“จุรินทร์ ”จัดเต็ม !!! ซัด“เสี่ยนิด ”และพวกบริหาร7 เดือน เดินผิดทาง ผลาญงบไปแล้ว44% แต่ไร้ผลงาน ทำตัวเป็นเซลส์แมน บินเป็นแมลงวันกลับไม่ได้อะไร ทำแต่การตลก ขายฝันทิพย์ จัดอีเว้นท์จนคนไทยสำลัก อัดรมว.คลัง“รมต.โลกเซ็ง”จ้องแต่แยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าแบงค์ชาติ ย้ำสร้างผลงานเดียวคือทำลายระบบนิติธรรมย่อยยับ พร้อม ตั้ง3คำถาม ปมยุติธรรมสองมาตรฐาน หวั่นนิรโทษกรรมคนโกง คือ ระเบิดเวลารัฐบาล
วันนี้ (3 เม.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิฏฐ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า จากที่รัฐบาลได้บริหารประเทศ 4 เดือนแล้ว จึงเห็นสมควรที่จะชี้แนะรัฐบาลที่เดินผิดทาง ก่อนมีการเสนอญัตตินี้รัฐบาลพยายามที่จะสร้างกระแสว่าจะอภิปรายไปทำไม ยังไม่ได้ใช้งบสักบาท ตนบอกเลยว่านี่มันตีหน้าซื่อกลางแดดชัดๆเพราะแม้พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ยังไม่ผ่านสภาหรือยังไม่บังคับใช้ แต่รัฐบาลก็สามารถใช้งบประมาณ ปี 67 ไปพรางก่อนได้ ตามพ.ร.บ. วิธีการงบประมาณปี 61 ดังนั้นหากดูตัวเลขจะเห็นชัดว่าตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 ที่รัฐบาลนี้เข้ามาจนถึง31 มี.ค. 6 เดือนเต็ม สำนักงบประมาณจัดสรรงบ ปี 67 ให้รัฐบาลใช้ไปพรางก่อนไม่ใช่น้อย 1, 837ล้านบาท รัฐบาลอ้างงบประมาณไม่ผ่านแต่ใช้เงินไปแล้ว 1,52 4ล้านล้านบาท คิดเป็น 83% ของวงเงินที่สำนักงบจัดสรรให้ใช้ ทั้งงบประจำ งบลงทุน และหากคิดงบทั้งหมดที่ใช้ไปในช่วง6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลนี้ใช้ไปแล้ว 43.79% หรือกลมๆคือ 44% ของวงเงินงบประมาณ ปี 67 ทั้งหมดนี่
นายจุรินทร์กล่าวว่า ที่ตนบอกว่าแม้งบประมาณยังไม่ออกถ้าจะโกงก็โกงได้ เหตุผลที่บอกว่าใช้เงินไปแล้วแต่ยังสอบตก เพราะรัฐบาลมัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร เอาแต่สร้างภาพ แต่หลังภาพทุกวงการลงมติเกือบเป็นเอกฉันท์ว่า ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วันๆมีแต่อีเวนท์เช้า อีเวนท์สาย อีเวนท์บ่าย อีเวนท์เย็น อีเว้นท์ยันดึกๆ จนกระทั่งคนไทยสำลักอีเวนท์ 6 เดือนนายฯบินไปมา 14 ประเทศกับ1 เขตเศรษฐกิจคือฮ่องกง เป็น นายก 180 วัน ไปอยู่เมืองนอก 52 วัน มีคนถามว่าบินไป”ทำการตลาด“หรือ ”ทำการตลก“ ที่บอกว่าไปทำการตลก เพราะอยู่เมืองไทยก่อนขึ้นเครื่องประกาศลั่นโลก ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤต แต่พอลงเครื่องถึงเมืองนอกไปเที่ยวเชิญเขามาลงทุนในประเทศ มหาเศรษฐีโลกที่ไหนที่จะป่วยถึงขั้นเอาเงินเป็นล้านล้านมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจกำลังวิกฤต หากเขาจะมาแปลว่าเขาไม่เชื่อนายกฯ แต่เขาเชื่อมั่นในความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยที่สั่งสมกันมาตลอดระยะเวลายาวนาน ”
