผมเองเป็นคนทำถ้วยกาแฟแตกทั้งโหล แต่แปลกไหมล่ะที่คุณนายเจ้าของบ้านไม่ยอมเปลี่ยนถ้วยให้ผมคนเดียว เวลาเสิร์ฟกาแฟก็ให้คนเอาถ้วยแตกใบนั้นแหละมาให้ทุกที นี่ก็อาทิตย์หนึ่งแล้วละมัง บอกว่าไม่มีจะเปลี่ยนให้เพราะผมเป็นคนทำแตก คนรับใช้แถวนั้นบอกผมว่าคุณนายของเจ้าหล่อนพูดอย่างนั้น เชิญไปถามดูได้
ตรงนี้แหละผมว่ามันมีแผน ผมคิดว่าไม่ต้องบอกทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าใครเป็นคนเอายาพิษใส่ในถ้วยกาแฟที่ทุกคนรู้กันดีว่าเป็นของผม แต่โชคไม่ดีที่ถ้วยกาแฟของคุณคาโยโกะก็บิ่นเหมือนกันและบิ่นมากกว่าของผมด้วย ผมจึงเปลี่ยนถ้วยกับเธอเพื่ออย่างน้อยเธอจะได้กินกาแฟในถ้วยที่ดีขึ้นบ้าง แต่กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมอย่างคาดไม่ถึง ถ้าผมเป็นคนดื่มเอง แค่กาแฟใส่ยาพิษแบบนั้นทำอะไรผมไม่ได้หรอก พอสัมผัสลิ้นก็รู้สึกทันทีแล้วก็พ่นพรวดออกมาแล้ว ผมมันมนุษย์อมตะ เกิดมาครั้งหนึ่งแล้วไม่มีวันตาย คุณตำรวจครับ...ผมว่าไปสอบปากคำคนที่เดินเข้าเดินออกห้องกินข้าวตอนรับประทานอาหารใกล้จะเสร็จดีกว่า รับรองได้ตัวฆาตกรแน่”
“ทำไมคุณถึงได้เปลี่ยนถ้วยกาแฟกับผู้ตาย” สารวัตรตาเหยี่ยวถามด้วยความแปลกใจ
“ก็เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสุภาพบุรุษอย่างผม ที่การอุทิศตนเพื่อสุภาพสตรีคือจุดมุ่งหมายในการดำรงชีวิต”
“อย่ามาโกหกเลยไม่มีใครเชื่อหรอก คุณนั่นแหละเป็นคนใส่ยาพิษลงในถ้วยกาแฟให้คุณคาโยโกะดื่ม”
คุณนายอายากะบันดาลโทสะจนตัวสั่นจ้องหน้าอดีตสามีอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ปิก้าเบือนหน้าไปทางหนึ่งไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ปล่อยให้คุณนายโกรธหัวสั่นหัวคลอนอยู่คนเดียว
“ใคร ๆ เขารู้กันทั่วไปว่านายคนนี้เป็นนักเล่นกลมือฉมัง สำหรับเขาการเอายาพิษใส่ลงไปในถ้วยกาแฟเป็นแค่กลหลอกเด็กเท่านั้น เล่ห์กลเวลาเล่นการพนันอย่างไพ่หรือลูกเต๋าก็มีกลเม็ดเด็ดพรายเหลือร้าย ขี้โกงยิ่งกว่าสิงห์การพนันที่ว่าแน่ ๆ เป็นหลายเท่า เคลื่อนไหวปลายนิ้วว่องไวอย่างกับนิ้วปีศาจเลยทีเดียว”
พอดีข้างโซฟาที่ปิก้านั่งอยู่มีชุดกระดานหมากล้อมวางอยู่ ปิก้าใช้ปลายนิ้วคีบเบี้ยหมากล้อมสีดำขึ้นมาอันหนึ่ง เหยียดแขนตรงออกไปทำหน้าล้อเลียนคุณนายอายากะ ก่อนใช้ปลายนิ้วพลิกเบี้ยหมากล้อมเปิดให้เห็นบ้างบังไว้บ้างด้วยความรวดเร็ว จนดูเหมือนเบี้ยมีชีวิตเคลื่อนไหวด้วยตนเองโดยอิสระล้อเลียนคนที่อยู่ตรงหน้า ปิก้าเล่นกลด้วยปลายนิ้วพลางร้องเป็นทำนองเลียนแบบนักเล่นกล
“โตไซ ตะวันออกตะวันตก เร่เข้ามาเร่เข้ามา ชมมายากลตอนภาพฝันแห่งความรักขาวกับดำ เร่เข้ามา ไฮ้ ไฮ้”
ปิก้าคีบเบี้ยหมากล้อมสีขาวขึ้นมาเข้าคู่กับสีดำแล้วพลิกกลับสลับกันไปมาด้วยความว่องไวเป็นเลิศ พลางพูดขึ้นลอย ๆ ไม่เจาะจงว่าพูดกับใคร แต่ตาจ้องจับอยู่ที่คุณนายอายากะ
