จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
ตำรวจแจ้งความจำนงขอตรวจสอบพินัยกรรมของนายทามอน ประมุขแห่งตระกูลอุตางาวะผู้ล่วงลับ ซึ่งเมื่อเปิดตู้เซฟออกดูก็พบได้โดยง่าย
พินัยกรรมที่พบเป็นเพียงเอกสารที่มีลายเซ็นของนายอุตางาวะ ทามอนกำกับอยู่เท่านั้นไม่ได้มีลักษณะเป็นทางการ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม ปีโชวะ 22 (พ.ศ.2490) หมายความว่านายทามอนเพิ่งเขียนขึ้นก่อนถูกฆาตกรรมเพียงสองวัน
คาซุมะไม่ได้คาดฝันมาก่อนเลยว่าพินัยกรรมของบิดาจะมีใจความดังที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
นายทามอนเริ่มด้วยการเปิดเผยว่าหลังจากที่คุณทามาโอะเสียชีวิต คุณคาโยโกะเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา และระบุว่าให้แบ่งมรดกทั้งหมดของเขาให้คาซุมะกับคุณคาโยโกะอย่างเท่าเทียมกันคนละครึ่ง
นอกจากนั้น ยังเขียนไว้ด้วยว่าให้มอบเงินสดแก่นางยูระน้องสาว และนายคาตาคุระ เซจิโรคนละสองแสนเยน
“นายคาตาคุระ เซจิโรคือใครครับ”
“นายคาตาคุระเป็นทนายหน้าหอของตระกูลเรามาตลอด เมื่อฤดูใบไม้ผลิปีนี้เกิดล้มป่วยลงและต้องพักฟื้นมาตั้งแต่นั้น อายุมากแล้วครับ ราว 76 ปีเห็นจะได้”
สารวัตรตาเหยี่ยวคัดลอกข้อความในพินัยกรรม พร้อมกับตำบลที่อยู่ของนายคาตาคุระ เซจิโรที่มีคนบอกให้ ไว้ในสมุดบันทึกแล้วจึงกลับออกไป ดูเหมือนทุกคนจะพุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่าการค้นพบพินัยกรรมของนายทามอน มีส่วนในการบ่งชี้ถึงแรงจูงใจให้ฆาตกรฆ่าคุณคาโยโกะอย่างมีนัยสำคัญ
นายคาตาคุระขึ้นรถยนต์มาที่คฤหาสน์เพื่อคารวะศพนายทามอนเจ้านายของเขา สวนทางกับทีมตำรวจสายสืบที่เพิ่งกลับออกไป คนในบ้านเข้าไปช่วยพยุงตัวเข้ามาเพราะอยู่ในสภาพคนป่วยที่แทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว
พ่อเฒ่าก้มหน้าหมอบนิ่งอยู่หน้าที่ตั้งศพนายของแกนานกว่าสิบนาที จนกระทั่งสารวัตรนำทีมตำรวจสายสืบกลับมาเมื่อรู้ข่าวว่าพ่อเฒ่ามาอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว และขอสอบปากคำที่ห้องตั้งศพนายทามอนนั้นเอง โดยมีผมกับคาซุมะอยู่ด้วย
“คุณคาตาคุระทำงานที่บ้านนี้มากี่ปีแล้วครับ”
“60 ปีครับ เก่าแก่เต็มที ผมมาทำงานกับท่านตั้งแต่อายุสิบหกจนปีนี้ 76 แล้ว สมัยนั้นท่านมีทรัพย์สินราวแสนเยนกว่า ๆ ซึ่งถ้าคิดตามค่าของเงินในสมัยนั้นก็อยู่ในระดับเศรษฐีคนหนึ่งเลยทีเดียวละครับ แต่ทว่าต่อมายุคสมัยเปลี่ยนไปจนกระทั่งเกิดสงครามที่ทำให้ต้องตื่นตระหนก และก็ถึงคราวที่ญี่ปุ่นแพ้สงคราม ซึ่งนั่นจะว่าเป็นธรรมดาอยู่เองก็คงใช่”
พ่อเฒ่าคาตาคุระนั้นแม้ร่างกายจะอ่อนเปลี้ยด้วยโรคภัยแต่สมองของแกยังทำงานได้ดี เห็นได้จากถ้อยคำแสดงความคิดเห็นที่ฉาดฉานแม้จะไม่มีประวัติการศึกษาอะไรมากมาย ท่าทีของสารวัตรจึงดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเมื่อถามว่า
“จริงหรือครับที่ว่าแม่ของคุณคาโยโกะฆ่าตัวตาย”
“จริงครับ”