“นายกฯพยายามแสดงบทบาทเซลล์แมนดีแล้วครับผมไม่มีอะไรไปคัดค้านท่าน แต่คำถามคือในฐานะเซลล์แมนประเทศ ปิดการขายได้มั่งหรือยัง หรือมีแต่สัญญาจะซื้อจะขายกับดอกไม้ สายลม กลับถึงเมืองไทยเขาถึงบอกว่าแค่เอาฝันมาฝาก ตัวอย่างชัดๆไม่กี่วันนี้นายกฯสั่งให้ที่ปรึกษาแถลงข่าวใหญ่โตที่ทำเนียบว่าผลการโรดโชว์ของนายกฯ6 เดือนเศษ 14 ประเทศ หนังสือพิมพ์พาดหัวคาดสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ 5,580 ล้านล้านบาท ยิ่งแถลงยิ่งตอกย้ำนี่แค่การตลาดเพราะยังไม่รู้ว่า ที่คาดหรือฝันเป็นจริงหรือฝันทิพย์“
นายจุรินทร์กกล่าวว่า อีกตัวอย่างสั้นๆ เมื่อ2-3 วันนี้คนในรัฐบาลโพสต์ในเพจที่เชื่อถือได้ว่า ทูมอโร่ว์แลนด์ซึ่งเป็นผู้จัดเทศกาลดนตรีระดับโลกจะมาจัดในเมืองไทย ปี 69 และอาจจัดติดต่อกัน 10 ปี ปรากฏว่าแค่2-3 วันโป๊ะแตก เพราะมีคนจับได้ว่าโฆษกทูมอโรแลนด์แถลงชัดเจนว่าเขายังไม่ได้ยืนยันเรื่องนี้ ว่าจะมาจัดที่เมืองไทย และยังมีอะไรที่ต้องพิจารณาอีกมาก นั่นแปลว่าเขาพูดปฏิเสธในเวลานี้ ส่วนอนาคตไม่ทราบด้วยความสุภาพที่สุดสำหรับการตอบโต้รัฐบาลไทยที่พูด
”ขอกราบเรียนว่าผมก็อยากให้สำเร็จ และขอเอาใจช่วย แต่สิ่งที่อยากบอกนายกฯก็คือคนไทยเขาอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อะไรที่ยังไม่ใช่ ยังไม่ต้องตีปี๊บก็ได้ มันเสียเหลี่ยม และคนไทยไม่ได้กินแกลบ อะไรที่ไม่ใช่เขาจับได้คนไทยอยากเห็นนายกฯของเขาบินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวันที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้ อะไรนอกจากได้สร้างภาพว่าบินไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เหยี่ยวบินทีไรไม่พลาดเป้าเพราะเหยี่ยวไม่การตลาด”
นายจุรินทร์อภิปรายว่า6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้มีปัญหาในทุกมิติทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การบริหาร ตราบใดที่รัฐบาลนี้ยังก้าวไม่พ้น “คนชอบอวดบารมี” รัฐบาลนี้จะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และขอความกรุณาคนในรัฐบาลอย่าไปโทษคนอื่นว่าทำไมก้าวไม่พ้นบุคคลคนนี้เสียที ขอเรียนว่าที่ก้าวไม่พ้นคนแรกก็คือนายกฯหัวหน้าฝ่ายบริหาร เพราะไปดูได้ วันแรกที่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นไม่อยากพูดลึกเอาแต่เพียงนั่งในรถประจำตำแหน่งไปสโลว์ซลถึงบ้านแถมออกมาให้สัมภาษณ์แถลงด้วยว่ายินดีเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมคารวะได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างอภิปรายนายจุรินทร์ได้แสดงภาพถ่ายนายเศรษฐาอยู่ในรถเปิดกระจกหน้าบ้านพักจันทร์ส่องหล้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าไม่เคารพข้อบังคับการประชุมที่ห้ามเอ่ยถึงบุคคลนอก และยังมีการเอาภาพบุคคลภายนอกมาแสดงชัดเจน และนายจรินทร์กำลังจะอภิปรายพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ปี60 แต่นายวันนอร์วินิจฉัยว่าการอภิปรายของนายจุรินทร์ยังไม่เกินข้อบังคับ ต้องเข้าใจว่าญัตตินี้เป็นการอภิปรายเสนอแนะรัฐบาล โดยไม่มีการลงมติ จึงต้องมีการบอกเหตุผลที่มาที่ไป หากห้ามไม่ให้บอกเลยก็เดี๋ยวจะไม่ครบไม่เป็นไรเดี๋ยวนายกฯจะตอบเอง
ขณะที่นายพิทักษ์เดช เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงนายไชยวัฒน์ว่าคงสำคัญผิด และรู้ขนาดว่าพวกเราจะอภิปรายประเด็นไหน แต่นายกฯของพรรคตัวเองยังจำไม่ได้ ส่วน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อก้าวไกล ประท้วงนายวันนอร์เรื่องการควบคุมการประชุมว่าวันนี้คงมีการประท้วงกันมาก แต่มีการเข้าใจผิดว่านายกฯเป็นบุคคลภายนอก ควรให้นายไชยวัฒน์ถอนการประท้วงนี้ แต่นายวันนอร์ตัดบทว่าไม่จำเป็นตนได้วินิจฉัยไปแล้ว ตนเข้าใจและดูอยู่ตลอดพร้อมให้นายจุรินทร์อภิปรายต่อโดยย้ำให้ระมัดระวังไม่อยากให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น
จากนั้นนายจุรินทร์อภิปรายต่อว่านายเศรษฐายังบอกว่าถ้ามีโอกาสจะไปขอคำปรึกษา อย่างนี้ถือว่าก้าวข้ามหรือไม่ นอกจากนี้ปัญหาการเมืองเรื่องมีนายกฯหลายคน บางคนบอกว่าแค่วาทะกรรม แต่ตนบอกว่านี่คือปัญหาใหญ่ทางการเมืองอีกหนึ่งที่รัฐรัฐบาลกำลังเผชิญ เพราะสะท้อนความไม่เชื่อมั่นและการด้อยค่านายกฯตามรัฐธรรมนูญ ทำให้คนเกิดความเข้าใจว่านายกฯไม่ได้มีคนเดียวไม่ได้มีแค่“นายกฯนิด”ยังมี“นายกฯใหญ่”และ“นายกฯเล็ก” มันก่อให้เกิดปัญหาในทางบริหารการเมือง ทำให้เกิดอำนาจซ้อนอำนาจ ทำให้รัฐบาลนี้กลายเป็นรัฐบาลหุ่น นายกฯจึงหงุดหงิดทุกครั้ง เกือบจะเรียกว่าทุกครั้งที่ถูกถามเรื่องนี้ เพราะเป็นคำถามดิสเครดิตโดยตรง และส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างน้อยก็กระทบต่อสมาธิในการทำหน้าที่ และการใช้อำนาจที่ไม่รู้ใครใหญ่กันแน่ในรัฐบาล
