xs
xsm
sm
md
lg

ฆาตกรรม(ไม่)ต่อเนื่อง-ใครฆ่าใคร ตอนที่ 13 สาวพรหมจรรย์พูดไม่จริง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
ปรมาจารย์แห่งความลึกลับของฆาตกรรมปริศนา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์

สงครามเพิ่งสงบ สังคมนครหลวงสมัยโชวะพยายามดิ้นรนกลับสู่ยุคทองในอดีตที่ไม่ใช่ว่าไกลโพ้น
ไม่เคยมีเสียดีกว่า ต้องสูญเสียไปแล้วอยากได้คืน...

เหตุการณ์ปกติตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เช้าวันที่ 26 กรกฎาคมผมตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคุณคาโยโกะมาหาภรรยาผมที่ห้อง

วันนั้นเป็นวันเกิดของคาซุมะ ที่ห้องครัวเรือนใหญ่กำลังมีการหุงข้าวถั่วแดงสำหรับงานฉลอง ส่วนคนที่ห้องครัวเรือนฝรั่งก็เริ่มสาละวนอยู่กับเตรียมอาหารเย็นกันแล้ว และคืนนี้คุณคาโยโกะได้รับเชิญให้ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่เรือนฝรั่งด้วยซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลก

คุณคาโยโกะเป็นคนที่ทุกคนรู้และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นสาวพรหมจรรย์ แต่เมื่อเทียบกันแล้วคุณนายอายากะดูมีสีสันกว่ามาก งดงามแช่มชื่นราวดอกไม้ประดับสวนสวย ใครที่ไม่รู้ว่านางแต่งงานแล้วต่างนึกว่ายังเป็นสาวรุ่น แน่นอนว่าเสน่ห์แพรวพราวราวกับมีมนต์มายาของคุณนายที่จูงใจชายทั้งหลายให้ลุ่มหลง ย่อมกระพือพิษริษยาก่อให้เกิดศัตรูขึ้นในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน

คุณคาโยโกะเป็นกรณีพิเศษเพราะมีเรื่องของนายคาซุมะอยู่ และพอพูดกันถึงคุณนายอายากะทีไร ผมจะรู้สึกได้ถึงความขัดแย้งที่มีอยู่ลึก ๆ ในใจเธอซึ่งทำให้อึดอัดทุกครั้ง

ความโกรธเกลียดและอิจฉาริษยาอย่างรุนแรงนั้น นอกจากจะบั่นทอนจิตใจทำให้เจ้าตัวดูตกต่ำย่ำแย่ไร้สง่าราศีแล้ว กลับส่งเสริมให้อีกฝ่ายยิ่งเด่นขึ้นไปอีก แม้แต่สาวพรหมจรรย์ดูไร้เดียงสาอย่างคุณคาโยโกะก็ยังไม่อาจเก็บกิริยาทำให้อีกฝ่ายจับความรู้สึกได้ ทำให้ผมคิดว่าโลกเรานี้ก็มีปีศาจขี้อิจฉาแสนสวยอยู่ด้วยเหมือนกัน

คงเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอเจ็บออด ๆ แอด ๆ คุณคาโยโกะจึงค่อนข้างจะมีอะไรที่เอนเอียงไปทางลัทธิศาสนา เห็นได้จากคำพูดในเชิงทำนายทายทักของเจ้าหล่อน แต่ถ้าสนใจฟังดี ๆ แล้วจะรู้ว่าไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากความงมงายอยู่กับความคิดฟังหัวของตนเอง

อย่างกรณีที่ตำรวจพบลูกกระพรวนติดรองเท้าแตะสุดหรูของคุณนายอายากะลูกหนึ่งตกอยู่ใต้เตียงนายวานิ เจ้าหล่อนก็ตีความทันทีว่าคุณนายอายากะเป็นฆาตกรเพราะคุณนายกับนายวานิมีความสัมพันธ์เชิงพิศวาทต่อกัน แล้วก็คิดฝังหัวติดแน่นอยู่อย่างนั้น ทำให้พวกเราที่รู้กันแล้วว่ามันไม่ใช่รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะพูดให้เจ้าหล่อนเข้าใจ

“แต่คุณคาโยโกะครับ...มันไม่ใช่อย่างนั้น กรณีของนายวานิ คุณอายากะเป็นคนเดียวที่มีหลักฐานแสดงว่าอยู่ที่ไหนตอนที่เกิดเหตุฆาตกรรม คือเธอนอนอยู่บนเตียงของคุณคาซุมะ และคุณคาซุมะก็นั่งเขียนหนังสืออยู่ตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้า”

“คุณพี่ก็ต้องปกป้องคุณพี่ผู้หญิงซีคะเซ็นเซ คุณพี่ถูกคุณพี่ผู้หญิงหลอกตั้งแต่ต้นจนจบนั่นแหละ”

