xs
xsm
sm
md
lg

ฆาตกรรม(ไม่)ต่อเนื่อง-ใครฆ่าใคร ตอนที่ 11 พยานหลักฐานระหว่างทางกลับจากเผาศพ (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์

สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...

“ขอโทษครับที่มาสาย” หมอเอบิสึกะส่งเสียงทักทายก่อนที่จะเดินเขยกเข้ามาในห้อง

“คุณหมอมาพอดี กำลังคอยอยู่ทีเดียว ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ต้องเชิญมาทั้ง ๆ ที่รู้ว่างานยุ่ง ได้ยินมาว่าคุณหมอมาที่คฤหาสน์ทุกคืนไม่มีเว้นแม้แต่คืนเดียว คืนนี้มีคนไข้ด่วนหรือเปล่าครับ”

“พูดกันไปบ้า ๆ บอ ๆ ผมจะต้องมาทำไมทุกคืน”

หมอสติเฟื่องพยายามยืดตัวขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งผยอง เหลือบตาที่เป็นประกายขัดเคืองมาตรงที่เราชุมนุมกันอยู่ แล้วพึมพำลึก ๆ อยู่ในลำคอ “พูดบ้า ๆ “

“เมื่อคืนวานคุณหมอเข้ามาที่คฤหาสน์กี่โมงครับ”

“ทำไมผมถึงต้องจดจำเวลามาที่นี่ด้วย มีความจำเป็นอะไรหรือครับ”

“ถึงไม่รู้เวลามาที่นี่ แต่ก็ต้องรู้เวลาออกจากโรงพยาบาล จริงไหมครับ”

“เอ๊ะ...ผมไม่ใช่คนเฝ้านาฬิกานะสารวัตร และก็ไม่มีใครที่ไหนจะนั่งดูนาฬิกาอยู่ตลอด ยกเว้นคนเฝ้าหอระฆัง”

“แต่ว่าตามธรรมดาคนเราเวลาไปหาใครที่บ้าน เราก็ต้องดูนาฬิกาก่อนว่านี่มันที่โมงแล้วและจะไปถึงบ้านนั้นเวลาสักเท่าไร หรือคุณหมอว่าไม่ใช่”

“ถ้าบอกว่าไม่ใช่ก็บ้าแล้วละครับสารวัตร คุณหมอเอบิสึกะฟังอยู่หรือเปล่า สารวัตรเขาพูดถูก ปกติคนเราเวลาจะไปหาใครก่อนออกจากบ้านจะต้องดูนาฬิกากันทั้งนั้นว่ากี่โมงแล้ว”

โมคุเบเสียดแทงอีกฝ่ายด้วยเสียงเย็น ๆ คงจะจำเรื่องในวงเหล้าเมื่อคืนได้ดีอยู่ ผู้เชี่ยวชาญวรรณกรรมฝรั่งเศสคนนี้เป็นพวกรักแรงโกรธแรง และมีความอ่อนไหวคล้ายผู้หญิงอยู่ไม่น้อย

“จะตรวจสอบอะไรเกี่ยวกับผมก็เชิญ มันเป็นหน้าที่ของท่านตำรวจนักสืบอยู่แล้ว ส่วนผมเป็นหมอก็ต้องรับผิดชอบตรวจรักษาคนไข้ไปตามสาขาอาชีพ เรื่องอื่นผมไม่รู้”

“คุณยาชิโระกับคุณคาซุมะและคุณหมอเอบิสึกะพบกันที่ประตูหลังคฤหาสน์ คุณยาชิโระเดินมาทางเดียวกับรถลากด้านหลังคฤหาสน์ คุณคาซุมะเดินมาจากวัดโซรินจิ ส่วนคุณหมอมาจากหมู่บ้าน คุณทั้งสามพบกันตอนที่โมงครับ”

ผมเป็นคนตอบว่า

“คิดว่าประมาณสองทุ่มครับเพราะรู้สึกว่าค่ำมากแล้ว เอ...หรือว่าจะเป็นเพราะอยู่กลางป่า ภูเขาที่อยู่ล้อมรอบบัง พระอาทิตย์เอาไว้ จึงทำให้มืดเร็วก็ไม่รู้”