”รัฐบาลนี้เต็มไปด้วยรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ มีทั้งรัฐมนตรีโลกลืม รัฐมนตรีผิดฝาผิดตัว รัฐมนตรีต่างตอบแทนทำการเฉพาะกิจและรัฐมนตรีที่โลกเซ็งเพราะโลกยังไม่ไม่ลืมแต่โลกเซ็ง อย่างน้อยคนหนึ่งที่ขออนุญาตยกตัวอย่างไม่ได้อคติส่วนตัว คือ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ท่านจ้องแต่จะแยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าแบงค์ชาติ แต่งานในกระทรวงคลัง กลับไปดูรายได้4 เดือนต่ำกว่าเป้าอย่างกองทุนวินาศภัยติดลบไป 5หมื่นกว่าล้านจะแก้ยังไง แล้วจะไปคุ้มครองผู้เอาประกันยังไง ขอฝากนายกฯปรับครม.เที่ยวนี้ช่วยดูแลรัฐมนตรีที่โลกเซ็งด้วย “
นายจุรินทร์กล่าวปัญหาเศรษฐกิจมหาภาค ภาพรวม7 เดือน ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา เศรษฐกิจไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและโลกได้เลย ดูจากตัวเลขGDP ไตรมาส4 รัฐบาลเข้ามาต.ค.-ธ.ค ต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์รวม ที่คาดไว้ 2.0 ถึง 2.2 เอาก็จริงทำได้ได้แค่ 1.9 ในปี 67 ทั้งปีภายใต้รัฐบาลนี้ถ้าบริหารครบถึงธันวาคม ทุกสำนักทั้งไทย และ เทศ ต่างประเมินตรงกันว่าเศรษฐกิจจะโตต่ำกว่าเป้าเดิมที่กำหนดไว้ แม้แต่การคาดการณ์ของรัฐบาลเองโดยสภาพัฒน์ฯยังประเมินว่าเดิมคาดว่าเศรษฐกิจปี67 จะโต 2.7 ถึง 3.7 แต่วันนี้ประเมินเหลือแค่ 2.2 ถึง 2.3 นี่คือโจทก์สำคัญที่ตนให้นายกฯรีบแก้ให้ถูกทางโดยด่วนตามสัญญาที่หาเสียงไว้
นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงปัญหาดิจิตอลวอลเลตว่าคนไทยเลิกเชื่อ เบื่อทวงแล้ว เพราะเจอลูกหนี้ท่องคาถา”ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย“ ตนเห็นมีมติว่าจะไปแก้งบประมาณ ปี 68 ให้ขาดดุลเพิ่มขึ้นอีก 1.5 แสล้านเพื่่อเอาไปใช้ดิจิตอลวอลเลตแปลว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ยังกู้มาแจกเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากออกพ.ร.บ.เงินกู้5 แสนล้าน เป็นการเฉพาะ มาเป็นใช้เงินกู้จากพ.ร.บ.งบปี68 จำนวน 1.5 แสนล้านแทน ก็กู้เหมือนกัน แล้วอีก 3.5แสนล้านจะเอามาจากไหนจนวันนี้ยังไม่มีคำตอบ ผมก็จะรอฟังรัฐบาลวันที่ 10 เมษา แต่ตรงนี้ขอทวงแทนประชาชนเพราะท่านหาเสียงไว้ต้องรับผิดชอบประชานิยมที่ท่านจัดไว้ให้สำเร็จ
ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทตนไม่ตำหนิรมว.แรงงาน เพราะไม่ใช่นโยบายของท่าน ท่านบอกให้ปฏิบัติตามแนวทางไตรภาคีตามกฎหมาย แต่นายกฯประกาศว่ายังไงต้องเสีย 400 บาทเพราะหาเสียงไว้ แต่สุดท้ายกลายพันธุ์จาก 400 ทั่วประเทศกลายเป็นเหลือแค่ 10 จังหวัด และยังเป็นหย่อมยอมเหมือนฝนตกไม่ทั่วฟ้า และอีก 67 จังหวัดที่เหลือก็ไม่ตกเลยสักเม็ดเดียว ดังนั้นจึงมีความรู้สึกว่าสุดท้ายนโยบายค่าแรง 400 บาทที่พึ่งมีมติไปก็ไม่ตรงปก นายกฯออกมาดราม่าว่าขึ้น 2 บาทซื้อไข่ไม่ถึงครึ่งฟองอันนี้การละครหรือการลิเก?
