จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
ทีมสืบสวนดูเหมือนจะยังไม่ได้หลักฐานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่างเดียวทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่าจะพยายามกันอย่างมาก
หลังจากพ่อเฒ่าคาตาคุระเปิดเผยความลับของตระกูลอุตางาวะ ตำรวจพุ่งความสงสัยไปที่ทนายคามิยามะกับหมอ เอบิสึกะและทำท่าจะถอดรหัสคดีทั้งหมดได้ กรณีของนายอุสึมิกวีหลังค่อม ทนายคามิยามะพักอยู่ชั้นบนคงไม่กล้าเสี่ยงเดินผ่านปิก้าซึ่งตอนนั้นนอนแผ่หลาอยู่หน้าห้องคุณนายอายากะลงไปฆ่ากวีหลังค่อมที่นอนอยู่ในห้องชั้นล่างได้ ขณะที่หมอเอบิสึกะน่าจะเข้าไปฆ่าได้ไม่ยาก
ทว่ามาสะดุดอยู่ที่กรณีของคุณชิงุซะ เพราะทั้งทนายและหมอมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน
พวกผู้หญิงให้การยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าทนายคามิยามะกลับมาจากเชิงตะกอนพร้อมกับพระและคาซุมะ และพูดคุยอยู่กับพวกเธอในห้องใหญ่ตลอดเวลา
สำหรับหมอเอบิสึกะนั้นผมกับคาซุมะเห็นเขาเดินกลับมาจากทางหมู่บ้าน เราพบกันที่ประตูหลังราวสองทุ่ม ส่วนจะออกจากคลินิกเมื่อไรนั้นหมอดื้อแพ่งไม่ยอมตอบไม่ว่าสารวัตรตาเหยี่ยวจะซักถามคาดคั้นและโมคุเบช่วยขู่สำทับเพียงใด แต่ผลจากการสอบปากคำของบรรดาผู้ป่วยพบว่าหมอออกไปตรวจคนไข้สามคนตามลำดับตั้งแต่หกโมงถึงทุ่มยี่สิบ ไม่มีเวลาเหลือพอที่จะไปฆ่าใคร หมอเอบิสึกะออกจากบ้านผู้ป่วยคนสุดท้ายเมื่อราวทุ่มยี่สิบและพบกับเราที่ประตูหลังเมื่อสองทุ่มซึ่งอาจช้าไปบ้างแต่ก็ไม่น่าสงสัยอะไรสำหรับคนขาพิการที่ต้องเดินกระโผลกกระเผลกอย่างหมอ
ทางด้านคุณนายคิโซโนะภรรยาทนายคามิยามะก็มีพยานยืนยันหลายคนว่า วันนั้นคุณนายสาละวนอยู่กับการช่วยเตรียมอาหารสำหรับเลี้ยงพระเลี้ยงคนอยู่ในห้องครัวไม่มีใครเห็นว่าออกไปไหนเลย ส่วนนายโอคุดะผู้อ้างตัวเป็นนักบุญเทศนา คำสอนของขงจื๊อรายนั้น ก็มีพยานให้การยืนยันว่าวันนั้นเขาอยู่ที่ตำบลหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุราวสามสิบกว่ากิโล
ผมรู้ดีว่านอกจากตำรวจแล้วดอกเตอร์โคเซนักสืบอัจฉริยะของเรา ก็สืบหาข้อเท็จจริงทางด้านหมอเอบิสึกะกับทนาย คามิยามะอยู่อย่างละเอียดด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหาอะไรมาล้มล้างหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุของคนทั้งสองได้
“ดอกเตอร์ ผมว่าคดีฆาตกรรมพวกนี้บางรายฆาตกรอาจเป็นคนละคนกันนะ คือฆาตกรในคดีที่เกี่ยวกับตระกูล อุตางาวะ ไม่ใช่คนเดียวกันกับฆาตกรที่ฆ่าคุณชิงุซะ นายวานิและนายอุสึมิ เวลาที่เกิดเหตุอาจทำให้ดูเหมือนว่าเป็นฆาตกรรมต่อเนื่อง แต่ผมรู้สึกว่าเหตุจูงใจให้ฆ่าและบุคคลที่น่าสงสัยว่าเป็นฆาตกรจะต่างกันไปในแต่ละคดี เราจะสรุปได้ไหมว่าเป็นคดีฆาตกรรมที่ไม่ต่อเนื่อง”
“นั่นซิครับ พิจารณาจากรูปคดีแต่ละรายแล้วผมเองก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่ต่อเนื่องกัน จะตั้งชื่อว่าคดีฆาตกรรมไม่ต่อเนื่องเพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติการสืบสวนสำหรับคนรุ่นหลังก็ยังได้ แต่ผมจะบอกให้ว่าความคิดของเราเข้าเป้าที่ฆาตกรวางเอาไว้เลยครับ เพราะฆาตกรตั้งใจเบี่ยงเบนอำพรางจุดประสงค์หลักในการฆ่าแต่ละราย เพราะกลัวว่าฝ่ายสืบสวนจะจับเหตุจูงใจที่แท้จริงให้ฆ่าเหยื่อของมัน เพราะถ้าจับเหตุจูงใจนั้นได้ก็จะรู้ทันทีว่าใครคือฆาตกร”
“ดอกเตอร์หมายความว่าคดีฆาตกรรมทั้งหมดนี้เป็นพฤติกรรมของคน ๆ เดียวอย่างนั้นรึ”
ดอกเตอร์โคเซยิ้มพลางพยักหน้า
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่ครับ คิดดูก็แล้วกันว่าทำไมคนที่ต่างมีอะไรประหลาด ๆ จึงมารวมตัวกันที่นี่ได้กลุ่มใหญ่ขนาดนี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ต้องเกิดขึ้นจากความตั้งใจของฆาตกร ซึ่งคิดถี่ถ้วนมากถึงขนาดชวนผมมาด้วย แต่บอกตรง ๆ ผมไม่ค่อยเต็มใจมาเท่าไรหรอกนะครับ”
ดอกเตอร์หัวเราะหึ ๆ แต่ผมรู้ว่าเขาเริ่มจับเบาะแสอะไรได้บางอย่าง
“ถ้างั้นดอกเตอร์คิดว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจที่แท้จริงให้ฆาตกรลงมือฆ่า”
ดอกเตอร์โคเซหัวเราะลั่น
