ฮื่ออ์อ์อ์...ต้องเรียกว่า “ร่วงผล็อย” กันไปเป็นรายๆ สำหรับบรรดาพวก “บ้าสงคราม” ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ “ฤาษีอินเดีย” อย่าง “นายRishi Sunak” จะหมดรูป หมดสภาพ หมดความเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในฐานะหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมที่ครองความเป็นรัฐบาลมายาวนานถึง 14 ปี ต้องเปิดช่อง เปิดทาง ให้กับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านแห่งพรรคแรงงาน อย่าง “นายKeir Starmer” ผงาดขึ้นเป็นผู้นำประเทศกันแทนที่ แต่กระทั่งอดีตรัฐมนตรีกลาโหม อย่าง “นายGrant Shapps” ที่เคยออกมาปลุกเร้า ปลุกระดม ให้บรรดาชาวโลกตะวันตกทั้งหลาย เตรียมตัวทำสงครามกับจีน-รัสเซีย-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ ในระยะ 5 ปีข้างหน้า ก็ดัน “สอบตก” หมดรูป หมดสภาพ หมดความกระเหี้ยนกระหือรือแบบโง่ๆ-บ้าๆ ไปอีกราย...
ไม่ต่างไปจากอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งพรรคอนุรักษนิยมที่มีอายุสั้นที่สุด คือเพียงแค่ไม่ถึง 2 เดือนอย่าง “นางLiz Truss” ที่เคยคิดขยายบทบาทขององค์กรพันธมิตรทางทหาร อย่าง “NATO” ให้เป็น “NATO ระดับโลก” ป่าวประกาศว่าพร้อมจะทำสงครามกับรัสเซีย แม้เป็น “สงครามนิวเคลียร์” ก็ตาม หรือถึงขั้นยกหูโทรศัพท์ไปหาผู้นำยูเครน “นายVolodymyr Zelensky” เป็นรายแรก หลังจากได้ขึ้นชั้นเป็นนายกรัฐมนตรีแบบบุญหล่นทับชักหัวแม่เท้าข้างซ้ายหลบแทบไม่ทัน มาคราวนี้...ก็เลยต้องกลายสภาพเป็น “สส.สอบตก” ไปอีกรายจนได้ ต่างไปจากอดีตหัวหน้าพรรคแรงงาน “นายJeremy Corbyn” ที่ถูกขับออกจากพรรคเพราะการยืนหยัดต่อต้านสงคราม จนถึงกับถูกกล่าวหาว่าเป็นพวก “Anti-Semitic” เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่เมื่อเปลี่ยนไปลงสมัครอิสระ แม้แก่แสนแก่-ชราแสนชรา อายุปาเข้าไปประมาณ 75 ปีแล้วก็เถอะ แต่บรรดาพวก “ผู้ดีอังกฤษ” ในกรุงลอนดอน ก็ยังอุตส่าห์โหวตให้เข้ามาเป็นสมาชิกรัฐสภา ด้วยคะแนนเสียงถึง 24,120 ราย เฉือนชนะคู่แข่งจากพรรคแรงงานที่ได้คะแนนนิยมเพียงแค่ 16,873 ราย...
คือแม้ว่า...นายกรัฐมนตรีคนใหม่แห่งพรรคแรงงาน อย่าง “นายKeir Starmer” คงหนีไม่พ้นต้องเดินไปตามแนวทาง ตามแรงกด แรงบีบ ของประมุขโลกอย่างคุณพ่ออเมริกาจนได้ หรือยังต้องป่าวประกาศว่าสนับสนุนตัวตลก-ตัวแทนอย่างยูเครนในการสู้กับรัสเซียอย่างไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ในแง่ของความกระเหี้ยนกระหือรือ ความเป็นสุนัขพูเดิล หรือความเป็นพรมเช็ดเท้าให้กับอเมริกา มันน่าจะทุเลาเบาบางลงไปได้มั่งไม่มาก-ก็น้อย ไม่ต่างไปจากฝรั่งเศสที่ได้เวลาเลือกตั้งรอบสองในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ก.ค.) แม้จะปลุกเร้า ปลุกระดม ให้ชาวฝรั่งเศส ให้บรรดาแฟนฟุตบอลตราไก่ลุกขึ้นมาต่อต้านพวกฝ่ายขวากันแบบไหน? อย่างไร? แต่โดยความเสื่อมโทรม เสื่อมความนิยม ที่บรรดาชาวปารีเซียงมีต่อพวกลิเบอร่านหรือพวก “เสรีนิยมใหม่” มาตั้งแต่ยุคที่ยังไม่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อ “COVID-19” จนเกิดการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลครั้งแล้ว-ครั้งเล่า มาจนถึงการคิดจะส่งทหารฝรั่งเศสไปรบกับรัสเซียทั้งที่เศรษฐกิจตกสะเก็ดไปทั่วทั้งประเทศ อันนี้...ต่อให้แฟนพันธุ์แท้ของศูนย์หน้าตัวเป้าทีมฟุตบอลตราไก่ อย่าง “Kylian Mbappe” ก็น่าจะ...รับไม่ได้!!! ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