พ่อเฒ่าคาตาคุระหลับตาลงทำปากขมุบขมิบคล้ายกระซิบสวดมนต์ สารวัตรตาเหยี่ยวจ้องมองอากัปกิริยาของผู้เฒ่าอย่างสำรวจตรวจตราก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเกินคาด
“คุณคาตาคุระครับ คดีนี้ทางเราได้ตรวจสอบบันทึกหลักฐานที่เก็บรักษาไว้ที่ตำรวจและที่สำนักงานเขตและเข้าใจกันดีแล้วว่าได้เกิดอะไรขึ้น แต่นั่นเป็นเพียงเหตุการณ์ที่ปรากฏให้เห็นแต่เพียงเปลือกนอก ผมรู้ตัวดีครับว่าการมาซักถามให้คุณ คาตาคุระเปิดเผยความลับของท่านประมุขแห่งตระกูล ที่คุณรักและซื่อสัตย์ต่อท่านมาตลอดชีวิตนั้น เป็นการกระทำที่แล้งน้ำใจอย่างยิ่ง เป็นการกระทำที่ราวกับปีศาจร้ายไร้ความปราณีต่อผู้อาวุโสสูงวัย แต่คุณคาตาคุระครับ เมื่อคิดถึงเหตุฆาตกรรมลึกลับสยองขวัญที่เกิดขึ้นติดต่อกันในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว ทางตำรวจจำเป็นต้องสืบให้ได้ความจริงเกี่ยวกับคดีทั้งหมดนี้ แม้บางครั้งจะต้องทำอะไรที่ไร้ความปราณีไปบ้าง เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นเราก็จะไม่มีวันสืบหาตัวฆาตกรได้เลยครับ ผมทราบดีครับว่าคำขอร้องของผมจะต้องบีบคั้นหัวใจคุณเพียงใด แต่สัญญาครับว่าจะไม่แพร่พรายคำพูดของคุณให้ผู้อื่นล่วงรู้ และจะไม่อาศัยความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐถามอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับแผลเก่าของตระกูลด้วย ดังนั้นจึงอยากให้คุณคาตาคุระช่วยเปิดเผยความจริงเพื่อประโยชน์ของคดีด้วยเถิดครับ”
พอพูดจบผมเห็นสารวัตรตาเหยี่ยวมองลึกเข้าไปในดวงตาของคู่สนทนา แววตาของผู้เฒ่านิ่งสงบดูเหมือนว่าจะเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของสารวัตรที่แฝงอยู่ในคำพูดทุกช่วงตอนเป็นอย่างดี
“ดูเหมือนคนเก่าแก่บางคนในคฤหาสน์จะเล่าให้ใคร ๆ ฟังสืบต่อกันมาว่า แม่ของคุณคาโยโกะไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกฆ่า เรื่องนี้เป็นความจริงหรือครับ”
พ่อเฒ่าหลับตาลงอีก นิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนตอบว่า
“สารวัตรครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นอะไร แต่เมื่อมาทบทวนดูแล้ว ความโง่เขลาของผมในตอนนั้นอาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตระกูลอุตางาวะก็ได้ โรงเก็บของที่เธอแขวนคอตายถูกรื้อทิ้งไปตอนนี้ไม่มีแล้ว แม่ของคุณคาโยโกะใช้แถบผ้าสำหรับเสริมโอบิรัดคอผูกเงื่อนที่ท้ายทอยแล้วแขวนห้อยตัวลงมาจากขื่อ ตอนที่ผมเข้าไปพบเธอนอนขาดใจตายอยู่บนพื้นมีแถบผ้าขาดคาคออยู่ ผมเห็นแถบผ้าเสริมโอบิแล้วรู้ทันทีว่าเป็นของคุณนายคาจิโกะ ผมพบเกือกสำหรับใส่กับกิโมโนอยู่ในที่เกิดเหตุ ข้างหนึ่งเป็นของผู้ตายแต่อีกข้างหนึ่งเป็นของคุณนาย ผมตกใจสุดขีดอยู่แล้วก็เลยทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว ผมเอาเกือกข้างที่เป็นของคุณนายไปซ่อน แก้แถบผ้าออกจากคอผู้ตายแล้วเอาเชือกอื่นไปผูกแทน