“ถ้ารู้ผมก็ชี้ตัวฆาตกรได้แล้วซีครับ แผนฆาตกรรมของคนร้ายรายนี้น่ากลัวมาก ทุกสิ่งอย่างผ่านการคำนวณที่หลักแหลมแม่นยำมาแล้ว จัดว่าเป็นฆาตกรรมรายใหญ่ที่สุดในประวัติอาชญากรรมของญี่ปุ่นได้เลยทีเดียว และฆาตกรก็เป็นอัจฉริยะตัวจริง การวางแผนลอบสังหารแบบพื้น ๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรมากนั้นมีอยู่ออกเกร่อไป อย่างเอาเชือกผูกโยงประตูให้ปิดเองอัตโนมัติหรือว่ากลอุบายห้องปิดตายอะไรพวกนั้นล้วนทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ฝ่ายสืบสวนอ่านใจออกและสืบสาวไปถึงตัวได้ ฆาตกรรายนี้ระวังตัวอยู่เสมอเพราะกลัวการถูกอ่านใจแบบนั้นเป็นที่สุด และการกบดานเงียบกริบนั้นน่าจะเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นชัดว่ามันคือปีศาจฆาตกรที่ร้ายกาจระดับอัจฉริยะโดยแท้ ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจที่แท้จริงให้ฆาตกรลงมือฆ่า และฆ่าด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่ ฆาตกรประกาศไว้ว่าคดีจะจบสิ้นลงในวันที่ 9 สิงหาคมที่เป็นวันครบรอบวันตายของคุณนายคาจิโกะ แต่ผมคิดว่าการฆ่าตามจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของฆาตกรอาจไม่จำเป็นต้องสิ้นสุดลงในวันนั้นเสมอไป และในความเป็นจริงแผนฆาตกรรมที่ว่านั้นอาจบรรลุเป้าหมายไปแล้วก็ได้”
“ถ้าบรรลุเป้าหมายแล้วก็ไม่เห็นจะต้องฆ่าใครอีกทั้ง ๆ ที่ทุกคนระวังตัวกันอย่างเคร่งครัดอย่างนี้”
“ต้องฆ่าเพื่ออำพรางเหตุจูงใจที่แท้จริงครับ ส่วนเรื่องที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคมนั้นก็คงเป็นจุดไคลแมกซ์จุดหนึ่ง แต่ในส่วนตัวของผมคิดว่าฆาตกรไม่ใช่คนซื่อบื้อที่รักษาคำสัตย์จริงจังเป็นบ้า ขนาดที่ประกาศล่วงหน้าไว้ว่าจะก่อเหตุวันที่ 9 สิงหาก็ต้องทำเพื่อไม่ให้ผิดคำพูด ทำไมหรือครับ คุณก็เห็นใช่ไหมว่ามันฆ่าสองศพรวดในวันเดียว มันเหมือนกับนักดาบที่มักจะเล็งไปที่ช่องว่างบนเสื้อเกราะของคู่ต่อสู้แล้วทะลวงแทงทะลุเข้าไปทีเดียวจบ ดูอย่างการวางยาพิษนั่นเป็นไร ถ้ามีใครถูกวางยาพิษคนหนึ่งใคร ๆ ก็จะระวังตัวกันแจไม่เปิดช่องให้ฆ่าเหยื่อที่เป็นเป้าหมายได้อีก ก็เลยฆ่าด้วยยาพิษเสียทีเดียวสองคนให้รู้แล้วรู้รอดไป แผนฆาตกรรมด้วยยาพิษน่าจะจบลงเพียงเท่านี้ ส่วนการฆ่าครั้งต่อไปคงจะใช้วิธีที่ไม่มีใครคาดคิด ผมว่านี่แหละครับคือนิสัยของฆาตกรใจเหี้ยมคนนี้ ดังนั้นเราอาจต้องมาคิดกันใหม่เสียแล้วว่า สมควรไหมที่จะปักใจเอาจริงเอาจังกับคำประกาศก่อเหตุวันที่ 9 สิงหาของฆาตกรกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา”
พูดก็พูดเถอะ แต่ผมสังเกตว่าดอกเตอร์เองก็ไม่ได้มั่นใจสักเท่าไร
ผมรู้ว่าดอกเตอร์โคเซไปถามพ่อเฒ่าคาตาคุระว่าบ้านเกิดของหมอเอบิสึกะอยู่ที่ไหนและได้ไปที่นั่น แต่เพิ่งจะรู้ว่าดอกเตอร์สงสัยคาซุมะเมื่อเขาหันไปถามว่า
“ผมคิดเท่าไร ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณคาซุมะถึงไม่รู้ว่าตัวเองมีศักดิ์เป็นอาแท้ ๆ ของหมอเอบิสึกะ ถึงคุณนายคาจิโกะแม่เลี้ยงของคุณจะไม่รู้ แต่การที่ท่านทามอนไม่บอกคุณซึ่งเป็นผู้สืบสกุลของท่านรู้เรื่องนี้นั้น ผมคิดว่ามันออกจากผิดธรรมดาอยู่ไม่น้อย”
รู้สึกว่าคาซุมะจะไม่พอใจเอามาก ๆ ผมจึงชิงตอบแทนว่า
“ดอกเตอร์ไม่อยู่เลยไม่รู้อะไร ตอนที่พ่อเฒ่าคาตาคุระเผยความลับของตระกูลอุตางาวะ ผมอยู่ด้วยและเห็นกับตาว่าคาซุมะตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึง หน้าขาวซีดแทบไม่มีสีเลือด หน้าตาท่าทางแบบนั้นไม่ว่าจะเป็นดาราเจ้าบทบาทสักแค่ไหนก็แสดงไม่ได้หรอก เชื่อได้เลยว่าเป็นความรู้สึกจากใจจริง สีหน้าอย่างนั้นไม่มีใครแสร้งทำได้แน่ มันแท้จริงเสียยิ่งกว่าเครื่องจับเท็จทีเดียวละคุณ”
“จริงซิ แต่บอกตรง ๆ ผมไม่ค่อยเชื่อวิธีคิดเชิงวรรณศิลป์ของคนในวงการอย่างพวกคุณที่วินิจฉัยอะไร ๆ แบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดว่าคงไม่เที่ยงตรงแม่นยำเหมือนเครื่องจับเท็จกระมัง จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าจนกระทั่งบัดนี้คุณคาซุมะผู้เป็นทายาทสืบสกุลอุตางาวะไม่เคยรู้ความลับที่ขนาดทนายคามิยามะก็ยังรู้เรื่องนี้มาก่อน มันตลกครับ ถ้าคนอย่างทนายคามิยามะไม่รู้ก็ว่าไปอย่าง”
คาซุมะหน้าบึ้งตึง รู้สึกว่าจะโกรธเอามาก ๆ
“ผมไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ใช่...ผมเป็นทายาทตระกูลอุตางาวะและก็จะสืบสกุลต่อไปเพราะไม่มีทายาทคนอื่นอีกก็แค่นั้น พ่อเป็นคนที่ยึดแนวคิดในเชิงที่ว่าชีวิตมนุษย์ไม่มีอะไรจิรังยั่งยืน บอกว่าคนเราพอตายไปแล้วก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่สุสานฝังศพจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ เมื่อถึงคราวที่เป็นประมุขของตระกูลให้ผมคิดทำอะไรได้ตามใจ พ่อคิดเกี่ยวกับบ้านและครอบครัวน้อยมากไม่สมกับการเป็นประมุขของตระกูลเก่าแก่ เฝ้ามองความเดียวดายและหนาวเหน็บของมนุษย์ที่ไม่มีทางไปตลอดมา และนั่นอาจทำให้ท่านเข้าใจวรรณกรรมได้ลึกซึ้งกว่าผมมาก เพราะอย่างนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พ่อจะคิดว่าความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นแผลเก่าของครอบครัวนั้นเป็นปัญหา บังเอิญเกิดเหตุฆาตกรรมหลายคดีขึ้นที่นี่เรื่องนั้นจึงมีความสำคัญมากขึ้นมาเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่มีใครอุตส่าห์ไปขุดคุ้ยขึ้นมาหรอกครับ”
