xs
xsm
sm
md
lg

ฆาตกรรม(ไม่)ต่อเนื่อง-ใครฆ่าใคร ตอนที่ 10. ชมรมคนวิกลจริต

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์

สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...

สามทุ่มสี่สิบ คุณนายยูระผู้มีศักดิ์เป็นอาของคาซุมะเข้ามาในห้องกลางที่พวกเราชุมนุมกันอยู่พร้อมหน้า นางกวาดตาไปทั่วแล้วไปหยุดอยู่ที่หมอเอบิสึกะ ถามขึ้นว่า

“ชิงุซะหายไปไหน”

“ไม่ทราบครับ” หมอขาพิการตอบห้วน ๆ ไม่มีหางเสียง มาดามโคโจดาราโฉมงามที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ช่วยเสริม

“ดิฉันไม่เห็นหน้าคุณชิงุซะมาตั้งแต่เย็นแล้วค่ะ ไม่มารับประทานอาหารด้วย จริงไหมหมอ”

“ผมไม่ทราบ”

“คุณอายากะเห็นคุณชิงุซะไหม ดิฉันว่าเธอไม่ได้มาที่โต๊ะอาหารนะคะ”

“ค่ะ ดิฉันก็ไม่เห็น”

“อ้าว หายไปไหนกัน อาคิดอยู่ตลอดว่าอยู่ที่นี่ ก็เลยมาตาม”

คุณนายผู้เฒ่าหันหลังกลับเดินกระย่องกระแย่งออกไปจากห้องใหญ่ นางเป็นโรคเก๊าท์เรื้อรังเคยหกล้มอาการหนักครั้งหนึ่ง และตั้งแต่นั้นมาก็เดินไม่ค่อยถนัดต้องลากขา เมื่อคุณนายกับสามีย้ายมาขออาศัยน้องชายอยู่ เรือนนี้ไม่มีห้องข้างล่างที่เหมาะสมจึงต้องขึ้นไปอยู่ชั้นบน ทำให้ลำบากเวลาขึ้นลงกระไดต้องถัดลงคลานขึ้น ส่วนการขับถ่ายช่วงกลางคืนจะลงมาเข้าห้องสุขาข้างล่างก็จะเป็นอันตรายเกินไปจึงต้องอาศัยกระโถน

เราร่ำสุรากันจนเมามายกันถ้วนหน้า ปิก้าดื่มจัดผิดปกติ อุสึมิกวีหลังค่อมก็ดื่มเบียร์แก้วต่อแก้ว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับวงเหล้าในค่ำคืนของวันเกิดเหตุฆาตกรรมสยอง เพราะแต่ละคนประสาทตึงเครียดกันไปหมดด้วยสาเหตุต่าง ๆ กัน สำนึกที่ว่าฆาตกรคือใครคนหนึ่งในกลุ่มที่มาชุมนุมกันอยู่นี้ ทำให้ต่างคนต่างหวาดระแวง ใจหายวูบวาบ ใครจะพูดอะไรทำอะไรก็สะดุ้งสะเทือนไปเสียทั้งหมด โมคุเบสามีคนปัจจุบันของคุณนายอากิโกะปกติไม่ใช่นักดื่ม แต่พอลงมือดื่มก็จะดื่มไม่ยั้งจนเมามายและพูดจาตอแยเพื่อนร่วมวงอย่างน่ารำคาญไม่รู้จบ คืนนั้นหลังจากตอแยทังโงะจนอีกฝ่ายเอือมระอาแล้ว ก็เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปที่หมอเอบิสึกะ

“คุณหมอเรืองนามจะนั่งหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับอย่างนั้นอยู่ทำไม มานั่งข้าง ๆ ผมดีกว่า...อ้าว ไม่เอารึ...ตามใจนะ แต่จะบอกอะไรให้ ผมรู้นะว่าคุณคิดว่าพวกเราสติไม่ดี แต่เท่าที่สังเกตด้วยตาของข้างของผมเอง คุณนั่นแหละวิกลจริต”