“เอาละครับเข้าใจแล้ว เป็นอันว่าคุณโดอิหรือปิก้ากลับมาถึงคฤหาสน์เป็นคนแรก ประมาณหกโมงห้าสิบนาทีถึงหนึ่งทุ่ม ตามมาด้วยคุณอุสึมิ คุณทนายคามิยามะ และคุณคาซุมะซึ่งกลับเข้ามาแล้วออกไปที่วัด ใครกลับเข้ามาเป็นคนต่อไปครับ”

“ผมกับคุณโคโรกุครับ” คราวนี้ดอกเตอร์โคเซเป็นคนตอบ

“ครับต่อจากนั้นก็คุณโมคุเบ คุณทังโงะ และคุณยาชิโระ ตามลำดับเป็นอันว่าหมดแค่นี้นะครับ ส่วนพวกคุณผู้หญิงมีใครออกจากบ้านไปในช่วงเวลานั้นบ้างหรือเปล่า”

“พวกเราอยู่ในห้องใหญ่พร้อมหน้ากันทุกคนค่ะ แล้วก็มีพวกในครัวซึ่งคิดว่าคงจะอยู่กันทุกคน”

คุณนายอากิโกะตอบ

“ที่คุณนายบอกว่าอยู่กันพร้อมหน้าน่ะมีใครบ้างครับ”

“มีดิฉันกับคุณโคโจที่อยู่ในห้องใหญ่นี้ตลอด ส่วนคุณนายอายากะก็เข้าไปดูเขาทำอะไรกันในห้องครัวบ้าง ออกมานั่งคุยกับพวกเราบ้าง ภรรยาของคุณทนายก็เหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าคุณชิงุซะไม่ได้เข้ามาในห้องนี้เลยนะคะ”

“ใครเป็นคนสุดท้ายที่เห็นคุณชิงุซะครับ”

“ดิฉันค่ะ” นางพยาบาลโมโรอิที่นั่งรวมอยู่ในกลุ่มผู้หญิงตอบเสียงดังด้วยความมั่นใจ

“ดิฉันเห็นเธอเดินออกจากคฤหาสน์ทางประตูหลังเมื่อประมาณหกโมง ก่อนออกไปเธอเอากระดาษแผ่นหนึ่งมาอวดดิฉัน”

“แล้วคุณพยาบาลอ่านข้อความในนั้นหรือเปล่า”

“อ่านค่ะ เขียนว่า...นี่คือการลอบนัดพบของหญิงขี้ริ้วกับชายหลังค่อม วันนี้เวลาหกโมงถึงประมาณหนึ่งทุ่ม หลังศาลเจ้า มิวะ คุยกันในรายละเอียดเมื่อพบ...ก่อนออกจากบ้านราวหนึ่งนาทีคุณชิงุซะเชิดหน้าอวดดิฉันว่า...คุณอุสึมิเขาหลงฉันจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยนะจะบอกให้”

“ดิฉันเป็นคนเอากระดาษแผ่นนั้นไปให้เธอเอง ตามคำขอของคุณอุสึมิค่ะ”

คุณนายอายากะทำหน้ายุ่งยากคล้ายกระดากปากที่จะพูด

“คุณอุสึมิเป็นคนที่ไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอย คำว่าการลอบนัดพบของหญิงขี้ริ้วกับชายหลังค่อมไม่ได้มีความหมายลึกล้ำมากไปกว่าการนัดพบกันธรรมดาหรอกค่ะ ปกตินายกวีเอกคนนี้ชอบพูดอุปมาอุปมัยถึงอะไรที่เป็นเรื่องเร้นลับอย่างภูตผีปีศาจอยู่แล้ว การลอบนัดพบของหญิงขี้ริ้วกับชายหลังค่อมที่เขาเขียนจึงไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการเล่นสำนวนเชิงกวีของเขา ดิฉันรู้ว่าคุณอุสึมิสวมวิญญาณกวีแต่งบทกลอนสรรเสริญหญิงขี้ริ้วโดยมีคุณชิงุซะเป็นแม่แบบจริง ๆ แต่ไม่ได้เขียนอุทิศให้คุณชิงุซะหรอกนะคะ”