ดอกเตอร์โคเซขัดขึ้นอย่างเกรงใจนิด ๆ
“มันก็คงเป็นอย่างที่คุณว่าหรอกครับถ้าเหตุการณ์พวกนั้นเกิดขึ้นในครอบครัวของคนยากจนอย่างผม แต่ถ้าคิดถึงตระกูลอุตางาวะที่จะต้องมีการแบ่งสมบัติ จนทนายคามิยามะฉวยโอกาสเอามาเป็นประเด็นข่มขู่หาประโยชน์ใส่ตนแล้วละก็ ผมว่ามูลค่าของส่วนแบ่งสมบัติจะต้องมากพอกับการลงทุนขุดเอาความลับของตระกูลขึ้นมาเปิดเผยทีเดียวละครับ”
“ถ้าผมรู้ชัดว่าเรื่องที่ทนายคามิยามะจะยื่นฟ้องต่อศาลเป็นความจริงแล้วละก็ ผมจะไม่ยอมทำตามคำขู่ของเขาแต่จะแบ่งสมบัติให้หมอเอบิสึกะ บอกให้รู้กันไว้เลยว่าผมเป็นคนเที่ยงธรรมไม่ได้ยึดติดกับวัตถุ”
คาซุมะพูดเสียงดังเฉียบขาดใส่อารมณ์จนแทบหายใจไม่ทัน
ผมไม่รู้ว่าดอกเตอร์โคเซสงสัยมาถึงผมด้วย จนกระทั่งเขามาหาผมที่ห้องมองหน้าเคียวโกะยิ้ม ๆ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“เซ็นเซครับ” ดอกเตอร์เรียกผมอย่างนั้นจนติดปาก “คุณคาซุมะจะยืนยันอย่างไงก็เอาไว้ก่อน ผมมาวิเคราะห์อะไร ๆ หลาย ๆ อย่างแล้วชักจะสงสัยขึ้นมาว่า เซ็นเซน่าจะรู้มาก่อนว่าหมอเอบิสึกะเป็นหลานปู่สายตรงของท่านทามอน ก็เรื่องมันถึงขนาดที่ทนายคามิยามะเอามาข่มขู่คุณนายคาจิโกะได้อย่างนี้ คนรอบ ๆ ตัวคุณนายอย่างพวกคนรับใช้ คุณคาโยโกะจะต้องรู้แน่นอน ใช่...คุณคาโยโกะ สงสัยว่าเธอจะต้องรู้อะไรสักอย่าง แน่”
ดอกเตอร์หันไปทางเคียวโกะแล้วยิ้มมากขึ้นอีก
“ใช่ไหมครับโอเคียวซัง” ดอกเตอร์เรียกเคียวโกะอย่างนี้ “โอเคียวซังเป็นเพื่อนกับคุณคาโยโกะ ต้องเคยได้ยินเรื่องนี้จากเธอแน่เลย”
ดอกเตอร์แสดงบทบาทนักสืบยิงคำถามตรง ๆ แบบขวานผ่าซากทำเอาอีกฝ่ายแทบตั้งตัวไม่ติด รู้สึกว่าเคียวโกะจะเคืองไม่น้อย
“อะไรกันดอกเตอร์ อยู่ ๆ ก็มาคาดคั้นเอากับฉัน แย่จริง”
“โธ่ ๆ โอเคียวซังอย่าถือสาอะไรเลยครับ รู้เหมือนกันว่าคงจะเคือง แต่ผมมันเป็นพวกอยากรู้อะไรก็จับเข่าถามกันตรง ๆ ความจริงโอเคียวซังก็เคยเป็นคนที่ท่านทามอนรักใคร่ใกล้ชิดมาก่อน คิดว่าท่านคงจะแพร่งพรายความลับเรื่องนี้ให้ได้ยินมาบ้าง”
“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยให้ตายซิ” เคียวโกะปฏิเสธเด็ดขาดทำหน้าบึ้งไม่พอใจ
“ขอโทษครับ” ดอกเตอร์ยิ้มเขิน ๆ ก่อนหันมาทางผม
“เซ็นเซครับ คุณทังโงะนี่ยังเป็นโสดอยู่หรือ”
“รู้สึกว่าจะยังโสดอยู่นะ”
“แล้วไม่มีคนรักหรือครับ”
“เอ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นใครเขาพูดกันนะ”
“รู้สึกว่าจะยังไง ๆ กับคุณทามาโอะอยู่นะครับ”
“ก็คงหลงรักอยู่ไม่น้อยละมัง บอกตรง ๆ ฉันไม่อยากคิดให้เสียเวลาหรอกว่าคนขวางโลกอย่างนั้นกำลังหมกมุ่นอยู่กับอะไร”
“นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนนี่พูดด้วยยากเหลือเกิน อ่านใจไม่ออกเลยจริง ๆ”
ดอกเตอร์โคเซดูเหมือนจะสงสัยไปเสียหมดทุกคนจนผมชักจะอ่อนใจ และคิดว่าออกจะประเมินค่านายนักสืบอัจฉริยะคนนี้สูงเกินไปเสียแล้ว เมื่อเทียบกันสารวัตรตาเหยี่ยวดูมีภาษีน่าเชื่อถือกว่ามาก ทำงานอย่างจริงจัง เฉียบคมและลึกซึ้งไม่เคยแสดงให้เห็นความอ่อนด้อย วางเป้าหมายที่พวกเรามองไม่ออกคิดไม่ถึงและพยายามเจาะลึกลงไป
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่แถวภูเขามิวะ ผมเห็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่าคู่หนึ่งนั่งงอตัวอยู่ข้างทางดูเหนื่อยอ่อนอย่างน่ากลัวว่าจะเป็นลมพับไป เมื่อเข้าไปใกล้จึงเห็นชัดว่าแม่เฒ่าคือคุณอายูระของคาซุมะ ส่วนพ่อเฒ่านั้นผมเพิ่งเคยเป็นครั้งแรกแต่คิดว่าคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายนางุโมะสามีของนาง
ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วถามว่าเป็นอะไรไป พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนของคุณอาก็แจ่มใสขึ้นทันทีด้วยความโล่งใจ
“เราพากันออกมาเดินเล่นน่ะคุณ นึกว่าไม่เป็นไรแต่ที่ไหนได้ แทบจะหมดสภาพอย่างที่เห็น คนแก่ก็อย่างนี้แหละ อะไรที่เคยทำได้เมื่อสิบวันก่อน พอมาวันนี้เกิดทำไม่ได้เสียแล้ว”
“ได้ยินมาว่าคุณอาไม่สบายไม่ใช่หรือครับ”