นอกจากนี้ยังมีปัญหาราคาพืชผลการเกษตร นายกฯบอกว่าราคาพืชผลดี แต่ไปดูลึก ปาล์ม ข้าวโพด ไม่ได้ดีขึ้น ราคาทรงๆ ข้าวโพดก็ยังต่ำกว่าเดิมด้วยซ้ำมีแต่ข้าวตัวเดียวที่กระเตื้องขึ้น แต่ราคาแตะหมื่นมาตั้งแต่พ.ค.ปีที่แล้ว ช่วงตนดูแล และมาแตะหมื่นในช่วงส.ค.เพราะในเดือนก.ค. อินเดียประกาศห้ามส่งออกข้าวขาวไปยังตลาดโลก ทำให้ซัพพลายมีการลดผลผลิต ส่งไปขายน้อยลงราคาข้าวจึงขึ้น ขอเตือนว่าวันไหนที่อินเดียยกเลิกมาตรการนี้ รัฐบาลต้องเตรียมตัว เพราะราคาข้าวมีโอกาสจะดิ่งลงมาอีก
ส่วนเรื่องยางที่ราคาสูง ขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลด้วยที่เข้ามาไม่กี่วันบุญหล่นทับจนถุงเท้าบวมเลย เป็นเพราะมีปัจจัยเกื้อหนุนไม่อยาก ให้รัฐบาลรัฐมนตรีหลงทางว่าที่ขึ้นเพราะปราบยางเถื่อนอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นต้องขึ้นมานานแล้ว เพราะรัฐบาลที่แล้วก็ปราบยางเถื่อนตัวเลขเฉพาะแค่ด่านระนอง ปี 65 3แสนกว่าโล ปี 66 อีกแสนกว่าโลทำไมราคายังไม่ขึ้น แต่เพราะมีปัจจัยหนุน3 เรื่อง คือ 1. ปี67 ผลผลิตโลกน้อยกว่าความต้องการใช้ยาง 2 .สหภาพยุโรป 27 ประเทศหรือ EUDR ห้ามนำเข้ายางที่มาจากพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่า เริ่มบังคับใช้31 ธ.ค. 67 ส่งผลให้ทั้งโลกเร่งนำเข้ายางไปเก็บสต๊อก แต่รัฐบาลที่แล้วโดยตนได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าจนถึงวันนี้มีพื้นที่เป็นล้านไร่ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าไม่ได้มาจากพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ยางเราสามารถส่งออกสหภาพยุโรปและประเทศอื่นได้อย่างสง่างาม ราคาถึงยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีกและ3. วันนี้ยางอยู่ในฤดูผลัดใบ ปิดหีบไม่มียางเลยทำให้ราคาขึ้น
“ปัญหาใหญ่สุดที่รัฐบาลนี้ต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อมและโดนกัดเซาะบ่อนทำลายมากที่สุด คือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่รัฐบาลนี้ทำได้เร็วที่สุด สำเร็จเป็นรูปธรรมจับต้องได้ที่สุด ตรงนี้เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร นั่นคือการสร้างนักโทษพันธุ์ใหม่ ที่แม้แต่เทวดายังต้องให้ใช้ชื่อ ตั้งแต่คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ ไปจนถึงได้คืบเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ทั้งหมดเกิดขึ้นไม่ได้ถ้านายกรัฐมนตรีเกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรู้เห็นเป็นใจ ผมเชื่อว่าคนไทยเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ต้องไปตอบแทนกันเองส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน คนหนึ่งได้อำนาจอีกคนได้อภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจ มันอาจรู้สึกยุติธรรมสำหรับคนสองคน แต่มันไม่ยุติธรรมกับประเทศ และกับหลักนิติธรรมของประเทศที่สั่งสมกันมาช้า ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาถึงช่วงนี้พ.ญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงให้นายวันนอร์ควบคุมให้อยู่ในญัตติ 152 และประท้วงนายจุรินทร์ต้องอภิปรายในข้อบังคับการประชุม แต่นายวันนอร์ยังคงให้นายจุลินอภิปรายต่อโดยวินิจฉัยว่ายังเป็นไปตามมติที่ยื่นมาแต่ขอให้ระวังหน่อย