“รู้ได้ไง” ปิก้าขัดเสียงแข็งชายตาไปทางอดีตภรรยาเชิงดูแคลน

“ตกลงนายอุสึมิเขียนบทกวีแบบนั้นจริงหรือเปล่า สารวัตรตรวจดูพวกต้นฉบับของนายอุสึมิแล้วหรือยังครับ” โคโรกุถาม

“ตรวจดูแล้วครับ แต่เผอิญผมเป็นคนไม่มีความรู้ด้านนี้เลยเสียด้วย คงต้องถามคุณโคเซ”

“มีครับ แต่ดูเหมือนจะเขียนไว้แค่ชื่อบทกวีเท่านั้น”

สารวัตรตาเหยี่ยวขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถพลางกวาดสายตาคมวาวของเขาไปทั่วกลุ่มคนที่มาชุมนุมกันอยู่

“ผมได้ยินมาว่าเมื่อคืนสนุกกันสุดเหวี่ยง” นายตำรวจปรายตาไปทางปิก้าแล้วพูดยิ้ม ๆ ปิก้าทำไม่รู้ไม่ชี้หันหน้าไปทางหนึ่ง สารวัตรจึงเบนสายตาไปที่คุณนายอายากะ คุณนายได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการถูกคุกคามเมื่อคืน เห็นได้จากผ้าพันแผลที่หัวเข่า ขาสองข้าง ข้อศอกและที่นิ้วมือ นางนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่ผู้หญิงที่มาความงามเป็นพรสวรรค์นั้นสวยนั้นไม่ว่าจะมองยามใดก็สดสวยตรึงตราตรึงใจไปทุกเมื่อ สายตาของสารวัตรละจากภาพจรรโลงใจไปหยุดที่หมอ เอบิสึกะ

“คุณหมอเอบิสึกะ ได้ยินมาว่าเมื่อคืนคุณหมอโกรธจัดมาก แล้วทำไมถึงไม่ตรงไปบ้านเลยล่ะครับ”

“ผมออกจากที่นี่ก็เดินตรงกลับบ้านเลยนะ” หมอเอบิสึกะหน้าบูดเบี้ยวเหมือนถูกโหมด้วยเพลิงพิโรธ ทำท่าคล้ายจะแยกเขี้ยวขย้ำคู่ต่อสู้ สารวัตรตาเหยี่ยวไม่ใส่ใจแต่พุ่งสายตาไปที่มือทั้งสองของหมอที่พันไว้ด้วยผ้าพันแผล

“มือไปโดนอะไรมาครับ”

“เมื่อคืนผมหกล้มบนทางเดินในป่า”

“ถึงคุณหมอขาจะไม่ค่อยดีอย่างนี้ แต่เดินจากคฤหาสน์ตรงไปโรงพยาบาลใช้เวลาถึงสี่ชั่วโมงครึ่งนี่รู้สึกจะมากไปนะ เมื่อคืนคุณหมอออกจากคฤหาสน์ราวสามทุ่มครึ่งใช่ไหม”

ผมแปลกใจที่เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่าเมื่อคืนหมอเอบิสึกะกลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่ตามปกติหลับนอนอยู่ที่คฤหาสน์ทุกคืน จึงเอียงหูเข้าไปใกล้ ๆ แต่หมอไม่ตอบ ดวงตาใหญ่ที่เปล่งประกายโทสะโชติช่วงสะท้อนไปทั่วใบหน้าจับจ้องไปที่สารวัตร