“ใช่ แต่เช้าวันนี้รู้สึกสดชื่นแจ่มใสดีและคุณเขาก็ดูแข้งขามีแรงกว่าเคย เลยชวนกันเดินไปดูตรงที่เขาพบศพชิงุซะ ทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะไปไหวไหม คนแก่เป็นอย่างนี้แหละคุณ พอนึกว่าจะทำอะไรแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ความอดทนสั้นกว่าเด็กสี่ห้าขวบเสียอีก แต่ก็อย่างว่าแหละนะ คนแก่อย่างเรารู้กันดีว่าอะไร ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง อะไรที่วันนี้ทำได้พอถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้กลับทำไม่ได้เสียแล้ว ดังนั้นเวลาอยากทำอะไร ถ้าไม่ทำเดี๋ยวนี้อาจไม่มีวันได้ทำ จะย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้ ทนผัดวันประกันพรุ่งต่อไปอีกไม่ได้หรอกคุณ มันต้องทำให้ลุล่วงไปไม่ให้เหลือค้างคาใจถึงจะตายก็ยอม พอออกมาเดิน จริง ๆ ก็เหนื่อยจนแทบจะหมดสภาพอย่างที่เห็น ไม่นึกเลยนะเพราะเมื่อฤดูใบไม้ผลิต้นปีนี้เองเรายังเดินไปถึงอนเซ็นได้ ไม่รู้สึกเหนื่อยสักนิดเดียว”
“ใช่ ๆ เมื่อวันก่อนเจ้าของบ้านพักแรมที่อนเซ็นยังบอกผมเลยว่าคุณอาไปที่นั่น ดูเหมือนจะไปหาซื้อยาคาลโมตินใช่ไหมครับ”
“คาลโมตินรึ ไม่นะ ไม่ได้ไปซื้อยาอะไรนั่น” คุณอายูระหน้าถอดสี
“คุณคนนี้คือใคร” พ่อเฒ่าที่ยืนหลังโกงอยู่ข้าง ๆ ถามขึ้น
“คุณยาชิโระ แขกที่มาพักอยู่ที่เรือนฝรั่ง คนที่แต่งงานไปไปโอเคียวซังไงล่ะ”
“อ๋อ คุณคนนั้นเอง”
ผมยื่นมือไปดึงให้แกลุกขึ้น และพอยืนเต็มตัวก็พบว่าเป็นชายร่างใหญ่พอดูแม้จะผ่ายผอม
“งั้นเดี๋ยวผมไปบอกลุงคิซากุให้เอารถมารับนะครับ”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง แค่นี้พอเดินไหว”
ว่าแล้วคุณอายูระก็จับบ่าผมพยุงตัวออกเดิน
“แม่โมโรอินางพยาบาลใจดำสิ้นดีเลยคุณ ปกติเวลาคนไข้ไปเดินเล่นอย่างน้อยก็จะต้องมีน้ำใจออกมาเดินเป็นเพื่อนใช่ไหม แต่นี่ไม่มีเลยแถมยังบอกว่าอยากออกไปเดินก็ตามใจ ตายกลางทางไม่รู้ด้วย เห็นไหมว่านางไร้ศีลธรรมจรรยาแค่ไหน แล้วยังกิเลสหนาอีกต่างหาก ถ้าให้ทิปละก็รีบล่ก ๆ ทำให้เลยละ ไม่เชื่อก็ลองให้เงินเป็นกอบเป็นกำดูซิ รับรองนางจะตั้งอกตั้งใจทำให้แทบจะไม่หยุดพัก นี่มันนางมารแท้ ๆ”
“นางเป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ คุณ”
สามีคุณอาที่เดินเกาะบ่าผมโซซัดโซเซมาด้วยกัน รวบรวมแรงพูดสำทับขณะหายใจหอบถี่
ฟังแล้วเห็นภาพเลยว่าโมโรอิ โคโตมินั้นดูเหมือนจะเป็นพยาบาลตัวแสบสำหรับผู้เฒ่าทั้งสอง และพอผมถามถึงคุณสมบัติเผื่อว่านางจะมีอะไรดีบ้าง คุณอาก็ใส่ไม่ยั้ง
“คุณสมบัติรึ คนอย่างนั้นจะมีอะไร้ คุณพี่ทามอนนั่นต้องยกไว้สักคนเพราะตอนนี้เป็นคนป่วยอยู่ ดูพ่อหมอเอบิสึกะก็แล้วกัน ถ้านางเป็นคนมีคุณสมบัติป่านนี้ก็คงได้เป็นเมียเอกของหมอไปแล้ว และก็ยังมีคนอื่น ๆ อย่างหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์ครูใหญ่ พวกชาวนาที่ระยะนี้กำลังมีเงิน แต่ก็นอนคอยไปเถอะว่าจะได้กอดธนบัตรใบละร้อยเป็นปึก ๆ เห็นทีจะไม่มีทาง นางเป็นคนไม่มีหัวใจ มีแต่เงินเป็นเพื่อนสนิท น่ารังเกียจเหลือทน”
ถ้าไม่พบกับทนายคามิยะที่เดินมาได้จังหวะพอดี ผมคงหมดแรงหมอบอยู่กลางทางนั้นเอง
ทนายเป็นคนตัวใหญ่สูงเกือบหกฟุตเลยแบกพ่อเฒ่านางุโมะขึ้นหลังได้สบายเดินเคียงไปกับคุณอายูระที่ยังมีแรง
โมโรอิ โคโตมิ...พฤติกรรมของหญิงลึกลับคนนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่านางต้องมีบทบาทสำคัญซ้อนเร้นอยู่ที่มุมหนึ่งของเหตุการณ์ทั้งหมด
ใครกันคือคนที่กำหัวใจของหญิงใจดำและกิเลศหนาคนนี้และชักใยอยู่เบื้องหลัง
ผมรีบคิดทบทวนหาหลักฐานยืนยันที่อยู่ของนางเมื่อเย็นวันที่ 18 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันที่คุณชิงุซะถูกฆ่าเผื่อว่าจะพบพิรุธ แต่ก็ผิดหวัง
วันนั้นโมโรกิเป็นคนสุดท้ายที่เห็นคุณชิงุซะออกจากคฤหาสน์ไปทางประตูหลัง หลังจากนั้นนางพยาบาลคนนี้ก็ไปนวดท่านทามอนตั้งแต่หกโมงถึงหนึ่งทุ่มแล้วก็ไม่ได้ออกไปนอกคฤหาสน์เลย นางมีพยานยืนยันชัดเจน
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
ยูระน้องสาวแท้ ๆ ของนายอุตางาวะ (ทามอน) สามีชื่อนางุโมะ อิจิมาสึ
โมโรอิ โคโตมิ นางพยาบาลประจำตัวคุณนายคาจิโกะ
คุณนายคาจิโกะ ภรรยานายทามอนแม่ของทามาโอะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ความลับเปิดเผยแล้วว่าเป็นหลานปู่ของนายอุตางาวะ ทามอน
ทนายคามิยามะอดีตทนายความของท่านทามอน
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยท่านทามอน บิดาของคาซุมะ