ผมให้การกับตำรวจที่ประจำอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาที่รีบรุดมายังที่เกิดเหตุว่า ผมเป็นคนปลดเชือกออกจากคอผู้ตายแล้วปฐมพยาบาลด้วยการผายปอดช่วยหายใจ ซึ่งก็ทำให้ตำรวจเชื่อโดยง่ายว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ความลับมันย่อมรั่วไหลวันยังค่ำ การกระทำด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาของผมในตอนนั้นเป็นต้นเหตุให้คนที่นี่ยังเล่าลือกันอยู่อย่างที่คุณตำรวจได้ยิน จริง ๆ แล้วผมเชื่อเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่านั่นเป็นการฆ่าตัวตาย
ตอนพบศพและสิ่งของรอบ ๆ ตัวผู้ตายผมตื่นตระหนกจนพยายามทำลายหลักฐานที่จะเชื่อมโยงไปถึงเมียเจ้านายโดยไม่ทันคิดว่าถึงคุณนายคาจิโกะจะเป็นคนแข็งกร้าวมีอาการของคนเป็นฮิสทีเรีย แต่ร่างกายผอมบางไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะบีบคอใครตายได้ โชคไม่ดีเลยครับเพราะคนที่วิ่งไปยังที่เกิดเหตุด้วยกันและเห็นพฤติกรรมของผม คือนายคามิยามะทนายตัวร้ายที่ทำหน้าที่เป็นเลขาของท่านเผอิญอยู่ที่คฤหาสน์พอดี”
ความจริงจากปากของพ่อเฒ่าคาตาคุระทำเอาเราสามคนตกใจและตะลึงงันไปตาม ๆ กัน ผมกับสารวัตรยังพอทำเนาแต่ คาซุมะถึงกับหน้าขาวซีดตัวแข็งเกร็งราวก้อนหินไปเลยทีเดียว
สารวัตรพยักหน้าแสดงความเห็นใจผู้พูด
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นที่เขาลือกันว่าทนายคามิยามะข่มขู่คนในตระกูลอุตางาวะมาตลอดก็ไม่ใช่เรื่องโกหก”
พ่อเฒ่าคาตาคุระนิ่งเงียบไปเหมือนสงบสติอารมณ์ราวหนึ่งนาที
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ทนายคามิยามะยังรู้ความลับของตระกูลอุตางาวะอีกเรื่องหนึ่งและฉวยโอกาสเอามาใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่ ผมคิดว่าคุณหนูคาซุมะคงไม่รู้ความลับเรื่องนี้ นี่ถ้าไม่เกิดเหตุฆาตกรรมเช่นนี้ขึ้นมันก็คงถูกเผามอดไหม้ไปทั้งหมดพร้อมกับศพผมตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ร้ายแรงเกินกว่าที่ผมจะนิ่งเฉยอยู่ได้ ที่มาวันนี้นอกจากจะมาเคารพศพท่านแล้ว ผมยังตั้งใจที่จะมาเล่าความจริงทั้งหมดให้คุณหนูฟังด้วย”
พ่อเฒ่าหยุดพักอึดใจหนึ่งก่อนเล่าต่อยืดยาว
“ตอนมาเรียนหนังสือที่โตเกียวเมื่ออายุราวยี่สิบ ท่านได้กับสาวใช้ของหอพักและมีลูกผู้ชายด้วยกันคนหนึ่ง ครอบครัว เอบิสึกะที่เป็นญาติกันรับอุปถัมภ์เด็กชายไว้เป็นลูกบุญธรรมและตัดขาดกับแม่ของเด็ก แต่ลูกชายของท่านคนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งเกกมะเหรกเกเรไม่มีดี ทั้งฉ้อฉล หลอกลวง ข่มขู่ผู้คนสารพัด จนท้ายที่สุดถึงกับก่อคดีโจรกรรมและตายในคุก ถึงกระนั้นเมื่อตอนอายุยี่สิบก็ได้แต่งงานและมีลูกสองคนซึ่งนับได้ว่าเป็นหลานปู่สายตรงของท่าน คนน้องคือเอบิสึกะ โคจิ ที่เป็นหมอประจำหมู่บ้าน ส่วนเก็นทะโรพี่ชายตายไปเมื่อสามปีที่แล้วทิ้งลูกสามไว้สามคนคนโตอายุราวสิบเอ็ด แม่ม่ายทำนาเลี้ยงลูกอยู่ที่หมู่บ้าน M ห่างจากที่นี่ไปสี่สิบกว่ากิโลเห็นจะได้ ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันกับตระกูลนี้ ไม่มีการส่งเสียอะไรทั้งนั้น”
สารวัตรตาเหยี่ยวพูดไม่ออก คาซุมะหน้าซีดขึ้นไปอีกจนแทบไม่มีสีเลือด