“โห พูดได้เด็ดสะระตี่ ฟังอยู่ตั้งนานเพิ่งจะพูดได้เรื่องได้ราวก็คราวนี้” ปิก้าชอบอกชอบใจหัวเราะร่า กวาดสายตาไปทั่วโต๊ะแล้วบอกให้ “ทุกคนตั้งใจฟังหน่อย”

“ผมเป็นคนเกลียดข่าวลือ แต่กรณีของคุณเท่านั้นที่อยากรับฟังด้วยความเต็มใจ คุณหมอผู้ทรงเกียรติ...คุณหมอเที่ยวประณามไปทั่วว่าพวกเราชาววรรณศิลป์มีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจโดยเอาตัวเองขึ้นไปทูนไว้บนหิ้ง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าใครที่พาหญิงไม่รู้ว่าใครเหมือนกันเข้ามาคลุกคลีคลี่กิโมโนที่เรือนน้ำชาทุกคืน ผมไม่อยากจะพาดพิงไปถึงคุณคาโยโกะหรอกนะ แต่ได้ยินมาว่าคุณเธอไม่ยอมให้คุณตรวจรักษาถ้าไม่มีใครอยู่ในห้องตรวจโรคด้วย ผมก็ไม่รู้นะว่ามันจริงเท็จแค่ไหนแต่มันมีข่าวลือลอยมาตามกระแสลมว่า ตอนตรวจคุณเคยถือโอกาสจับมือจับไม้คุณคาโยโกะ แอบดึงหัวนมของเธอเล่นด้วย เท่านั้นยังไม่พอระยะนี้ยังไปบอกให้แม่ชิซุเอะสาวใช้คนสวยมาตรวจโรคเป็นประจำ เพราะดูหน้าตาท่าทีแล้วสงสัยว่าจะเป็นโรคในหน้าอกหน้าใจหรือยังไง แค่ในคฤหาสน์นี้ก็ล่อเข้าไปสามรายแล้ว ลองวาดภาพดูก็แล้วกันว่าผู้หญิงในบ้านเราสามคนถูกทำอะไรบ้างที่โรงพยาบาลของคุณหมอลามกท่านนี้ มันเทียบไม่ได้เลยครับกับกำหนัดตามธรรมชาติของพวกเราเหล่าวรรณศิลป์ซึ่งเป็นมนุษย์ปุถุชน มันเป็นการกระทำที่หยาบช้าสามาน วิปริตวิตถาร ลามกอนาจาร...”

“ใช่ ใช่ คุณหมอลามก” ปิก้าลิงโลด แต่คำพูดของโมคุเบพาดพิงถึงเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้งเกินกว่าพวกผู้หญิงจะเข้ามาร่วมต่อปากต่อคำได้ แต่ละคนจึงพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และจับกลุ่มคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปตามมารยาทการเข้าสังคม
โมคุเบยังไม่หยุด

“คุณหมอเรืองนาม คุณหมอผู้ทรงเกียรติ ทุกคนดูตาของท่านซิ ดวงตาเปล่งประกายวาววามคู่นี้แหละ คือดวงตาของคนบ้า ดวงตาของฆาตกร ดวงตาของปีศาจกระหายเลือด ไม่เบื่อหน่ายที่จะเฝ้ามองทะเลเลือดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกคนดูให้เต็มตา นี่คือตัวตนที่แท้จริงของปีศาจร้าย ที่แฝงอยู่ในคราบของคุณหมอผู้ทรงเกียรติ เจ้าปีศาจร้ายซ่อนตัวต่อไปไม่ได้แล้วโว้ย...ดูซิ ทุกคนดู”

โมคุเบหน้าซีดขาวด้วยความมึนเมา ดวงตาของเขาเองก็เปล่งประกายอาฆาตมาดร้ายลึกล้ำแรงกล้าแต่ก็ยังไม่เทียบเท่าประกายตาของหมอเอบิสึกะ ผมเฝ้าดูความเคลื่อนไหวหมอสติเฟื่องคนนี้มาตั้งแต่ต้น และในอึดใจนี้ผมสังเกตเห็นประกายที่ไม่ผิดอะไรกับความวิกลจริตอยู่ในดวงตาที่ลุกโชนไหววาบด้วยอารมณ์โกรธถึงขั้นสติแตกที่สามารถฆ่าคนตายได้ มันเป็นประกายตาของคนวิกลจริตที่สามารถใช้กำลังรุนแรงทำอะไรที่ไม่มีใครคาดคิด ไม่ว่าจะฆ่าบีบคอหรือฆ่าตัดศพเป็นชิ้น ๆ