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
ทีมสืบสวนดูเหมือนจะยังไม่ได้หลักฐานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่างเดียวทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่าจะพยายามกันอย่างมาก
หลังจากพ่อเฒ่าคาตาคุระเปิดเผยความลับของตระกูลอุตางาวะ ตำรวจพุ่งความสงสัยไปที่ทนายคามิยามะกับหมอ เอบิสึกะและทำท่าจะถอดรหัสคดีทั้งหมดได้ กรณีของนายอุสึมิกวีหลังค่อม ทนายคามิยามะพักอยู่ชั้นบนคงไม่กล้าเสี่ยงเดินผ่านปิก้าซึ่งตอนนั้นนอนแผ่หลาอยู่หน้าห้องคุณนายอายากะลงไปฆ่ากวีหลังค่อมที่นอนอยู่ในห้องชั้นล่างได้ ขณะที่หมอเอบิสึกะน่าจะเข้าไปฆ่าได้ไม่ยาก
ทว่ามาสะดุดอยู่ที่กรณีของคุณชิงุซะ เพราะทั้งทนายและหมอมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน
พวกผู้หญิงให้การยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าทนายคามิยามะกลับมาจากเชิงตะกอนพร้อมกับพระและคาซุมะ และพูดคุยอยู่กับพวกเธอในห้องใหญ่ตลอดเวลา
สำหรับหมอเอบิสึกะนั้นผมกับคาซุมะเห็นเขาเดินกลับมาจากทางหมู่บ้าน เราพบกันที่ประตูหลังราวสองทุ่ม ส่วนจะออกจากคลินิกเมื่อไรนั้นหมอดื้อแพ่งไม่ยอมตอบไม่ว่าสารวัตรตาเหยี่ยวจะซักถามคาดคั้นและโมคุเบช่วยขู่สำทับเพียงใด แต่ผลจากการสอบปากคำของบรรดาผู้ป่วยพบว่าหมอออกไปตรวจคนไข้สามคนตามลำดับตั้งแต่หกโมงถึงทุ่มยี่สิบ ไม่มีเวลาเหลือพอที่จะไปฆ่าใคร หมอเอบิสึกะออกจากบ้านผู้ป่วยคนสุดท้ายเมื่อราวทุ่มยี่สิบและพบกับเราที่ประตูหลังเมื่อสองทุ่มซึ่งอาจช้าไปบ้างแต่ก็ไม่น่าสงสัยอะไรสำหรับคนขาพิการที่ต้องเดินกระโผลกกระเผลกอย่างหมอ
ทางด้านคุณนายคิโซโนะภรรยาทนายคามิยามะก็มีพยานยืนยันหลายคนว่า วันนั้นคุณนายสาละวนอยู่กับการช่วยเตรียมอาหารสำหรับเลี้ยงพระเลี้ยงคนอยู่ในห้องครัวไม่มีใครเห็นว่าออกไปไหนเลย ส่วนนายโอคุดะผู้อ้างตัวเป็นนักบุญเทศนา คำสอนของขงจื๊อรายนั้น ก็มีพยานให้การยืนยันว่าวันนั้นเขาอยู่ที่ตำบลหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุราวสามสิบกว่ากิโล
ผมรู้ดีว่านอกจากตำรวจแล้วดอกเตอร์โคเซนักสืบอัจฉริยะของเรา ก็สืบหาข้อเท็จจริงทางด้านหมอเอบิสึกะกับทนาย คามิยามะอยู่อย่างละเอียดด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหาอะไรมาล้มล้างหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุของคนทั้งสองได้
“ดอกเตอร์ ผมว่าคดีฆาตกรรมพวกนี้บางรายฆาตกรอาจเป็นคนละคนกันนะ คือฆาตกรในคดีที่เกี่ยวกับตระกูล อุตางาวะ ไม่ใช่คนเดียวกันกับฆาตกรที่ฆ่าคุณชิงุซะ นายวานิและนายอุสึมิ เวลาที่เกิดเหตุอาจทำให้ดูเหมือนว่าเป็นฆาตกรรมต่อเนื่อง แต่ผมรู้สึกว่าเหตุจูงใจให้ฆ่าและบุคคลที่น่าสงสัยว่าเป็นฆาตกรจะต่างกันไปในแต่ละคดี เราจะสรุปได้ไหมว่าเป็นคดีฆาตกรรมที่ไม่ต่อเนื่อง”
“นั่นซิครับ พิจารณาจากรูปคดีแต่ละรายแล้วผมเองก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่ต่อเนื่องกัน จะตั้งชื่อว่าคดีฆาตกรรมไม่ต่อเนื่องเพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติการสืบสวนสำหรับคนรุ่นหลังก็ยังได้ แต่ผมจะบอกให้ว่าความคิดของเราเข้าเป้าที่ฆาตกรวางเอาไว้เลยครับ เพราะฆาตกรตั้งใจเบี่ยงเบนอำพรางจุดประสงค์หลักในการฆ่าแต่ละราย เพราะกลัวว่าฝ่ายสืบสวนจะจับเหตุจูงใจที่แท้จริงให้ฆ่าเหยื่อของมัน เพราะถ้าจับเหตุจูงใจนั้นได้ก็จะรู้ทันทีว่าใครคือฆาตกร”
“ดอกเตอร์หมายความว่าคดีฆาตกรรมทั้งหมดนี้เป็นพฤติกรรมของคน ๆ เดียวอย่างนั้นรึ”
ดอกเตอร์โคเซยิ้มพลางพยักหน้า
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่ครับ คิดดูก็แล้วกันว่าทำไมคนที่ต่างมีอะไรประหลาด ๆ จึงมารวมตัวกันที่นี่ได้กลุ่มใหญ่ขนาดนี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ต้องเกิดขึ้นจากความตั้งใจของฆาตกร ซึ่งคิดถี่ถ้วนมากถึงขนาดชวนผมมาด้วย แต่บอกตรง ๆ ผมไม่ค่อยเต็มใจมาเท่าไรหรอกนะครับ”
ดอกเตอร์หัวเราะหึ ๆ แต่ผมรู้ว่าเขาเริ่มจับเบาะแสอะไรได้บางอย่าง
“ถ้างั้นดอกเตอร์คิดว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจที่แท้จริงให้ฆาตกรลงมือฆ่า”
ดอกเตอร์โคเซหัวเราะลั่น