“ครอบครัวเอบิสึกะที่รับลูกชายท่านไปเป็นลูกบุญธรรมเป็นคนจิตใจดีทั้งผัวเมีย รักษาสัญญาเอาไว้อย่างมั่นคงว่าจะไม่มีวันเปิดเผยเป็นอันขาดว่าเด็กชายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลอุตางาวะ เขาแจ้งจดทะเบียนสำมะโนครัวให้เด็กชายเป็นลูกแท้ ๆ ใช้สกุลเอบิสึกะ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเด็กที่เกกมะเหรกเกเรเติบโตขึ้นมาเป็นคนชั่วช้า ปลิ้นปล้อนหลอกลวงผู้คนจนในสุดประพฤติตนเป็นโจรจนต้องไปตายในคุกคนนั้นความจริงแล้วเป็นลูกชายคนโตของท่านอุตางาวะ ทามอน ในจำนวนลูกชายสองคนที่ทิ้งไว้ให้เมียเลี้ยงดู โคจิเป็นเด็กหัวดีจึงได้รับทุนจากท่านทามอนที่ต้องการให้มีหมอมาประจำหมู่บ้านที่ไร้หมอแห่งนี้ โดยที่ท่านเองไม่รู้เลยว่าเป็นหลานปู่แท้ ๆ คนเดียวที่รู้ความลับนี้ก็คือนายคามิยามะทนายใจทราม”
“ทนายเปิดเผยความลับเรื่องนี้ให้หมอเอบิสึกะรู้อย่างนั้นหรือครับ”
พ่อเฒ่าคาตาคุระไม่ตอบ หยุดพักอยู่อึดใจหนึ่งก่อนเล่าต่อไปว่า
“ทนายคามิยามะใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือข่มขู่คุณนายคาจิโกะครับ คุณนายตกใจมากเพราะไม่เคยล่วงรู้ความลับอะไรอย่างนี้ของท่านมาก่อน ก็เลยถามผมว่าเรื่องราวมันจริงเท็จอย่างไร แต่เจ้าทนายใจทรามขู่ว่าขืนทำเอะอะไปมันจะบอกให้หมอเอบิสึกะรู้ความจริงทั้งหมดจะได้มาฟ้องแบ่งสมบัติ ผมแค้นใจมากคิดฆ่าเจ้าทนายใจทรามคนนี้เสียไม่รู้ว่ากี่ครั้งมาแล้ว ผมควรจะฆ่ามันเสียนานมาแล้ว คนชั่วอย่างมันอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ คิดขึ้นมาทีไรเจ็บใจทุกทีที่ไม่ฆ่ามันเสีย ผมคงตายตาไม่หลับแน่ถ้าไม่ได้ฆ่ามัน”
พอพูดมาถึงตรงนี้ พ่อเฒ่าก็น้ำตาร่วง
นักสืบจมูกมดที่นิ่งฟังอยู่นาน กระเถิบตัวเข้ามาใกล้พ่อเฒ่าซักว่า
“ถ้าอย่างนั้นที่เขาพูดกันว่าคุณนายถูกวางยาพิษก็ไม่ได้เป็นแค่ข่าวลือ อือม์...เรื่องนี้เห็นทีจะต้องรื้อออกมาดูกันใหม่ตั้งแต่ต้นเสียแล้ว”
สารวัตรตาเหยี่ยวติงลูกน้องด้วยเสียงเย็น ๆ
“นี่คุณกำลังคิดว่าจะตรวจเจอยาพิษจากโครงกระดูกขาว ๆ ที่ขุดขึ้นมาหลังจากที่ตายไปปีหนึ่งอย่างนั้นรึ”
แล้วหันไปทางพ่อเฒ่า
“คุณคาตาคุระครับ ผมขอถามเป็นข้อสุดท้ายนะครับ คือนอกจากคุณคาซุมะ คุณทามาโอะและคุณคาโยโกะที่เสียชีวิตไปแล้ว ท่านทามอนยังมีลูกแท้ ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่อีกไหมครับ”
“ไม่มีอีกแล้วครับ ท่านเป็นคนลูกน้อย”
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
คุณนายคาจิโกะ ภรรยานายทามอนแม่ของทามาโอะ
คาโยโกะ ลูกสาวของท่านทามอนที่เกิดกับหญิงรับใช้
อายากะ อดีตภรรยาของปิก้า ปัจจุบันเป็นภรรยาของคาซุมะ
โมคุเบสามีของอากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ความลับเปิดเผยแล้วว่าเป็นหลานปู่ของนายอุตางาวะ
ทนายคามิยามะอดีตทนายความของท่านทามอน
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยท่านทามอน บิดาของคาซุมะ
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...