“ผมไม่ใช่ฆาตกรกระหายเลือดสักหน่อย แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าคุณคาโยโกะ ฆาตกรทุกคนจะต้องมีเหตุจูงใจให้ฆ่ากันทั้งนั้น ดังนั้นก่อนอื่นเราต้องค้นหาเหตุจูงใจให้ได้เสียก่อน เอ้า ไฮ้ ไฮ้ โทไซ ตะวันออกตะวันตก”
สารวัตรตาเหยี่ยวนั้นดูก็รู้ว่าอารมณ์กำลังคุกรุ่นเต็มทีแต่ก็ซ่อนเอาไว้ในใจ พรางตาให้ดูเยือกเย็นด้วยการจุดบุหรี่สูบแล้วมองไปยังทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แล้วมาหยุดที่คุณนายอายากะ
“คุณนายกับคุณนายยาชิโระออกไปจากห้องกินข้าว ไปทำธุระอะไรกันหรือครับ”
คุณนายอายากะหน้าแดงเรื่อ แต่เมื่อเห็นเคียวโกะทำท่าอึกอักตอบไม่ถูกเธอจึงต้องตอบด้วยความจำใจ
“ไปสุขาค่ะ จะไปคนเดียวก็หวาด ๆ เลยขอให้คุณเคียวโกะไปเป็นเพื่อน ก่อนออกจากห้องสุขาดิฉันเหลียวไปทางหน้าต่างด้านที่มองเห็นภูเขาหลังน้ำตก ก็เห็นใครคนหนึ่งแฝงตัวอยู่ในหมู่ไม้ พอดีกับที่มีแสงสลัว ๆ จากศาลาและจากเสาโคมไฟสองดวงในสวนจึงพอเห็นตัวคนเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวก็ชัดเดี๋ยวก็กลืนเข้าไปในเงามืดบ้าง ดิฉันกลัวมากจึงกลับมาเรียกสามีกับคุณยาชิโระและดอกเตอร์โคเซไปดู ระหว่างทางพบคุณนักสืบคิดลึกอยู่แถวห้องญี่ปุ่นก็เลยขอให้ตามไปช่วยตรวจสอบค่ะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวพยักหน้าแล้วหันไปทางลูกน้อง
“นักสืบคิดลึก นายไปตรวจสอบดูทันทีเลยใช่ไหม”
“ครับ ผมวิ่งไปตรงจุดนั้นทันทีที่คุณนายบอก แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคน ทางที่บุคคลน่าสงสัยจะหนีไปได้ไม่ใช่ทางตรง ๆ ผมวิ่งตรวจหาไปรอบเรือนฝรั่งหนึ่งรอบ และพอถึงสวนก็หมดปัญญาเลยครับเพราะทางเดินวกวนเหลือเกินเหมือนเข้าไปในเขาวงกต”
“นายไปคนเดียวก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ช่วยไม่ได้นะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวพูดเชิงแก้แทนลูกน้องก่อนถามต่อ
“แล้วทุกท่านกลับมาที่ห้องกินข้าวทันทีหรือครับ”
“ผมถือโอกาสเข้าห้องสุขาก่อนกลับ และคิดว่าคาซุมะกับดอกเตอร์ก็คงจะเข้าเหมือนกัน”
สองคนที่ถูกเอ่ยชื่อพยักหน้า
“คุณสามคนกลับมาที่ห้องกินข้าวพร้อมกันหรือครับ”
“กลับกันมาทีละคนครับ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรอกลับมาพร้อมกัน”
“คุณนายอายากะกับคุณนายยาชิโระกลับมาด้วยกันก่อนใช่ไหมครับ”
“จะเรียกว่ากลับมาพร้อมกันคงไม่ได้เพราะดิฉันแวะดูห้องครัวและพูดอะไรกับคนรับใช้สองสามคำก่อนกลับ คิดว่าคุณเคียวโกะอาจกลับถึงห้องกินข้าวก่อน”
“แต่ก็แทบจะพร้อมกันแหละค่ะ เพราะดิฉันแวะทักคุณป้าสึโบเฮและมองดูความเป็นไปในห้องครัว ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเป็นพิเศษค่ะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนยิงคำถามเข้าเป้า