ดังนั้น...โอกาสที่จะผงาดขึ้นมามีอำนาจของพรรคฝ่ายขวาอย่าง “The National Rally” (RN) ของ “นางMarine Le Pen” ก็น่าจะอยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกล โดยล่าสุด...หรือเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมานี้นี่เอง (4 ก.ค.) หัวหน้าพันธมิตรฝ่ายขวารายนี้ท่านยังคงย้ำนัก-ย้ำหนากับสำนักข่าว “CNN” ว่านอกจากในฐานะสุภาพสตรีที่ “ไม่เห็นควรด้วย” หรือไม่คิดจะด้วนตามแนวคิดของผู้นำฝรั่งเศสคนปัจจุบัน ประธานาธิบดี “Emmanuel Macron” ที่คิดจะส่งทหารฝรั่งเศสไปรบกับรัสเซียในสมรภูมิยูเครนแล้ว ท่านยังไม่คิดจะยอมให้กองทัพยูเครนนำเอาอาวุธร้ายๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส โจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซียอีกด้วยต่างหาก หรือพูดง่ายๆ ว่า...ท่านไม่คิดจะเอากับ “สงคราม” ใดๆ ก็ตาม...
อันนี้นี่แหละ...ที่น่าจะก่อให้เกิดกระแสลมพลิกไป-พลิกมา หรือ “พลิกกลับ” จากความกระหายกระเหี้ยนกระหือรือสงครามกลายมาเป็นความปรารถนา-ต้องการสันติภาพขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ เพราะไม่ว่า “เลือกตั้งเยอรมนี” หรือ “เลือกตั้งญี่ปุ่น” หรือกระทั่ง “เลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา” ปลายปีนี้ ฯลฯ พันธมิตรของพวกโลกอำนาจขั้วเดียว หรือโลกตะวันตกทั้งหลาย ดูๆ...มันก็น่าจะออกมาในแนวนี้นั่นแหละทั่น!!! คือต่างเป็นอะไรที่ขัดแย้งและสวนทางกับบรรดาปวงชนแต่ละประเทศที่ต่างโหยหาสิ่งที่เรียกว่า “สันติภาพ” ไปด้วยกันทั้งนั้น และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ที่กำลังถูกรุมเหยียบ รุมกระทืบ โดยคุณพ่ออเมริกาและโลกตะวันตก ท่านเลยกล้าลุกขึ้นมาป่าวประกาศในระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ “SCO” (Shanghai Cooperation Organization) ที่กรุงAstana ประเทศคาชัคสถาน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าในกรณีการหาข้อยุติความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียนั้น สิ่งที่ท่านต้องการก็คือ “สันติภาพที่เบ็ดเสร็จสมบูรณ์” ไม่ใช่แค่ “การหยุดยิงชั่วคราว” แต่อย่างใด...
หรือพูดง่ายๆ สิ่งที่ท่านปรารถนาและต้องการก็คือ...การสิ้นสุด ยุติแห่ง “นโยบายขยายตัว” (Enlargement) ของพวกโลกขั้วอำนาจเดียว หรือโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่พยายามแผ่บทบาทอิทธิพลทางทหาร เข้ามาจ่อปากประตูบ้านของรัสเซียรวมไปถึงคุณพี่จีน มาตั้งแต่ครั้งการหยิบเอา “สงครามกับการก่อการร้าย” มาเป็นเหตุผล ข้ออ้าง จนทำให้บรรดาประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียกลาง ในยูเรเชีย ต้องเริ่มต้นรวมตัวเป็นกลุ่ม “Shanghai Five” หรือเป็นต้นรากกลุ่มประเทศ “SCO” มาตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว หรือปี ค.ศ. 2001 โน่นเลย...
จนมาถึง ณ บัดนี้...กลุ่มประเทศดังกล่าวไม่ได้มีแค่เพียง 5 ชาติ 5 ประเทศอีกต่อไปแล้ว แต่ได้แผ่ขยายตัวออกไปเป็น 10 ประเทศ โดยมีประเทศในยุโรปอย่างเบลารุส เข้าร่วมเป็นสมาชิกรายล่าสุด แถมยังมีอีก 14 ประเทศสมาชิกที่เป็น “หุ้นส่วนเจรจา” อันทำให้การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ “SCO” คราวนี้ ถึงกับได้รับการตั้งข้อสังเกตโดยคอลัมนิสต์ชั้นแนวหน้า เพื่อนซี้ของ “กุนซือสมองเพชร” บ้านเรา ที่คุณน้อง “สุรวิชช์ วีรวรรณ” ท่านดันเปลี่ยนชื่อ ฉายาให้กลายเป็น “ลุงเต้า” ไปซะนี่!!!นั่นคือ “นายPepe Escobar” ถึงขั้นว่า... “Why the SCO summit in Kazakhstan Was a Game-Changer” หรือทำไม? การประชุมสุดยอด SCO คราวนี้ถือเป็นตัว “เปลี่ยนเกม” ของโลกทั้งโลกเอาเลยถึงขั้นนั้น...
