ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาสถิติศาสตร์
สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผมโตมากับวงการตำรวจ ตั้งแต่เล็กแต่น้อยครับ ผมมีลุงเป็นอดีตรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมมีตาเป็นรองผู้บังกับการกองปราบปรามยาวนาน 24 ปี
ผมเห็นตำรวจบางคนเหยียบหัวรุ่นพี่ทั้งหมดขึ้นสู่ตำแหน่งแล้วไม่โวยวายอะไรทั้งนั้น แต่พอมีคนข้ามหัวตัวเองก็ส่งเสียงโวยวายดังสนั่น โดยมิได้คำนึงว่าตนเองนั้นข้ามหัวคนอื่นมาแล้วตั้งเท่าไหร่
ผมได้เห็นตำรวจที่ทำงานเอาแต่หน้า หิวแสง สร้างเรื่องว่าตนเองถูกรังแก แม้กระทั่งลอบวางระเบิดตัวเองก็ยังมี คุณตาผมยืนยันเช่นนั้น นี่คุณตาก็ไม่อยู่แล้วครับ
ผมโตขึ้นมาได้รู้จักตำรวจที่เป็นพระ อย่างพลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร ผู้ปฏิบัติธรรม ขนาดเป็นครูบาอาจารย์สอนวิปัสสนากรรมฐาน พี่วสิษฐนั้นเป็นคนน่ารักมาก เรียบง่าย สมถะ ไม่ถือตัว เข้าถึงได้ง่าย และให้ความเมตตาผมมากมายครับ จะไปประชุมกับนายกรัฐมนตรี ส่งข้อความมาหาผมว่าจะฝากเรื่องอะไรไปนำเรียนนายกรัฐมนตรีบ้างไหม ให้ฝากพี่วสิษฐ ไปได้เลย ผมยังจดจำความดีและความเมตตาของพี่วสิษฐได้เสมอ และก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เมื่อมีโอกาส
ด้วยเหตุอะไรก็ไม่ทราบ ทำให้ผมได้รู้จักตำรวจเยอะมากนะครับ
หนึ่ง ผมเคยไปเป็นวิทยากรอบรมพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ 300-400 คนเพื่อทำคดีมาตรา 112 ทั้งที่ผมก็ไม่ได้จบนิติศาสตร์บัณฑิตมาเลยครับ แต่ไปช่วยอบรมได้เพราะพอจะมีความรู้เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์บ้าง
สอง ผมได้ไปช่วยตำรวจทำคดีความมั่นคง มากมายเป็นหลายสิบคดี บางคดีผมเป็นคนวางรูปคดีให้พนักงานสอบสวนด้วยตนเองเลยครับ
สาม ผมไปเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญตามโรงพักต่างๆ เข้าไปประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่รู้กี่ร้อยครั้ง
ถามว่าตำรวจดี ตรงไปตรงมา มีไหม ตอบได้เลยว่ามี ตำรวจที่เป็นพระก็อย่างพลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชรนี่แหละครับ
ถามว่าตำรวจโจร มีไหม มีครับ เห็นได้เด่นกระจ่างชัดเจน
วงการตำรวจนั้นมีปัญหาจำเป็นต้องปฏิรูปอย่างยิ่ง ผมเองนั้นพูดและเขียนเรื่องการปฏิรูปตำรวจเสมอ และเป็นสิ่งที่ผมพยายามผลักดันเท่าที่มีโอกาสจะทำได้ เช่น เมื่อผมไปพบกับตำรวจในนิวยอร์ค ซิตี้ ระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะจับเงินราวกับพระภิกษุธรรยุติกนิกาย เพราะเกรงกลัวว่าจะเป็นสินบน ทำให้ผมเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ผมก็เอามาเขียนและมาเล่าในบทความ มองตำรวจสหรัฐอเมริกา มาแก้ปัญหาตำรวจไทย https://mgronline.com/daily/detail/9580000142818 หรือผมได้นำเสนอแนวทาง 5D เพื่อการปฏิรูปตำรวจไทย https://mgronline.com/daily/detail/9590000069879 และเมื่อมีคดีที่สะท้อนความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทย โดยเฉพาะต้นธารของกระบวนการยุติธรรมคือตำรวจ ผมก็จำเป็นต้องเขียนถึง ดังบทความปฏิรูปตำรวจเพื่อหยุดความเจ็บปวดจากกระบวนการอยุติธรรมในประเทศไทย https://mgronline.com/daily/detail/9610000073545 หรือแม้แต่พยายามพูดเรื่องปฏิรูปตำรวจ https://www.youtube.com/watch?v=PXdQXCRcPHI
ผมเคยนั่งประชุมกับรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติสองคน คนหนึ่ง เป็นตำรวจที่เป็นพระ เรียกพนักงานสอบสวนมาครบทีม 30 กว่าคน รอง ผบ.ตร. คนนี้เป็นปรมาจารย์ด้านการสอบสวน แต่เป็นคนซื่อสัตย์สุจริตเรียบง่ายมาก การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างเน้นความถูกต้องแม่นยำยุติธรรมตามวิธีพิจารณาความอาญาทุกกระเบียดนิ้ว เป็นหัวโต๊ะประชุมที่ทำหน้าที่อย่างนักวิชาการ ละเอียดรอบคอบ ถูกต้องยุติธรรมทุกอย่าง พนักงานสอบสวนและตำรวจที่เข้าร่วมประชุมก็ตั้งใจทำงาน มีลักษณะคล้ายๆ กัน พอจบประชุม รองผบ.ตร. คนนี้ก็ควักเงินส่วนตัวจากกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง ออกมาหนึ่งหมื่นบาท แล้วบอกว่าน้องๆ หากมีค่าใช้จ่ายอะไร ค่าถ่ายเอกสาร เอาเงินนี้ไปใช้แล้วกัน เงินของพี่เอง ผ่านไปนานแล้ว คดีที่ว่านั้นก็ยังไม่คืบหน้าอะไร เพราะทำไปตามขั้นตอนบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามหลักวิชาการทุกประการ แต่เราก็คงต้องถามว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรมหรือไม่ (Justice delayed is justice denied!)