เจ้าหล่อนสรุปเอาง่าย ๆ อย่างนั้นเอง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องทำให้คุณนายอายากะหงุดหงิดมากแต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้

คุณคาซุมะกับคุณนายอายากะบังเอิญเข้ามาหาผมที่ห้องพอดีกับที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่กับคุณคาโยโกะ

“อ้าว คุณคาโยโกะ ไม่นึกว่าจะได้เจอกันที่นี่”

คุณนายคาโยโกะทำตาแพรวพราวยิ้มแย้มราวกับดอกไม้ขยายกลีบโปรยปรายเกสร


“โต๊ะอาหารคืนนี้คงจะแช่มชื่นแจ่มใสแน่ ๆ เมื่อได้ต้อนรับคุณคาโยโกะที่เปรียบเสมือนดอกไม้หอมบนภูเขาสูง แค่นั่งเฉย ๆ บารมีของดอกไม้แสนสวยก็จะแผ่ไปทั่วถึงทุกคนเองโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยว่ากระไร”

คิดว่าเจ้าหล่อนจะทำตะบึงตะบอนใส่คำเยินยอจนเลิศเลอของพี่สะใภ้ แต่เปล่าเลย เจ้าหล่อนยิ้มรับอย่างยินดี

“แหม คุณพี่เองก็หอมชื่นใจราวกับมาลัยดอกไม้”

คุณคาโยโกะพูดด้วยสำเนียงอ่อนหวานชดช้อยแววตาแพรวพราวราวกับกลั่นกรองออกมาจากใจจริง ทำเอาผมอ่อนใจกับผู้หญิงไปเลยทีเดียว พวกหล่อนเป็นคนโกหก พูดจาจริงใจเสแสร้งวางตัวอยู่ในกรอบมารยาทสังคมกันมาตั้งแต่กำเนิด ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าบริสุทธิ์ไร้ราคีน่าทนุถนอมอย่างเธอคนนี้ ผมรู้สึกแย่มากเมื่อเห็นกิริยาของคุณ คาโยโกะ

แต่มาคิดดูอีกทีก็น่าเห็นใจ เพราะคุณคาโยโกะเป็นคนโดดเดี่ยวเดียวดายเพราะตระหนี่ตัวไม่คบหาสมาคมกับใคร คนที่พอจะเรียกว่าเพื่อนได้ก็เห็นจะมีเคียวโกะภรรยาผมคนเดียว จึงเป็นธรรมดาที่จะมีจริตเวลาพูดจากับใคร ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ปกติผมจะเห็นแต่ความน่ารักและจริงใจของเธอเวลามาคุยกับเคียวโกะที่ไม่จำเป็นต้องรักษาจริตทางสังคมอะไร วันนี้พอมาเห็นอีกด้านหนึ่งเข้าก็เลยผิดหวัง ที่รู้สึกเช่นนั้นอาจเนื่องมาจากการที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ไม่มีโอกาสสัมผัสกับส่วนลึกในจิตใจของผู้หญิงก็เป็นได้

ท่าทีของคาซุมะดูสงบไม่แสดงว่าอึดอัดอะไรกับการประจันหน้ากันของสองหญิงตรงหน้า

“คะโยโกะสบายดีแล้วรึ ได้ยินมาว่ามีไข้อยู่หลายวัน พี่ไม่ได้ไปเยี่ยมเพราะมัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น มีคนบอกว่าระยะนี้เธอไม่กินยาที่หมอเอบิสึกะจัดให้ใช่ไหม คิดอะไรมากเกินไปหรือเปล่า หมอเขาให้ยาอะไรมาเราต้องกินเข้าใจไหม”

คุณคาโยโกะเงยหน้าที่หมองเศร้าขึ้นตอบพี่ชายต่างมารดา

“ค่ะ แต่ฉันไม่คิดที่จะมีชีวิตยืนยาวต่อไปเท่าใดนักหรอกค่ะคุณพี่”

“นั่นไง บอกแล้วว่าอย่าคิดอย่างนั้น จริงไหมเคียวโกะซัง”

“จริงค่ะ ไม่เอานะคะคุณหนู อย่าพูดอะไรอย่างนั้น จะตายเร็วได้ยังไงกัน ถ้าเรามีความหวังและอารมณ์แช่มชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ โรคอะไร ๆ เดี๋ยวก็หายหมด จริง ๆ นะคะ”

เจ้าหล่อนพูดเองเออเองเสร็จ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีพลังโน้มน้าวให้ผู้ฟังคล้อยตามสักเท่าไร คาซุมะหันมาทางผมแล้วบอกว่า