“จังหวะไม่ดีที่มันบังเอิญต้องมามีคนไข้ฉุกเฉินเอาเมื่อคืนนี้ คนที่คฤหาสน์บอกว่ามีโทรศัพท์เรียกหมอเมื่อเที่ยงคืนครึ่ง นางพยาบาลโมโรอิรีบไปตามตัวคุณหมอที่เรือนน้ำชาก็ไม่พบ เท่าที่ผมรู้ดูเหมือนว่าคุณหมอจะกลับถึงบ้านพักหลังจากนั้นชั่วโมงครึ่ง คือราวตีสอง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าหมายความว่าคุณหมอเดินจากที่นี่ถึงบ้านพักสี่ชั่วโมงครึ่งเลยนะครับ”

“ผมเดินไม่หยุดจนถึงบ้าน” หมอเอบิสึกะพูดสะบัดเสียงห้วน ๆ “ใช่ ผมเดินไม่หยุดจนถึงบ้าน แต่ไม่ได้เดินทางตรงหรอกผมอารมณ์เสียและขยะแขยงกับพวกศิลปินกิเลศลามกพวกนั้นเต็มที อยากให้อากาศบริสุทธิ์ช่วยชำระล้างความโสมมออกจากร่างกายเพื่อจะได้แช่มชื่นขึ้น ก็เลยเดินออกไปทางประตูหลังคฤหาสน์ ใช้ทางเดินผ่านป่าที่ไม่ค่อยคุ้นก็เลยหกล้มหกลุกได้แผลอย่างที่เห็นที่แหละ บ้ามาก”

“ระหว่างทางคุณหมอพบใครบ้างหรือเปล่า มีใครเข้ามาถามอะไรหรือพูดคุยกับใครบ้างไหม”

“ฮึ อย่างกับคนที่หมู่บ้านนี้ไม่มีใครเห็นคุณค่าของผมนักนี่ บ้าชะมัด”

“จะมีใครเขาสนใจล่ะ คุณจิงุซะก็ถูกฆ่าตายไปตั้งแต่สามทุ่มครึ่งแล้ว”

พอถูกโมคุเบยั่วหมอเอบิสึกะก็โกรธจนตัวสั่น กำหมัดแน่นทำหน้าขมึงถึง ดวงตาใหญ่แทบถลนเปล่งกระกายน่ากลัวจ้องเขม็งไปที่โมคุเบ เห็นได้ชัดว่ากำลังกลั้นใจระงับอารมณ์

สารวัตรตาเหยี่ยวละสายตาจากหมอสติเฟื่องมองไปที่คุณนายอายากะ

“เมื่อคืนคุณนายคงจะเจ็บตัวมาก อาการเป็นยังไงบ้างครับ”

คุณนายอายากะยิ้มหวานก่อนตอบว่า

“ขอบคุณสารวัตรค่ะที่เป็นห่วง ดิฉันเจ็บหัวเข่าซ้ายนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนที่อื่น ๆ ก็แค่แผลถลอก”

“คุณนายวิ่งหนีกลับห้อง คุณโดอิตามไป ทุบประตู เตะถีบประตูอยู่อย่างนั้นถึงราวเที่ยงคืนใช่ไหมครับ”

ปิก้าตีหน้าตาเฉย ขณะจ้องหน้าจ้องตาตอบสารวัตรอย่างไม่ประหวั่นพรั่นพรึง

“ผมจำไม่ค่อยได้ สารวัตรเคยดื่มจัดจนเมามายไม่ได้สติบ้างหรือเปล่าล่ะ คนเราลองเมาขนาดนั้นแล้วใครจะจำอะไรได้ใช่ไหมครับ ถ้าสารวัตรอยากรู้ว่าเมื่อคืนผมเป็นยังไง ทำอะไรบ้าง ก็ถามคนอื่นดูซิครับ มีแต่คนรู้ดีกว่าผมทั้งนั้น”