ส่วนอีกครั้งผมนั่งประชุมกับ รอง ผบ.ตร. เป็นตำรวจที่เป็นโจรโดยแท้ ที่ว่าเป็นโจรโดยแท้ เพราะว่า เลี้ยงข้าราชการในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดทุกหน่วยงานไว้ใช้งาน ด้วยเงินส่วยที่คงได้มาจากสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมายทั้งหลายทั้งปวง แต่เวลานั่งเป็นหัวโต๊ะประชุมทำคดีนั้น มีข้าราชการปปง. ข้าราชการ สตง. ข้าราชการกระทรวงดีอีเอส. ข้าราชการปปช. พนักงานอัยการ และผู้พิพากษา เดินตามเข้าประชุม เป็นลูกน้อง พร้อมพนักงานสอบสวนและตำรวจอีกครบทีม
รองผบ.ตร. สายโจรเป็นหัวโต๊ะคนนี้ ต้องยอมรับว่าเก่งมาก ทำงานเป็นและเร็ว เช่น หันไปสั่งข้าราชการ ปปง. ว่าหาเส้นทางการเงินให้หน่อยในทันที บอกข้าราชการกระทรวง ดีอีเอส ให้ตรวจสอบ Digital footprint ของคดีนี้ทันที หันไปถามข้าราชการ สตง. ว่าจะเล่นงานข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้อย่างไร แล้วหันไปถามข้าราชการของ ปปช. ว่าจะส่งเรื่องไปที่ปปช. ได้หรือไม่ ด้วยวิธีการใด หันไปถามอัยการว่าถ้าวางรูปคดีแบบนี้อัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ จะให้อัยการกองไหน คนไหน ดูแลคดีนี้ หันไปถามผู้พิพากษาว่าจะตัดสินคดีนี้ด้วยแนวทางไหน จำเลยจะพลิกคดีไปทางไหนได้บ้าง ให้ผู้พิพากษาช่วยวางรูปคดีปิดช่องโหว่ทุกทาง คดีที่ รอง ผบ.ตร. ตำรวจสายโจรคนนี้เป็นหัวโต๊ะประชุม รุดหน้า สำเร็จอย่างรวดเร็ว!!!! ส่วนวิธีการนั้น จะบอกว่าไม่ถูกต้องก็ไม่ได้ แต่เงินที่ใช้เอามาจ้างข้าราชการทั้งหมดในกระบวนการยุติธรรมมาทำงานรับใช้ตนเองเพื่อสร้างผลงานนั้น ไม่ได้มาอย่างถูกต้องแน่ ๆ
ถามว่าผมเลือกไหมว่าจะต้องทำงานเฉพาะกับตำรวจดีหรือตำรวจที่เป็นพระ
คำตอบคือไม่ ไม่เช่นนั้น คดีความมั่นคง คดีมาตรา 112 ที่ผมไปช่วยเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ไปช่วยวางรูปคดี ก็คงมีเหลือให้ทำไม่ถึงยี่สิบคดี จากร้อยคดี เป็นแน่
การไปทำงานช่วยเหลือทางราชการกับตำรวจเลว ไม่ได้แปลว่าผมคบตำรวจเลว แล้วผมจะต้องเลวไปด้วย
ในดีมีเลว ในเลวมีดี ต้องแยกแยะ
ใครจะทำชั่วทำเลวอะไร แล้วจะมาขอใช้เส้นหรือ connection กับผมเข้าหาตำรวจ ไม่ต้องมานะครับ ไม่ทำให้ครับ connection ที่ผมมี เอาไว้ทำประโยชน์กับประเทศชาติและส่วนรวมครับ ไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของใครครับ
ผมยอมรับว่าตำรวจสายโจร ทำงานจับโจร เก่งกว่าตำรวจดีครับ
ผมโตพอที่จะเข้าใจโลกอันซับซ้อนได้ว่า จับโจร ต้องใช้โจรครับ
การใช้โจรไปจับโจร ไม่ได้ทำให้เราเป็นโจรไปด้วยนี่ครับ
แล้วตำรวจที่เป็นพระนี่ก็ใช่ว่าจะหากันเจอได้ง่ายๆ ผมพูดตามตรงว่า ตำรวจที่ไม่เคยอยู่โรงพักเลยทั้งชีวิตเท่านั้นแหละที่มีโอกาสจะเป็นตำรวจสายพระ ซึ่งเท่าที่ผมพอมีความรู้ก็คือตำรวจตระเวนชายแดน กับอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
ส่วนตำรวจที่ขึ้นไปทำงานตามโรงพักนั้น ยากที่จะเป็นตำรวจสายพระได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเสียเลย ตำรวจสายพระเป็นคนดีตามโรงพักก็มีนะครับ และผมก็เคยพบเจอ
ทั้งหมดทั้งปวง ขอยืนยันว่า ปฏิรูปตำรวจเถิดครับ จำเป็นอย่างยิ่ง และตำรวจปฏิรูปตัวเองไม่ได้ครับ หมอผ่าตัดที่ผ่าตัดให้ตัวเองได้บนโลกนี้มีอยู่คนเดียว เป็นหมอผ่าตัดชาวรัสเซียเมื่อไปไส้ติ่งแตกที่ขั้วโลกเหนือ ใช้กระจกส่องและผ่าตัดไส้ติ่งให้ตนเองได้ นอกนั้นผมไม่เคยเห็นครับ