“ตอนนั้น ในครัวกำลังมีการเตรียมเสิร์ฟกาแฟกันอยู่หรือเปล่าครับ”
“กำลังเตรียมกันอยู่ค่ะ”
คุณนายอายากะมองตาสารวัตรตรง ๆ ด้วยสายตาที่แสดงความเด็ดเดี่ยว ขณะตอบด้วยคำพูดที่คมชัดแต่ด้วยน้ำเสียงต่ำลึกซึ่งออกจะค้านกับความเด็ดเดี่ยวของสายตา
“เรากลับเข้ามาพอดีกับที่คนรับใช้เอาถ้วยกาแฟมาวางเรียงไว้ให้ทุกคนบนโต๊ะในห้องใหญ่”
“ในถ้วยมีกาแฟอยู่แล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ เขารินกาแฟใส่ถ้วย เติมน้ำตาลกับนมมาให้แล้วจากในครัว และกำลังวางเรียงบนโต๊ะ”
สารวัตรตาเหยี่ยวหยิบถ้วยกาแฟของปิก้ากับของคุณคาโยโกะที่ให้คนไปหยิบมาจากห้องกินข้าวขึ้นมาดูอย่างพินิจพิจารณาทีละถ้วย ถ้วยกาแฟของปิก้ามีรอยบิ่นค่อนข้างใหญ่หนึ่งแห่งและรอยบิ่นเล็ก ๆ หนึ่งแห่ง ส่วนของคุณคาโยโกะมีรอยบิ่นใหญ่สองแห่งและรอยบิ่นเล็กสองแห่ง
สารวัตรเงยหน้าขึ้นมองไปที่ยาเอะหญิงรับใช้
“ใบไหนเป็นถ้วยกาแฟประจำตัวคุณปิก้า”
“ใบนี้ค่ะ” หญิงรับใช้ชี้ไปที่ถ้วยกาแฟใบที่มีรอยบิ่นน้อยกว่าไม่มีพลาด
“ที่นี่มีถ้วยกาแฟใบอื่นที่ปากไม่บิ่นบ้างไหม”
“ไม่มีเจ้าค่ะ ที่นี่ใช้ถ้วยกาแฟกี่ใบ ๆ ก็บิ่นหมดมาตั้งแต่ระหว่างสงคราม ไม่มีการซื้อใหม่”
สารวัตรพยักหน้าเปรยว่า “สมัยนี้มีแต่ของถูก ๆ ไร้รสนิยมแต่ขายกดราคาจนแพงหูฉี่” แล้วหันมาทางผมกับคาซุมะ
“คุณสองคนเห็นถ้วยกาแฟก่อนเสิร์ฟบนโต๊ะในห้องครัวรึเปล่า”
เราสองคนพยักหน้า
“นอกจากคุณยาชิโระกับคุณคาซุมะแล้วรู้สึกว่าจะมีอีกสองสามคนออกไปจากห้องกินข้าว ใครบ้างครับ”
“ผมเป็นคนหนึ่งที่ลุกออกไปครับ” ทนายคามิยามะตอบ ตามด้วยโมคุเบที่บอกว่าผมก็เหมือนกัน
“คุณสองคนเห็นถ้วยกาแฟก่อนเสิร์ฟบนโต๊ะในห้องครัวด้วยหรือเปล่า”
“ตอนผมเดินกลับมาจากห้องสุขา เห็นเขากำลังยกกาแฟจากครัวผ่านเข้าไปทางห้องกินข้าว อาจยังมีเหลืออยู่บนโต๊ะในครัวบ้าง แต่ผมไม่ได้ตั้งใจสังเกตก็เลยไม่ทราบ”
“ตอนผมเดินกลับมาไม่มีถ้วยกาแฟบนโต๊ะในครัวแล้วครับ แต่ผมเห็นหมอเอบิสึกะเดินจิบกาแฟจากถ้วยในมือออกมาจากห้องครัว”
สารวัตรทำหน้าเหลือเชื่อ
“หมอไม่ได้อยู่ในห้องกินข้าวหรอกรึ”
“ผมกินข้าวในครัว” หมอเอบิสึกะตอบห้วน ๆ ด้วยเสียงเยียบเย็น ทนายคามิยามะสอดขึ้นทันที
“ละครฉากนี้มีคำอธิบายครับ คุณปิก้าจิตรกรเอกคนเดียวจัดการปิดฉากปาฐกถาคำสอนขงจื๊อเรียบร้อยตั้งแต่เพลงโหมโรงยังไม่ทันจบ นักบุญอะไรนั่นถูกตะเพิดออกไปแทบไม่ทันและหมอเอบิสึกะก็ตามไปด้วย คงจะไปปรับความเข้าใจอะไรกันแล้วหมอก็กลับมาที่ห้องกินข้าวระหว่างที่เรากำลังรับประทานอาหารกัน คุณคาซุมะจึงบอกว่าไม่อยากให้หมอเอบิสึกะมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย เพราะมีคุณสมบัติแตกต่างจากพวกเราที่เป็นแขกของเขา หมอเลยออกไปจากห้องกินข้าวครับ”