ตำรวจแจ้งความจำนงขอตรวจสอบพินัยกรรมของนายทามอน ประมุขแห่งตระกูลอุตางาวะผู้ล่วงลับ ซึ่งเมื่อเปิดตู้เซฟออกดูก็พบได้โดยง่าย
พินัยกรรมที่พบเป็นเพียงเอกสารที่มีลายเซ็นของนายอุตางาวะ ทามอนกำกับอยู่เท่านั้นไม่ได้มีลักษณะเป็นทางการ ลงวันที่ 24 กรกฎาคม ปีโชวะ 22 (พ.ศ.2490) หมายความว่านายทามอนเพิ่งเขียนขึ้นก่อนถูกฆาตกรรมเพียงสองวัน
คาซุมะไม่ได้คาดฝันมาก่อนเลยว่าพินัยกรรมของบิดาจะมีใจความดังที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
นายทามอนเริ่มด้วยการเปิดเผยว่าหลังจากที่คุณทามาโอะเสียชีวิต คุณคาโยโกะเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา และระบุว่าให้แบ่งมรดกทั้งหมดของเขาให้คาซุมะกับคุณคาโยโกะอย่างเท่าเทียมกันคนละครึ่ง
นอกจากนั้น ยังเขียนไว้ด้วยว่าให้มอบเงินสดแก่นางยูระน้องสาว และนายคาตาคุระ เซจิโรคนละสองแสนเยน
“นายคาตาคุระ เซจิโรคือใครครับ”
“นายคาตาคุระเป็นทนายหน้าหอของตระกูลเรามาตลอด เมื่อฤดูใบไม้ผลิปีนี้เกิดล้มป่วยลงและต้องพักฟื้นมาตั้งแต่นั้น อายุมากแล้วครับ ราว 76 ปีเห็นจะได้”
สารวัตรตาเหยี่ยวคัดลอกข้อความในพินัยกรรม พร้อมกับตำบลที่อยู่ของนายคาตาคุระ เซจิโรที่มีคนบอกให้ ไว้ในสมุดบันทึกแล้วจึงกลับออกไป ดูเหมือนทุกคนจะพุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่าการค้นพบพินัยกรรมของนายทามอน มีส่วนในการบ่งชี้ถึงแรงจูงใจให้ฆาตกรฆ่าคุณคาโยโกะอย่างมีนัยสำคัญ
นายคาตาคุระขึ้นรถยนต์มาที่คฤหาสน์เพื่อคารวะศพนายทามอนเจ้านายของเขา สวนทางกับทีมตำรวจสายสืบที่เพิ่งกลับออกไป คนในบ้านเข้าไปช่วยพยุงตัวเข้ามาเพราะอยู่ในสภาพคนป่วยที่แทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว
พ่อเฒ่าก้มหน้าหมอบนิ่งอยู่หน้าที่ตั้งศพนายของแกนานกว่าสิบนาที จนกระทั่งสารวัตรนำทีมตำรวจสายสืบกลับมาเมื่อรู้ข่าวว่าพ่อเฒ่ามาอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว และขอสอบปากคำที่ห้องตั้งศพนายทามอนนั้นเอง โดยมีผมกับคาซุมะอยู่ด้วย
“คุณคาตาคุระทำงานที่บ้านนี้มากี่ปีแล้วครับ”
“60 ปีครับ เก่าแก่เต็มที ผมมาทำงานกับท่านตั้งแต่อายุสิบหกจนปีนี้ 76 แล้ว สมัยนั้นท่านมีทรัพย์สินราวแสนเยนกว่า ๆ ซึ่งถ้าคิดตามค่าของเงินในสมัยนั้นก็อยู่ในระดับเศรษฐีคนหนึ่งเลยทีเดียวละครับ แต่ทว่าต่อมายุคสมัยเปลี่ยนไปจนกระทั่งเกิดสงครามที่ทำให้ต้องตื่นตระหนก และก็ถึงคราวที่ญี่ปุ่นแพ้สงคราม ซึ่งนั่นจะว่าเป็นธรรมดาอยู่เองก็คงใช่”
พ่อเฒ่าคาตาคุระนั้นแม้ร่างกายจะอ่อนเปลี้ยด้วยโรคภัยแต่สมองของแกยังทำงานได้ดี เห็นได้จากถ้อยคำแสดงความคิดเห็นที่ฉาดฉานแม้จะไม่มีประวัติการศึกษาอะไรมากมาย ท่าทีของสารวัตรจึงดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเมื่อถามว่า
“จริงหรือครับที่ว่าแม่ของคุณคาโยโกะฆ่าตัวตาย”
“จริงครับ”
พ่อเฒ่าคาตาคุระหลับตาลงทำปากขมุบขมิบคล้ายกระซิบสวดมนต์ สารวัตรตาเหยี่ยวจ้องมองอากัปกิริยาของผู้เฒ่าอย่างสำรวจตรวจตราก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเกินคาด
“คุณคาตาคุระครับ คดีนี้ทางเราได้ตรวจสอบบันทึกหลักฐานที่เก็บรักษาไว้ที่ตำรวจและที่สำนักงานเขตและเข้าใจกันดีแล้วว่าได้เกิดอะไรขึ้น แต่นั่นเป็นเพียงเหตุการณ์ที่ปรากฏให้เห็นแต่เพียงเปลือกนอก ผมรู้ตัวดีครับว่าการมาซักถามให้คุณ คาตาคุระเปิดเผยความลับของท่านประมุขแห่งตระกูล ที่คุณรักและซื่อสัตย์ต่อท่านมาตลอดชีวิตนั้น เป็นการกระทำที่แล้งน้ำใจอย่างยิ่ง เป็นการกระทำที่ราวกับปีศาจร้ายไร้ความปราณีต่อผู้อาวุโสสูงวัย แต่คุณคาตาคุระครับ เมื่อคิดถึงเหตุฆาตกรรมลึกลับสยองขวัญที่เกิดขึ้นติดต่อกันในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว ทางตำรวจจำเป็นต้องสืบให้ได้ความจริงเกี่ยวกับคดีทั้งหมดนี้ แม้บางครั้งจะต้องทำอะไรที่ไร้ความปราณีไปบ้าง เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นเราก็จะไม่มีวันสืบหาตัวฆาตกรได้เลยครับ ผมทราบดีครับว่าคำขอร้องของผมจะต้องบีบคั้นหัวใจคุณเพียงใด แต่สัญญาครับว่าจะไม่แพร่พรายคำพูดของคุณให้ผู้อื่นล่วงรู้ และจะไม่อาศัยความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐถามอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับแผลเก่าของตระกูลด้วย ดังนั้นจึงอยากให้คุณคาตาคุระช่วยเปิดเผยความจริงเพื่อประโยชน์ของคดีด้วยเถิดครับ”
พอพูดจบผมเห็นสารวัตรตาเหยี่ยวมองลึกเข้าไปในดวงตาของคู่สนทนา แววตาของผู้เฒ่านิ่งสงบดูเหมือนว่าจะเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของสารวัตรที่แฝงอยู่ในคำพูดทุกช่วงตอนเป็นอย่างดี
“ดูเหมือนคนเก่าแก่บางคนในคฤหาสน์จะเล่าให้ใคร ๆ ฟังสืบต่อกันมาว่า แม่ของคุณคาโยโกะไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกฆ่า เรื่องนี้เป็นความจริงหรือครับ”
พ่อเฒ่าหลับตาลงอีก นิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนตอบว่า
“สารวัตรครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นอะไร แต่เมื่อมาทบทวนดูแล้ว ความโง่เขลาของผมในตอนนั้นอาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตระกูลอุตางาวะก็ได้ โรงเก็บของที่เธอแขวนคอตายถูกรื้อทิ้งไปตอนนี้ไม่มีแล้ว แม่ของคุณคาโยโกะใช้แถบผ้าสำหรับเสริมโอบิรัดคอผูกเงื่อนที่ท้ายทอยแล้วแขวนห้อยตัวลงมาจากขื่อ ตอนที่ผมเข้าไปพบเธอนอนขาดใจตายอยู่บนพื้นมีแถบผ้าขาดคาคออยู่ ผมเห็นแถบผ้าเสริมโอบิแล้วรู้ทันทีว่าเป็นของคุณนายคาจิโกะ ผมพบเกือกสำหรับใส่กับกิโมโนอยู่ในที่เกิดเหตุ ข้างหนึ่งเป็นของผู้ตายแต่อีกข้างหนึ่งเป็นของคุณนาย ผมตกใจสุดขีดอยู่แล้วก็เลยทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว ผมเอาเกือกข้างที่เป็นของคุณนายไปซ่อน แก้แถบผ้าออกจากคอผู้ตายแล้วเอาเชือกอื่นไปผูกแทน