“ระยะนี้หมอเอบิสึกะมีพฤติกรรมแปลก ๆ คุณจำเรื่องนายโอคุดะ โทเนคิจิโรที่ก่อตั้งสถาบันวิจัยขงจื๊อหรืออะไรสักอย่างขึ้นมาได้ใช่ไหม วันก่อนนายนั่นมาขอพบผมพร้อมกับเอาจดหมายแนะนำตัวจากหมอเอบิสึกะมาด้วย บอกว่าอยากบรรยายปรัชญาขงจื๊อให้พวกแขกของผมฟัง แล้วถามว่าจะสะดวกให้เขามาเมื่อไรดี พอดีตำรวจสายสืบอาเระ โคสุเกะอยู่พอดีผมก็เลยขอให้ช่วยตะเพิดไป จดหมายแนะนำตัวของหมอก็บ้าบอสิ้นดี สรรเสริญว่านายโอคุดะเป็นอัจฉริยะบ้างละเป็นนักบุญบ้างละ ถ้าพวกเราได้ฟังคำบรรยายสักครั้งก็จะประเทืองปัญญายิ่งนัก...คือสำนวนเหลือรับเลยจริง ๆ หรือว่าจะเสียสติไปแล้วก็ไม่รู้”

“แล้วท่านอาจารย์ปรัชญาขงจื๊อนั่นสติดีอยู่รึ”

“คนเราถ้าเชื่ออะไรจนคลั่งงมงายขนาดนั้น มันก็คนบ้าเราดี ๆ นี่เอง”

“ลองฟังดูพอเป็นมารยาทดีไหม ท่าทางจะสนุกดีไม่น้อย นายทังโงะคงชอบเพราะผมเห็นมีตัวละครคนเพี้ยน ๆ แบบนี้ในนิยายของเขาบ่อย ๆ อาจเป็นวัตถุดิบที่ดีเลยทีเดียว และก็คงได้แซวได้ขัดคอกันสนุกด้วย นายโคโรกุก็อีกคน ในนิยายของเขาที่เขียนตั้งแต่สงครามเลิกมานี่ มีแต่คนบ้า ๆ บอ ๆ เต็มไปหมดอ่านแล้วจะบ้าตาย มันคงเป็นสมัยของตัวเอกในหนังเรื่องมนุษย์บ้าสงครามที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้ละมัง”

“เอาเถอะเรื่องนี้ค่อยว่ากัน ที่มานี่ก็จะมาตามตัวไปพบท่านนักสืบจมูกมด เขาบอกว่าอยากถามสอบถามอะไรเราสักหน่อย”

เราทิ้งคุณคาโยโกะไว้กับเคียวโกะแล้วไปยังห้องของคาซุมะที่นักสืบจมูกมดรออยู่ ระหว่างทางคุณนายอายากะขอตัวไปดูความเรียบร้อยของอาหารเย็นที่ห้องครัว

นักสืบจมูกมดอยู่กับแม่นักสืบสมองใสอาตาพิน

“ขอโทษครับที่ต้องรบกวน”

นักสืบจมูกมดที่แม้ร่างกายจะบึกบึนดูเถื่อน ๆ ก็จริงแต่มารยาทงามไม่น้อย นายตำรวจก้มศีรษะคำนับเราตามประเพณี

“วันนี้ผมมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับวงการนักประพันธ์และเรื่องหนังสือหนังหาของพวกคุณสักหน่อย ดูเหมือนว่าคุณวานิจะมีศัตรูมากพอดูเลยใช่ไหมครับ”

“ศัตรูอะไรหรือครับ”

“ก็ศัตรูในวงการประพันธ์ของพวกคุณนั่นแหละ ผมอยากรู้ว่าใครบ้างดีใจที่นายวานิตาย”

“คิดว่าคงไม่มีใครไม่ดีใจหรอกครับ พวกเพื่อนนักประพันธ์ไม่มีใครชอบหน้านายนั่นสักคน ก็มันสถุลอยาบคายไร้มารยาท ออกอย่างนั้น ผมคนหนึ่งละที่ดีใจจนบอกไม่ถูก”

“ฉันเห็นนักประพันธ์อิจฉาริษยากันทุกคน” แม่นักสืบอาตาพินสอดเสียงแหลม แล้วโจมตีต่อไปว่า “คุณไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองใช่ไหมล่ะ ขาดพรสวรรค์ ถึงได้อิจฉาเขา ไม่เข้าท่าเลยจริง ๆ “

“จริงครับ เรามันโชคไม่ดีเกิดมาเป็นคนโง่เง่าสมองทื่อคิดอะไรไม่ออก “ ผมประชดให้

“พอไม่มีคุณวานิเสียแล้วอย่างนี้ เรื่องของคุณคงจะขายดีขึ้นซีนะ”