พวกผู้หญิงหน้าตื่นกลืนน้ำลายลงคอไปตาม ๆ กัน

ดวงตาที่มีประกายอาฆาตมาดร้ายของโมคุเบจับจ้องไปที่หมอขณะบอกกับทุกคนว่า

“ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาเรียกคนอย่างหมอนี่ว่ายังไง บางคนอาจบอกว่าเป็นคนเพี้ยนหลุดโลก หรือใช้คำหรู ๆ เชิงวิชาการว่าคนเป็นโรคจิตเภท โรคประสาทหลอน แต่สำหรับผมซึ่งเป็นคนซื่อตรงและมีธรรมะ หมอคนนี้คือคนบ้า คนเสียสติ คนวิกลจริต คิดดูก็แล้วกันคนดี ๆ ใครจะพาหญิงสูงศักดิ์เข้ามาเคล้าคลึง ใช้ความเป็นหมอหาโอกาสลูบคลำของสงวนของคุณคาโยโกะและแม่ชิซุเอะสาวใช้โฉมงาม คนบ้ามันไม่รู้ตัวหรอกว่ามันบ้าจริงไหม กรณีของหมอนี่ความบ้าทำให้มันหมกมุ่นอยู่กับกามโลกีย์ มีความสุขสุดยอดเมื่อได้สนองตัณหาด้วยการทำให้ผู้หญิงเสียความบริสุทธิ์ นั่นมันอาการของคนบ้าชัด ๆ จริงไหมทุกท่าน”

ผมเห็นกองไฟในดวงตาของหมอเอบิสึกะยิ่งลุกโชติช่วงขึ้นทุกที จนน่ากลัวว่าจะถึงขีดสุดซึ่งจะทำให้เขาหมดสิ้นความยับยั้งชั่งใจไม่ว่าจะพูดหรือเคลื่อนไหว ไม่แปลกถ้าเข้าจะระเบิดความอดกลั้นออกมาด้วยการทำอะไรรุนแรงอย่างไม่มีใครคาดคิดได้ทุกอย่าง ผมเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยใจเต้นระทึก
ความชุลมุนในวงเหล้า
เสียงเดินลากขาของคุณนายยูระที่ดังใกล้เข้ามาเปรียบเสมือนระฆังช่วยในเสี้ยววินาทีแห่งวิกฤติ นางเดินเกาะมือโมโรอินางพยาบาลเป็นหลักยึดเข้ามาในห้อง

“อายังไม่พบตัวชิงุซะเลย พวกคุณมีใครรู้บ้างไหม”

ความหวาดกลัวในวงสมาคมของเราเปลี่ยนประเด็นไปทันที

“บ้าน่า อย่าบอกนะว่าถูกฆ่า” ปิก้าร้องลั่นก่อนพูดเชิงปลอบว่า “คุณอาไม่ต้องกังวลใจไปหรอก เด็กมันเป็นสาววัยกำหนัด ขอโทษนะที่ผมพูดต่อหน้าไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันให้เสียเวลาว่าลูกสาวคุณอาคนนี้ดูโหยหากามารมณ์ไปทั้งเนื้อทั้งตัว คุณอาเป็นแม่มองไม่ออกเลยรึ”

ทุกคนเงียบกริบไม่มีใครต่อปากต่อคำไปอึดใจหนึ่งจนกระทั่งโมโรอินางพยาบาลเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเหมือนผีจมน้ำ

“ใช่ค่ะ คุณชิงุซะออกไปหาคู่นัด”

“คุณว่าอะไรนะ นี่แสดงว่าคุณรู้ใช่ไหม” คุณนายยูระจ้องหน้านางเย็นชาของพยาบาลด้วยความประหลาดใจ