“ถ้ารู้ผมก็ชี้ตัวฆาตกรได้แล้วซีครับ แผนฆาตกรรมของคนร้ายรายนี้น่ากลัวมาก ทุกสิ่งอย่างผ่านการคำนวณที่หลักแหลมแม่นยำมาแล้ว จัดว่าเป็นฆาตกรรมรายใหญ่ที่สุดในประวัติอาชญากรรมของญี่ปุ่นได้เลยทีเดียว และฆาตกรก็เป็นอัจฉริยะตัวจริง การวางแผนลอบสังหารแบบพื้น ๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรมากนั้นมีอยู่ออกเกร่อไป อย่างเอาเชือกผูกโยงประตูให้ปิดเองอัตโนมัติหรือว่ากลอุบายห้องปิดตายอะไรพวกนั้นล้วนทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ฝ่ายสืบสวนอ่านใจออกและสืบสาวไปถึงตัวได้ ฆาตกรรายนี้ระวังตัวอยู่เสมอเพราะกลัวการถูกอ่านใจแบบนั้นเป็นที่สุด และการกบดานเงียบกริบนั้นน่าจะเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นชัดว่ามันคือปีศาจฆาตกรที่ร้ายกาจระดับอัจฉริยะโดยแท้ ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจที่แท้จริงให้ฆาตกรลงมือฆ่า และฆ่าด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่ ฆาตกรประกาศไว้ว่าคดีจะจบสิ้นลงในวันที่ 9 สิงหาคมที่เป็นวันครบรอบวันตายของคุณนายคาจิโกะ แต่ผมคิดว่าการฆ่าตามจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของฆาตกรอาจไม่จำเป็นต้องสิ้นสุดลงในวันนั้นเสมอไป และในความเป็นจริงแผนฆาตกรรมที่ว่านั้นอาจบรรลุเป้าหมายไปแล้วก็ได้”
“ถ้าบรรลุเป้าหมายแล้วก็ไม่เห็นจะต้องฆ่าใครอีกทั้ง ๆ ที่ทุกคนระวังตัวกันอย่างเคร่งครัดอย่างนี้”
“ต้องฆ่าเพื่ออำพรางเหตุจูงใจที่แท้จริงครับ ส่วนเรื่องที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคมนั้นก็คงเป็นจุดไคลแมกซ์จุดหนึ่ง แต่ในส่วนตัวของผมคิดว่าฆาตกรไม่ใช่คนซื่อบื้อที่รักษาคำสัตย์จริงจังเป็นบ้า ขนาดที่ประกาศล่วงหน้าไว้ว่าจะก่อเหตุวันที่ 9 สิงหาก็ต้องทำเพื่อไม่ให้ผิดคำพูด ทำไมหรือครับ คุณก็เห็นใช่ไหมว่ามันฆ่าสองศพรวดในวันเดียว มันเหมือนกับนักดาบที่มักจะเล็งไปที่ช่องว่างบนเสื้อเกราะของคู่ต่อสู้แล้วทะลวงแทงทะลุเข้าไปทีเดียวจบ ดูอย่างการวางยาพิษนั่นเป็นไร ถ้ามีใครถูกวางยาพิษคนหนึ่งใคร ๆ ก็จะระวังตัวกันแจไม่เปิดช่องให้ฆ่าเหยื่อที่เป็นเป้าหมายได้อีก ก็เลยฆ่าด้วยยาพิษเสียทีเดียวสองคนให้รู้แล้วรู้รอดไป แผนฆาตกรรมด้วยยาพิษน่าจะจบลงเพียงเท่านี้ ส่วนการฆ่าครั้งต่อไปคงจะใช้วิธีที่ไม่มีใครคาดคิด ผมว่านี่แหละครับคือนิสัยของฆาตกรใจเหี้ยมคนนี้ ดังนั้นเราอาจต้องมาคิดกันใหม่เสียแล้วว่า สมควรไหมที่จะปักใจเอาจริงเอาจังกับคำประกาศก่อเหตุวันที่ 9 สิงหาของฆาตกรกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา”
พูดก็พูดเถอะ แต่ผมสังเกตว่าดอกเตอร์เองก็ไม่ได้มั่นใจสักเท่าไร
ผมรู้ว่าดอกเตอร์โคเซไปถามพ่อเฒ่าคาตาคุระว่าบ้านเกิดของหมอเอบิสึกะอยู่ที่ไหนและได้ไปที่นั่น แต่เพิ่งจะรู้ว่าดอกเตอร์สงสัยคาซุมะเมื่อเขาหันไปถามว่า
“ผมคิดเท่าไร ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณคาซุมะถึงไม่รู้ว่าตัวเองมีศักดิ์เป็นอาแท้ ๆ ของหมอเอบิสึกะ ถึงคุณนายคาจิโกะแม่เลี้ยงของคุณจะไม่รู้ แต่การที่ท่านทามอนไม่บอกคุณซึ่งเป็นผู้สืบสกุลของท่านรู้เรื่องนี้นั้น ผมคิดว่ามันออกจากผิดธรรมดาอยู่ไม่น้อย”
รู้สึกว่าคาซุมะจะไม่พอใจเอามาก ๆ ผมจึงชิงตอบแทนว่า
“ดอกเตอร์ไม่อยู่เลยไม่รู้อะไร ตอนที่พ่อเฒ่าคาตาคุระเผยความลับของตระกูลอุตางาวะ ผมอยู่ด้วยและเห็นกับตาว่าคาซุมะตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึง หน้าขาวซีดแทบไม่มีสีเลือด หน้าตาท่าทางแบบนั้นไม่ว่าจะเป็นดาราเจ้าบทบาทสักแค่ไหนก็แสดงไม่ได้หรอก เชื่อได้เลยว่าเป็นความรู้สึกจากใจจริง สีหน้าอย่างนั้นไม่มีใครแสร้งทำได้แน่ มันแท้จริงเสียยิ่งกว่าเครื่องจับเท็จทีเดียวละคุณ”
“จริงซิ แต่บอกตรง ๆ ผมไม่ค่อยเชื่อวิธีคิดเชิงวรรณศิลป์ของคนในวงการอย่างพวกคุณที่วินิจฉัยอะไร ๆ แบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดว่าคงไม่เที่ยงตรงแม่นยำเหมือนเครื่องจับเท็จกระมัง จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าจนกระทั่งบัดนี้คุณคาซุมะผู้เป็นทายาทสืบสกุลอุตางาวะไม่เคยรู้ความลับที่ขนาดทนายคามิยามะก็ยังรู้เรื่องนี้มาก่อน มันตลกครับ ถ้าคนอย่างทนายคามิยามะไม่รู้ก็ว่าไปอย่าง”
คาซุมะหน้าบึ้งตึง รู้สึกว่าจะโกรธเอามาก ๆ
“ผมไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ใช่...ผมเป็นทายาทตระกูลอุตางาวะและก็จะสืบสกุลต่อไปเพราะไม่มีทายาทคนอื่นอีกก็แค่นั้น พ่อเป็นคนที่ยึดแนวคิดในเชิงที่ว่าชีวิตมนุษย์ไม่มีอะไรจิรังยั่งยืน บอกว่าคนเราพอตายไปแล้วก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้แต่สุสานฝังศพจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ เมื่อถึงคราวที่เป็นประมุขของตระกูลให้ผมคิดทำอะไรได้ตามใจ พ่อคิดเกี่ยวกับบ้านและครอบครัวน้อยมากไม่สมกับการเป็นประมุขของตระกูลเก่าแก่ เฝ้ามองความเดียวดายและหนาวเหน็บของมนุษย์ที่ไม่มีทางไปตลอดมา และนั่นอาจทำให้ท่านเข้าใจวรรณกรรมได้ลึกซึ้งกว่าผมมาก เพราะอย่างนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พ่อจะคิดว่าความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นแผลเก่าของครอบครัวนั้นเป็นปัญหา บังเอิญเกิดเหตุฆาตกรรมหลายคดีขึ้นที่นี่เรื่องนั้นจึงมีความสำคัญมากขึ้นมาเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่มีใครอุตส่าห์ไปขุดคุ้ยขึ้นมาหรอกครับ”