“จริงดังว่าเลยครับ”

“เอาละครับคุณยาชิโระ คุณคิดว่าคนในวงการประพันธ์สามารถฆ่าคนตายได้ด้วยความอิจฉาริษยาในความเป็นอัจฉริยะของคนที่เขาตั้งตัวเป็นคู่แข่งด้วยไหม”

“อะไร ๆ มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับคุณตำรวจ ที่ผ่านมาเราอาจไม่เคยได้ยินว่ามีคนในวงการวรรณศิลป์ฆ่ากันด้วยความอิจฉาริษยา สาเหตุหนึ่งคือถึงจะฆ่าไปก็ไม่มีประโยชน์ มันไม่ได้ทำให้เราเป็นอัจฉริยะหรือมีพรสวรรค์เพิ่มขึ้น เพราะความอิจฉาของพวกเรามันเกี่ยวข้องกับสติปัญญา กับพรสวรรค์ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่จับต้องได้ คนในวงการนี้เขาไม่ลุกขึ้นมาฆ่ากันหรอกครับ เพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น”

“ถ้าจะจริง พวกศิลปินอย่างจิตรกรก็ดี นักประพันธ์ แม้จนกระทั่งนักแสดง ดูจากสายตาของคนนอกเห็นริษยากัน เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแทบจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่เกือบไม่ได้ยินข่าวว่ามีการฆ่าแกงกันจริง ๆ จะมีบ้างก็ด้วยเหตุอื่น ก็คงอย่างที่คุณว่า คือฆ่าคู่แข่งตายไปก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยให้ตัวเองมีพรสวรรค์มากขึ้น วาดหรือเขียนหรือแสดงเก่งขึ้น ก็ไม่ใช่ทั้งนั้น แล้วจะฆ่ากันไปทำไม

แต่เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นในคฤหาสน์ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ทุกวันนี้คุณทุกคนกำลังใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวังวนของปริศนาลึกลับของคดีฆาตกรรม แค่คดีเดียวก็หนักหนาสาหัสเกินพอพอแล้ว แต่นี่ตั้ง 3 คดีติดต่อกันสามวัน เพื่อนของพวกคุณตายไปถึง 4 คน ถึงจะไม่มีใครเป็นตำรวจนักสืบแต่ผมคิดว่าไม่ว่าใครต้องมีคนที่ตนสงสัยว่าจะเป็นฆาตกรอยู่ในใจ มีเบาะแสอะไรที่จูงใจให้คิดอย่างนั้น ผมแน่ใจอย่างนี้ คิดว่าคงไม่ผิด”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าตามธรรมชาติของมนุษย์ คนเราต่างก็มีจิตวิญญาณของนักสืบอยู่บ้างไม่มากก็น้อย”

“นั่นซีครับ ธรรมชาติของมนุษย์เราเป็นเช่นนั้นเสียด้วย ตรงนี้แหละครับที่ผมอยากขอร้องพวกคุณ ฟังคำขอของผมแล้วอาจจะคิดว่านายตำรวจคนนี้อาจจะอาจหาญก้าวร้าวมากไปหน่อย แต่ก็ขอร้องเถิดครับ ขอให้ช่วยเผยความลับในใจกันหน่อย เล่นออกเสียงลงคะแนนกันประมาณแบบครึ่งเล่นครึ่งจริง และก็ขอให้คุณยาชิโระช่วยจัดการด้วย”
[ตัวละครในเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างกัน]
อุสึมิ อากิระ กวีหลังค่อมแขกรับเชิญของทามาโอะ:
ปิก้า (โดอิ โคอิชิ) จิตรกรอดีตสามีของอายากะ
อายากะ ภรรยาคนปัจจุบันของคาซุมะ อดีตภรรยาของปิก้า
โมคุเบ ผู้เชี่ยวชาญวรรณคดีฝรั่งเศส อยู่กับอากิโกะนักประพันธ์สตรีอดีตภรรยาของคาซุมะ
โคโรกุ ฮิโตมิ นักเขียนบทละคร สามีของอาคาชิ โคโจ ดาราชื่อดัง
ผม ยาชิโระ ซุนเป คนเล่าเรื่อง ภรรยาชื่อเคียวโกะ เคยเป็นเมียน้อยนายอุตางาวะ ทามอน บิดาของคาซุมะ
เอบิสึกะหมอขาเป๋ ลูกญาติห่าง ๆ ที่นายอุตางาวะผู้อุปถัมภ์ให้เรียนหอมและมาประจำอยู่ที่หมู่บ้าน
ชิงุซะ หญิงขี้ริ้วลูกพี่ลูกน้องของคาซุมะ


กำลังโหลดความคิดเห็น