ผมให้การกับตำรวจที่ประจำอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาที่รีบรุดมายังที่เกิดเหตุว่า ผมเป็นคนปลดเชือกออกจากคอผู้ตายแล้วปฐมพยาบาลด้วยการผายปอดช่วยหายใจ ซึ่งก็ทำให้ตำรวจเชื่อโดยง่ายว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ความลับมันย่อมรั่วไหลวันยังค่ำ การกระทำด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาของผมในตอนนั้นเป็นต้นเหตุให้คนที่นี่ยังเล่าลือกันอยู่อย่างที่คุณตำรวจได้ยิน จริง ๆ แล้วผมเชื่อเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่านั่นเป็นการฆ่าตัวตาย
ตอนพบศพและสิ่งของรอบ ๆ ตัวผู้ตายผมตื่นตระหนกจนพยายามทำลายหลักฐานที่จะเชื่อมโยงไปถึงเมียเจ้านายโดยไม่ทันคิดว่าถึงคุณนายคาจิโกะจะเป็นคนแข็งกร้าวมีอาการของคนเป็นฮิสทีเรีย แต่ร่างกายผอมบางไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะบีบคอใครตายได้ โชคไม่ดีเลยครับเพราะคนที่วิ่งไปยังที่เกิดเหตุด้วยกันและเห็นพฤติกรรมของผม คือนายคามิยามะทนายตัวร้ายที่ทำหน้าที่เป็นเลขาของท่านเผอิญอยู่ที่คฤหาสน์พอดี”
ความจริงจากปากของพ่อเฒ่าคาตาคุระทำเอาเราสามคนตกใจและตะลึงงันไปตาม ๆ กัน ผมกับสารวัตรยังพอทำเนาแต่ คาซุมะถึงกับหน้าขาวซีดตัวแข็งเกร็งราวก้อนหินไปเลยทีเดียว
สารวัตรพยักหน้าแสดงความเห็นใจผู้พูด
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นที่เขาลือกันว่าทนายคามิยามะข่มขู่คนในตระกูลอุตางาวะมาตลอดก็ไม่ใช่เรื่องโกหก”
พ่อเฒ่าคาตาคุระนิ่งเงียบไปเหมือนสงบสติอารมณ์ราวหนึ่งนาที
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ทนายคามิยามะยังรู้ความลับของตระกูลอุตางาวะอีกเรื่องหนึ่งและฉวยโอกาสเอามาใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่ ผมคิดว่าคุณหนูคาซุมะคงไม่รู้ความลับเรื่องนี้ นี่ถ้าไม่เกิดเหตุฆาตกรรมเช่นนี้ขึ้นมันก็คงถูกเผามอดไหม้ไปทั้งหมดพร้อมกับศพผมตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ร้ายแรงเกินกว่าที่ผมจะนิ่งเฉยอยู่ได้ ที่มาวันนี้นอกจากจะมาเคารพศพท่านแล้ว ผมยังตั้งใจที่จะมาเล่าความจริงทั้งหมดให้คุณหนูฟังด้วย”
พ่อเฒ่าหยุดพักอึดใจหนึ่งก่อนเล่าต่อยืดยาว
“ตอนมาเรียนหนังสือที่โตเกียวเมื่ออายุราวยี่สิบ ท่านได้กับสาวใช้ของหอพักและมีลูกผู้ชายด้วยกันคนหนึ่ง ครอบครัว เอบิสึกะที่เป็นญาติกันรับอุปถัมภ์เด็กชายไว้เป็นลูกบุญธรรมและตัดขาดกับแม่ของเด็ก แต่ลูกชายของท่านคนนี้ยิ่งโตก็ยิ่งเกกมะเหรกเกเรไม่มีดี ทั้งฉ้อฉล หลอกลวง ข่มขู่ผู้คนสารพัด จนท้ายที่สุดถึงกับก่อคดีโจรกรรมและตายในคุก ถึงกระนั้นเมื่อตอนอายุยี่สิบก็ได้แต่งงานและมีลูกสองคนซึ่งนับได้ว่าเป็นหลานปู่สายตรงของท่าน คนน้องคือเอบิสึกะ โคจิ ที่เป็นหมอประจำหมู่บ้าน ส่วนเก็นทะโรพี่ชายตายไปเมื่อสามปีที่แล้วทิ้งลูกสามไว้สามคนคนโตอายุราวสิบเอ็ด แม่ม่ายทำนาเลี้ยงลูกอยู่ที่หมู่บ้าน M ห่างจากที่นี่ไปสี่สิบกว่ากิโลเห็นจะได้ ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันกับตระกูลนี้ ไม่มีการส่งเสียอะไรทั้งนั้น”
สารวัตรตาเหยี่ยวพูดไม่ออก คาซุมะหน้าซีดขึ้นไปอีกจนแทบไม่มีสีเลือด