ดอกเตอร์โคเซขัดขึ้นอย่างเกรงใจนิด ๆ
“มันก็คงเป็นอย่างที่คุณว่าหรอกครับถ้าเหตุการณ์พวกนั้นเกิดขึ้นในครอบครัวของคนยากจนอย่างผม แต่ถ้าคิดถึงตระกูลอุตางาวะที่จะต้องมีการแบ่งสมบัติ จนทนายคามิยามะฉวยโอกาสเอามาเป็นประเด็นข่มขู่หาประโยชน์ใส่ตนแล้วละก็ ผมว่ามูลค่าของส่วนแบ่งสมบัติจะต้องมากพอกับการลงทุนขุดเอาความลับของตระกูลขึ้นมาเปิดเผยทีเดียวละครับ”
“ถ้าผมรู้ชัดว่าเรื่องที่ทนายคามิยามะจะยื่นฟ้องต่อศาลเป็นความจริงแล้วละก็ ผมจะไม่ยอมทำตามคำขู่ของเขาแต่จะแบ่งสมบัติให้หมอเอบิสึกะ บอกให้รู้กันไว้เลยว่าผมเป็นคนเที่ยงธรรมไม่ได้ยึดติดกับวัตถุ”
คาซุมะพูดเสียงดังเฉียบขาดใส่อารมณ์จนแทบหายใจไม่ทัน
ผมไม่รู้ว่าดอกเตอร์โคเซสงสัยมาถึงผมด้วย จนกระทั่งเขามาหาผมที่ห้องมองหน้าเคียวโกะยิ้ม ๆ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“เซ็นเซครับ” ดอกเตอร์เรียกผมอย่างนั้นจนติดปาก “คุณคาซุมะจะยืนยันอย่างไงก็เอาไว้ก่อน ผมมาวิเคราะห์อะไร ๆ หลาย ๆ อย่างแล้วชักจะสงสัยขึ้นมาว่า เซ็นเซน่าจะรู้มาก่อนว่าหมอเอบิสึกะเป็นหลานปู่สายตรงของท่านทามอน ก็เรื่องมันถึงขนาดที่ทนายคามิยามะเอามาข่มขู่คุณนายคาจิโกะได้อย่างนี้ คนรอบ ๆ ตัวคุณนายอย่างพวกคนรับใช้ คุณคาโยโกะจะต้องรู้แน่นอน ใช่...คุณคาโยโกะ สงสัยว่าเธอจะต้องรู้อะไรสักอย่าง แน่”
ดอกเตอร์หันไปทางเคียวโกะแล้วยิ้มมากขึ้นอีก
“ใช่ไหมครับโอเคียวซัง” ดอกเตอร์เรียกเคียวโกะอย่างนี้ “โอเคียวซังเป็นเพื่อนกับคุณคาโยโกะ ต้องเคยได้ยินเรื่องนี้จากเธอแน่เลย”
ดอกเตอร์แสดงบทบาทนักสืบยิงคำถามตรง ๆ แบบขวานผ่าซากทำเอาอีกฝ่ายแทบตั้งตัวไม่ติด รู้สึกว่าเคียวโกะจะเคืองไม่น้อย
“อะไรกันดอกเตอร์ อยู่ ๆ ก็มาคาดคั้นเอากับฉัน แย่จริง”
“โธ่ ๆ โอเคียวซังอย่าถือสาอะไรเลยครับ รู้เหมือนกันว่าคงจะเคือง แต่ผมมันเป็นพวกอยากรู้อะไรก็จับเข่าถามกันตรง ๆ ความจริงโอเคียวซังก็เคยเป็นคนที่ท่านทามอนรักใคร่ใกล้ชิดมาก่อน คิดว่าท่านคงจะแพร่งพรายความลับเรื่องนี้ให้ได้ยินมาบ้าง”
“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลยให้ตายซิ” เคียวโกะปฏิเสธเด็ดขาดทำหน้าบึ้งไม่พอใจ
“ขอโทษครับ” ดอกเตอร์ยิ้มเขิน ๆ ก่อนหันมาทางผม
“เซ็นเซครับ คุณทังโงะนี่ยังเป็นโสดอยู่หรือ”
“รู้สึกว่าจะยังโสดอยู่นะ”
“แล้วไม่มีคนรักหรือครับ”
“เอ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นใครเขาพูดกันนะ”
“รู้สึกว่าจะยังไง ๆ กับคุณทามาโอะอยู่นะครับ”
“ก็คงหลงรักอยู่ไม่น้อยละมัง บอกตรง ๆ ฉันไม่อยากคิดให้เสียเวลาหรอกว่าคนขวางโลกอย่างนั้นกำลังหมกมุ่นอยู่กับอะไร”
“นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคนนี่พูดด้วยยากเหลือเกิน อ่านใจไม่ออกเลยจริง ๆ”
ดอกเตอร์โคเซดูเหมือนจะสงสัยไปเสียหมดทุกคนจนผมชักจะอ่อนใจ และคิดว่าออกจะประเมินค่านายนักสืบอัจฉริยะคนนี้สูงเกินไปเสียแล้ว เมื่อเทียบกันสารวัตรตาเหยี่ยวดูมีภาษีน่าเชื่อถือกว่ามาก ทำงานอย่างจริงจัง เฉียบคมและลึกซึ้งไม่เคยแสดงให้เห็นความอ่อนด้อย วางเป้าหมายที่พวกเรามองไม่ออกคิดไม่ถึงและพยายามเจาะลึกลงไป
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่แถวภูเขามิวะ ผมเห็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่าคู่หนึ่งนั่งงอตัวอยู่ข้างทางดูเหนื่อยอ่อนอย่างน่ากลัวว่าจะเป็นลมพับไป เมื่อเข้าไปใกล้จึงเห็นชัดว่าแม่เฒ่าคือคุณอายูระของคาซุมะ ส่วนพ่อเฒ่านั้นผมเพิ่งเคยเป็นครั้งแรกแต่คิดว่าคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายนางุโมะสามีของนาง
ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วถามว่าเป็นอะไรไป พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนของคุณอาก็แจ่มใสขึ้นทันทีด้วยความโล่งใจ
“เราพากันออกมาเดินเล่นน่ะคุณ นึกว่าไม่เป็นไรแต่ที่ไหนได้ แทบจะหมดสภาพอย่างที่เห็น คนแก่ก็อย่างนี้แหละ อะไรที่เคยทำได้เมื่อสิบวันก่อน พอมาวันนี้เกิดทำไม่ได้เสียแล้ว”
“ได้ยินมาว่าคุณอาไม่สบายไม่ใช่หรือครับ”