นายตำรวจพยักหน้า

“ดูเหมือนว่าพอใครเข้าไปใกล้คุณก็ลุกขึ้นมาเอาเรื่องเขา อย่างนั้นใช่ไหมครับคุณคาซุมะ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจเข้าไปใกล้เขาหรอกครับ แค่เดินเฉียดเข้าไปตอนกลับห้องตัวเอง เท่านั้นแหละครับหมอนี่ก็ลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อผมเหวี่ยงลงไปกลิ้งอยู่กับพื้นแล้วตามเข้ามาเตะซ้ำ กว่าจะกระเสือกกระสนพ้นมือตีนหนีกลับห้องได้ก็แทบแย่ ดอกเตอร์โคเซกับคนอื่น ๆ ก็โดนเหมือนกัน ไม่เชื่อถามดูซิครับ”

“ห้องนอนผมอยู่ใกล้กันตรงนั้น ผมได้ยินเสียงเอะอะก็เลยแง้มประตูเยี่ยมหน้าออกมาดู พอเห็นหน้าผมคุณโดอิก็แยกเขี้ยว แผดเสียงลั่นบ้านแล้วพุ่งเข้าใส่ ผมหลบแทบไม่ทัน คิดว่าเป็นช่วงชั่วโมงแรกที่คุณแกขึ้นมาอาละวาดครับ”

พูดมาถึงตรงนี้ทนายคามิยามะพยักหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“ใช่ ใช่ คุณโดอิยืนจังก้าอยู่หน้าประตูห้องคุณนายจนถึงราวห้าทุ่ม ตาแดงแทบจะลุกเป็นไฟแผดเสียงขู่คำรามอย่างกับพญามัจจุราช ไม่ใช่ซิ...เหมือนนักรบกระหายเลือดที่แพ้สงครามกลับมามากกว่า และตั้งแต่ราวห้าทุ่มเป็นค้นไปคุณแกนั่งลงกับพื้นระเบียงทางเดินเอาหลังพิงประตู ร้องเพลงบ้าง แผดเสียงเอะอะเอ็ดตะโรร้องอะไรฟังไม่ได้ศัพท์อยู่อย่างนั้น เห็นอย่างนี้แต่ผมก็เป็นนักอ่านตัวยงคนหนึ่ง คืนนั้นผมนอนอ่านหนังสืออยู่จนดึก เสียงเอะอะของคุณโดอิค่อย ๆ แผ่วไปแล้วเงียบลงประมาณเที่ยงคืนสิบแปดนาทีเห็นจะได้ ผมแง้มประตูมองออกไปก็เห็นท่านจิตรกรเอกนั่งพิงประตูห้องคุณนาย สัปหงกคอพับคออ่อนอยู่ตรงนั้นครับ”

สารวัตรตาเหยี่ยวพยักหน้า

“คุณคามิยามะละเอียดเรื่องเวลาสมกับที่เป็นทนายความ ช่วยให้ผมเข้าใจเรื่องราวได้ชัดเจนมากทีเดียว ประตูห้องของคุณนายอายากะอยู่ตรงตำแหน่งที่จะมองเห็นความเป็นไปบนระเบียงทางเดินได้ตลอดจนถึงบันไดทางลง คนที่นั่งพิงประตูบานนั้นจะต้องเห็นทุกคนที่เดินผ่านระเบียงทางเดิน คุณโดอิช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับว่าคุณเห็นใครเดินผ่านไปมาบนระเบียงทางเดินบ้าง”

ปิก้าทำหน้าคล้ายกระดากวางหน้าไม่สนิท

“เมื่อคืนนี้ พอเห็นใครเข้ามาใกล้ผมอาจตะโกนด่าหรือไม่ก็พลักไสไล่ตะเพิดไป แต่ก็จำไม่ได้เลยครับว่าใครเป็นใคร ตอนที่ผมหมดแรงทรุดลงนั่งพิงบานประตู ก็ไม่มีใครมาตอแยอีกทุกคนคงจะหลับไปแล้ว แต่เดี๋ยวก่อนครับ”

ปิก้าหยุดคิด แต่รู้สึกว่าจะคิดไม่ออก

“คุณโดอิไม่ได้ลุกจากหน้าประตูห้องไปไหนเลยใช่ไหมครับ”