“คุณชิงุซะได้รับคำขอนัด เธอโบกกระดาษแผ่นนั้นร่อนอวดไปทั่ว ดิฉันไม่ได้อ่านข้อความในนั้น แต่เห็นเธอออกจากบ้านไปเมื่อราวหกโมง”

“ไปไหน”

“ดิฉันไม่ทราบ”

“ผู้ชายคนนั้นคือใคร”

“คิดว่าน่าจะบอกไม่ได้”

นางตอบด้วยเสียงเย็นชา ทุกคนในห้องเงียบกริบกันไปอีก หมอเอบิสึกะคงเครียดจัดผมเห็นเขาทำอะไรแปลก ๆ คือแกว่งแขนสองข้างไปมาคล้ายหมี แล้วทันใดเองก็ผุดลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยกำลังแรง สะบัดหน้าแล้วเดินเขยกเห็นก้นเขย่งสลับกันขึ้นลงและแกว่งแขนไปมาตรงไปที่ประตูอย่างเร็วเท่าที่พละกำลังจะอำนวย

แต่พอก้าวพ้นประตูห้องออกไปที่ระเบียงทางเดินก็ชะงักเท้าแล้วหันกลับมาตะโกนใส่พวกเราสุดเสียง

“ไอ้บ้า”

เสียงที่ถูกบีบคั้นกรีดก้องออกมาจากร่างเล็กพิกลพิการนั้นเป็นเสียงของคนวิกลจริตโดยแท้ และพอสิ้นเสียงก็หันกลับไปอย่างแรงจนตัวแทบจะลอยขึ้นจากพื้นแล้วเดินกระโผลกกระเผลกลับตัวไป

“วะ ฮะ ฮะ ฮะ” ปิก้าหัวเราะออกมางอหายราวกับเสียสติไปอีกคน “นี่มันจำอวดสลับฉากแท้ ๆ ก็เพิ่งรู้ว่าฆาตกรก็เล่นตลกเป็นเหมือนกัน แต่จะว่าไปคนบ้านนี้มันก็ตัวตลกทั้งนั้น จะให้ฉันนั่งตีหน้าเฉยอยู่ได้ยังไงโดยไม่หัวเราะ จะบอกว่าเต็มปากว่าที่นี่คือซ่องนางโลมก็ยังน้อยไป เพราะมันที่ชุมนุมของคนหื่นกระหายกามารมณ์ เรียกว่ารังคนบ้ากามน่าจะเหมาะกว่าละมัง”

“เงียบ” คุณนายอายากะอดีตภรรยาคนปากโวตวาดเสียงเขียว “ไม่รู้จะต่ำทรามไปถึงไหน กลับโตเกียวเดี๋ยวนี้เลย ไปเดี๋ยวนี้ได้ยินไหม”

คุณนายอายากะตัวสั่นเทิ้มด้วยโทสจริต ดูเหมือนประสาทจะตึงเครียดจนแทบเปล่งประกายไฟฟ้าแวบวาบออกมา

“ว่ายังไงนะ นังตัวดี ไหนลองพูดอีกทีซิ”

พูดจบปิก้าก็เปลี่ยนไปเป็นปีศาจกระหายเลือดตัวจริง ทำเอาหมอเอบิสึกะที่บ้าคลั่งอยู่เมื่อครู่ก่อนกลายเป็นปีศาจตัวเมียไปเลยทีเดียว ปิก้าหมดสิ้นความเป็นมนุษย์ ร่างที่ยืนจังก้าอยู่กลางห้องคือปีศาจร้าย คือสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่งพร้อมกระโจนเข้าขยี้เหยื่อเคราะห์ร้าย

ก่อนที่ผมหรือใครจะไหวตัวทันร่างนั้นก็กระโจนเข้าตะครุบตัวคุณนายอายากะ จับร่างเล็กลอยขึ้นด้วยมือเดียวหมุนเป็นวงรอบหนึ่งแล้วเหวี่ยงออกไปเต็มแรง ร่างคุณนายกระเด็นไปฟุบอยู่กับพื้นไกลถึงสี่เมตร เสื้อผ้าฉีกขาดหัวเข่ากระแทกพื้นลุกไม่ขึ้นอยู่ตรงนั้น