“ใช่ แต่เช้าวันนี้รู้สึกสดชื่นแจ่มใสดีและคุณเขาก็ดูแข้งขามีแรงกว่าเคย เลยชวนกันเดินไปดูตรงที่เขาพบศพชิงุซะ ทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะไปไหวไหม คนแก่เป็นอย่างนี้แหละคุณ พอนึกว่าจะทำอะไรแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ความอดทนสั้นกว่าเด็กสี่ห้าขวบเสียอีก แต่ก็อย่างว่าแหละนะ คนแก่อย่างเรารู้กันดีว่าอะไร ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง อะไรที่วันนี้ทำได้พอถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้กลับทำไม่ได้เสียแล้ว ดังนั้นเวลาอยากทำอะไร ถ้าไม่ทำเดี๋ยวนี้อาจไม่มีวันได้ทำ จะย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้ ทนผัดวันประกันพรุ่งต่อไปอีกไม่ได้หรอกคุณ มันต้องทำให้ลุล่วงไปไม่ให้เหลือค้างคาใจถึงจะตายก็ยอม พอออกมาเดิน จริง ๆ ก็เหนื่อยจนแทบจะหมดสภาพอย่างที่เห็น ไม่นึกเลยนะเพราะเมื่อฤดูใบไม้ผลิต้นปีนี้เองเรายังเดินไปถึงอนเซ็นได้ ไม่รู้สึกเหนื่อยสักนิดเดียว”
“ใช่ ๆ เมื่อวันก่อนเจ้าของบ้านพักแรมที่อนเซ็นยังบอกผมเลยว่าคุณอาไปที่นั่น ดูเหมือนจะไปหาซื้อยาคาลโมตินใช่ไหมครับ”
“คาลโมตินรึ ไม่นะ ไม่ได้ไปซื้อยาอะไรนั่น” คุณอายูระหน้าถอดสี
“คุณคนนี้คือใคร” พ่อเฒ่าที่ยืนหลังโกงอยู่ข้าง ๆ ถามขึ้น
“คุณยาชิโระ แขกที่มาพักอยู่ที่เรือนฝรั่ง คนที่แต่งงานไปไปโอเคียวซังไงล่ะ”
“อ๋อ คุณคนนั้นเอง”
ผมยื่นมือไปดึงให้แกลุกขึ้น และพอยืนเต็มตัวก็พบว่าเป็นชายร่างใหญ่พอดูแม้จะผ่ายผอม
“งั้นเดี๋ยวผมไปบอกลุงคิซากุให้เอารถมารับนะครับ”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง แค่นี้พอเดินไหว”
ว่าแล้วคุณอายูระก็จับบ่าผมพยุงตัวออกเดิน
“แม่โมโรอินางพยาบาลใจดำสิ้นดีเลยคุณ ปกติเวลาคนไข้ไปเดินเล่นอย่างน้อยก็จะต้องมีน้ำใจออกมาเดินเป็นเพื่อนใช่ไหม แต่นี่ไม่มีเลยแถมยังบอกว่าอยากออกไปเดินก็ตามใจ ตายกลางทางไม่รู้ด้วย เห็นไหมว่านางไร้ศีลธรรมจรรยาแค่ไหน แล้วยังกิเลสหนาอีกต่างหาก ถ้าให้ทิปละก็รีบล่ก ๆ ทำให้เลยละ ไม่เชื่อก็ลองให้เงินเป็นกอบเป็นกำดูซิ รับรองนางจะตั้งอกตั้งใจทำให้แทบจะไม่หยุดพัก นี่มันนางมารแท้ ๆ”
“นางเป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ คุณ”
สามีคุณอาที่เดินเกาะบ่าผมโซซัดโซเซมาด้วยกัน รวบรวมแรงพูดสำทับขณะหายใจหอบถี่
ฟังแล้วเห็นภาพเลยว่าโมโรอิ โคโตมินั้นดูเหมือนจะเป็นพยาบาลตัวแสบสำหรับผู้เฒ่าทั้งสอง และพอผมถามถึงคุณสมบัติเผื่อว่านางจะมีอะไรดีบ้าง คุณอาก็ใส่ไม่ยั้ง
“คุณสมบัติรึ คนอย่างนั้นจะมีอะไร้ คุณพี่ทามอนนั่นต้องยกไว้สักคนเพราะตอนนี้เป็นคนป่วยอยู่ ดูพ่อหมอเอบิสึกะก็แล้วกัน ถ้านางเป็นคนมีคุณสมบัติป่านนี้ก็คงได้เป็นเมียเอกของหมอไปแล้ว และก็ยังมีคนอื่น ๆ อย่างหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์ครูใหญ่ พวกชาวนาที่ระยะนี้กำลังมีเงิน แต่ก็นอนคอยไปเถอะว่าจะได้กอดธนบัตรใบละร้อยเป็นปึก ๆ เห็นทีจะไม่มีทาง นางเป็นคนไม่มีหัวใจ มีแต่เงินเป็นเพื่อนสนิท น่ารังเกียจเหลือทน”
ถ้าไม่พบกับทนายคามิยะที่เดินมาได้จังหวะพอดี ผมคงหมดแรงหมอบอยู่กลางทางนั้นเอง
ทนายเป็นคนตัวใหญ่สูงเกือบหกฟุตเลยแบกพ่อเฒ่านางุโมะขึ้นหลังได้สบายเดินเคียงไปกับคุณอายูระที่ยังมีแรง
โมโรอิ โคโตมิ...พฤติกรรมของหญิงลึกลับคนนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่านางต้องมีบทบาทสำคัญซ้อนเร้นอยู่ที่มุมหนึ่งของเหตุการณ์ทั้งหมด
ใครกันคือคนที่กำหัวใจของหญิงใจดำและกิเลศหนาคนนี้และชักใยอยู่เบื้องหลัง
ผมรีบคิดทบทวนหาหลักฐานยืนยันที่อยู่ของนางเมื่อเย็นวันที่ 18 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันที่คุณชิงุซะถูกฆ่าเผื่อว่าจะพบพิรุธ แต่ก็ผิดหวัง
วันนั้นโมโรกิเป็นคนสุดท้ายที่เห็นคุณชิงุซะออกจากคฤหาสน์ไปทางประตูหลัง หลังจากนั้นนางพยาบาลคนนี้ก็ไปนวดท่านทามอนตั้งแต่หกโมงถึงหนึ่งทุ่มแล้วก็ไม่ได้ออกไปนอกคฤหาสน์เลย นางมีพยานยืนยันชัดเจน
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
ยูระน้องสาวแท้ ๆ ของนายอุตางาวะ (ทามอน) สามีชื่อนางุโมะ อิจิมาสึ
โมโรอิ โคโตมิ นางพยาบาลประจำตัวคุณนายคาจิโกะ
คุณนายคาจิโกะ ภรรยานายทามอนแม่ของทามาโอะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ความลับเปิดเผยแล้วว่าเป็นหลานปู่ของนายอุตางาวะ ทามอน
ทนายคามิยามะอดีตทนายความของท่านทามอน
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยท่านทามอน บิดาของคาซุมะ