การที่หมอเอบิสึกะไปกินข้าวในครัวตั้งแต่นั้นตลอดมา ทำให้พวกเราแคลงใจและหวั่นไหวกันไม่น้อย ปิก้าเป็นคนหนึ่งที่ทำหน้าไม่เข้าใจ เม้มปากอย่างไม่สู้จะสบอารมณ์นัก
“หมอกินข้าวตรงไหนในครัว”
หมอเอบิสึกะไม่ตอบได้แต่ปรายตาชำเลืองดูหน้าคนถามด้วยท่าทีต่อต้าน ภรรยาร้านสึโบเฮตอบแทนว่าหมอเอบิสึกะกินข้าวไม่เป็นที่แล้วแต่สถานการณ์ภายในครัว เวลาเขาครัวยุ่งกันอยู่ตรงนี้หมอก็ต้องย้ายไปกินตรงนั้น แต่พองานครัวยุ่งอยู่ตรงนั้นหมอก็ย้ายมากินตรงนี้ บางทีก็นั่งกินบนเก้าอี้บางครั้งก็ยืนกิน
เมื่อการสอบปากคำสิ้นสุดลงและสารวัตรตาเหยี่ยวลุกขึ้นตั้งท่าจะนำทีมตำรวจสายสืบกลับไป ปิก้าทำหน้ายุ่งยากใจขณะบอกกับนายตำรวจว่า
“สารวัตรครับ ผมรู้สึกแย่เต็มทีแล้ว อยากขอตัวกลับโตเกียว ไม่ทราบว่าจะได้หรือเปล่า”
“อือม์ จะว่าไปทางเราก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งคุณไว้ได้โดยพลการ เพียงแต่ว่าถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ก็อยากขอให้อยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก เพื่อการสืบสวนจะได้เป็นไปด้วยดี”
“อย่างนั้นหรือครับ ความจริงผมก็ไม่ได้มีธุระอะไรเป็นพิเศษ ภาพที่ตั้งใจจะนำออกแสดงในฤดูใบไม้ร่วงก็วาดเสร็จหมดแล้วไม่มีอะไรต้องวิตกกังวล แต่ทางนี้นี่ซีสถานการณ์ย่ำแย่เอามาก ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ผมจะเข้าครัวทำอาหารกินเอง”
“ไม่ได้” คุณนายอายากะตวาดอดีตสามีเสียงแหลม “คุณเข้าครัวไม่ได้นะ คุณนั่นแหละน่าสงสัยที่สุดว่าจะเป็นคนร้ายที่พยายามหาทางวางยาพวกเรา”
สารวัตรตาเหยี่ยวสอดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ดีไหม ผมจะส่งนักสืบอาตาพินสมองใสของเรามาประจำที่ห้องครัวทุกวัน เพื่อจะได้รู้เห็นเป็นพยานเวลาทำอาหาร”
“ได้เลย ตราบใดที่ยังมีตาดำ ๆ สองข้างอยู่ตรงนี้ มั่นใจได้เลยว่าไม่มีพลาด”
ตำรวจหญิงสายสืบตบหน้าอกแล้วทำหน้าท้าทาย
“ดิฉันไม่ทราบเหมือนกันว่าในกลุ่มพวกคุณนี้มีใครเป็นฆาตกรหรือเปล่า แต่ขอบอกก่อนว่าคนที่ถูกดิฉันจ้องหน้าจะต้องเสียวสันหลังแน่”
หลังจากนั้นเป็นพีธีรดน้ำศพท่านทามอนกับคุณคาโยโกะ ผมเข้านอนเมื่อตีสองกว่า
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
คาโยโกะ ลูกสาวของท่านทามอนที่เกิดกับหญิงรับใช้
อายากะ อดีตภรรยาของปิก้า ปัจจุบันเป็นภรรยาของคาซุมะ
โมคุเบสามีของอากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ลูกญาติห่าง ๆ ที่นายอุตางาวะผู้อุปถัมภ์ให้เรียนหมอและมาประจำอยู่ที่หมู่บ้าน
ทนายคามิยามะอดีตทนายของท่านทามอน
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยท่านทามอน บิดาของคาซุมะ