ปิก้าเกาหัว

“อาจไปห้องสุขาก็ได้ แต่บอกตรง ๆ ผมจำอะไรไม่ได้จริง ๆ “

“ไม่ครับ คุณโดอิไม่ได้ขยับเขยื้อนจากหน้าประตูห้องไปไหนแน่นอน” ทนายคามิยามะขัดขึ้นอย่างมั่นใจ “เพราะผมได้ยินเสียงขู่กรรโชกดังมาจากจุดเดียวกันนั้นทุก ๆ ห้าวินาทีไม่ได้หยุด แต่ผมว่าแทนที่จะถามคนอื่น สารวัตรขอฟังเรื่องราวจากคุณนายอายากะดีกว่าไหม จะได้เรื่องราวชัดเจนเสียที คิดว่าคุณนายคงไม่บอกว่าหลับไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ใส่ใจกับขี้เมาที่มาอาละวาดอยู่หน้าห้องหรอกนะครับ”

คุณนายอายากะหันหน้ามาตอบตรง ๆ

“ค่ะ ดิฉันจำได้หมดทุกอย่าง คนเมาเหมือนหมาบ้าแผดเสียงเอะอะอาละวาดอยู่หน้าห้องดิฉันไม่หยุดจนเที่ยงคืนกว่า ตั้งแต่นายขี้เมาหยำเปคนนี้ปรากฏตัวที่หมู่บ้านบนภูเขาของเรานี่ ดิฉันนอนในห้องสามีมาตลอด แต่ก็มีเมื่อคืนนี้เท่านั้นแหละที่ดิฉันวิ่งหนีเข้าห้องตัวเองด้วยความมั่นใจว่าปลอดภัยกว่าที่อื่น เพราะตามปกติดิฉันจะคาลูกกุญแจเอาไว้ภายในห้องเผื่อว่าเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะได้ใส่กุญแจล็อกห้องจากภายในได้ทันท่วงที โชคดีที่เมื่อคืนดิฉันวิ่งหนีเข้ามาได้อย่างหวุดหวิดแล้วใส่กุญแจทัน ความบ้าระห่ำของนายคนนี้นั่นเองละค่ะที่ทำให้ดิฉันต้องระวังตัวทุกฝีก้าว”


ทนายคามิยามะนิ่งฟังมาถึงตอนนี้ขัดขึ้น

“ฆาตกรอาจเข้ามาทางหน้าต่างก็ได้นะครับ”

“อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้นครับ”

“ถึงตอนนี้คุณจิตรกรปิก้าท่านจะบอกว่าจำอะไรไม่ได้ แต่ที่ท่านเล่นยึดหัวหาดตั้งมั่นอยู่หน้าห้องคุณนายอายากะไม่ยอมเลิกอย่างนั้น สารวัตรคิดดูซิครับว่าใครจะกล้าเสี่ยงออกไปฆ่าคนทั้ง ๆ ที่ท่านนั่นหัวโด่อยู่ แต่ถ้าจะคิดว่าฆาตกรเป็นคนมีความรู้ด้านจิตวิทยาคนเมา มันก็เป็นอีกเรื่องนึงนะครับ”

“อาจเป็นอย่างที่คุณทนายพูดก็ได้”

สารวัตรตาเหยี่ยวไม่แสดงสีหน้าที่ทีให้เราจับได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่สมกับเป็นผู้ช่ำชองการสืบสวนสอบสวน และแน่นอนว่าจะไม่เปิดเผยให้ใครล่วงรู้ว่าได้หลักฐานหรือผมปริศนาอะไรเกี่ยวกับคดี ผมมารู้จากดอกเตอร์โคเซว่าไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อยที่แสดงว่าฆาตกรเป็นคนภายนอกที่ลอบเข้ามาในห้องทางหน้าต่าง

การที่ฆาตกรไม่ได้ทิ้งร่องรอยว่าได้มีการพยายามเข้าไปในห้องไม่ว่าจะเป็นทางประตูหรือทางหน้าต่างเลยนั้น ทำให้ไม่สามารถจับอะไรมาเป็นตัวถอดรหัสปริศนาได้ ถ้าฆาตกรทิ้งอะไรไว้สักนิดนักเขียนนิยายและนักสืบสมัครเล่นอย่างผมก็จะปะติดปะต่อเรื่องราวได้โดยง่าย แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมดปัญญา

หลังจบการสอบปากคำพวกเราแล้ว สารวัตรตาเหยี่ยวจึงเข้าเรื่อง

“เอาละครับ ท่านทั้งหลายคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเกิดฆาตกรรมในบ้านหลังเดียวกันสี่รายซ้อนภายในสามวันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนในประเทศเรานี้ กรณีเช่นนี้ตำรวจจำเป็นต้องตั้งข้อสงสัยทุกท่านที่มาพักอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขในคฤหาสน์แห่งนี้ ซึ่งคิดว่าเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับกฎหมายปกครองประเทศ พูดตามตรงเลยนะครับคือเราขอค้นห้องนอนและสิ่งของส่วนตัวด้วยความเคารพในความเป็นบุคคลระดับสูงทางวัฒนธรรมของทุกท่าน ผมขอเรียนให้ทราบคร่าว ๆ ถึงประเด็นหลักในการสืบสวนนะครับ

ตำรวจสันนิษฐานจากการที่คุณอุสึมิถูกกระหน่ำแทงจนเลือดสาดนั้น เลือดของเขาจะต้องกระเด็นไปเปื้อนเสื้อผ้าฆาตกรไม่มากก็น้อยแน่นอน ฆาตกรจึงต้องจัดการกับเสื้อผ้าเปื้อนเลือดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง อาจเอาไปซ่อนหรือเอาไปซัก ด้วยเหตุนี้ทางตำรวจจึงต้องขอเข้าไปตรวจค้นห้องนอนและสิ่งของส่วนตัวของทุกท่าน ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการบังคับเพียงแต่ขอความร่วมมือเพื่อให้การสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างเที่ยงธรรมและถูกต้องตามกฎหมายครับ”

เมื่อได้ยินว่าจะมีการตรวจค้นสิ่งของส่วนตัวพวกคุณนายก็กระสับกระส่ายดูเครียดกันขึ้นมาทีเดียว แต่ในที่สุดก็มีคนปฏิเสธอยู่คนเดียวคือหมอเอบิสึกะ

การค้นห้องและของส่วนตัวที่ดูเหมือนจะทำให้ทุกคนตื่นระทึกสิ้นสุดลงโดยไม่พบหลักฐานสำคัญอะไรนอกเหนือไปจากเสื้อผ้าฉีกขาดเปื้อนเลือดของคุณนายอายากะ ที่เกิดจากการถูกปิก้าจับเหวี่ยง เลือดที่ติดอยู่เป็นเลือดกรุ๊ป 0 ของคุณนายเอง ส่วนของนายอุสึมิเป็นกรุ๊ป B จึงไม่มีปัญหาอะไร

ตำรวจค้นกระเป๋าเดินทางของพวกเราทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่พบพวงกุญแจที่หายไป

[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
ปิก้า (โดอิ โคอิชิ) จิตรกรอดีตสามีของอายากะ
อายากะ ภรรยาคนปัจจุบันของคาซุมะ อดีตภรรยาของปิก้า
โมคุเบ ผู้เชี่ยวชาญวรรณคดีฝรั่งเศส อยู่กับอากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
โคโรกุ ฮิโตมิ นักเขียนบทละคร สามีของอาคาชิ โคโจ ดาราชื่อดัง
วานิ โมชิซึกิ, ยุมิฮิโกะทังโงะ, อากิระ อุสึมิ แขกรับเชิญของทามาโอะ:
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยนายอุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ลูกญาติห่าง ๆ ที่นายอุตางาวะผู้อุปถัมภ์ให้เรียนหอมและมาประจำอยู่ที่หมู่บ้าน
ชิงุซะ หญิงขี้ริ้วลูกพี่ลูกน้องของคาซุมะ


กำลังโหลดความคิดเห็น