“ครอบครัวเอบิสึกะที่รับลูกชายท่านไปเป็นลูกบุญธรรมเป็นคนจิตใจดีทั้งผัวเมีย รักษาสัญญาเอาไว้อย่างมั่นคงว่าจะไม่มีวันเปิดเผยเป็นอันขาดว่าเด็กชายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลอุตางาวะ เขาแจ้งจดทะเบียนสำมะโนครัวให้เด็กชายเป็นลูกแท้ ๆ ใช้สกุลเอบิสึกะ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเด็กที่เกกมะเหรกเกเรเติบโตขึ้นมาเป็นคนชั่วช้า ปลิ้นปล้อนหลอกลวงผู้คนจนในสุดประพฤติตนเป็นโจรจนต้องไปตายในคุกคนนั้นความจริงแล้วเป็นลูกชายคนโตของท่านอุตางาวะ ทามอน ในจำนวนลูกชายสองคนที่ทิ้งไว้ให้เมียเลี้ยงดู โคจิเป็นเด็กหัวดีจึงได้รับทุนจากท่านทามอนที่ต้องการให้มีหมอมาประจำหมู่บ้านที่ไร้หมอแห่งนี้ โดยที่ท่านเองไม่รู้เลยว่าเป็นหลานปู่แท้ ๆ คนเดียวที่รู้ความลับนี้ก็คือนายคามิยามะทนายใจทราม”
“ทนายเปิดเผยความลับเรื่องนี้ให้หมอเอบิสึกะรู้อย่างนั้นหรือครับ”
พ่อเฒ่าคาตาคุระไม่ตอบ หยุดพักอยู่อึดใจหนึ่งก่อนเล่าต่อไปว่า
“ทนายคามิยามะใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือข่มขู่คุณนายคาจิโกะครับ คุณนายตกใจมากเพราะไม่เคยล่วงรู้ความลับอะไรอย่างนี้ของท่านมาก่อน ก็เลยถามผมว่าเรื่องราวมันจริงเท็จอย่างไร แต่เจ้าทนายใจทรามขู่ว่าขืนทำเอะอะไปมันจะบอกให้หมอเอบิสึกะรู้ความจริงทั้งหมดจะได้มาฟ้องแบ่งสมบัติ ผมแค้นใจมากคิดฆ่าเจ้าทนายใจทรามคนนี้เสียไม่รู้ว่ากี่ครั้งมาแล้ว ผมควรจะฆ่ามันเสียนานมาแล้ว คนชั่วอย่างมันอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ คิดขึ้นมาทีไรเจ็บใจทุกทีที่ไม่ฆ่ามันเสีย ผมคงตายตาไม่หลับแน่ถ้าไม่ได้ฆ่ามัน”
พอพูดมาถึงตรงนี้ พ่อเฒ่าก็น้ำตาร่วง
นักสืบจมูกมดที่นิ่งฟังอยู่นาน กระเถิบตัวเข้ามาใกล้พ่อเฒ่าซักว่า
“ถ้าอย่างนั้นที่เขาพูดกันว่าคุณนายถูกวางยาพิษก็ไม่ได้เป็นแค่ข่าวลือ อือม์...เรื่องนี้เห็นทีจะต้องรื้อออกมาดูกันใหม่ตั้งแต่ต้นเสียแล้ว”
สารวัตรตาเหยี่ยวติงลูกน้องด้วยเสียงเย็น ๆ
“นี่คุณกำลังคิดว่าจะตรวจเจอยาพิษจากโครงกระดูกขาว ๆ ที่ขุดขึ้นมาหลังจากที่ตายไปปีหนึ่งอย่างนั้นรึ”
แล้วหันไปทางพ่อเฒ่า
“คุณคาตาคุระครับ ผมขอถามเป็นข้อสุดท้ายนะครับ คือนอกจากคุณคาซุมะ คุณทามาโอะและคุณคาโยโกะที่เสียชีวิตไปแล้ว ท่านทามอนยังมีลูกแท้ ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่อีกไหมครับ”
“ไม่มีอีกแล้วครับ ท่านเป็นคนลูกน้อย”
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
คุณนายคาจิโกะ ภรรยานายทามอนแม่ของทามาโอะ
คาโยโกะ ลูกสาวของท่านทามอนที่เกิดกับหญิงรับใช้
อายากะ อดีตภรรยาของปิก้า ปัจจุบันเป็นภรรยาของคาซุมะ
โมคุเบสามีของอากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ความลับเปิดเผยแล้วว่าเป็นหลานปู่ของนายอุตางาวะ
ทนายคามิยามะอดีตทนายความของท่านทามอน
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยท่านทามอน บิดาของคาซุมะ