พอเราช่วยประคองให้ยันตัวขึ้นนั่งเท่านั้นเอง นางก็ผลุดลุกขึ้นยืนได้เองด้วยกำลังกายที่แข็งแรงเกินคาด เงยหน้าขึ้นด่ากราดเกรี้ยว

“ไอ้คนจรจัด ไอ้ฆาตกร”

“นังบ้า”

กว่าพวกเราจะฟื้นจากอาการตื่นตะลึง คุณนายอายากะก็ถูกตบดังฉาดใหญ่ล้มดังโครมลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นอีกครั้งเสียแล้ว ไม่รู้ว่าจิตรกรสติฟั่นเฟือนคนนี้ไปเอากำลังรุนแรงและรวดเร็วราวจักรผันมาจากไหน

แต่ปิก้าไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น พวกเราต้องตื่นระทึกกันอีกครั้งเมื่อเห็นหมอนั่นตรงรี่ไปที่แจกันลายครามใบใหญ่ตรงมุมห้องและยกขึ้นสูงตั้งท่าทุ่มใส่คุณนาย

เคราะห์ยังดีที่โคโรกุผู้มีฝีมือด้านศิลปะการป้องกันตัวอยู่ด้วย แจกันลายครามที่ปิก้าทุ่มลงไปจึงพลาดเป้าหมายตกลงพื้นแตกละเอียดไปต่อหน้าต่อตา

ปิก้าผลักโคโรกุกระเด็นไปทางหนึ่งด้วยเรี่ยวแรงราวกระทิงที่กำลังกลัดมัน ส่วนคุณนายอายากะคงสำนึกได้ว่าถ้าอยู่ตรงนั้นต่อไปคงถูกปิก้าฆ่าแน่ จึงประคองตัวที่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวลุกขึ้นวิ่งหนีผ่านห้องครัวออกไปที่สวน

ปิก้าวิ่งตามไปติด ๆ แม้แต่โคโรกุก็ไม่อาจรั้งไว้ได้ทัน

ตอนที่พวกเราไปถึงก็ปรากฏว่าคุณนายอายากะถูกปิก้าจับตัวกระแทกเข้ากับต้นสนต้นใหญ่ในสวน สลับกับตบซ้ายขวาไม่ยั้งมือ จนอดีตเมียของเขาหายใจพะงาบ ๆ คล้ายกำลังจะสิ้นใจ

เราตั้งแถวช่วยกันดึงปิก้าออกมาเหมือนกำลังเล่นงูกินหาง ยื้อยุดกันอยู่นานกว่าจะหลุดออกมาจากเหยื่อที่เขากำลังทำร้ายแล้วลากตัวห่างออกมาราวยี่สิบเมตร แต่พอพวกผู้หญิงกำลังจะพาคุณนายอายากะหนีไป ปิก้าที่ยังขืนตัวฮึดฮัดอยู่กับแรงดึงของพวกเรา ก็หายใจฟึดฟาดเหมือนกระทิงที่กำลังรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีอยู่พุ่งเข้าใส่มาธาดอร์ในวาระสุดท้าย แล้วใครเล่าจะทัดทานไว้ได้ ปิก้าสลัดตัวออกจากการเกาะกุมของเรา เผ่นเข้าใส่กลุ่มผู้หญิงไปราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยจากคันธนู

คุณนายอายากะไหวตัวทันควัน นางพุ่งตัวหนีด้วยความเร็วราวลูกศรเช่นกัน ความที่เป็นคนตัวผอมบางจึงวิ่งเร็วจี๋น่าดูคล้ายปลาตัวน้อยพุ่งตัวเป็นเส้นตรงหนีศัตรูให้พ้นจากการถูกจับกินเป็นเหยื่อ