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า นายกฯเอาหูไปนาเอาตาไปไร่พยายามบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย ใครคือผู้บังคับใช้กฎหมายถ้าไม่ใช่นายกฯกับพวก ท่านตั้งใจจะอยู่4 ปี ถ้าอยู่เพื่อทำความดีไม่มีใครว่า แต่ถ้าอยู่เพื่อทำความชั่วร้ายให้แผ่นดินปีเดียวก็ไม่ควรอยู่
“ผมไม่มีอคติกับท่านและครม.คนใดคนหนึ่ง เป็นแค่คนไทยที่มีหน้าที่มาพูดแทนคนรักความยุติธรรมที่เขาน้ำตาตกใน เพราะต้องทนอยู่กับบาปที่รัฐบาลนี้ก่อขึ้น ที่สำคัญขอขีดเส้นใต้คนไทยไม่อยากเห็นรัฐบาลนี้ก่อกรรมเพิ่ม ”
นายจุรินทร์กล่าวว่าตนขอถามนายกฯ3 ข้อและขอให้ช่วยตอบด้วยตนเองในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นผู้คุมเสียงข้างมากในสภา และเป็นผู้ประกาศนโยบายจะทำหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งให้กับประเทศ คือ 1.นายกฯมีนโยบายจะปล่อยให้เกิดการนำ”คุกทิพย์โมเดล“ที่ทำลายหลักนิติธรรมยับเยินมาใช้ซ้ำสองอีกหรือไม่? 2. ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมกำลังจะเขียนออกมาเรื่องการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ถูกคุมขังนอกเรือนจำหรือแปลง่ายๆไปติดคุกที่บ้านได้ จะรวมคดีทุจริต คดีมาตรา 157 ที่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยหรือไม่ อย่าตอบว่าขึ้นอยู่กับกรรมการราชทัณฑ์ที่อ้างว่ามาจากหลายหน่วยงาน เพราะมันลิงหลอกเด็ก และเป็นคำตอบที่ดูถูกประชาชนเพราะสุดท้ายขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล กรมราชทัณฑ์เป็นเพียงกรมหนึ่งภายใต้องคาพยพ การบริหารราชการแผ่นดินที่มีนายกฯเป็นหัวหน้า ตนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะหากเปิดโอกาสให้นักโทษคดีทุจริต และคดีม.157 ไปติดคุกที่บ้านได้ เท่ากับรัฐบาลนี้ส่งเสริมการทุจริตมุมกลับ หลักนิติธรรมของไทยอาจจะต้องเผชิญกับวิกฤตอีกครั้ง เพราะเกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่
3 เรื่องนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นดาบสองคมหากใช้ให้ถูกก็จะเป็นการสร้างความปรองดองให้กับประเทศได้ แต่หากใช้ผิดทางก็จะกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยกครั้งใหม่ ถามว่ารัฐบาลนี้มีนโยบายที่จะนิรโทษกรรมคดีทุจริตและคดีม. 157 ด้วยหรือไม่
“ที่ผมถามเรื่องนี้เพื่อเรียนไปถึงนายกฯและส่งสัญญาณไปถึงพวกพ้องว่าอย่าคิดได้คืบเอาศอก เพราะในอดีตเคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว ที่เตือนเพราะวันนี้มีผู้ไปยื่นร้องต่อองค์กรต่างๆเฉพาะกรณีนักโทษเทวดารวมแล้ว 24 เรื่อง ทั้งอยู่ที่ปปช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลฎีกาแผนกฎีกาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แพทยสภา อัยการสูงสุด ถึง6-7 เรื่องแล้ว ขอเตือนว่าสิ่งที่นายกฯและพวกได้ทำกับนิติธรรมของประเทศไว้ จะเป็นระเบิดเวลาที่ตั้งไว้ระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ผมขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกันด้วยเทอญ”นายจุรินทร์กล่าวทิ้งท้าย