เพราะการรวมตัว ร่วมไม้ ร่วมมือ ของบรรดาประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมสุดยอด “SCO” คราวนี้...ไม่ใช่แค่สะท้อนภาพแห่งความร่วมมือของบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเชียกลาง หรือยูเรเชียแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมไม้ ร่วมมือของบรรดาประเทศต่างๆ “ทั่วทั้งโลก” เอาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศ “SCO” กลุ่มประเทศ “BRICS” (บราซิล-รัสเซีย-อินเดีย-จีน-แอฟริกาใต้) กลุ่มประเทศ “EAEU” (Eurasia Economic Union) กลุ่มประเทศ “INSTC” (รัสเซีย-อินเดีย-อิหร่าน-จีน) ที่ร่วมสร้าง “ระเบียงขนส่งทางเศรษฐกิจ” ระหว่างกันและกัน รวมทั้งบรรดาประเทศ “ASEAN” ของหมู่เฮาทั้งหลาย ไม่ว่าจะโดยผ่านอภิมหาโครงการ “BRI” (Belt and Road Initiative) ของจีน “EAEU” ของรัสเซีย ฯลฯ อันจะส่งผลให้ “ซีกโลกใต้” (Global South) กลายเป็นโลกที่เชื่อมโยง ยึดโยง เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกันและกันอย่างแนบแน่น หนึบหนับ ไม่ว่าในทางการเมือง-เศรษฐกิจ-พลังงาน-เกษตร-เทคโนโลยีชั้นสูง-การประดิษฐ์คิดค้น ฯลฯ หรือก่อให้เกิด “ประดิษฐกรรมความมั่นคงแบบใหม่” (A New Security Architecture) เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือเป็น “อิฐก้อนแรก” ของ “โลกหลายขั้วอำนาจ” ดังที่ผู้นำรัสเซียท่านป่าวประกาศเอาไว้ทำนองนั้นนั่นเอง...
พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศ “SCO” ที่มีอาณาเขตพื้นที่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของยูเรเชีย จำนวนประชากรถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก มีมวลรวม “GDP” ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของโลก เป็นแหล่งสำรองน้ำมัน 20 เปอร์เซ็นต์ แหล่งสำรองแก๊ส 44 เปอร์เซ็นต์ของโลก มีมูลค่าการค้าถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2022 และกว่า 92 เปอร์เซ็นต์ต่างพร้อมที่จะค้าขายแลกเปลี่ยนกันและกัน ด้วยกรรมวิธี “De-Dollarization” หรือไม่ใช่ด้วย “เงินยูเอสดอลลาร์” อีกด้วยต่างหาก ไปจนถึงกลุ่มประเทศ “BRICS” ที่แค่ 5 ประเทศรวมกันก็มีมวลรวม “GDP” ปาเข้าไปถึง 33 เปอร์เซ็นต์แซงหน้ากลุ่มประเทศ “G7” ของพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไปแล้วไม่รู้กี่คืบ-กี่ศอก ฯลฯ ต่างก็ถือเป็นประเทศที่ปรารถนาและต้องการ “สันติภาพ” ไปด้วยกันทั้งสิ้น อันน่าจะส่งผลให้ความกระหายกระเหี้ยนกระหือรือต่อ “สงคราม” ของบรรดาพวกโลกตะวันตกที่ “ขัดแย้ง” และ “สวนทาง” กับความปรารถนาและต้องการของ “ปวงชน” ผู้ถือครอง “อำนาจอธิปไตย” ในแต่ละประเทศ ตามแบบฉบับ “ประชาธิปไตยที่แท้จริง” ทั้งหลาย ไม่ใช่แค่ประชาธิปไตยที่ถูกดัดแปลง บิดเบือน และเบี่ยงเบน ให้เป็นไปตาม “มาตรฐานแบบตะวันตก” น่าจะมีแต่ “เหี่ยวปลาย” อย่างมิมีวันพลิกฟื้น-กลับคืนขึ้นมาได้อีก ไม่ว่าคิดจะ “เลือกตั้ง” กันตอนไหน? เมื่อไหร่? หรืออย่างไร? ก็ตาม...