คุณนายวิ่งย้อนกลับเข้าบ้านผ่านทางห้องครัวโดยมีปิก้าตามไปติด ๆ และพวกเราวิ่งตามไปเป็นหาง พอตามมาทันก็พบว่านางหนีเข้าห้องส่วนตัวล็อกกุญแจเรียบร้อยแล้ว รอดพ้นการคุกคามของปิก้าไปได้แค่เสี้ยววินาที อาศัยที่บังเอิญหมอนั่นพลาดสะดุดขั้นบันได

ปิก้าเตะถีบประตูห้องคุณนายอายากะสุดแรงด้วยความคลุ้มคลั่งราวกับเสียสติไปจริง ๆ และพอพวกเราตามขึ้นไปทันก็ถูกหมอนั่นด่าทอเสียงสนั่นลั่นบ้านด้วยถ้อยคำหยาบคายเท่าที่จะสรรหามาได้ แล้วผลักไสเราเป็นพัลวัน

“นังหญิงคนชั่วไร้ยางอาย ออกมาเมื่อไรเอ็งตายแน่ ข้าจะบีบคอให้ตายไปกับมือ บีบอย่างนี้ อย่างนี้”

ปิก้าคลุ้มคลั่งถึงขนาดขยุ้มคอเสื้อตัวเองแล้วบีบคอให้ดูจนตาแทบถลน แต่หลังจากเตะถีบประตูห้องคุณนายอายากะต่อไปได้พักหนึ่งก็ล้มตัวลงนอนแผ่หลาอยู่หน้าประตูห้อง แต่พอเราเข้าไปใกล้ก็ลุกขึ้นกระโจนเข้าใส่ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่า ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมงหนึ่งเห็นจะได้ จนทุกคนล้มเลิกความตั้งใจที่จะเกี่ยวข้องด้วย และแยกย้ายกันกลับห้องพักส่วนตัว

ผมเงี่ยหูฟังเสียงปิก้าลุกขึ้นเตะถีบประตูห้องคุณนายอายากะแล้วล้มตัวลงนอนแผ่หลา เว้นระยะสิบนาทีบ้างยี่สิบนาทีบ้าง ด้วยความระอาใจจนหลับไป รุ่งเช้ามีคนพบว่าปิก้าสิ้นฤทธิ์หลับไปในท่านอนแผ่หลานั้นเอง ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะอาละวาดต่อไปอีกราวสามชั่วโมงหลังจากที่ผมหลับไปแล้ว

รุ่งเช้า คุณนายอายากะผ่องใสปลอดภัยดี และปิก้าก็มาวางมาดเข้ามาในห้องอาหารตามเดิมเป็นคนละคนกับเมื่อคืนก่อน ทุกคนในที่นั้นไม่มีใครคาดคิดว่าจะตื่นขึ้นมาพบกับเหตุฆาตกรรมถึงสองรายซ้อน

อุสึมิกวีหลังค่อมถูกฆ่าในห้องนอนของตนเอง และคุณชิงุซะที่หายไปตั้งแต่เมื่อวานและคนในบ้านแยกย้ายกันหากันควั่กนั้นกลายเป็นศพอยู่กลางป่าทึบบนภูเขามิวะ
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
ปิก้า (โดอิ โคอิชิ) จิตรกรอดีตสามีของอายากะ
อายากะ ภรรยาคนปัจจุบันของคาซุมะ อดีตภรรยาของปิก้า
โมคุเบ ผู้เชี่ยวชาญวรรณคดีฝรั่งเศส อยู่กับอากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
โคโรกุ ฮิโตมิ นักเขียนบทละคร สามีของอาคาชิ โคโจ ดาราชื่อดัง
วานิ โมชิซึกิ, ยุมิฮิโกะทังโงะ, อากิระ อุสึมิ แขกรับเชิญของทามาโอะ:
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยนายอุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ลูกญาติห่าง ๆ ที่นายอุตางาวะผู้อุปถัมภ์ให้เรียนหอมและมาประจำอยู่ที่หมู่บ้าน
ชิงุซะ หญิงขี้ริ้วลูกพี่ลูกน้องของคาซุมะ


กำลังโหลดความคิดเห็น